ฟู่เถียนเถียนมองไปทางด้านหลัง เป็นลู่เฉินหนานที่กำลังเดินลงมาจากรถนั่นเองในมือของเขายังถือห่อปิ้งย่างหลายห่อกับเบียร์อีกหลายขวดนึกย้อนไปถึงก่อนหน้าที่พวกเขากำลังซุบซิบกันอยู่ เธอพูดออกไปตามความรู้สึกว่า ‘เรื่องซุบซิบนี่ต้องกินปิ้งย่างกับเหล้าคู่กันไปด้วยจะยิ่งดี’ ลู่เฉินหนานฟังประโยคนี้แล้วก็เลยตั
ฮั่วเยี่ยนฉือมองเข้าไปด้านในห้องผู้ป่วย เซี่ยลี่สยงที่อยู่ด้านในได้สติแล้ว คุณหมอที่อยู่ข้าง ๆ กำลังตรวจให้เขาอยู่“ประธานฮั่วครับ ประธานฮั่ว... แค่ก ๆ !” เซี่ยลี่สยงที่หน้าตาขาวซีดเห็นเขาที่อยู่ด้านนอกแล้ว อารมณ์จึงดื่นเต้นขึ้นมาในพริบตาทว่าร่างกายเขาอ่อนแอเกินไป ทำให้เขาเกือบจะหล่นจากเตียงผู้ป่วย
ได้ยินคำถามจากถูหย่าลี่แล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือก็กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย “ประธานถู ต้องขอโทษด้วย มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกบอกจริงๆ”สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าถูหย่าลี่เข้าใจได้ถึงอย่างไร เธอก็ไม่รู้เรื่องราวระหว่างเฉียวสือเนี่ยนกับฮั่วเยี่ยนฉือทั้งหมด ฮั่วเยี่ยนฉือจะมีความคิดหรือแผนการอื่น ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่
โม่ซิวหย่วนแค่เสียงเฮอะออกอย่างเหยียดหยาม “เรื่องนี้มีอะไรน่าเข้าใจยากตรงไหน ไอ้หมาบ้าฮั่วเยี่ยนฉือมันอยากเอาใจเธอไง ถึงได้ลงดาบกับป๋ายอีอี!”เฉียวสือเนี่ยนค้อนปะหลับปะเหลือกใส่โม่ซิวหย่วน ทั้งไม่เชื่อเหตุผลนี้ด้วยฮั่วเยี่ยนฉือบอกว่าจะจีบเธอกลับไปให้ได้ก็จริง ทว่าก็มีหลายครั้งที่เขาไม่สนใจจัดการเรื
ในห้องรับรองของสถานีตำรวจฮั่วเยี่ยนฉือมองป๋ายอีอีอย่างเย็นชา “ดึงดันจะเจอผมให้ได้ มีเรื่องอะไร?”ป๋ายอีอีกล่าว “เยี่ยนฉือ คุณเป็นประธานฮั่ว กรุ๊ป และฉันก็ถูกนำตัวมาให้ความร่วมมือสอบสวน แน่นอนจำเป็นต้องแจ้งคุณ ให้คุณมาช่วยเป็นพยานให้ค่ะ”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้พูดอะไรออกมา นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น ใบหน้าห
ฮั่วเยี่ยนฉือเห็นความเกลียดชังและเด็ดเดี่ยวฉายชัดผ่านใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเฉียวสือเนี่ยน “เนี่ยนเนี่ยน หลาย ๆ เรื่องก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็นตรงหน้า ให้ฉันช่วยเธอเถอะ ถือเสียว่าเป็นการชดใช้จากฉัน”ชดใช้เฉียวสือเนี่ยนขบฟันกับสองคำนี้ รู้สึกเหมือนถูกประชดประชันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ชาติก่อนเขาเกล
เจ้าของเสียงไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นฮั่วเยี่ยนฉือนั่นเองเฉียวสือเนี่ยนหันไป ก็เห็นฮั่วเยี่ยนฉือเดินเข้ามาบนตัวของเขายังใส่ชุดสูทสีดำที่สั่งตัดเย็บมาเป็นพิเศษ ร่างกายสูงตระหง่าน โครงหน้าโดดเด่น ก้าวเดินเข้ามาหาเธอเหมือนนายแบบกำลังเดินแฟชั่นอยู่อย่างไรอย่างนั้นเพื่อนร่วมงานในหย่วนเจิง กรุ๊ปต่างก็เห็นฮั
เมื่อเห็นเฉียวสือเนี่ยน แววตาที่เดิมทียังเรียบนิ่งของฟู่เถียนเถียนก็เริ่มแดงระเรื่อ เธอส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามอีกฝ่าย “เธอมาได้ยังไง?”เฉียวสือเนี่ยนพูดสั้น ๆ “ลู่เฉินหนานโทรหาฉัน”พูดจบ เฉียวสือเนี่ยนก็เงยหน้าขึ้น จึงพบว่าในห้องไม่ได้มีแค่คุณนายเวิน แต่ยังมีคุณท่านเวินนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของพวกเขาไม่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั