เจ้าของเสียงไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นฮั่วเยี่ยนฉือนั่นเองเฉียวสือเนี่ยนหันไป ก็เห็นฮั่วเยี่ยนฉือเดินเข้ามาบนตัวของเขายังใส่ชุดสูทสีดำที่สั่งตัดเย็บมาเป็นพิเศษ ร่างกายสูงตระหง่าน โครงหน้าโดดเด่น ก้าวเดินเข้ามาหาเธอเหมือนนายแบบกำลังเดินแฟชั่นอยู่อย่างไรอย่างนั้นเพื่อนร่วมงานในหย่วนเจิง กรุ๊ปต่างก็เห็นฮั
เมื่อเห็นเฉียวสือเนี่ยน แววตาที่เดิมทียังเรียบนิ่งของฟู่เถียนเถียนก็เริ่มแดงระเรื่อ เธอส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามอีกฝ่าย “เธอมาได้ยังไง?”เฉียวสือเนี่ยนพูดสั้น ๆ “ลู่เฉินหนานโทรหาฉัน”พูดจบ เฉียวสือเนี่ยนก็เงยหน้าขึ้น จึงพบว่าในห้องไม่ได้มีแค่คุณนายเวิน แต่ยังมีคุณท่านเวินนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของพวกเขาไม่
“เหอะ วางมาดใส่ใครไม่ทราบ!”หมอเวินยังไม่ได้เปล่งเสียง คุณนายเวินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ในเมื่อจะเคลียร์ปัญหาก็ควรอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนก่อน ผู้ชายที่แกไปกินข้าวด้วยวันนี้คือใคร ใช่คนเดียวกับคนที่ขับรถหรูมาส่งแกหรือเปล่า!”ฟู่เถียนเถียนแสยะยิ้ม “ใช่ไม่ใช่แล้วยังไง? พวกคุณมีอำนาจทุกอย่าง ยังจะมาสนใจว่า
เวินจิ๋งหลี่มีชีวิตราบรื่นมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมในสายตาของทุกคนหลังจากที่เข้ามาทำงานแล้ว เขาก็กลายเป็นผู้ที่ทุกคนชื่นชอบและแข่งขันกันเพื่อแย่งตัวเขามาทำงาน เขาได้รับคำเยินยอและสรรเสริญมากมายนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนฟ้องร้องและคนที่ฟ้องร้องคือภรรยาของเขาเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของฟู่เ
โม่ซิวหย่วนพูดกับฟู่เถียนเถียน แต่สายตากับหันไปมองทางเฉียวสือเนี่ยน “บอกให้เธอเห็นถึงข้อดีของผมเยอะ ๆ หน่อย จะได้ยอมรับผมสักที!”เฉียวสือเนี่ยนถลึงตาใส่โม่ซิวหย่วนทันที แต่ฟู่เถียนเถียนกลับหัวเราะออกมา “ได้สิ ฉันจะพยายามค่ะ”“รถของเธอ ฉันจะขับกลับ พรุ่งนี้เช้าฉันจะมารับเธอ!”โม่ซิวหย่วนพูดจบ ก็ไม่รอ
หากซ่งม่านสามารถคิดได้ เฉียวสือเนี่ยนก็ดีใจแทนเธอด้วยแต่คนที่ดีใจกว่าคือโม่ซิวหย่วนในขณะที่เขากำลังแข่งดื่มเหล้ากับลู่เฉินหนานอยู่ เมื่อได้ยินซ่งม่านบอก “ยกเลิกงานหมั้น” เขาก็วางแก้วเหล้าลงทันที ก่อนจะเดินมาหาซ่งม่าน“เธอคิดได้แล้วจริง ๆ งั้นเหรอ?”ซ่งม่านหลุบตาลงต่ำเพื่อปกปิดความรู้สึก เธอหัวเราะ
เมื่อเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นแล้ว หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยตอนนั้นเธอเกลียดฮั่วเยี่ยนฉือมากจริง ๆ เกลียดที่เขาบีบให้เธอเอาลูกออก เกลียดที่เขาห้ามไม่ให้เธอฆ่าป๋ายอีอี เกลียดที่เขาไม่เชื่อว่าลูกเป็นลูกของเขาแต่เมื่อใจเย็นลงและกลับมาคิดดี ๆ แล้ว เธอก็เริ่มโน้มน้าวให้ฮั่วเยี่ยนฉือเข
เธอคือหลีซูเหยียนเธอสวมชุดราตรีสีชมพูอ่อนดูหรูหรา เธอรวบผมทรงเจ้าหญิง ประกอบกับการแต่งหน้าโทนชมพู ทำให้เธอที่เดิมทีเป็นคนอ่อนหวานมากอยู่แล้ว ในตอนนี้ยิ่งดูอ่อนหวานมากขึ้นไปอีกหลีซูเหยียนเดินคล้องแขนมากับผู้ชายท่าทางสง่าอายุราว ๆ ห้าสิบปีผู้ชายคนนั้นสวมชุดสูทจงซาน เขารูปร่างสูงใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะม
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั