“แล้วคุณหมอเวินว่ายังไง?”ฟู่เถียนเถียนไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งสิ้น “เขาบอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดขึ้นมาอีก”“ไม่จำเป็นอะไรกัน เขาไม่อยากพูดต่างหาก!”เฉียวสือเนี่ยนโมโห “งั้นแล้วทำไมมือเธอถึงโดนลวกแบบนี้ เธอก็ทำกับข้าวออกบ่อย จะไปเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ได้ยังไง?”“ฉันโดนลวกที่บ้านแม่สามีต่
เรื่องที่เธอกังวลยังคงเกิดขึ้น!ฟู่เถียนเถียนคืนโทรศัพท์ให้เฉียวสือเนี่ยน “ฉันขอคุณกับหมอเวินก่อน”“ยังมีอะไรต้องคุยกันอีก” เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “เถียนเถียน ผู้ชายมันไม่สนใจคนหรือของที่ได้มาง่าย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ถ้าเธอให้อภัยเขาง่าย ๆ แบบนี้ ต่อไปเขาก็จะยิ่งไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเข้าไปใหญ่!”
โจวเทียนเฉิงรู้ว่าหลายวันมานี้ฮั่วเยี่ยนฉืออารมณ์ไม่ดีเท่าไร แต่ก็ยังถือว่าพอจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อยู่เพราะไม่ได้พาลเอาความโกรธมาลงกับผู้ใช้แรงงานที่น่าสงสารอย่างพวกเขาฮั่วเยี่ยนฉือที่เดิมทีพอร่วมทานมื้อกลางวันส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจะต้องไปประชุมอีก แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้เกิดเปลี่ยนตารางงานไปตรวจด
หงจื้อ แกรีบพูดไปสิ ทำไมแกถึงได้ไปติดต่อกับยายคนแซ่เฉียวอะไรนั่น?” ฟ่านซู่ฉินเอ่ยเร่งหยวนหงจื้อโยนเอกสารไร้สาระในมือทิ้งไป “เฉียวสือเนี่ยนเป็นพี่สาวของเฉียวเล่อเยียน ถ้าผมจะติดต่อกับเฉียวสือเนี่ยนบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจะได้จีบเฉียวเล่อเยียนติดได้อย่างราบรื่นแล้วทำไม มีอะไรผิดหรือไง?”ป๋ายอีอีหัวเร
“หยวนหงจื้อ อย่าลืมว่าใครเป็นคนที่ทำให้นายกับแม่นายมีชีวิตอย่างทุกวันนี้!”ป๋ายอีอีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ถ้าไม่ได้ฉัน คราวก่อนที่นายไม่มีเรื่องชกต่อกับคนอื่นจนเขาสะบักสะบอม ไหนเลยจะจัดการได้ง่าย ๆ แบบนั้น ไม่งั้นนะ นายได้เข้าไปอยู่ในซังเตตั้งนานแล้ว!”ฟ่านซู่ฉินได้ยินแบบนั้นแล้วก็ร้อนรนขึ้นมาท
“เนี่ยนเนี่ยน หนูจะอยู่แต่ในโรงแรมไม่ได้นะ ไปลองเลือกคอนโดแถว ๆ บริษัทหนูดู ตาจะซื้อให้” เฉียวตงไห่เอ่ยเฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธ “คุณตา ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูหาเงินเองได้แล้ว หนูจะซื้อเองค่ะ”“เนี่ยนเนี่ยนโตแล้วจริง ๆ สินะ หาเงินซื้อคอนโดด้วยตัวเองได้แล้ว!” เฉียวตงไห่สัพยอก “เมื่อก่อนใครนะที่บอกว่า ไม่ต้องซ
ได้ยินแบบนั้นแล้ว เฉียวสือเนี่ยนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณพ่อฮั่วนับว่ามีไมตรีต่อคู่พ่อลูกป๋ายอีอีจริง ๆ“สุขภาพของพ่อคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เฉียวสือเนี่ยนนึกถึงเรื่องที่พ่อของโม่ซิวหย่วนไม่สบายก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ทันทีที่พูดเรื่องนี้ สีหน้าของโม่ซิวหย่วนก็หงุดหงิดทันที “หมอบอกอาการผิดปกติตามร่างกายมาแ
เฉียวสือเนี่ยน “ก็กลัวนะ กลัวจะตายอยู่แล้ว”“ปอด——”โม่ซิวหย่วนยังไม่ทันพูดจบ รถของลู่เฉินหนานก็ขับเลยรถของพวกเขาไปแล้วขณะที่รถแล่นผ่านพวกเขา เฉียวสือเนี่ยนก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ ลู่เฉินหนานยิ้มแหย ๆ ให้เธออย่างระมัดระวัง ใบหน้าด้านข้างของฮั่วเยี่ยนฉือก็ยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน แม้กระทั่งหางตาก็ยังไม่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั