ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้พูดเข้าประเด็นในทันที แต่กลับเอ่ย “คำพูดของคุณพ่อ เธอไม่ต้องใส่ใจ กับใครเขาก็ไม่พอใจทั้งนั้น ไม่ใช่จะพุ่งเป้ามาที่เธอหรอก”เฉียวสือเนี่ยนส่งเสียงหัวเราะ “ก็คงไม่ใช่มั้ง ฉันเห็นเขาค่อนข้างพอใจป๋ายอีอีดีนะ”ฮั่วเยี่ยนฉือสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ลุงป๋ายเมื่อก่อนเป็นพ่อบ้านของตระกูลฮั
ดวงตาสีดำของฮั่วเยี่ยนฉือมองไปทางเฉียวสือเนี่ยน “ฉันเคยบอกแล้ว ว่าต่อไปจะพยายามทำตามคำขอที่เธอเสนอมา อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าเธอมีความรู้สึกให้ฉัน พวกเรายังไม่ถึงจุดที่จะต้องหย่ากัน”“ฉันยอมรับว่า ความรู้สึกของหลายปีที่ผ่านมา ไม่สามารถบอกว่าจะหายไปก็หายไปได้ง่าย ๆ แต่ความรู้สึกเล็กน้อยนั้นไม่เพียงพอจะ
เฉียวสือเนี่ยนเมื่อได้ฟังกลับรู้สึกประหลาดใจ ทันใดนั้นก็นึกถึงคำสั่งซื้อรายใหญ่ที่เฉิงหว่านซินเคยเอ่ยถึงขึ้นมาเมื่อหน้านี้คุณตาตำหนิคุณลุงแล้ว หลายวันมานี้เธอเอาแต่อยู่เป็นเพื่อนคุณตาที่มณฑลหูอีก จึงลืมเรื่องนี้ไปช่วงหนึ่งคงไม่ใช่คำสั่งซื้อของตระกูลเฉิงลอตนั้นหรอกนะ!เฉียวสือเนี่ยนรีบลุกขึ้นจากที่
เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแค่เรื่องหย่า เธอไม่กลัวจะถูกคนนอกรับรู้หรอกทว่าวันนี้เป็นวันแห่งความสุขในวันเกิดของคุณย่า เธอจึงไม่อยากทำลายความรู้สึกของทุกคนอีกอย่างคุณลุงกับคุณป้าคัดค้านมาโดยตลอด เธอก็ไม่อยากจะสร้างปัญหามากไปกว่านี้บวกกับหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอยังทำหน้าไม่พอใจอย่างไม่แ
คุณย่าฮั่วจับมือของเธอไว้พร้อมกับเอ่ยอย่างรักและเมตตา “แม้ในใจของย่าหวังว่าหนูจะเป็นหลานสะใภ้ของย่าตลอดไป แต่ย่าบังคับหนูไม่ได้ ถึงอย่างไรการแต่งงานก็เพื่อให้มีความสุข การหย่าก็เช่นกัน”น้ำตาของเฉียวสือเนี่ยนไหลลงมาแล้ว “คุณย่า ขอบคุณนะคะ”ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก เมื่อเห็นท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มทน
หลังจากเฉียวสือเนี่ยนลงมาหาที่ชั้นล่างรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่พบร่างของฮั่วเยี่ยนฉือเลยคิดว่าเขามีงานจึงไปที่บริษัทแล้ว เฉียวสือเนี่ยนโทรไปที่เบอร์ของเขา กลับแจ้งเตือนว่าปิดเครื่องเฉียวสือเนี่ยนโทรไปเบอร์ของโจวเทียนเฉิง ก็ขึ้นสถานะว่าปิดเครื่องเช่นกันเธอจำเป็นต้องโทรศัพท์ไปหาสำนักเลขาของ ‘ฮั่ว กรุ๊ป’ จ
อะไรคือเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเอ่ยได้คำเดียวเสียหน่อยโม่ซิวหย่วนเซ้าซี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่อยากจะพูดกับเขาไปมากกว่านี้ จึงถาม “ได้ คุณว่างวันไหนล่ะ?”โม่ซิวหย่วน “พรุ่งนี้แล้วกัน และฉันให้เวลาเธอจัดการเรื่องสัญญาสองวัน”เมื่อเห็นท่าทีขี้เล่นของโม่ซิวหย่วน เฉียวสือเนี่ยนจึงถามอย
คิดจะเข้าร่วมกลุ่มคุณหนูสายซุบซิบจริงด้วยเฉียวสือเนี่ยนกลอกตาใส่เขา และไม่ได้สนใจร้านอาหารไทยที่ทั้งสองมาถึง ทำเลค่อนข้างไกล ขับรถมาก็เกือบหนึ่งชั่วโมงจึงจะมาถึงเฉียวสือเนี่ยนเอ่ยอย่างโมโห “แค่ทานอาหารไทยยังต้องขับมาไกลขนาดนี้อีก ทำไมคุณไม่ไปทานที่ประเทศไทยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ”“น่าสนใจ” โม่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั