ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ป่วยใช่ไหม?ก่อนหน้านี้เขาเหมือนกับเป็นนักบวชที่ไม่กล้าแตะตัวสีกา แม้ว่าเธอจะเคยสวมเสื้อน้อยชิ้นต่อหน้าเขา แต่เขาก็ไม่ชายตามองเลยแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้เขากลับพยุงเอวเธอไว้ แถมยังมีสายตาแบบนั้นอีกเฉียวสือเนี่ยนโมโหจนอยากจะสะบัดมือเขาออก ฮั่วเยี่ยนฉือราวกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธ
“...ฮั่วเยี่ยนฉือกลั้วหัวเราะ “เธอนี่คิดรอบคอบจริง ๆ”“แน่นอนสิ มีเงินทุนแต่ไม่ใช่งั้นเหรอ ฉันไม่ได้โง่นะ!”เฉียวสือเนี่ยนพูดออกมาอย่างเปิดเผย โดยที่ไม่กลัวว่าฮั่วเยี่ยนฉือจะชิงลงมือก่อนอย่างไรเป้าหมายสุดท้ายของเธอก็คือ ไม่ให้อำนาจผู้ดูแลแทนตกไปอยู่ในมือของหยวนหงจื้อและป๋ายอีอี ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้
โทรศัพท์มาหาเธอเช้าขนาดนี้คงจะมีเรื่องอะไรสินะ?อาจจะโทรมาห้ามไม่ให้เธอไปหาศาสตราจารย์สวี่ หรืออาจจะโทรมาบอกให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมกับทางฮั่วกรุ๊ปทั้งสองเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้วเพราะฉะนั้น เฉียวสือเนี่ยนตัดสินใจเมินโทรศัพท์ของเขา เมื่อก่อนฮั่วเยี่ยนฉือก็มักจะไม่รับสายของเธอบ่อย ๆ งั้นก็ให้เข
ป๋ายอีอีอึ้งไปเธอรู้ดีว่าฮั่วเยี่ยนฉือไม่มีทางบอกเฉียวสือเนี่ยนว่าเธอเป็นคนซื้อต่างหูเองเพราะฉะนั้นเมื่อเฉียวสือเนี่ยนเห็นต่างหูที่เธอใส่จะต้องนึกถึงต่างหูของตัวเองอย่างแน่นอนเพียงแค่เธอบอกเป็นนัย ๆ ว่าต่างหูมาจากฮั่วเยี่ยนฉือ จากที่เฉียวสือเนี่ยนเคยดีใจจนเนื้อเต้น ก็จะเปลี่ยนเป็นเสียใจจนถึงที่สุ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เธอก็อยู่เหรอ?”ศาสตราจารย์สวี่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้ เขาอึ้งไปสักพักเฉียวสือเนี่ยนรู้ว่าศาสตราจารย์สวี่เข้าใจผิดเรื่องระหว่างเธอและฮั่วเยี่ยนฉือเพราะ ‘งานเลี้ยงแตงกวา’ ครั้งก่อนเขาคิดว่าพวกเธอกำลังเล่นเกม ‘เธอหนีฉันตาม’ อยู่
“...” ฮั่วเยี่ยนฉือ……เฉียวสือเนี่ยนเดินทางมาถึงบ้านคุณตาเมื่อเห็นคุณตากำลังยุ่งอยู่กับดอกไม้ใบหญ้าของตน เฉียวสือเนี่ยนก็รู้สึกอยากร้องไห้ดีจริง ๆ ที่ชีวิตนี้ยังสามารถได้อยู่กับคุณตา“เนี่ยนเนี่ยน ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่เข้ามาล่ะ?” คุณตามองเธอเฉียวสือเนี่ยนเช็ดน้ำตาที่หางตาลวก ๆ “หนูเพิ่งมาถึง เห
“งั้นตอนนี้หนูกังวลเรื่องอะไรล่ะ?”คุณย่าฮั่วถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้าใจ “เนี่ยนเนี่ยน เรื่องที่หนูกับเยี่ยนฉือจะหย่ากัน หนูจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?”เฉียวสือเนี่ยนไม่ตอบ แต่กลับเอ่ยขอโทษแทน “คุณย่าหนูขอโทษ หนูไม่รู้จริงิๆ ว่าลุงกับป้าไปรบกวนคุณย่า คงจะกวนใจคุณย่าใช่ไหมคะ?”เมื่อได้ยินดังนั้
“คุณไม่ได้ไปทานอาหารกับคุณย่าเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนถามอย่างแปลกใจ“ฉันกลับไปที่บ้านคนเดียว เมื่อคุณย่าเห็นว่าเธอไม่ไปก็ตำหนิว่าฉันรังแกเธอ คุณย่าตำหนิฉันก่อนจะไล่ให้กลับ”น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือฟังดูไม่ดีนัก “เฉียวสือเนี่ยน เธอรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วแต่จงใจไม่ไป เพื่อให้ฉันถูกคุณย่าด่าใช่ไหม!”โดนด่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั