ได้ฟังแบบนั้นแล้ว น้ำตาในดวงตาของป๋ายอีอียิ่งเอ่อล้น“เยี่ยนฉือ ฉันรู้ว่าคุณยังไม่พอใจเรื่องที่รูปที่ฉันถ่ายไว้เมื่อคราวก่อน”“ฉันยอมรับ ว่าตอนนั้นที่ฉันถ่ายภาพไว้น่ะ แฝงเจตนาส่วนตัวจริง ๆ เพราะคุณเคยบอกว่าก๋วยเตี๋ยวที่ฉันทำน่ะ อร่อยกว่าก๋วยเตี๋ยวที่ไหน ๆ ฉันก็เลยอยากถ่ายมันเอาไว้แล้วอวดลงอินสตาแกรม
“พูดอย่างกับว่า เธอเป็นซินเดอเรลล่าที่ต้องเจอกับความยากลำบากอย่างนั้นแหละ” โม่ซิวหย่วนจิ๊ปากทั้งยังเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาอีก “หลัก ๆ คือเพราะรูปร่างหน้าตาเธอไม่ต่างอะไรกับแจกันดอกไม้ ที่ทำให้คนกลัวว่าความสวยของเธอจะกระทบต่อความฉลาดน่ะ”“...” เฉียวสือเนี่ยน “คุณชายโม่นี่มีวิธีชมคนอื่นไม่เหมือนใครดีนะคะ
เฉียวสือเนี่ยนดูแล้วดูอีกอยู่หลายครั้ง ถึงได้มั่นใจว่าเป็นข้อความจากฮั่วเยี่ยนฉือไม่ผิดแน่เขาสมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?ทั้งที่รู้ว่าเธอพูดจากระทบกระเทียบเขา แต่ยังจะเป็นฝ่ายส่งข้อความมาถามอีก?ในเมื่อเขากระตือรือร้นหาเรื่องทะเลาะขนาดนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็จัดให้[คุณหมอบอกว่า สถานการณ์ของคุณร้ายแรงมาก
ล้วงโทรศัพท์ออกมาด้วยหมายจะโทรหาผู้เป็นป้า ทว่ากลับเห็นข้อความตอบกลับจากในไลน์ของฮั่วเยี่ยนฉือเข้า[เธอมีเรื่องอะไรจะบอกฉันไหม]พิลึกคน เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องบอกเขาด้วยหรือไงเฉียวสือเนี่ยนไม่มีเวลาสนใจฮั่วเยี่ยนฉือ เธอต่อสายหาป้าทันที“เฉียวสือเนี่ยน ทำไมโทรศัพท์แกถึงติดต่อไม่ได้เลย เมื่อคืนวานมันเ
ชายหนุ่มลงมาจากรถพอดี เขาอยู่ในชุดสูทเป็นทางการ รูปร่างสูงยาวเข่าดี บรรยากาศน่าเกรงขาม โครงหน้าคมชัดยิ่งดูเคร่งขรึมมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ——เป็นฮั่วเยี่ยนฉือจริงแท้แน่นอนโจวเทียนเฉิงในชุดสูทคอยตามเขาอยู่ข้างกาย ทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้ามาทางร้านอาหารนี้บางทีอาจเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉียวส
เห็นโจวหยางอิงที่นิสัยดีโกรธเข้าจริง ๆ เหล่าพลพรรคทั้งหลายจึงรีบหุบปากทันที......บนรถ เฉียวสือเนี่ยนนั่งหันหลังให้ฮั่วเยี่ยนฉือ ด้วยไม่อยากคุยกับเขาฮั่วเยี่ยนฉือเองก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่าใบหน้าหล่อเหลาดูไม่ดีเอาเสียเลย ราวกับว่าเขากำลังอดทนอดกลั้นกับอะไรบางอย่างคงจะกำลังรอให้เธอบอกเหตุผลที่ไปกินข้า
“แล้วคุณปล่อยให้ถูกขู่ไหมล่ะ?” เฉียวสือเนี่ยนบีบบังคับให้ตอบ“ตลกตายละ!” ฮั่วเยี่ยนฉือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “พรุ่งนี้ฉันจะเซ็นข้อตกลงการหย่าให้! ถึงเวลาเธอก็รีบไปรับใบรับรองเสีย ฉันจะให้ความร่วมมือแต่โดยดี!”พูดจบ ฮั่วเยี่ยนฉือก็สะบัดเอกสารทิ้ง แล้วเปิดประตูเดินออกไปด้วยท่าทางป่าเถื่อนเฉียวสือเ
“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฮั่วเยี่ยนฉือกระวนกระวายเรื่องผู้หญิงคนอื่นขึ้นมา ก็เลยเศร้างั้นเหรอ?”เห็นเฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ฟู่เถียนเถียนเลยพูดกระแนะกระแหนเฉียวสือเนี่ยนค้อนใส่ฟู่เถียนเถียน “เธอว่า โรงแรมห้าดาวจะเกิดอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยโดยไม่ม
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั