กงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างสบายๆ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่แยแส แต่ความแข็งแกร่งและการครอบครองในดวงตากลับไม่ปิดบังเลยสักนิดหลินจืออี้สวมชุดกระโปรงสีแดง สวมเข็มขัดสีน้ำตาล ผิวพรรณเนียนละเอียด รูปร่างสมส่วนลําคอที่ขาวเนียนมีสร้อยแพลตตินั่มที่ละเอียดอ่อนและเพรียวบาง แสงที่จางๆ ดูคล้ายเปล่งออกมาจากผิวหนังดึงดูดสายตาของผู้คนทันทีคุณนายซ่ง ฉินซวงหลังจากสังเกตเห็นสายตาของกงเฉินแล้ว เธอก็วางถ้วยชาลงอย่างแรงเล็กน้อย และดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเสียงเอี๊ยดฉินซวงรวบผ้าคลุมไหล่ลายสก็อตผ้าไหมแท้บนไหล่ เอียงหน้ามองหลิ่วเหอพลางยิ้มอย่างสง่างาม แต่ดวงตาเรียวยาวกลับฉายแววเยาะเย้ย"คุณนายรอง ลําบากคุณจริงๆ ต้อนรับพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของพวกคุณเมื่อคืนใช่ไหมคะ?"พอพูดถึงเมื่อคืน หลิ่วเหอก็ตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกทนไม่ไหว กําลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกหลินจืออี้ดึงไว้หลินจืออี้ยิ้มกว้างรับสายตาอาฆาตแค้นของฉินซวง"คุณนายซ่งและคุณหนูซ่งต่างก็แต่งตัวอลังการแบบนี้ ตระกูลกงของเราก็ต้องแต่งตัวอลังการเหมือนกันสิคะ ถึงยังไงตระกูลกงของเราก็ให้ความสําคัญกับวิธีการต้อนรับแขกมาก ไม่อย่างน
ฉินซวงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุด มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนและมองไปที่กงสือเหยียนและหลิ่วเหอหลิ่วเหอหน้าซีดเผือด ขับให้ริมฝีปากแดงก่ำผิดปกติเมื่อกงสือเหยียนจับมือของเธอไว้ ใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของเขาก็ดูน่าอายเล็กน้อยเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างมาก แต่เมื่อวานเขาเมาจนไม่ได้สติ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล้วนเป็นหลิ่วเหอบรรยายไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน พูดออกมาก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดีในเวลานี้ หลินจืออี้มองไปที่เขา ส่งสายตาเป็นสัญญาณกงสือเหยียน ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆว่า "ไม่เป็นไรครับ""งั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดจริงๆ แล้วล่ะค่ะ" ฉินซวงตบหน้าอกอย่างเอาจริงเอาจังได้ยินดังนั้น คุณท่านกงก็ขมวดคิ้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ฉินซวงทําหน้าลําบากใจ "ได้ยินว่าคุณชายรองมีลูกค้าที่อยากร่วมงานด้วยมาตลอด ฉันก็เลยออกมาเชิญทั้งสองฝ่ายมาทานข้าวด้วยกัน ใครจะรู้ว่าคุณชายรองกับคุณนายรองดื่มกันเพลินเกินไป ฉันก็เลยทําได้แค่ส่งลูกค้าออกไปก่อน""นึกไม่ถึงว่าคุณนายรองพาคุณชายรองตกลงไปในห้องทิ้งขยะของห้องครัวด้านหลัง ได้ยินว่าสถานที่แบบนั้นเต็มไปด้วยยุงและแมลงวัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่
เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนออกมา แต่ก็อาเจียนไม่ออกหลินจืออี้พูดเสียงดังว่า "ฉันให้พวกเธอสองคนพูดจาเหลวไหล! ชอบอาหารเหลือและข้าวบูดไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันป้อนให้พวกเธอเอง!”กิริยาของเธอเร็วมาก คว้าเอาน้ำที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งแช่ฟันปลอมแล้วสาดใส่ปากฉินซวงที่กรีดร้องไม่หยุดทันทีเสียงร้องนี้ยิ่งโหยหวนมากขึ้นผู้อาวุโสคนนั้นรีบลุกขึ้นและกวักมือพูดอย่างตะกุกตะกัก "เฮ้ย เฮ้ย อย่ากลืนฟันปลอมของฉันนะ!"หลินจืออี้ถลึงตาใส่เขา เขาถึงได้สติ สาดใส่พวกเธอแล้วก็สาดใส่ฉันไม่ได้สินะคุณท่านกงเคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน ตกใจอยู่นาน ถึงได้พูดอย่างโมโหว่า "หลินจืออี้! เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”หลินจืออี้ยืนอยู่บนโต๊ะ มองคุณท่านกงจากที่สูง แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โกรธยิ่งกว่าเขา "ทําไมคุณท่านถึงด่าคุณอาโดยไม่ถามเหตุผลเลย? หลายปีมานี้ คุณท่านด่าเขาโดยไม่คํานึงถึงกาลเทศะเลย ว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้! คุณท่านเคยคิดบ้างไหมว่าทัศนคติของคุณท่านเป็นตัวกําหนดทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อเขา?”"ที่พูดเพราะเขาเป็นคุณชายรองตระกูลกง แต่ข้างนอกใครๆ ก็เหยียบหัวเขาได้ แม้กระทั่งแม่ลูกคู่นี้ก็ยังกล้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขอ
ซ่งหว่านชิวกัดฟันและปฏิเสธที่จะพูดใบมีดนั้นกรีดลงบนผิวของฉินซวงโดยตรงฉินซวงกรีดร้อง "หว่านชิว! ช่วยแม่ด้วย! เธอบ้าไปแล้ว!”ซ่งหว่านชิวกัดริมฝีปาก ร้องไห้และเปลี่ยนเรื่อง "หลินจืออี้ เธออย่าทําแบบนี้เลย ฉันรู้ว่าความจริงมันยากสําหรับเธอที่จะยอมรับ แต่แม่ของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ"แก้มของเธอแดงก่ำและร้องไห้อย่างเสียใจแต่ก็ไม่ยอมรับผิดแทนแม่เห็นได้ชัดว่าเธอเสแสร้งแค่ไหนทุกคนรู้จักซ่งหว่านชิวมานานกว่าสามปีแล้ว และได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีในเวลานี้ คุณท่านกงพูดเสียงดังขึ้นมา"หลินจืออี้ เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ปล่อยคุณนายซ่งไป เธอคิดว่าแค่ทําเทปบันทึกเสียงปลอมก็สามารถหลอกลวงทุกคนได้หรือ?”คําพูดเหล่านี้ไม่ได้ทําร้ายจิตใจของหลินจืออี้ แต่เป็นกงสือเหยียนเขาอายุปูนนี้แล้ว เมื่อได้ยินว่าพ่อยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อทุกอย่างที่ตัวเองได้รับ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีคล้ำทันที"พ่อ! นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด!”"หุบปาก! ทำตัวเหมือนอะไรกัน! ให้หลินจืออี้ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!" คุณท่านกงไม่ฟังเขาพูดอะไรเลยหลินจืออี้ยิ้มหยัน "หึ คุณท่าน ไม่เชื่อขนาดนี้เลยหรือ
เหอะ ยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ?"คุณหนูซ่ง หลังจากแจ้งความแล้ว คุณจะบอกตํารวจยังไงล่ะ? บอกว่าฉันถูกกระตุ้นให้เป็นบ้าและเกือบจะฆ่าคุณนายซ่ง? แล้วฉันถูกกระตุ้นได้ยังไง? โดนใครกระตุ้นล่ะ?"เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงมองไปที่คุณท่านกงอย่างระมัดระวังไม่ใช่ว่าคุณท่านกงตําหนิกงสือเหยียนและหลิ่วเหอต่อหน้าสาธารณชนเพื่อแม่ลูกตระกูลซ่งหรอกหรือ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลินจืออี้เป็นบ้าน่ะ?ซ่งหว่านชิวตกตะลึงเพิ่งเข้าใจว่าตั้งแต่การโทรครั้งนั้น หลินจืออี้ก็วางแผนไว้แล้วเมื่อกี้พวกเขาทั้งครอบครัวทำตัวน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะรอคุณท่านกงเอ่ยปากเท่านั้น!แล้วเธอแจ้งความจะมีความหมายอะไร?ให้เธอเป็นพยานชี้ความผิดคุณท่านกงหรือ?"พอแล้ว!" คุณท่านกงตําหนิอย่างเคร่งขรึม "พวกเจ้าสองแม่ลูกดื่มมากเกินไปแล้ว ดื่มจนเมาจนเป็นแบบนี้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ""คุณท่าน..."ซ่งหว่านชิวมองคุณท่านกงอย่างไม่อยากจะเชื่อคุณท่านกงเรียกแม่บ้านมาและส่งกล่องที่บรรจุดาบกลับไป"ดาบนี้ไม่เหมาะกับฉัน พวกเธอเอากลับไปเถอะ ใครก็ได้ ส่งแขก”ซ่งหว่านชิวและฉินซวงรู้สึกไม่ยอม ยังอยากจะช่วงชิงอีกประโยคต่อไปของคุณท่านกงตัดความคิดของพว
ฉันสนใจแต่ผลลัพธ์เท่านั้น น้ำเสียงของกงเฉินเหมือนกําลังพูดกับลูกน้อง "จะจัดการกับผลลัพธ์ยังไง ให้ฉันสอนเธอไหม?"ความสุขของซ่งหว่านชิวยังไม่จางหายไปจากใบหน้า แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยักหน้าอย่างแข็งกระด้าง "ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะขอโทษและชดเชยให้ค่ะ""อืม"กงเฉินรับคําแล้วหันหลังเดินจากไปร่างกายของซ่งหว่านชิวอ่อนปวกเปียก ล้มไปข้างหลัง โชคดีที่ฉินซวงประคองเธอไว้"หว่านชิว เธอเกิดเรื่องไม่ได้ คุณชายสามไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ ทุกอย่างยังมีโอกาส""เขาไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ก็จริง แต่เขาไม่สนใจฉันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว""แล้วยังไงล่ะ? เขารับปากว่าจะแต่งงานกับเธอก็ได้แล้ว ถึงเวลานั้นเธอก็สามารถจัดการผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาได้อย่างชอบธรรมแล้ว ถึงเวลานั้น หลินจืออี้จะต้องตายยังไง้ที่กลบฝังอย่างแน่นอน!"ฉินซวงกุมคอที่มีเลือดออก กัดฟันด้วยความโกรธซ่งหว่านชิวพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา "หลินจืออี้ เราจะได้เห็นดีกันแน่"ในเวลานี้ แม่บ้านเดินผ่านมาเห็นทั้งคู่ก็แอบหัวเราะกันทั้งสองได้แต่รีบๆ จากไป……กลับไปถึงเรือนหลิ่วเหอก็รีบให้คนชงชาให้เธอหนึ่งกาทันที ก่อนจะดื่มไปถึงครึ่งกาถ
หลินจืออี้ตกใจเล็กน้อยและมองไปที่กงสือเหยียนด้วยความประหลาดใจ ”คุณอา ทําไมคุณอาถึงทําแบบนี้คะ?”กงสือเหยียนยิ้มอย่างกว้างๆ "คุณท่านมีความคับข้องใจต่อเธอเสมอ ถ้าเขารู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ เขาจะโกรธมากขึ้น ""คุณอา ฉันขอโทษนะคะ" หลินจืออี้ตําหนิตัวเอง"ไม่เป็นไร อย่าเก็บมาใส่ใจเลย" กงสือเหยียนลูบหัวเธอหลิ่วเหอกวักมือเรียก "ที่รักคะ เมื่อกี้ฉันยังกินไม่อิ่ม เราไปดูที่ห้องครัวกันดีกว่าว่ายังมีอะไรกินอีกไหมกันดีกว่า""ไปสิ"สองสามีภรรยาจูงมือเดินออกไปหลินจืออี้รู้สึกอบอ้าวเล็กน้อย จึงไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็ปรากฏร่างสีดําขึ้นด้านหน้าเป็นกงเฉินเขายืนสูบบุหรี่อยู่ข้างสระ นิ้วมือเรียวยาวเหมือนหยกท่ามกลางแสงไฟแสงแดดส่องกระทบผิวทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเปล่งประกายสีทอง สะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยแสงจางๆสายลมเย็นพัดผ่านใบหน้า เป่าผมที่หน้าผาก เผยให้เห็นดวงตาลึกล้ำดุจหมึกหลินจืออี้บีบมือ รู้สึกว่าจําเป็นต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับโรงพยาบาลให้ชัดเจนเพิ่งเดินไปได้สองก้าว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของกงเฉินก็ขัดจังหวะฝีเท้าของเธอกงเฉิน
หลินจืออี้ไม่อยากจะเชื่อว่ากงเฉินจะกล้าถึงขนาดนี้ในบ้านของตระกูลกง และยังอยู่ต่อหน้ากงเยี่ยนอีกดังนั้นเธอจึงเพิกเฉยต่อคำพูดของเขา ใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการอย่างเงียบๆเมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทของกงเฉิน ที่แฝงไปด้วยความคุกคามและอันตรายดวงตาคู่นั้นของเขาชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลินจืออี้ถึฃตระหนักได้ว่ากงเฉินกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา และที่น่าตกใจกว่านั้น กงเยี่ยนก็ยืนมองพวกเขาอยู่ตรงนั้นหัวใจของหลินจืออี้เต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบยกมือขึ้นดันร่างสูงตรงหน้า พร้อมพยักหน้าอย่างแรงเป็นการตอบรับว่าเธอจะไปกับเขากงเฉินหยุดชะงักก่อนจะยื่นมือมาหยิบใบไม้ที่ติดอยู่บนเส้นผมหน้าผากของเธอออกเสียงทุ้มต่ำยังคงเย็นชาเช่นเคย “มีอะไรติดอยู่น่ะ”หลินจืออี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองถูกหลอก เธอย่นจมูกเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายเธอทำได้เพียงหันไปมองกงเยี่ยน “พี่ใหญ่ ฉันมีธุระต้องไปก่อนนะ”กงเยี่ยนเผยรอยยิ้มบางๆ “ไปเถอะ ต้องพักผ่อนบ้างนะ”“ขอบคุณค่ะ พี่ใหญ่”หลังจากพูดจบ หลินจืออี้รีบถ
หลินจืออี้เคยคิดเอาไว้หลายสิบอย่างถึงความเป็นไปได้ แม้กระทั่งคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองแท้งลูก แบบนั้น เธอก็จะกลายเป็นคนบาปไปตลอดกาลแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า ซ่งหว่านชิวจะผลักเธอลงไปในทะเลสาบทะเลสาบที่ตระกูลกงเป็นทะเลสาบเทียมที่ขุดลึกมาก น้ำเย็นเฉียบเจ็บแสบแทบจะทันทีที่ร่างของหลินจืออี้จมหายไปเธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต “ช่วย…”แต่พออ้าปาก น้ำก็ทะลักเข้าปากเข้าจมูก ทำให้เธอพูดไม่ออกสักคำเดียวหลินจืออี้คิดว่าเธอคงไม่รอดแล้ว ใครจะคิดว่าซ่งหว่านชิวจะเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือขึ้นมา“ช่วยด้วยค่ะ! จืออี้ตกน้ำ!”เสียงร้องขอความช่วยเหลือของซ่งหว่านชิวทำให้มีคนมากมายรีบวิ่งมาที่ทะเลสาบแต่ตอนนั้นหลินจืออี้ใส่เสื้อโค้ทตัวยาวที่ดูดน้ำไว้เต็มที่ น้ำหนักมหาศาลทำให้ร่างของเธอเริ่มจมลงช้าๆ แรงก็ค่อยๆ หมดลงไปแล้วจู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโจนลงน้ำพยุงเธอขึ้นจากน้ำอย่างแรงหลินจืออี้สำลักน้ำแล้วไอออกมา สายตาที่พร่ามัวมองเห็นเพียงผู้ชายที่อุ้มเธออยู่เป็นกงเฉินเขาก้มหน้า เส้นผมเปียกโชก น้ำที่หยดจากปลายผมดวงตาสีดำขลับจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตาหางตาแด
เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เหมือนกับว่า เด็กคนนี้ควรจะเป็นความโชคดีของเธอ เป็นคนที่จะนำพาทุกอย่างที่เธอปรารถนามาให้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งที่ควรจะได้มาง่ายๆ กลับค่อยๆ ห่างไกลออกไปจากตัวเองทุกที เพราะแบบนี้ ซ่งหว่านชิวที่ไม่ยอมแพ้จึงแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดีแล้วมาที่ตระกูลกง เธอคิดจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้สามารถได้ตัวกงเฉินสำเร็จ เด็กในท้องเกิดก่อนกำหนดแค่เดือนกว่าๆ ก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวที่ทำให้เธอช็อกขนาดนี้มือที่วางอยู่บนหน้าท้องของซ่งหว่านชิวค่อยๆ กำแน่นขึ้น จนความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างดูท่าลูกคนนี้เธอคงเก็บไว้ไม่ได้แล้ว คืนนี้กงเฉินไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอนถ้าอย่างนั้น...ลูกของหลินจื้ออี้ก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกของเธอแบบนี้กงเฉินก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปขัดคำสั่งของคุณท่านที่ต้องแต่งงานกับหลินจื้ออี้แล้วซ่งหว่านชิวลดมือลง หยิบแป้งพัฟขึ้นมาปัดแต่งหน้าเติมเล็กน้อยก่อนจะถอดต่างหูจากใบหูใส่ลงกล่องเครื่องประดับเล็กๆ ที่พกติดตัวมาด้วยเธอรีบเดินเข้าห้องรับแขก ก่อนที่กงเฉินจะกลับมารีบเข้าไปทักทายทุกคนก่อน
หลินจื้ออี้เข้าไปในห้องน้ำแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างหนัก แม้จะบ้วนปากด้วยน้ำยารสผลไม้ถึงสามรอบแต่ในปากก็ยังขมอยู่ดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็มีเงาหนึ่งมายืนขวางทางไว้เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้า “หลบไปหน่อย”กงเฉินจ้องมองเธอ “ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า?”หลินจื้ออี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ“อาเล็กดูแลฉันดีแบบนี้เพราะฉันท้องเหรอ?อย่าลืมสิตอนนั้นอาบอกว่าถ้าฉันท้องก็ให้ไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอ?”“...”สีหน้าของกงเฉินมืดมนลงทันทีหลินจื้ออี้นึกถึงคำเตือนของคุณท่านเมื่อครู่แล้วก็อดนึกถึงชาติที่แล้วไม่ได้ ตอนที่คุณท่านปฏิบัติต่อซิงซิงซิงซิงเป็นเด็กผู้หญิงแถมยังเป็นลูกที่ไม่มีใครต้องการ คุณท่านก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าเธอเป็นหลานสาวของตระกูลกงแต่เมื่อซ่งหว่านชิวกลับมาพร้อมกับลูกชาย โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวว่าเขารักหลานชายคนนั้นมากแค่ไหน ถึงกับประกาศว่าลูกชายของซ่งหว่านชิวคือลูกเพียงคนเดียวของกงเฉินทุกคนต่างหัวเราะเยาะเธอกับลูกสาวของเธอว่า พยายามแทบตายสุดท้ายก็ได้แต่ความว่างเปล่าตอนนี้คุณท่านก็คงจะสมหวังแล้วในเมื่อไม่มีเธอคอยขวางทาง ก็คงต้องดูว่าซ่งหว่านชิว
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร