หลินจืออี้เพิ่งเดินถึงนอกหอพัก ข้างหลังมีคนตบไหล่เธอพอหันหลัง นักเรียนก็ชี้ไปทางอาคารเรียนอย่างกระหืดกระหอบ“หลินจืออี้ อาจารย์อู๋ให้คุณรีบไปที่ออฟฟิศของผู้อํานวยการหน่อย”“ได้”หลินจืออี้หันหลังเดินไปทางอาคารเรียนระหว่างทาง มีคนไม่น้อยที่จ้องมองเธอพลางชี้ไม้ชี้มือ แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงก่อนความตายอีกแล้ว……ออฟฟิศพอหลินจืออี้เข้าประตูมาก็พบว่าข้างในนอกจากอาจารย์อู๋แล้วยังมีคนอื่นอีกกงเฉินและซ่งหว่านชิวเมื่อสบตากับกงเฉิน สายตาที่เหมือนแมมบ้าสีดํานั้น ราวกับจะวางยาพิษหลินจืออี้ให้ตายในวินาทีถัดไปเธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ กําหมัดแน่นถึงจะทําให้ฝีเท้ามั่นคงได้แต่สายตาของกงเฉินกลับไม่เคยละไปจากเธอในเวลานี้ ร่างผอมบางร่างหนึ่งกําลังเดินอย่างสง่างามเป็นเธอ.. เพื่อนผีชาติก่อน เสิ่นเยียนเสิ่นเยียนเคยช่วยหลินจืออี้ตอนที่ทํางานพาร์ทไทม์น้ำตาลในเลือดต่ำและเป็นลม ดังนั้นเธอจึงเชื่อใจเสิ่นเยียนมาตลอดแทบจะเชื่อฟังเธอทุกอย่างแต่ใครจะคิดว่า เสิ่นเยียนและคุณหนูผู้สูงศักดิ์ซ่งหว่านชิวจะแอบสมคบคิดกันมานานแล้วเสิ่นเยียนอยู่ข้างกายหลินจืออี้คอยแสแสร้
หลินจืออี้ออกจากห้องทํางานโดยไม่หันกลับมามองหลังจากตระกูลกงก่อความวุ่นวาย เธอรู้ดีว่าซ่งหว่านชิวต้องป้องกันไว้ก่อนตอนที่เธอได้ยินซ่งหว่านชิวโทรศัพท์ไปร้องให้กงเฉินว่าถูกใส่ร้าย เธอก็รู้ว่าซ่งหว่านชิวกับเสิ่นเยียนกําลังทําอะไรกันอยู่เสิ่นเยียนรู้เรื่องราวของเธอมากเกินไป!รวมถึงไดอารี่ที่เธอเขียนเอาไว้หลังจากที่เธอกับกงเฉินได้ผ่านคืนนั้นมา บนอินเทอร์เน็ตก็มีไดอารี่แอบรักที่ฆ่าเธอด้วยการวางยาและปีนขึ้นเตียงทันที จะต้องเป็นลายมือของเสิ่นเยียนแน่นอน!ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนไดอารี่อย่างเงียบๆคิดไปคิดมา ด้านหลังก็มีเงาหนึ่งตามมา เสิ่นเยียนนั่นเองระหว่างทาง เธออยากจะพูดแต่ก็หยุดสังเกตหลินจืออี้หลินจืออี้กลับสงบนิ่งมาก ดูไม่เหมือนถูกแทงข้างหลังเมื่อสักครู่เลยจนกระทั่งใกล้จะถึงหอพัก เสิ่นเยียนก็ทนไม่ไหวแล้วเธอดึงหลินจืออี้ไว้ พูดอย่างขลาดกลัว “จืออี้ ฉันขอโทษ เธอก็รู้ว่าครอบครัวของฉันยากจนและขี้ขลาด ฉันขัดใจคนอย่างซ่งหว่านชิวไม่ได้จริงๆ พอฉันถูกพวกเขาขู่ ฉันก็พูดได้แค่นี้แล้ว”หลินจืออี้ไม่รีบร้อนที่จะทะเลาะกับเสิ่นเยียน ถึงยังไงเธอก็ยังไม่เห็นเสิ่นเยียนกับซ่งหว่านชิวสุนัขกัดกั
ในขณะที่หลินจืออี้กําลังจะกระโดดออกมา กงเฉินก็เบือนหน้าหนี มองคู่รักที่อยู่หลังต้นไม้“มีอะไรเหรอ”ท่วงทํานองที่เย็นชาเต็มไปด้วยความอดทนอีกฝ่ายพอเห็นว่าเป็นกงเฉิน ก็รีบก้มหัวลงอย่างนอบน้อม “ขออภัย นายท่านสาม พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”คู่รักหนุ่มสาวจากไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปไกล หลินจืออี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอพยายามผลักกงเฉินที่อยู่ข้างหน้าออก แต่กลับถูกกุมข้อมือไว้“ไปเก็บของ ฉันจะให้เฉินจิ่นรอคุณที่ลานจอดรถ เขาจะส่งคุณไปที่อพาร์ทเมนต์”ไม่มีการปรึกษาหารือ เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยคําสั่งที่ไม่ยอมปริปากพูดหลินจืออี้ตัวแข็ง ขนตายาวสั่นระริก พยายามควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจของเขา เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแต่เป็นตุ๊กตาที่เชื่อฟัง เล่นตามใจชอบ ทิ้งตามใจชอบเธอกัดฟันพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของเขา“ไม่ต้อง ถ้าคุณไม่วางใจ รออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พวกเราสามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลได้”กงเฉินหรี่ตามอง ในดวงตามีความเย็นชาพาดผ่าน เหมือนคิดไม่ถึงว่าหลินจืออี้จะต่อต้านเมื่อบรรยากาศเกือบจะกลายเป็นน้ำแข็ง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นซ่งหว่านชิวที่โทรมาหลิ
เมื่อรับรู้ถึงสายตา หลินจืออี้ก็เอียงหน้าไปมองเป็นกงเฉินชุดสูทสีดําที่เย็นชา นิ้วเรียวยาววางอยู่บนหน้าผาก และแหวนสีแดงเลือดภายใต้แสงแดดนั้นแฝงไปด้วยความกระหายเลือดและความเย็นชาเขาเอนกายพิงซ่งหว่านชิวซ่งหว่านชิวดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก การแสดงออกบนใบหน้าของกงเฉินก็อ่อนโยนเหมือนกันหลินจืออี้ดึงสายตากลับมา แสร้งวางมือลงอย่างสงบ“ขอบคุณค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจครับ” ชายคนนั้นมองไปตามแนวโน้ม"นั่นคือนายท่านสามใช่ไหม รักคู่หมั้นจริงๆ รับส่งเองเชียว”ใช่ไหมล่ะทุกคนสามารถมองออกถึงความชอบของกงเฉินที่มีต่อซ่งหว่านชิวมีเพียงเธอในชาติก่อนเท่านั้นที่ทําตัวเหมือนคนโง่ที่รอเขาและรักเขาหลินจืออี้กําลังจะผงกหัว แต่กลับถูกหลิ่วเหอดึงไว้“ในเมื่อเจอกันแล้ว รีบไปทักทายอาเล็กของแกหน่อย”“ไม่ไป” หลินจืออี้สะบัดมือออก ทําท่าจะจากไป“แก เด็กคนนี้นี่...”ก่อนที่หลิ่วเหอจะพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงฉับพลันของซ่งหว่านชิว“คุณนายรอง จืออี้ บังเอิญจัง ท่านนี้คือ...”ซ่งหว่านชิวคล้องแขนกับกงเฉิน มองสํารวจผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หลินจืออี้หลิ่วเหอคิดว่าซ่งหว่านชิวเป็นชาเขียวอย
หลินจืออี้ถูกจ้าวเฉิงดึงไปข้างหลัง ตอนที่สติของเธอเลือนราง เธอกําหมัดแน่น ปลายนิ้วฝังเข้าไปในฝ่ามือ ก่อให้เกิดความเจ็บปวด เรียกความคิดของเธอกลับมาเธอต้องช่วยตัวเองหลินจืออี้จับลูกบิดประตูเพื่อทําให้ร่างกายตัวเองมั่นคง สายตาค้นหาสิ่งของที่สามารถช่วยตัวเองได้เครื่องประดับคริสตัลบนคอนโซลกลางให้โอกาสเธอแต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปพอ กลับขาดไปเล็กน้อยเสมอเธอกัดฟันแน่น ต่อต้านแรงของจ้าวเฉิง ปลายนิ้วค่อยๆ ไปถึงเครื่องประดับคริสตัลทันทีที่คว้ามันขึ้นมาจากแผ่นกันลื่น เธอก็ทุบมันอย่างแรงไปข้างหลังโครม! จ้าวเฉิงทําเสียงฮึดฮัดแล้วปล่อยหลินจืออี้หลินจืออี้ถือโอกาสนี้กดประตูรถเพื่อปลดล็อก เธอกลิ้งตัวออกจากรถในคืนฤดูใบไม้ร่วง แสงจันทร์สว่างอยู่บนท้องฟ้า แต่สายลมกลับเหมือนมีดคมเล่มหนึ่งพัดผ่านร่างกายของหลินจืออี้อย่างรุนแรงเธอวิ่งไปข้างหน้าอย่างยากลําบากเพิ่งวิ่งไปได้สองก้าว คนข้างหลังก็บีบคอเธอ เธอกัดฟันสู้ แต่ถูกเขาคว้าผมและทุบไปที่ประตูรถเวียนหัวอยู่พักหนึ่ง เธอล้มลง จ้าวเฉิงถือโอกาสยัดเธอเข้าไปในเบาะหลังจ้าวเฉิงยืนอยู่ที่ประตูรถ หอบหายใจและเช็ดเลือดบนหน้าผากอย่างลวกๆ ดวงตาของเข
เมื่อหลินจืออี้ตื่นขึ้นมา มีตํารวจหญิงในเครื่องแบบคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงเธอยิ้มเล็กน้อย ทําให้คนรู้สึกสบายใจมาก"คุณตื่นแล้วเหรอ? อยากดื่มน้ำไหม? ตํารวจหญิงลุกขึ้น รินน้ำให้เธอแก้วหนึ่งอย่างรู้ใจ “ร่างกายคุณมีแต่บาดแผลภายนอก ไม่เป็นอะไรหรอก”“ขอบคุณค่ะ”หลินจืออี้ยันตัวขึ้นแล้วรับแก้วมาจนถึงตอนนี้เธอก็ยังตัวสั่นด้วยความกลัวตํารวจหญิงมองเธอและไม่ได้ถามทันที จนกระทั่งเธอค่อยๆ สงบลงจึงเริ่มถาม“จ้าวเฉิงก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พวกคุณต่างคนต่างพูด ดังนั้นฉันต้องการคําให้การของคุณค่ะ”การกระทําของหลินจืออี้ที่ดื่มน้ำหยุดชะงัก "ต่างคนต่างพูดหรือ? หมายความว่าไงคะ?"ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทําไมต่างคนต่างพูดล่ะตํารวจหญิงพูดตามความจริงว่า "จ้าวเฉิงบอกว่าเขาดื่มมากเกินไปถึงจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างฉับพลัน เขายังเอารายงานการประเมินทางจิตวิทยาจากต่างประเทศออกมาและบอกว่า... คุณกินข้าวดูหนังกับเขา เขาจึงคิดว่าคุณยอมมีความสัมพันธ์กับเขา”หลินจืออี้หายใจติดขัด รู้สึกเหมือนมีลมหายใจอุดอยู่ที่หน้าอก เจ็บแปลบไม่หยุด“กินข้าวและดูหนังกับอีกฝ่าย ก็คืออยากมีความสัมพันธ์โดยปริยายหรือ ข้อกําหนดข้อไหน ฉั
คุณท่านกงโกรธอยู่แล้ว พอเห็นลูกชายไม่เอาไหนก็ยิ่งโกรธเขายกมือขึ้นและอยากจะแทงเข้าไปในหัวของกงสือเหยียนนัก เขาพูดอย่างโกรธๆว่า"ทําไมฉันถึงได้ลูกชายที่ไร้ประโยชน์แบบนี้? ไร้สมอง! ถูกผู้หญิงจูงไปแบบโง่ๆ! “ถ้าแกฉลาดแบบกงเฉินอยู่บ้าง วันนี้ก็คงไม่ถึงขั้นเป็นแบบนี้หรอก”สีหน้าของกงสือเหยียนยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นหลินจืออี้ยังคงลดมือที่จับลูกบิดประตูลง เธอออกไปแบบนี้มีแต่จะทําให้กงสือเหยียนเสียหน้ามากขึ้นเท่านั้นคุณอาดีกับเธอมาตลอดเธอทําใจไม่ได้ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาร่างที่เย็นชาและเคร่งขรึมเดินเข้ามาอย่างช้าๆ สงบและยับยั้งใบหน้าหล่อเหลานั้นไร้ระลอกคลื่นใดๆ ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชา“พ่อ จ้าวเฉิงไม่เป็นไรแล้ว พ่อด่าพี่สองแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น”"ฉันอยากทำมากกว่าด่าเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้ตระกูลจ้าวต้องการคําอธิบาย ถ้าเรื่องสกปรกแบบนี้แพร่ออกไป ตระกูลกงของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? พูดไปพูดมาก็คือไม่ควรให้คนเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า ซ้ำยังเป็นตัวหายนะ มีแต่พัวพันกับเรื่องผู้ชายไปหมด”คุณท่านกงมองหลิ่วเหอด้วยสีหน้าบึ้งตึง ความหมายชัดเจนตัวหายนะก็คือหลินจ
ตำรวจทำงานมีประสิทธิภาพมาก ทันทีที่หลินจืออี้ตกลงยอมความ พวกเขาก็นำหนังสือยอมความมาทันทีหนึ่งในนั้นคือตำรวจหญิงที่บันทึกคำพูดของหลินจืออี้เธอกล่าวเตือนด้วยเจตนาดีว่า “คุณแน่ใจว่าคิดดีแล้วเหรอ?”หลินจืออี้ถือปากกา ตัวสั่นเล็กน้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มเฝื่อน "ฉันคิดดีแล้ว เอาตามนี้แหละ"ใครให้เธอเป็นแค่มดแมลงในมือของคนอื่นตอนนี้กันละ?ไม่รอให้ตัวเองมีโอกาสเสียใจ หลินจืออี้รีบเซ็นชื่อทันทีตำรวจหญิงถอนหายใจ ก่อนถือหนังสือยอมความจากไปจากนั้น หลิวเหอก็ถือกล่องอาหารเข้ามาในห้องผู้ป่วยเมื่อสบตากัน หลินเหอรู้สึกผิดจนขอบตาแดงก่ำ"จืออี้..."“ฉันรู้หมดแล้ว คุณลุงไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินจืออี้ถามหลิวเหอเช็ดน้ำตา เทโจ๊กไปด้วย ถอนหายใจไปด้วย “ไม่เป็นไร แค่โดนด่าไปยกหนึ่ง ลูกก็รู้อารมณ์ของตาเฒ่า ต้องโทษจ้าวเฉิงคนนั้น พวกเดนมนุษย์!ดูเป็นคนดี ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้ "หลินจืออี้เอ่ยด้วยความอ่อนล้า "แม่ ฉันไม่อยากแต่งงาน"หลิวเหอเองก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ จึงว่าอย่างไม่ใส่ใจ “รู้แล้ว รู้แล้ว ยังไงตอนนี้คำวิจารณ์ก็เอนไปทางซ่งหว่านชิว ไม่มาถึงเราหรอก ไม่แต่งก็ไม่แต่ง แม่แค่กังวลคนในบ้า
หลินจื้ออี้มองดูโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งก่อนที่กินข้าวที่นี่คือเหตุการณ์ที่เธอเคยระเบิดใส่แม่ลูกตระกูลซ่งหว่านชิวคุณท่านกงซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแต่งตัวด้วยสูทเรียบร้อยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับเพราะคำนึงถามมารยาท หลินจื้ออี้จึงเอ่ยทักอย่างนอบน้อม “คุณท่าน”“อืม นั่งกินข้าวเถอะ”เขาโบกมือเชิญทุกคนเริ่มกินอาหารหลินจื้ออี้มองอาหารทะเลเต็มโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ แต่เพราะมีคุณท่านอยู่เธอจึงคีบแค่เนื้อวัวตรงหน้าเท่านั้นเธอไม่ได้เป็นตัวแทนแค่ตัวเองแต่ยังเป็นตัวแทนของหลิ่วเหอด้วยพอคิดถึงเรื่องที่หลิ่วเหอยังต้องใช่ชีวิตอยู่ในตระกูลกงนี้ต่อไป ทุกการกระทำของเธอในฐานะลูกสาวจึงมีความสำคัญมากขณะกำลังคิดอยู่นั้น หลิ่วเหอก็คีบอาหารทะเลให้เธอหลายอย่าง ทั้งปลาดิบ เนื้อหอยสังข์ และยังตักโจ๊กกุ้งล็อบสเตอร์ชามใหญ่ให้ด้วยหลิ่วเหอพูดเบาๆอย่างแนบเนียนว่า “กินก่อนนะ เดี๋ยวถ้าโต๊ะหมุนมาถึง ฉันจะหยิบหอยเป๋าฮื้อดำ ไส้กุ้งในหอยเชลล์ แล้วก็กุ้งทะเลย่างให้เธอ”หลินจื้ออี้พยักหน้ารัวๆ พูดในใจว่า ขอบคุณนะแม่เมื่อก่อนเธอไม่กินอาหารทะเลเพราะรู้สึกว่ามันคาว แต่หลังจากได้ลองอาหารทะเลฝีมือพ่อ
“ฉัน…เธอท้องแล้ว!ฉันขอตั้งสติก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้หลอกฉันทุกทางเลยเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันยังอุตส่าห์ช่วยทำใบรับรองว่าเธอมีปัญหาทางจิตใจให้!”หลี่ฮวนแทบกรี๊ดออกมา เขาถูกหลินจืออี้หลอกเต็มๆ!“พูดมา”กงเฉินยกมือถือออกห่างจากหูด้วยสีหน้ารำคาญใจ“ภาวะเสี่ยงแท้งส่วนใหญ่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารการกินก็ต้องระวัง โดยเฉพาะห้ามทำงานหนัก” หลี่ฮวนตอบ“อืม”“แล้วนายจะทำยังไง?เมื่อก่อนตอนที่มีข่าวลือ เธอยอมรับว่าคืนนั้นเธออยู่กับนาย นายก็อ้างกระแสสังคมแต่งงานกับเธอได้เลย คุณท่านก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่นี่เธอกลับไม่ยอม นายบอกฉันตามตรงนะ ตอนนั้นนายยอมร่วมมือกับคุณท่านกดดันเธอเพราะนายเองก็มีใจใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฮวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์กงเฉินก้มหน้าลงเล็กน้อย “วางสายละ”หลี่ฮวนรีบร้องห้ามเสียงดัง “นายนี่มันปากไม่ตรงกับใจชัดๆ นายต้องโชว์ข้อดีตัวเองบ้างนะ!”“โชว์ไปแล้ว”“อะไรนะ…” … ตู้ดๆๆ…ฝั่งนู้นสายตัดไปแล้วทิ้งให้หลี่ฮวนงงเป็นไก่ตาแตกโชว์ไปแล้ว?โชว์อะไรของมันวะ?.......หลังจากที่เฉินซู่หลานตรวจร่างกายเสร็จ กงเฉินก็ช่วยประคองเธอเดินออกจากตึกพอขึ้นรถมาด้วยกัน เฉินซู่หลานก็ยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“ฮะ? ฉัน...” หลินจืออี้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น“ตั้งครรภ์ระยะแรกนะมีเลือดออกนิดหน่อยต้องพักผ่อนให้มาก อย่ากระโดดโลดเต้นและอาหารการกินก็ต้องระวัง”“ไม่ใช่ค่ะคุณหมอ ฉัน...”“พอแล้ว คนต่อไป” หมอขีดปากกาลงใบตรวจแล้วเรียกคนถัดไปผู้หญิงคนต่อไปก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยหลินจืออี้เห็นว่าไม่มีเหตุผลจะต้องอธิบายต่อก็รีบถอยออกมาพอหันตัวกลับ ตึบ! ก็ชนเข้ากับใครบางคนเธอก้มหน้าลงขอโทษ “ขอโทษค่ะ”กำลังจะเดินหนีไปอยู่แล้วข้อมือของเธอกลับถูกคว้าไว้อย่างแรง“เธอโกหกฉัน?เธอท้องอยู่เหรอ”เสียงที่มักจะสงบนิ่งเยือกเย็นตอนนี้กลับปะทุไปด้วยความโกรธหลินจืออี้เงยหน้าขึ้นถึงพบว่าคนตรงหน้าก็คือกงเฉินเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?หรือว่ามากับซ่งหว่านชิว?แต่เห็นชัดๆ ว่าซ่งหว่านชิวมาก็เพื่อทำแท้งไม่ใช่เหรอ?หลินจืออี้ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้ชัดเจนข้อมือของเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเธอร้องเบาๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ท้อง!”กงเฉินหรี่ตามองความโกรธในดวงตายิ่งเพิ่มขึ้นแต่แรงที่มือก็คลายลงนิดหน่อยพร้อมกับเธอเข้าไปในห้องตรวจ“อาการของเธอเป็นยังไง?”หมอขยับแว่นมองห
แผนกสูตินรีเวชก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาก็คือหลินจืออี้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาซ่งหว่านชิวถึงแม้ว่าเธอจะแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนแต่แผ่นหลังนี้ก็ฝังอยู่ในหัวของหลินจืออี้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว เธอจะลืมได้อย่างไรกัน?แต่ซ่งหว่านชิวมาทำอะไรที่แผนกสูตินรีเวชล่ะ?“จืออี้ เป็นอะไรไป?” เฉินซู่หลานที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันมาส่งเสียงเรียกเธอ“ไม่มีอะไรค่ะ มาแล้ว”หลินจืออี้ก็รีบเดินตามไป แต่พอเธอหันกลับไปมองอีกที ซ่งหว่านชิวก็หายไปแล้วเฉินซู่หลานดึงแขนเธอไว้ แล้วชี้ไปที่บันไดข้างหน้า “ขึ้นทางนี้ก็ได้นะ”หลินจืออี้ได้สติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับเธอแบบเหม่อลอยหรือว่าที่ซ่งหว่านชิวเดินทะลุผ่านแผนกสูตินรีเวชเพราะว่าสะดวก?พอขึ้นไปถึงข้างบนหลินจืออี้ก็ช่วยเฉินซู่หลานจัดที่นั่งเพื่อรอคิวตรวจ หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของเฉินซู่หลาน เธอไว้ใจเขามากเป็นพิเศษเธอยอมรอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนเปลี่ยนหมอคนใหม่ตรวจหลินจืออี้เข้าใจดีคนมีเงินก็มักจะเลือกหมอที่ตัวเองไว้ใจได้และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนคนคงกลัวข้อมูลสุขภาพของตัวเองจะรั่วไหลกงเฉินก็เป็นแบบนั้น การตรวจร่างกายทุกค
“แก... แกอิจฉาฉันจริงๆ ด้วย แม้แต่ผู้ชายก็รั้งไว้ไม่ได้!” เฉินฮวนทุบกล่องในมือ“เหอะ” เซวียมั่นยิ้มเยาะและเดินออกไปทันที เธอขี้เกียจเกินไปที่จะตอบคําถามที่น่าเบื่อแบบนี้"แกหมายความว่ายังไง? แกพูดมาให้ชัดเจนนะ”เฉินฮวนรีบวิ่งไปที่เซวียมั่น แต่ถูกขวางโดยผู้ช่วยเบลล่าเบลล่ารีบเอ่ย "รปภ.พาคนออกไปเร็วเข้า อ้อ แล้วก็ขยะของมันด้วย"แล้วเฉินฮวนก็ถูกโยนออกไปหลินจืออี้ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรเลย ทั้งหมดนี้เป็นเฉินฮวนทำตัวเองทั้งนั้นเมื่อก้มหน้าทํางาน เธอก็เห็นซ่งหว่านชิวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพอดีซ่งหว่านชิวเอามือปิดปากเหมือนรู้สึกไม่สบายมาก จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตลุกขึ้นและออกจากที่นั่งไปหลินจืออี้รู้สึกแปลกใจ กําลังจะดูให้ละเอียด โทรศัพท์ก็สั่น“พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้าน แกจะมาไหม?”“อืม”“งั้นฉันจะทําอาหารที่แกชอบ มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วๆ หน่อย”“ได้”หลินจืออี้ยิ้มเมื่อเห็นข่าว เธอวางแผนว่าจะถือโอกาสพักผ่อนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกงเพื่อย้ายของที่เหลือไปที่คอนโดจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลกงเธอก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวา ดังนั้นหลังจากพักอย
บนรถกงเฉินและซ่งหว่านชิวเพิ่งนั่งได้มั่นคนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวอยู่แถวหน้าก็หันมามองกงเฉินอย่างประหม่า“คุณผู้ชาย ถ้าไม่ไปบริษัท งั้นผมก็จะไปถนนลี่หัวแล้วนะครับ”“อืม”กงเฉินตอบรับเบาๆ แล้วหลับตาพักผ่อนซ่งหว่านชิวเพิ่งพบว่าคนขับไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทําไมเปลี่ยนคนขับกะทันหันล่ะคะ? ทางก็ไม่คุ้นเคยแล้ว”กงเฉินหลับตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่คุ้นเคยทางขับไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง แค่คนที่แยกนายจ้างไม่ออกก็ไม่จําเป็นต้องเก็บไว้แล้ว”ได้ยินดังนั้น หน้าของซ่งหว่านชิวก็เหมือนมีรอยร้าวและเล็บที่เพิ่งทําใหม่ก็จิกลงไปในเบาะหนังแท้โดยตรงแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอยู่ "ค่ะ"จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกพอไปถึงบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหว่านชิวไม่กล้ารั้งกงเฉินไว้ พูดคําอําลาแล้วลงจากรถเหมือนวิ่งหนีกงเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปทันทีไม่รู้ว่าเธอเก็บกดเกินไปหรือเปล่า ซ่งหว่านชิวรู้สึกหมดแรง กระเพาะอาหารเริ่มปั่นป่วนอีกครั้งเธอผลักคนรับใช้ที่หิ้วชายกระโปรงราตรีให้เธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มอาเจียน"อ้วก... แหวะ...”ในเวลานี้ รถของฉินซวงก็จอดอยู่ที่ปร
ซ่งหว่านชิวเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดสําหรับเสิ่นเยียนที่จะเข้าใกล้วงการชนชั้นสูง ยอมทิ้งไปเพื่อคนอย่างเฉินฮวนมันไม่คุ้มค่าเลยดังนั้นเสิ่นเยียนจะต้องถือโอกาสบอกแผนการกับซ่งหว่านชิวแน่นอนซ่งหว่านชิวและเธอร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองก็สามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วน่าเสียดายที่เฉินฮวนเข้าใจช้าเกินไป เธอมองหลินจืออี้อย่างไม่เต็มใจ “แกเปลี่ยนเบอร์ห้อง แกมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่?”“เธอมั่นใจเกินไปแล้ว ตั้งแต่เธอจงใจวางรูปคู่กับสามีของประธานเซวียไว้ในตําแหน่งที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะทํางาน ฉันก็รู้ว่าเธอจะต้องมาชื่นชมผลงานชิ้นเอกของเธอแน่นอน” หลินจืออี้อธิบาย"ฉันแพ้แล้ว แต่แกก็ไม่ได้ชนะเหมือนกัน” เฉินฮวนพูดอย่างแค้นเคืองถึงยังไงก็ยังมีซ่งหว่านชิวและเสิ่นเยียนที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่หลินจืออี้เดินไปที่ประตู ชะงักไปครู่หนึ่ง มองเธออย่างเย็นชา “เธอไม่เคยเป็นเป้าหมายของฉันเลย”พูดจบเธอก็เดินจากไป...ณ ห้องจัดเลี้ยงเมื่อหลินจืออี้เข้าประตูมา ห้องทั้งห้องก็มืดลงซ่งหว่านชิวยืนอยู่กลางห้องโถงอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกงเฉิน รอของขวัญลึกลับในตํานานหลินจืออ
ทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเฉินฮวนรูปร่างหน้าตาและรูปร่างของเฉินฮวนนั้นถือว่าธรรมดาเท่านั้น แทบจะไม่สามารถเทียบได้กับเซวียมั่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีได้เลยด้วยซ้ำสามีของเซวียมั่นคิดยังไงกันแน่?เฉินฮวนห่อเสื้อผ้าและร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า "ประธานเซวีย ฉัน ฉันถูกใส่ร้ายนะคะ หลินจืออี้เรียกฉันมาที่ห้องรับรองเบอร์ 6! พอเข้ามาฉันก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวแล้วฉันก็ไม่รู้อะไรเลย”ทุกคนหูผึ่งกันทันที พล็อตเรื่องนี้กลับตาลปัตรได้ด้วยเหรอ?เซวียมั่นขมวดคิ้วมองหลินจืออี้ “เกิดอะไรขึ้น?”หลินจืออี้ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ “ประธานเซวีย ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทําไมเฉินฮวนถึงพูดแบบนี้ค่ะ ต่อให้ฉันจะให้เขาไปที่ห้องรับรองเบอร์ 6 เพื่อใส่ร้ายเขาจริง แต่นี่เป็นห้องรับรองเบอร์ 9 นะคะ”พูดจบเธอก็ชี้ไปที่ป้ายบนประตูมันเป็นเลข 9ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเฉินฮวนจ้องมองตัวเลขอย่างไม่เชื่อสายตา ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก จ้องหลินจืออี้เขม็งหลินจืออี้ยกยิ้มที่ริมฝีปากล่าง แสร้งทําเป็นกังวล “เฉินฮวน เมื่อกี้เธอบอกว่าฉันใส่ร้ายเธอเหรอ? แต่ในห้องนี้ยังมีสามีของประธานเซวียด้วยนะ เธอหมายความว่าฉันสมรู้ร่วมคิดกับเ
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆแต่เซวียมั่นไม่ได้ตกอยู่ในความสงสัยในตนเอง กลับหัวเราะเยาะ "คุณเพิ่งรู้จักฉันในวันแรกหรือไงกัน? ก่อนแต่งงานคุณชมว่าฉันฉลาดและพึ่งพาตนเอง ตอนนี้คุณกลับบอกว่าฉันแข็งแกร่งเกินไปเหรอ? ทําไมคุณไม่บอกว่าคุณอ่อนแอเกินไปล่ะ? ถึงต้องมาหาสิ่งที่เรียกว่าความน่าเกรงขามจากผู้หญิงคนหนึ่ง?”"คุณ! หย่าเดี๋ยวนี้เลย! ผมทนคุณไม่ไหวแล้ว”"ก็ควรจะหย่าจริงๆ นั่นแหละ แต่แกต้องออกจากบ้านตัวเปล่า! เรื่องดีๆ ของพวกแกสองคนคนเขาเห็นกันหมดแล้ว ถ้าพวกแกยังมียางอายก็เก็บข้าวของออกไปจากสตูดิโอของฉันซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตํารวจข้อหาพวกแกขโมยเอกสารสําคัญของสตูดิโอไป”“เธอ... เธอมีสิทธิ์อะไร? ฉันเป็นสามีของเธอ! ฉันขอให้แบ่งทรัพย์สินเท่าๆ กัน!" ชายคนนั้นโกรธจนหน้าแดงเซวียมั่นกําลังจะบอกว่าฝันไปเถอะ ซ่งหว่านชิวก็ก้าวไปข้างหน้าขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน“ประธานเซวียคะ กรุณาใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความผิดของสามีคุณเท่านั้น จืออี้รู้ทั้งรู้ว่าคุณมีบุญยังอ่อยสามีคุณอีก ฉันคิดว่าเธอควรขอโทษคุณมากที่สุดค่ะ”อ่อยหรือ?เหอะๆประโยคเดียวของซ่งหว่านชิวก็ทําให้ชายชั่ว