แชร์

ออกเดินทาง

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-12 17:30:20

มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พอได้ยินกับหูของตัวเอง หัวใจก็ยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่ดี

"แต่ว่าตัวข้านั้นเป็นสตรี เกรงว่าจะไม่เหมาะสม..."

"ทูลองค์หญิง แคว้นต้าชิงของเรานั้นกว้างขวาง มิได้แบ่งแยกหญิงชาย"

ราชทูตของต้าชิงเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ คำพูดของเขาทำให้นางเผลอคิดถึงสิ่งที่เคยเห็นในฝัน

ใช่แล้ว ที่นั่นไม่มีการแบ่งแยกสตรีบุรุษ ตั้งแต่ในสำนักศึกษา ทุกคนถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แคว้นต้าชิง และแคว้นเจียงหนานไม่ต่างกันเท่าใดนัก

เพียงแต่ว่ามู่หรงเซียวมิได้กังวลเรื่องธรรมเนียม นางกังวลเกี่ยวกับตัวบุรุษที่ปกครองแคว้นนั้นต่างหาก นางไม่อยากเข้าใกล้องค์จักรพรรดิต้าชิง ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเขา!

แต่ท้ายที่สุด ความกดดันจากสงครามก็ทำให้นางไม่มีทางเลือก

ขณะที่ขบวนคณะทูตของต้าชิงเริ่มออกเดินทางจากเขตพระราชฐาน มู่หรงเซียวก็ได้แต่มองเหล่าข้าราชบริพารและประชาชนที่มาร่วมส่งเสด็จ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย

นางมิใช่เพียงองค์หญิงของเจียงหนานอีกต่อไป แต่เป็นตัวประกันทางการเมืองของแคว้นต้าชิงด้วยเช่นกัน

เส้นทางระหว่างเจียงหนานและต้าชิงนั้นช่างยาวไกลเหลือเกิน

มู่ห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้ามิได้เกิดมาเพื่อเป็นหงส์

    มู่หรงเซียวชะงัก หัวใจเต้นกระหน่ำโดยไม่รู้ตัว นาง... นางเคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อนแม้จะไม่มีความทรงจำใดเกี่ยวกับหลิวหงหลันในชีวิตนี้ แต่เพียงแค่สบตากับนาง ความรู้สึกเกลียดชังที่อธิบายไม่ได้ ก็พลันพวยพุ่งขึ้นมาในอกนางจำได้...หลิวหงหลัน คือผู้หญิงในความฝัน คนที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของเซียวหยางมี่ นางเป็นสตรีที่ทำลายชีวิตของนางในอดีตมู่หรงเซียวรีบสะกดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้ ก่อนจะย่อตัวลงอย่างสง่างาม เอ่ยเสียงเรียบ"คารวะฝ่าบาท และเชื้อพระวงศ์ทุกท่าน ข้ามู่หรงเซียว องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงหนาน มาในฐานะราชทูตเพคะ"แม้จะพยายามทำตัวสงบเสงี่ยม แต่สีหน้าของหลิวหงหลันกลับ หมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดพระสนมผู้งดงามกำฝ่ามือแน่น จิกเล็บลงบนผิวเนื้อตัวเองจนขึ้นรอยแดง แววตาที่มองมู่หรงเซียวเต็มไปด้วยความ ไม่พอใจอย่างถึงที่สุด"..."ไม่ใช่แค่หลิวหงหลัน พระสนมอีกสองนางที่อยู่ด้านข้างก็มองนางอย่างไม่เป็นมิตร แม้พวกนางจะมิได้แสดงออกอย่างชัดแจ้ง เท่าหลิวหงหลัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่า การปรากฏตัวของนางไม่เป็นที่ต้อนรับในวังหลังแห่งนี้เพราะในตอนนี้ ตำแหน่งจักรพรรดินีของต้าชิง ยังคงว่างอยู่ และการที่องค์จักร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้า

    ทั่วทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงันหลิวหงหลันซึ่งนั่งอยู่ข้างบัลลังก์จิกเล็บลงบนฝ่ามือ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างข่มอารมณ์ขณะที่เหล่าพระสนมและขุนนางบางส่วนต่างพอใจในคำพูดของนาง แต่ขุนนางที่ต้องการผลักดันนางให้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนักแต่สิ่งที่มู่หรงเซียวสนใจมากกว่านั้นคือปฏิกิริยาของหวังเฟิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมององค์จักรพรรดิสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองแต่พระองค์กลับนิ่งเงียบ ริมฝีปากหยักลึกของจักรพรรดิยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ แต่ดวงเนตรสีทองกลับลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึงมู่หรงเซียวรู้ดีว่า...เขาย่อมจะไม่มีวันยอมให้ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอนยามราตรีเงียบงัน แต่เสียงฉินที่ดังแว่วไปทั่วตำหนักกลับทำลายความเงียบสงบ ลำนำที่ถูกบรรเลงช่างอ่อนหวานปนเศร้าโศก เหมือนเสียงเพรียกจากอดีตอันไกลโพ้น กรีดลึกลงกลางใจของผู้ฟังมู่หรงเซียวขมวดคิ้วแน่น“ดึกดื่นป่านนี้ ใครกันที่มาเล่นฉิน?”เสียงฉินดึงดูดให้นางออกจากตำหนัก นางก้าวย่างไปตามทำนองเพลง ราวกับถูกดึงเข้าไปในวังวนของเสียงนั้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงเมื่อเดินมาถึงลานกว้างของตำหนักใหญ่ นางก็พบกับ คนที่นางไม่อยากพบเป็นที่สุดบุรุษ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   เสแสร้ง

    ดวงตาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง เซียวหยางมี่เฝ้าสงสัยมาเนิ่นนานว่ามีบางสิ่งผิดปกติภายในจวนองค์ไท่จื่อ ทว่าสวามีของนางกลับหลงใหลพระสนมคนใหม่จนไม่สนใจฟังคำเตือนของนางเลย จนกระทั่งวันนี้ที่นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทุกอย่างจึงปรากฏชัดเสียงหัวเราะแหลมเล็กดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ็บปวดมากใช่หรือไม่?”เงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ แววตาที่มองลงมามีแต่ความเย้ยหยันกับความพึงพอใจ หลิวหงหลันในอาภรณ์งดงามย่อตัวลงช้าๆ เอียงคอเล็กน้อย ก่อนเอื้อมนิ้วเรียวเย็นเฉียบเชยคางของคนที่นอนจมกองเลือดขึ้นมา“แต่ข้าสามารถทำให้เจ้าเจ็บปวดได้มากกว่านี้อีกนะ พระชายา”เซียวหยางมี่กัดฟันแน่น แววตาฉายชัดถึงความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือคนผู้นี้“เจ้า... เจ้าทำสิ่งนี้ลงไปทำไม” เสียงของนางแหบพร่าเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน “ข้าเคยทำอะไรให้เจ้ากัน?”พระสนมคนงามแย้มรอยยิ้ม ทว่าดวงตากลับเย็นชา“เจ้าตั้งครรภ์บุตรขององค์ไท่จื่อ แล้วจะไม่ให้ข้าคิดกำจัดเจ้าได้อย่างไร?”เซียวหยางมี่แข็งค้างไปทั้งร่างนางปกปิดเรื่องครรภ์มาตลอด เพราะต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับพิษประหลาดที่ฮองเฮากำลังเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   แตกหัก

    ณ ตำหนักเย็น เซียวหยางมี่กุมหน้าท้องไว้แน่น ใบหน้าซีดเผือดดุจหิมะขาว นางรู้ดีว่าสิ่งที่สูญเสียไปในวันนี้ไม่มีวันเรียกกลับคืนมาได้อีกแล้วบุตรของนาง... สายเลือดของเขา... นางปกป้องไว้ไม่ได้...แต่ก่อนที่สติของนางจะดับวูบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเงาร่างของผู้ที่นางไม่ต้องการพบเห็นอีกหวังเฟิ่ง!“เซียวหยางมี่”เสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยความเย็นชา ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยโทสะที่กดเก็บไว้“ที่ผ่านมา ข้าคงใจดีกับเจ้ามากเกินไปสินะ ถึงข้าจะไม่โปรดปรานเจ้า แต่เจ้าถือสิทธิ์อะไรสังหารบุตรของข้ากัน?”สายตาของเขาจับจ้องมาที่นางอย่างเฉยชา ราวกับกำลังตัดสินโทษนางโดยไม่รอให้นางแก้ต่างบุตรของข้า... ที่เกิดจากครรภ์ของเจ้า...เซียวหยางมี่หัวเราะในใจอย่างขมขื่น สุดท้ายเขาก็ยังคงโทษนางนางที่อุ้มท้องมาโดยลำพัง นางที่ต้องต่อสู้กับกลลวงในวังหลัง นางที่ยอมถูกใส่ร้ายเพียงเพราะอยากปกป้องผู้เป็นแม่ของเขาเขากลับไม่เคยเชื่อใจ ไม่แม้แต่จะถามไถ่“องค์ไท่จื่อ...”นางเปล่งเสียงแหบแห้ง ร่างกายอ่อนแรงจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนหวังเฟิ่งแค่นเสียง หัวเราะเย้ยหยันใส่เซียวหยางมี่อย่างเย็นชา“ถือสิทธิ์อะไรกัน!”เขาก้าวเข้ามา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   แตกสลาย

    หลังจากที่เขาเดินออกไป น้ำตาของเซียวหยางมี่ก็หลั่งริน นางสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด นางตอบเขาไปตามที่สมองรับรู้และเข้าใจมาตลอดตั้งแต่เด็ก นางถูกพร่ำสอนให้ภักดีต่อราชวงศ์ แม้จะเป็นถึงพระชายา แต่สิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตลอดก็คืออย่ามอบหัวใจให้แก่สวามีของตน!อย่าให้ความรู้สึกมาทำลายหน้าที่!นางทำทุกอย่างในฐานะพระชายา ในฐานะสตรีขององค์ไท่จื่อ ในฐานะผู้ที่ถูกกำหนดให้ต้องรับใช้มังกร และหากมีสิ่งใดที่นางทำผิดพลาด...ก็คือการปกป้องบุตรในครรภ์ไม่ได้เซียวหยางมี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า สติของนางขาดสะบั้นลงไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่สูญเสียทุกสิ่งนางหยิบผ้าแพรผืนหนึ่งขึ้นมา ผูกมันไว้กับขื่อ ดวงตาที่เคยงดงามสะท้อนเพียงความว่างเปล่าหากท่านหมดรักข้าอย่างแท้จริง...หากทุกสิ่งที่เคยมีจบลงแล้ว...ข้าก็จะลืมทุกอย่างเช่นกันไม่ว่าชาติภพไหน... ก็อย่าได้พานพบกันอีกเลยทันใดนั้น ความฝันของมู่หรงเซียวพลันสะดุดลง ร่างของนางสะดุ้งเฮือก หอบหายใจหนักหน่วง ภาพของเซียวหยางมี่ที่ห้อยอยู่กับผ้าแพรยังคงติดตรึงในดวงตาแสงสว่างพลันพวยพุ่งออกจากแท่นศิลาศักดิ์สิทธืโอบล้อมมู่หรงเซียวราวกับต้องการพันธนาการนางไว้ สาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   สายตาคู่นั้น

    มู่หรงเซียวกำมือแน่น ความเจ็บปวดจากอดีตประหนึ่งหนามแหลมที่ทิ่มแทงลงไปในใจของทั้งสองฝ่าย นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถึงความทรงจำเดิมจะกลับมา แต่ร่างกายนี้และวิญญาณนี้เป็นของมู่หรงเซียว องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงหนาน หาใช่เซียงหยางมี่!”ดวงตาสีทองของหวังเฟิ่งไหวระริกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะเอ่ยนามหนึ่งที่แสนคุ้นเคย“เซียวหยางมี่...”“ข้าเป็นคนของเจียงหนาน และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปเพราะฉะนั้นฝ่าบาทโปรดให้เกียรติข้า... และแคว้นเจียงหนาน ของข้าด้วย”ความเงียบโรยตัวราวกับม่านหมอกปกคลุมบรรยากาศ หวังเฟิ่งจ้องมองนางนิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะแค่นรอยยิ้มบางๆ“ดี เช่นนั้นเราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะหนีจากข้าไปได้อีกนานแค่ไหน...”จากนั้น เขาก็ค่อยๆ คลายมือออก ปล่อยให้มู่หรงเซียวหลบหนีไปอีกครั้ง แต่ในใจของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยแผนการที่จะทำให้นางกลับคืนมาเพราะครั้งนี้... เขาไม่มีวันปล่อยนางไปอีกเป็นครั้งที่สองหวังเฟิ่งถอนหายใจ ก่อนจะผละกายออกไป เขาต้องถอยไปตั้งหลัก ไม่ใช่เพราะยอมแพ้ แต่เพราะต้องหาวิธีทำให้นางยอมเปิดใจอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าหลังจากที่เซียวหยางมี่ฟื้นคืน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   คำขู่

    ในค่ำคืนนี้ ณ พระราชวังต้าชิงที่แสนจะเงียบสงัด มู่หรงเซียวที่ตั้งใจจะกลับตำหนักของตนชะงักฝีเท้า นางสัมผัสได้ถึงความเงียบผิดปกติ แต่ทว่า ก่อนที่นางจะก้าวไปได้ไกลกว่านั้น“หมับ!”มือใหญ่คว้าข้อมือนางไว้แน่น มู่หรงเซียวเงยหน้าขึ้น และพบว่าตนเองถูกกักอยู่ระหว่างกำแพงเย็นเยียบและร่างสูงของจักรพรรดิหวังเฟิ่ง...ดวงตาสีทองของเขาทอประกายลึกล้ำ จับจ้องนางราวกับจะมองทะลุผ่านหัวใจของนางไปให้ได้"เจ้าหลบหน้าข้า"เป็นประโยคเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจหลีกหนีมู่หรงเซียวเชิดคางขึ้น ดวงตาไร้อารมณ์ของนางสบกับสายตาคมกริบของเขา ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงเรียบ"ฝ่าบาทคิดไปเอง""ข้ารู้ว่าเจ้าโกหก"ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ สายลมพัดโชยเอากลิ่นหอมประจำกายของเขาแตะต้องปลายจมูกของนาง"หรือว่าเจ้ายังกลัวข้าอยู่?"มู่หรงเซียวกำมือแน่น สูดหายใจลึกก่อนเอ่ยตอบ"หม่อมฉันเป็นราชทูตของเจียงหนาน โปรดให้เกียรติหม่อมฉันด้วย""หากข้าไม่ให้ล่ะ?"มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปาก สายตาของเขาทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังในกรงขังที่มองไม่เห็นหวังเฟิ่งเอื้อมมือมาสัมผัสปลายเส้นผมของนางก่อนจะกระซิบเสียงเบา"เจ้าหนีข้าไม่ได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้าทำอะไรลงไป

    หลิวหงหลันแอบมองเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นองค์ไท่จื่อในสำนักศึกษา นางพยายามเข้าหาเขา พยายามแสดงความภักดี แต่องค์ชายหวังเฟิ่งกลับมีเพียง "เซียวหยางมี่" อยู่ในสายตาเสียงของเสนาบดีหลิวชาง บิดาของนางในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหัว"หากเจ้าไม่อาจเป็นที่รัก ก็จงเป็นผู้ควบคุมเสียเอง"ด้วยเหตุนี้นางจึงถูกผลักดันเข้าสู่วังหลังในฐานะพระสนม เพื่อนำอำนาจของตระกูลหลิวของอดีตฮองเฮามาค้ำจุนบัลลังก์ของต้าชิงแต่แล้วสิ่งที่นางได้รับกลับเป็นเพียงความเย็นชา เพราะในพระทัยของฝ่าบาทนางเป็นได้เพียงเงา ไม่สิ... ต้องกล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีสตรีนางใดเคยได้ร่วมคืนวสันต์กับฝ่าบาทเลย นอกจาก ‘เซียวหยางมี่’ เพียงผู้เดียว"ไม่ว่าจะเป็นหลิวหงหลัน หรือเหล่าพระสนมที่ถูกส่งเข้าวังหลังมามากมาย ล้วนแต่เป็นเพียงหุ่นเชิดไร้ค่าในตำหนักที่เงียบเหงา มีไว้เพื่อคานอำนาจกับตระกูลต่างๆแม้ภายนอกจะดูเหมือนจักรพรรดิทรงมีวังหลังที่พรั่งพร้อม แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีสตรีใดเคยได้ครอบครองพระองค์ ไม่มีผู้ใดเคยได้รับแม้แต่สัมผัสแห่งความรักสตรีที่ตายจากไปเมื่อสิบหกปีก่อน กลับเป็นเพียงคนเดียวที่เคยได้ครอบครองราตรีอันอบอุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status