แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-18 03:33:42

บทที่ 2

“เสด็จแม่ ออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิทำอันตรายท่านหรอก ออกมาเถิด ออกมา” ไท่จื่อลากกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตเกี่ยวผ้าม่านออกดูว่ามีคนแอบซ่อนอยู่ด้านหลังหรือไม่ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังระงมไปทั้งตำหนัก

กลางดึกคืนหนึ่งพระจันทร์กลายเป็นสีเลือด องค์รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังหลวง สังหารฮองเต้กลางแท่นบรรทม

เจียวเอินจวิ้น นางเป็นฮองเฮาและเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ นั่งเอาหน้าซุกตรงหว่างขาตัวสั่นงันงก กลั้นลมหายใจและเสียงสะอื้น เกรงกลัวคนที่ถือกระบี่สังหารจะได้ยิน

หีบใบโตถูกเปิดออก นัยน์ตาองค์ไท่จื่อวาววับ ในที่สุดก็เจอเป้าหมาย กระชากร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลิ่วออกมากระแทกพื้นด้านนอก

อั้ก “ฮื่อ หลงเอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้” ร่างบางกระแทกพื้นลงอย่างแรง เจียวเอินจวิ้นทั้งเจ็บทั้งจุกไปทั้งร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจของนาง นางช้อนตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำและความเจ็บปวด มองโอรสเพียงคนเดียวของพระนาง

“ยังไงบัลลังก์ก็เป็นของเจ้า เปิ่งกงทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอด”

ไท่จื่อยิ้มเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม

“ข้ารอไม่ไหว เสด็จพ่อยังแข็งแรง ในเมื่อเสด็จแม่สร้างอำนาจมาให้ข้าแล้ว สงเคราะห์ข้าอีกอย่างเถิด มอบลมหายใจของท่านให้ข้าเถอะ” ไท่จื่อบักกระบี่คมลงบนอกฮองเฮาไม่ลังเลเลยซักนิด อำนาจ ความยิ่งใหญ่ ให้เขารออีกงั้นเหรอ ไม่มีวัน แค่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่สิ้นลมหายใจไป ข้าก็ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์มังกร ง่ายราวพลิกฝ่ามือ

“ข้าขอบคุณท่านที่ทำให้ข้ามีอำนาจ จนสามารถทำการใหญ่สำเร็จลุล่วง ลาก่อนเสด็จแม่” ไท่จื่อ ชักกระบี่ออกจากอกที่เคยดื่มกินนม ยืนมองร่างของสตรีสูงศักดิ์ที่ค่อยๆ หายใจรวยริน เขาจะยืนดูจนแน่ใจว่านางสิ้นใจแล้วจริงๆ

เจียวเอินจวิ้นกระอักเลือดทันทีที่ปลายกระบี่หลุดออกจากร่าง ไม่มีแม้แรงที่จะเอ่ยปากอ้อนวอนขอชีวิต เหตุใดโอรสที่นางอุ้มท้อง เลี้ยงมาด้วยสองมือ สร้างฐานอำนาจให้เขาบีนป่ายจึงลงมือสังหารนางโดยที่แววตามิรู้สึกผิดอันใดเลย

“ไม่! แฮ่กๆ “

“คุณหนูเจ้าค่ะ” ฮวาเจียวรีบพุ่งตัวจากฟูกนอนไปกอดร่างคุณหนูเล็กทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดร้อง

“ฝันร้าย แค่ฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าอยู่ข้างๆ คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ” ฮวาเจียวโอบกอดร่างน้อยๆ ที่ตัวสั่นเทาเอาไว้ ลูบหลังแผ่วเบาๆ ปลอบประโลม

“อื่อ ข้าไม่เป็นไรแล้ว พี่ฮวาเจียวไปนอนต่อเถอะ” จูไป๋เสวี่ย ผละออกจากอ้อมกอดสาวใช้ เมื่อตั้งสติได้ว่าเมื่อกี้นางเพียงฝันไปเท่านั้น เด็กน้อยในวัย 10 หนาว ฝันร้ายบ่อยครั้ง จนสาวใช้ต้องปูฟูกนอนข้างเตียงมาตั้งแต่จำความได้

ฝันร้าย มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน อดีตชาติก่อนของนาง ก่อนที่จะสิ้นใจ นางเกิดใหม่ แต่ยังจำชาติที่แล้วได้ทุกอย่าง จูไป๋เสวี่ยปาดน้ำตาออกจากใบหน้าน้อย

“คุณหนูนอนต่อนะเจ้าค่ะ ข้าจะนั่งตรงนี้จนกว่าท่านจะหลับ” ฮวาเจียวกดร่างน้อยลงกับเตียงนอน คุกเข่าลงข้างเตียง กุ้มมือคุณหนูของนางเอาไว้แน่น

จูไป๋เสวี่ย นอนลงตามแรงกดอย่างว่าง่าย ค่อยๆ หลับตา ลมหายใจสม่ำเสมอจนเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

บทที่3

เหมันต์ฤดู พัดผ่านอีกคร่า ดรุณีน้อยนั่งเท้าคางที่มุมหน้าต่างมองหิมะแรกยามเช้าตรู่

จูไป๋เสวี่ยเข้าสู่วัย 17 หนาว ที่ผ่านมาฝันร้ายตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา,เลิกร้าง เป็นนางเองที่ยังจำฝังใจ ใครเลยจะลืมสายตาเย็นชาจากเลือดในอกตนเองได้ลง ตราบาปที่นางเคยฆ่าชิงพรากพลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้นางจำอดีตชาติเลวร้ายที่ตนเองทำเอาไว้ทั้งหมด

“คุณหนูเจ้าค่ะ ถูกหิมะจนผมชื้นหมดแล้ว เข้าไปอาบน้ำสระผมแช่น้ำให้ตัวอุ่นเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

ไป๋เสวี่ยเอี้ยวตัวมาส่งยิ้มหวานให้สาวใช้ประจำตัว ฮวาเจียวเป็นดั่งคนรู้ใจ เหมือนพี่สาวที่ดูแลนางมาตั้งแต่จำความได้ จูไป๋เสวี่ยมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ อายุ21 เป็นองค์รักษ์เกราะทอง พี่รองอายุ 20เปิดโรงหมอรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไม่ไกลจวนสกุลจูเท่าไหร่ ส่วนพี่สามและพี่สี่ช่วยบิดาดูแลโรงเตี้ยมและเหลาอาหาร อายุ18-19ตามลำดับ เกิดหัวปีท้ายปี เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าบิดาของนางรักมารดามากขนาดไหน หากไม่เพราะวันที่คลอดนาง จูฮูหยินตกเลือดจนเกือบเสียชีวิต นางคงมีน้องๆ วิ่งตามหลังอีกเป็นขบวณ

สกุลจู เป็นเพียงคนค้าขายเปิดโรงเตี้ยมและเหลาอาหาร อยู่หัวเมืองติดกับแคว้นฉู่ แม้จะห่างไกลเมืองจากเมืองหลวงแต่ก็เป็นเมืองค้าขายเพราะติดชายแดน ทำให้โรงเตี๊ยมและเหลามีผู้คนใช้บริการมากมาย

จูไป๋เสวี่ย ได้อยู่อย่างสงบสุขท่ามกลางพี่ชายทั้งสี่ บิดารมารดารักใคร่กลมเกลียว จวนสกุลจูไม่ใหญ่โตมากนักมีบ่าวรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้นจึงง่ายต่อการควบคุมและดูแล งานในจวนก็ไม่ได้ยุ่งยากหรือมากมายเท่าไรเพราะนายแต่ล่ะคนก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย หากใครว่างงานก็สามารถไปช่วยงานที่โรงเตี๊ยมได้เบี้ยหวัดเพิ่ม

“พี่ฮวาเจียว วันนี้ข้าจะไปโรงหมอของพี่รอง ให้คนเตรียมรถม้าให้ที” ไป๋เสวี่ยเดินเข้าห้องอาบน้ำที่สาวใช้คนสนิทเตรียมไว้รอ

“เจ้าค่ะ” ฮวาเจียว นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาพาดเตรียมรอไว้ที่ราว มองแผ่นหลังคุณหนูเล็กเดินผ่านเข้าห้องอาบน้ำ ทุกย่างก้าวล้วนน่ามอง เวลาเยื้องกรายดุหงส์สยายปีก กริยางดงามจับตาราวสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้าเล็กเพียงฝ่ามือ ผิวขาวเนียนราวหิมะ แก้มชมพูอิ่มเอิบรับกับริมฝีปากบางราวกลีบดอกไม้ ทุกครั้งที่นางออกไปช่วยงานที่โรงหมอของคุณชายรอง หรือไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อนช่วยงานนายท่าน เหล่าคุณชายทั้งหลายจะมาแอบยืนมองไม่กันวางตา ก็ใครจะอดใจไหวกัน ขนาดนางเป็นหญิงเห็นกันมาตั้งแต่อยู่ในห่อผ้าอ้อม ยังอดตกตะลึงในความงามนี้ไม่ได้

เทียบหมั้นหมายมีมาไม่ขาดสายตั้งแต่วันเข้าพิธีปักปิ่น แต่นายท่านปฏิเสธไปหมด นายท่านทั้งรักทั้งหลงบุตรสาวคนเดียว ไม่ใช่แค่นายท่าย คุณชายทั้งสี่ก็หวงน้องสาวไม่ต่างกัน จึงไม่มีคุณชายบ้านใดได้เข้าใกล้ชิดหรือเข้ามาสานสัมพันธ์ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง อีกทั้งคุณหนูของนางก็ไม่ได้สนใจใครเลย

‘ลูกสาวคนเดียวข้าเลี้ยงได้ ข้าจะให้นางแต่งกับคนที่นางรักเท่านั้น’ คือคำที่นายท่านประกาศ ตอนที่แม่สื่อมาค่อนแคะว่าอายุเริ่มมากหากเล่นตัวจะไม่มีชายใดมาสู่ขอ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 3

    บทที่ 3เหมันต์ฤดู พัดผ่านอีกครา ดรุณีน้อยนั่งเท้าคางที่มุมหน้าต่างมองหิมะแรกยามเช้าตรู่จูไป๋เสวี่ยเข้าสู่วัย 17 หนาว ที่ผ่านมาฝันร้ายตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา,เลิกร้าง เป็นนางเองที่ยังจำฝังใจ ใครเลยจะลืมสายตาเย็นชาจากเลือดในอกตนเองได้ลง ตราบาปที่นางเคยฆ่าชิงพรากพลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้นางจำอดีตชาติเลวร้ายที่ตนเองทำเอาไว้ทั้งหมด“คุณหนูเจ้าค่ะ ถูกหิมะจนผมชื้นหมดแล้ว เข้าไปอาบน้ำสระผมแช่น้ำให้ตัวอุ่นเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”ไป๋เสวี่ยเอี้ยวตัวมาส่งยิ้มหวานให้สาวใช้ประจำตัว ฮวาเจียวเป็นดั่งคนรู้ใจ เหมือนพี่สาวที่ดูแลนางมาตั้งแต่จำความได้ จูไป๋เสวี่ยมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ อายุ21 เป็นองครักษ์เกราะทอง พี่รองอายุ 20เปิดโรงหมอรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไม่ไกลจวนสกุลจูเท่าไหร่ ส่วนพี่สามและพี่สี่ช่วยบิดาดูแลโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อายุ18-19ตามลำดับ เกิดหัวปีท้ายปี เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าบิดาของนางรักมารดามากขนาดไหน หากไม่เพราะวันที่คลอดนาง จูฮูหยินตกเลือดจนเกือบเสียชีวิต นางคงมีน้องๆ วิ่งตามหลังอีกเป็นขบวนสกุลจู เป็นเพียงคนค้าขายเปิดโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อยู่หัวเมืองติดกับแคว้นฉู่ แม้จะห่างไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 4

    บทที่ 4จูไป๋เสวี่ยมาช่วยงานที่โรงหมอ สลับกลับไปช่วยงานที่โรงเตี๊ยม ชีวิตนางมีความสุขมากเหลือเกิน ไม่ต้องคิดแผนการ ไม่ต้องกลัวนางสนมคนไหนจะช่วงชิงความโปรดปรานของฮองเต้ไปจากนาง ไม่ต้องค่อยผลักดันตระกูลเจียวให้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องหาเงินทองมากมายมาเลี้ยงกองทัพให้ไท่จื่อระหว่างที่สาละวนเตรียมห่อยาตามเทียบที่ญาติคนป่วยส่งมาให้นางจัดยาให้อยู่นั้น“ได้ข่าวจากเมืองหลวง ฮองเต้จะคัดนางสนมเข้าวัง”“ที่มีอยู่มากมายยังไม่พออีกหรือ”“พระองค์เพิ่งจะอายุ 40 ปีเอง ปีแรกที่ครองราชย์ก็เกณฑ์คุณหนูตะกูลขุนนางเข้าเป็นสนม สงสัยคราวนี้จะเกณฑ์หญิงสาวตามหัวเมืองต่างๆ” พูดแล้วก็เมี่ยงมองมาทางคุณหนูจูที่กำลังห่อเทียบยาอยู่ หากถูกเกณฑ์เข้าวัง ดูแล้วคุณหนูจูคงมีรายชื่ออยู่ในนั้นเป็นแน่ได้ยินเสียงคุยตรงหน้าทำเอาจูไป๋เสวี่ยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ฮองเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่น คือโอรสองค์เดียวของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น อดีตของนางในชาติภพเก่าฮองเต้หลงขึ้นครองราชย์ได้ 20 ปีแล้วหลังจากทำการกบฏ สังหารเชื้อพระวงศ์ในวังหลังทุกคนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว องค์ชายที่อยู่ต่างเมืองหรือเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในรั้ววังก็ถูกสังหารจน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 5

    บทที่ 5zuó yè xiaǒ lóu yóu dōng fēngเมื่อลมบูรพาผัดผ่านอีกครั้งsi shi nián jiā guó sān qiān li di shōu rú shui náng zhōngสี่สิบปีแห่งอาณาจักรบ้านเกิด ดินแดนสามพันลี่ ถูกผู้อื่นยึดครองแล้วnán gē zi li chàng yà shēng duàn le pi pá huà zhēngบทเพลงแห่งแดนใต้ ถูกขับร้องด้วยเสียงแหบแห้ง สายผีผาและกู่เจิงขาดสะบั้นxian shàng xiè hóng wú suô shi cóngสายนั้นอาบไปด้วยโลหิต จนไม่รู้ต้องทำอย่างไรyī yàng wu xiù huàn tàng gōngนักคีตร่ายรำเช่นเดียวกับในวังถังyân kàn tā rú wǒ jiāng shān zuò yōngมองดูเขาเช่นที่ข้าเคยมี นั่งบัลลังก์ปกครองแผ่นดินนี้wǒ què rù fēi péngบัดนี้ข้าเป็นเพียงหญ้าป่าที่ล่อลอยอยู่เสียงดีดกู่เจิงและขับร้องบทเพลงจากคุณหนูจูบุตรสาวของเจ้าของเหลา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหลาอาหารขึ้นชื่อผู้คนมากมายต่างรู้จัก หากใครมายื่นเมืองหยิ่งตู่ แล้วไม่มาฟังคุณหนูจูไป๋เสวี่ยขับร้องย่อมมาไม่ถึง นางจะมาเพียงสัปดาห์ล่ะ 1 วันเท่านั้น ทำให้ยิ่งเป็นจุดขายให้เหลาอาหาร ผู้คนนักเดินทางต่างพากันจับจองล่วงหน้านับเดือนเพื่อจะมาฟังนางร้องซักครั้ง“คุณหนู คุณชายของข้าอยากเชิญท่านร่วมโต๊ะอาหาร”“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 6

    บทที่6แม่ทัพหลิวเสวียอี้ สั่งให้รองแม่ทัพแฝงตัวออกไปหาข่าวรอบๆ เหลาอาหาร ทุกครั้งที่คุณหนูจูไป๋เสวี่ยมาขับร้องเพลงที่เหลา มักจะมีขุนนางและพ่อค้าจากต่างเมืองมาฟังนางมากมาย ส่วนตัวเขาจะไปซุ่มดูว่าองค์ชายสามคุยอะไรกับคุณหนูจูบ้าง เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้“ให้ข้าไปซุ่มดูองค์ชายสามเถิด” ไป๋ชู่แกล้งขัด เฮอะให้ข้าไปลอบฟังคนอื่น ส่วนท่านไปลอบฟังองค์ชาย ไม่ได้คิดการอื่นแน่หรอ ไม่ใช่ไปแอบดูหน้าแม่นางจูซะมากกว่า“ตกลงข้าเหรอเจ้าที่เป็นแม่ทัพ”“แน่นอนว่าท่าน” รองแม่ทัพไป๋ชู่รีบลุกจากโต๊ะตัวปลิวออกจากห้องรับรองทันที ก่อนทีอย่างอื่นจะปลิวลงหัวเขาแทนหลิวเสวียอวี้ใช้วรยุทธเร้นกายไปหลบซ่อนข้างๆ น้ำตก ทุกครั้งที่มองใบหน้ากระจ่างใสของแม่นางจู หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเจ็บต้องยกมือมากดแนบหน้าอกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบนาง และที่มายืนตรงนี้เพราะเขากลัวนางจะถูกองค์ชายสามล่วงเกินแม้จะอยู่ในที่โล่งแจ้ง มีบ่าวรับใช้ยืนข้างๆ อีก3คน แต่ชื่อเสียขององค์ชายสามก็มีไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้เข้าไปช่วยนางทัน แม้นางจะเป็นวรยุทธเขาก็ไม่ไว้ใจ“แม่นางจู ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 1

    บทที่ 1เหมันต์ฤดู พัดผ่าน จูฮูหยิน คลอดบุตรคนที่ 5 ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบุตรชายทั้งสิ้น หนนี้นางให้กำเนิดบุตรสาว เด็กน้อยผิวขาวราวกับหิมะแรก แก้มแดงราวผลผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล)“ยินดีด้วยเจ้าค่ะจูฮูหยิน ท่านได้ลูกสาว” หมอตำแยผู้ที่ทำคลอดให้ทุกท้องรีบเอ่ยบอกทันทีที่ดึงทารกน้อยออกมาจากครรภ์ นางรู้ดีว่าจูฮูหยินอยากได้บุตรสาว ในที่สุดก็สมใจซักที รีบส่งทารกน้อยให้สาวใช้เช็ดด้วยด้วยน้ำอุ่น ทารกก็เปล่งเสียงร้องจ้าออกมาทันที“อุ้มมาให้ข้า ข้าอยากเห็นนาง” จูฮูหยินเสียงแหบพร่าแทบหมดเรียวแรง ทารกตัวโตเหลือเกิน แม้จะผ่านการคลอดบุตรมาถึงสี่ครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าที่ผ่านมาความเจ็บหน่วงปวดร้าวบนอกยังมิคลายดีก็หมดสติไป เสียงอึกกระทึกวุ่นวาย เจียวเอินจวิ้นจึงค่อยๆ ลืมตา แสบตาจนตาพร่ามัว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชัดเจน นางกำลังถูกผู้คนแปลกหน้ารายล้อม ‘พวกเจ้าเป็นใคร จะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเดียวนี้’นางพยายามดีดดิ้นสุดแรงออกจากงื้อมือ แต่นางมิอาจสู้แรงได้ จึงตะโกนร้องจนสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กทารกเท่านั้นสาวใช้ห่อทารกน้อยด้วยผ้าขาวสะอาดและห่อด้วยผ้าห่มสีแดงผื่นเล็กป้องกันความหนาวอีก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 6

    บทที่6แม่ทัพหลิวเสวียอี้ สั่งให้รองแม่ทัพแฝงตัวออกไปหาข่าวรอบๆ เหลาอาหาร ทุกครั้งที่คุณหนูจูไป๋เสวี่ยมาขับร้องเพลงที่เหลา มักจะมีขุนนางและพ่อค้าจากต่างเมืองมาฟังนางมากมาย ส่วนตัวเขาจะไปซุ่มดูว่าองค์ชายสามคุยอะไรกับคุณหนูจูบ้าง เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้“ให้ข้าไปซุ่มดูองค์ชายสามเถิด” ไป๋ชู่แกล้งขัด เฮอะให้ข้าไปลอบฟังคนอื่น ส่วนท่านไปลอบฟังองค์ชาย ไม่ได้คิดการอื่นแน่หรอ ไม่ใช่ไปแอบดูหน้าแม่นางจูซะมากกว่า“ตกลงข้าเหรอเจ้าที่เป็นแม่ทัพ”“แน่นอนว่าท่าน” รองแม่ทัพไป๋ชู่รีบลุกจากโต๊ะตัวปลิวออกจากห้องรับรองทันที ก่อนทีอย่างอื่นจะปลิวลงหัวเขาแทนหลิวเสวียอวี้ใช้วรยุทธเร้นกายไปหลบซ่อนข้างๆ น้ำตก ทุกครั้งที่มองใบหน้ากระจ่างใสของแม่นางจู หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเจ็บต้องยกมือมากดแนบหน้าอกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบนาง และที่มายืนตรงนี้เพราะเขากลัวนางจะถูกองค์ชายสามล่วงเกินแม้จะอยู่ในที่โล่งแจ้ง มีบ่าวรับใช้ยืนข้างๆ อีก3คน แต่ชื่อเสียขององค์ชายสามก็มีไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้เข้าไปช่วยนางทัน แม้นางจะเป็นวรยุทธเขาก็ไม่ไว้ใจ“แม่นางจู ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 5

    บทที่ 5zuó yè xiaǒ lóu yóu dōng fēngเมื่อลมบูรพาผัดผ่านอีกครั้งsi shi nián jiā guó sān qiān li di shōu rú shui náng zhōngสี่สิบปีแห่งอาณาจักรบ้านเกิด ดินแดนสามพันลี่ ถูกผู้อื่นยึดครองแล้วnán gē zi li chàng yà shēng duàn le pi pá huà zhēngบทเพลงแห่งแดนใต้ ถูกขับร้องด้วยเสียงแหบแห้ง สายผีผาและกู่เจิงขาดสะบั้นxian shàng xiè hóng wú suô shi cóngสายนั้นอาบไปด้วยโลหิต จนไม่รู้ต้องทำอย่างไรyī yàng wu xiù huàn tàng gōngนักคีตร่ายรำเช่นเดียวกับในวังถังyân kàn tā rú wǒ jiāng shān zuò yōngมองดูเขาเช่นที่ข้าเคยมี นั่งบัลลังก์ปกครองแผ่นดินนี้wǒ què rù fēi péngบัดนี้ข้าเป็นเพียงหญ้าป่าที่ล่อลอยอยู่เสียงดีดกู่เจิงและขับร้องบทเพลงจากคุณหนูจูบุตรสาวของเจ้าของเหลา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหลาอาหารขึ้นชื่อผู้คนมากมายต่างรู้จัก หากใครมายื่นเมืองหยิ่งตู่ แล้วไม่มาฟังคุณหนูจูไป๋เสวี่ยขับร้องย่อมมาไม่ถึง นางจะมาเพียงสัปดาห์ล่ะ 1 วันเท่านั้น ทำให้ยิ่งเป็นจุดขายให้เหลาอาหาร ผู้คนนักเดินทางต่างพากันจับจองล่วงหน้านับเดือนเพื่อจะมาฟังนางร้องซักครั้ง“คุณหนู คุณชายของข้าอยากเชิญท่านร่วมโต๊ะอาหาร”“

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 4

    บทที่ 4จูไป๋เสวี่ยมาช่วยงานที่โรงหมอ สลับกลับไปช่วยงานที่โรงเตี๊ยม ชีวิตนางมีความสุขมากเหลือเกิน ไม่ต้องคิดแผนการ ไม่ต้องกลัวนางสนมคนไหนจะช่วงชิงความโปรดปรานของฮองเต้ไปจากนาง ไม่ต้องค่อยผลักดันตระกูลเจียวให้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องหาเงินทองมากมายมาเลี้ยงกองทัพให้ไท่จื่อระหว่างที่สาละวนเตรียมห่อยาตามเทียบที่ญาติคนป่วยส่งมาให้นางจัดยาให้อยู่นั้น“ได้ข่าวจากเมืองหลวง ฮองเต้จะคัดนางสนมเข้าวัง”“ที่มีอยู่มากมายยังไม่พออีกหรือ”“พระองค์เพิ่งจะอายุ 40 ปีเอง ปีแรกที่ครองราชย์ก็เกณฑ์คุณหนูตะกูลขุนนางเข้าเป็นสนม สงสัยคราวนี้จะเกณฑ์หญิงสาวตามหัวเมืองต่างๆ” พูดแล้วก็เมี่ยงมองมาทางคุณหนูจูที่กำลังห่อเทียบยาอยู่ หากถูกเกณฑ์เข้าวัง ดูแล้วคุณหนูจูคงมีรายชื่ออยู่ในนั้นเป็นแน่ได้ยินเสียงคุยตรงหน้าทำเอาจูไป๋เสวี่ยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ฮองเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่น คือโอรสองค์เดียวของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้น อดีตของนางในชาติภพเก่าฮองเต้หลงขึ้นครองราชย์ได้ 20 ปีแล้วหลังจากทำการกบฏ สังหารเชื้อพระวงศ์ในวังหลังทุกคนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว องค์ชายที่อยู่ต่างเมืองหรือเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในรั้ววังก็ถูกสังหารจน

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 3

    บทที่ 3เหมันต์ฤดู พัดผ่านอีกครา ดรุณีน้อยนั่งเท้าคางที่มุมหน้าต่างมองหิมะแรกยามเช้าตรู่จูไป๋เสวี่ยเข้าสู่วัย 17 หนาว ที่ผ่านมาฝันร้ายตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา,เลิกร้าง เป็นนางเองที่ยังจำฝังใจ ใครเลยจะลืมสายตาเย็นชาจากเลือดในอกตนเองได้ลง ตราบาปที่นางเคยฆ่าชิงพรากพลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้นางจำอดีตชาติเลวร้ายที่ตนเองทำเอาไว้ทั้งหมด“คุณหนูเจ้าค่ะ ถูกหิมะจนผมชื้นหมดแล้ว เข้าไปอาบน้ำสระผมแช่น้ำให้ตัวอุ่นเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”ไป๋เสวี่ยเอี้ยวตัวมาส่งยิ้มหวานให้สาวใช้ประจำตัว ฮวาเจียวเป็นดั่งคนรู้ใจ เหมือนพี่สาวที่ดูแลนางมาตั้งแต่จำความได้ จูไป๋เสวี่ยมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ อายุ21 เป็นองครักษ์เกราะทอง พี่รองอายุ 20เปิดโรงหมอรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ไม่ไกลจวนสกุลจูเท่าไหร่ ส่วนพี่สามและพี่สี่ช่วยบิดาดูแลโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อายุ18-19ตามลำดับ เกิดหัวปีท้ายปี เท่านี้ก็บ่งบอกแล้วว่าบิดาของนางรักมารดามากขนาดไหน หากไม่เพราะวันที่คลอดนาง จูฮูหยินตกเลือดจนเกือบเสียชีวิต นางคงมีน้องๆ วิ่งตามหลังอีกเป็นขบวนสกุลจู เป็นเพียงคนค้าขายเปิดโรงเตี๊ยมและเหลาอาหาร อยู่หัวเมืองติดกับแคว้นฉู่ แม้จะห่างไ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 2

    บทที่ 2“เสด็จแม่ ออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ลูกมิทำอันตรายท่านหรอก ออกมาเถิด ออกมา” ไท่จื่อลากกระบี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตเกี่ยวผ้าม่านออกดูว่ามีคนแอบซ่อนอยู่ด้านหลังหรือไม่ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังระงมไปทั้งตำหนักกลางดึกคืนหนึ่งพระจันทร์กลายเป็นสีเลือด องค์รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังหลวง สังหารฮองเต้กลางแท่นบรรทมเจียวเอินจวิ้น นางเป็นฮองเฮาและเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ นั่งเอาหน้าซุกตรงหว่างขาตัวสั่นงันงก กลั้นลมหายใจและเสียงสะอื้น เกรงกลัวคนที่ถือกระบี่สังหารจะได้ยินหีบใบโตถูกเปิดออก นัยน์ตาองค์ไท่จื่อวาววับ ในที่สุดก็เจอเป้าหมาย กระชากร่างสตรีสูงศักดิ์ลอยลิ่วออกมากระแทกพื้นด้านนอกอั้ก “ฮื่อ หลงเอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้” ร่างบางกระแทกพื้นลงอย่างแรง เจียวเอินจวิ้นทั้งเจ็บทั้งจุกไปทั้งร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจของนาง นางช้อนตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำและความเจ็บปวด มองโอรสเพียงคนเดียวของพระนาง“ยังไงบัลลังก์ก็เป็นของเจ้า เปิ่งกงทำทุกอย่างเพื่อเจ้ามาตลอด”ไท่จื่อยิ้มเยาะ สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม“ข้ารอไม่ไหว เสด็จพ่อยังแข็งแรง ในเมื่อเสด็จแม่สร้างอำนาจมาให้ข้าแล้ว สงเคราะห์ข้าอี

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าจะถอยให้ทุกคน   บทที่ 1

    บทที่ 1เหมันต์ฤดู พัดผ่าน จูฮูหยิน คลอดบุตรคนที่ 5 ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบุตรชายทั้งสิ้น หนนี้นางให้กำเนิดบุตรสาว เด็กน้อยผิวขาวราวกับหิมะแรก แก้มแดงราวผลผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล)“ยินดีด้วยเจ้าค่ะจูฮูหยิน ท่านได้ลูกสาว” หมอตำแยผู้ที่ทำคลอดให้ทุกท้องรีบเอ่ยบอกทันทีที่ดึงทารกน้อยออกมาจากครรภ์ นางรู้ดีว่าจูฮูหยินอยากได้บุตรสาว ในที่สุดก็สมใจซักที รีบส่งทารกน้อยให้สาวใช้เช็ดด้วยด้วยน้ำอุ่น ทารกก็เปล่งเสียงร้องจ้าออกมาทันที“อุ้มมาให้ข้า ข้าอยากเห็นนาง” จูฮูหยินเสียงแหบพร่าแทบหมดเรียวแรง ทารกตัวโตเหลือเกิน แม้จะผ่านการคลอดบุตรมาถึงสี่ครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าที่ผ่านมาความเจ็บหน่วงปวดร้าวบนอกยังมิคลายดีก็หมดสติไป เสียงอึกกระทึกวุ่นวาย เจียวเอินจวิ้นจึงค่อยๆ ลืมตา แสบตาจนตาพร่ามัว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชัดเจน นางกำลังถูกผู้คนแปลกหน้ารายล้อม ‘พวกเจ้าเป็นใคร จะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเดียวนี้’นางพยายามดีดดิ้นสุดแรงออกจากงื้อมือ แต่นางมิอาจสู้แรงได้ จึงตะโกนร้องจนสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กทารกเท่านั้นสาวใช้ห่อทารกน้อยด้วยผ้าขาวสะอาดและห่อด้วยผ้าห่มสีแดงผื่นเล็กป้องกันความหนาวอีก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status