บทที่ 7 ความทุกข์ทรมานใจที่ต้องเจอ
หนิงฮวาเข้ามาที่ครัวแล้วก็ครุ้นคิดคำพูดของซินหยางที่นางทำเช่นนี้เพราะต้องการแย่งห่าวหราน แต่นางก็ไม่หวั่นใจเช่นใดพี่ห่าวหรานก็รักนาง คงไม่มีอันใดเกินเลยไปมากกว่านี้เป็นแน่ ฉู่ฉู่ที่ช่วยหนิงฮวาเก็บของอยู่ก็ได้เอ่ยขึ้นมา
“คุณหนูท่านอย่าชะลาใจนะเจ้าคะ ข้าละไม่ชอบคำพูดของฮูหยินเลย พูดออกมาได้อย่างไรว่าจะแย่งคุณชายห่าวหราน ช่างไม่อายปาก” ฉู่ฉู่แค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ
“ร้อยพิษไม่กล่ำกลาย ข้าเชื่อใจพี่ห่าวหรานและเชื่อว่าพี่ห่าวหรานจะไม่หักหลังข้า ท่านเองก็รีบเก็บของเถิดเดี๋ยวไม่ได้กินอาหารเย็น” หนิงฮวาแม้ไม่อยากคิดก็อดที่จะคิดไม่ได้ นางจึงหาอย่างอื่นทำเพื่อให้จิตใจตนเองนิ่งสงบ
หลังจากวันนั้นใต้เท้าโจก็ได้ถูกเรียกตัวให้เดินทางไปแคว้นอื่นกับคณะเสนบดีท่านอื่น ทำให้ซินหยางนั้นกลั่นแกล้งหนิงฮวาได้เต็ม มีอยู่วันหนึ่งที่นางนั่งหนาวสั่นเพราะโดนละอองตกที่หล่นมาจากฟากฟ้า นางมานั่งหลบฝนแต่ก็ต้องถูกซินหยางจับได้และสั่งให้นางไปซักผ้าของเหมยอิงต่อโดยไม่สนเลยว่าตอนนี้ร่างกายของนางนั้นเริ่มไม่สบาย
“นี่เจ้าอย่ามาทำตัวขี้เกียจอย่างนี้ จงรีบไปซักผ้าของเหมยอิงเดี๋ยวนี้” ซินหยางยืนอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันแต่ทว่านางกลับมีคนใช้ถือร่มให้นางจึงไม่เปียกฝนต่างจากหนิงฮวาที่ตอนนี้ยืนตากฝนเสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปหมด ร่างของนางสั่นหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย
“ท่านแม่แต่ตอนนี้ฝนตกอยู่นะเจ้าคะ ข้าขอหลบฝนให้ฝนเอื้อนไปเสียก่อนแล้วจะรีบไปซักผ้าให้เหมยอิงต่อ” เสียงสั่นเปล่งอออกมาจากปากที่ซีดเผือก
“ไม่ได้เจ้าต้องทำให้เสร็จไม่เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องกินข้าว และอีกอย่างวันนี้เจ้าก็ไปนอนที่คอกม้าซะ เพราะเจ้าไม่ตั้งใจทำงานนี่คือบทลงโทษ หากเจ้าเป็นสาวใช้ล่ะก็ข้าคงสั่งโบยไปแล้ว แต่นี่เห็นว่าเจ้าเป็นคุณหนูหรอกนะ ข้าถึงจะสั่งให้เจ้าไปนอนที่คอกม้า เจ้าจงจำไว้ว่าข้านั้นเมตตาเจ้าเพียงใด ฮ่าฮ่า นี่สินะอำนาจ” เสียงหัวเราะของซินหยางดังกังวาน น้ำเสียงจองหองขุ่นมัวดุจปีศาจร้ายเอ่ยขึ้นยังกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในใต้หล้านี้ได้ตกเป็นของเขาเพียงผู้เดียว หนิงฮวาทำได้เพียงจำใจก้มหน้านั่งตากฝนตากผ้าให้เหมยอิง นางเงยหน้ามองบนฟ้าที่มืดครึ้มเม็ดฝนโปรบลงมาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาราวกับว่าฟ้านั้นร้องไห้กับนาง
เสียงฝนตก เปาะแปะ ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่นางยังตากฝนอยู่ มือน้อยๆ ของนางเริ่มซีด จนฉู่ฉู่ที่ทำงานของตนเองเสร็จก็รีบเข้าไปหาหนิงฮวาอย่างเป็นห่วง นางจับมือของหนิงฮวามากอดไว้และบอกให้นางหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เมื่อนางมาโดนตัวของหนิงฮวาตอนนี้ตัวนางร้อนเสมือนกับมีเปลวไฟอยู่ในร่างกาย
“คุณหนุหยุดทำเถอะเจ้าค่ะ นี่ไม่ใช่หน้าที่คุณหนูสักนิด ข้ารับใช้มีมากมายเหตุใดไม่ให้พวกนางทำ ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว วันนี้ตายเป็นตาย” ฉู่ฉู่พาหนิงฮวาที่ตัวสั่นเข้าไปนั่งในร่มก่อนที่ตนเองจะตากฝนไปหาซินหยาง
“คุณหนูข้าจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้ท่าน ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อนนะเจ้าค่ะ เมื่อเสร็จธุระข้าจะรีบตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของท่าน ”
“อย่าไปเลย ขอแค่ท่านคอยอยู่เคียงข้างข้าก็พอ” หนิงฮวาจับมือของฉู่ฉู่ไว้ราวกับว่าจะรู้หากนางปล่อยมือของฉู่ฉู่วันนี้จะไม่ได้พบกันอีก
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ วันนี้ข้าต้องไปพูดกับฮูหยินให้รู้เรื่องที่ท่านทำมันเกินไปแล้ว คุณหนูรอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ แล้วข้าจะรีบกลับมาพร้อมกับท่านหมอ” ฉู่ฉู่จับแกะมือของหนิงฮวาออกจากมือตนและเดินไปที่ห้องของฮูหยินอย่างไม่เกรงกลัว
หนิงฮวาไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะตามฉู่ฉู่ไป ตอนนี้นางจับไข้สั่นไปทั้งตัว
ฉู่ฉู่เมื่อไปถึงห้องของฮูหยินนางได้เรียกให้ฮูหยินออกมา
“ฮูหยิน ข้ามีเรื่องที่ต้องพูดกับท่านเจ้าค่ะ ที่ท่านทำกับคุณหนูหนิงฮวาราวกับว่านางมิใช่คุณหนูเช่นนี้เสมือนกับท่านไม่ไว้หน้าใต้เท้า คุณหนูของข้าทำผิดอันใดท่านถึงได้ใจร้ายกับนางเช่นนี้ หากใต้เท้ากลับมาข้าจะนำเรื่องที่ท่านทำกับคุณหนูบอกใต้เท้าทั้งหมด หากท่านยังนจะทำไม่ดีกับคุณหนูของข้า ” ซินหยางที่นอนให้สาวใช้บีบนวดหลังอยู่เมื่อได้ยินเรื่องที่ทำให้รำคาญใจนางก็รีบลุกขึ้นเดินมาด้านนอก เพื่อจัดการกับเสียงที่รบกวนเวลาพักผ่อนของนาง
“เจ้าช่างบังอาจไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ที่ข้าให้หนิงฮวาทำเช่นนั้นเพราะอยากจะสั่งสอนนางเท่านั้น หากเจ้ากล้านำเรื่องที่ข้ากลั่นแกล้งหนิงฮวาไปแจ้งต่อใต้เท้าคิดหรือว่าใต้เท้าจะเชื่อฟังเจ้า เหอะก็ลองดู” ซินหยางยืนพูดกับฉู่ฉู่อย่างหยิ่งผยอง
“ข้าไม่ได้อ่อนแอเหมือนคุณหนูท่านคิดหรือว่าข้าไม่กล้า ใต้เท้ามาวันใดข้าจะแจ้งต่อใต้เท้าตั้ังแต่ท่านเข้ามาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ ท่านไม่ได้ใจดีกับคุณหนูเลยสักนิด แถมยังคอยแย่งทุกอย่างจากคุณหนูไปไม่เว้นแม้กระทั่งปิ่นหยกที่ฮูหยินของข้าได้ทิ้งไว้ให้คุณหนู ข้าไม่เคยนับถือท่านที่เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาเป็นฮูหยินของข้าเลยด้วยซ้ำแต่ที่ข้ายอมให้เพราะเห็นแก่คุณหนู ” ซินหยางโมโหในคำพูดของฉู่ฉู่ นี่นางไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด นางจะทำให้ฉู่ฉู่ได้รู้ว่าไม่ควรมาตีตัวเสมอนางเช่นนี้
“ใครอยู่แถวนี้บ้างมาหาข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะได้นำเรื่องนี้ไปบอกแก่ใต้เท้า ข้าจะทำให้เจ้ารู้สำนึก” ซินหยางเอ่ยน้ำเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธได้เรียกคนใช้ที่เดินอยู่แถวนั้นเข้ามาหา
“ฮูหยินที่ท่านจะทำอันใดข้า” เมื่อฉู่ฉู่เห็นคนใช้เดินเข้ามานางก็รู้ถึงความไม่ปลอดภัย
“ข้าก็จะทำให้เจ้าพูดไม่ได้อีกต่อไปนะสิ นี่พวกเจ้านำตัวนางไปโบยจนกว่านางจะรู้สำนึกและไม่กล้ามาเก่งกับข้าได้อีก” ซินหยางพูดจบก็ได้เดินเข้าไปที่ห้องอย่างสบายใจ ฉู่ฉู่ถูกบ่าวรับใช้จับตัวไปโบยตามที่ซินหยางสั่ง
“ข้าขอสาปแช่งให้ท่านได้รับกรรมที่ท่านได้ก่อ หากข้ารอดวันนี้ไปได้ข้าจะไม่มีทางที่จะยอมท่านอีกต่อไป” ฉู่ฉู่พูดออกมาอย่างเหลืออดและเจ็บแค้นที่นางปกป้องคุณหนูไม่ได้
นางถูกจับแขนทั้งสองข้างไว้กับพื้นชายผู่ที่โบยนางได้ถือไม้พลองอันใหญ่ฟาดลงที่หลังของฉู่ฉู่เพียงไม่กี่ครั้งนางก็นอนแน่นิ่งเพราะความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะทนได้ทำให้นางได้สิ้นใจในที่สุดก่อนที่นางจะสิ้นใจเสียงกรีดร้องของนางดังไปทั่วเรือนจนได้ยินไปทั่ว ทำให้ซินหยางยิ้มออกมาอย่างสะใจโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางได้ฆ่าฉู่ฉู่ไปแล้ว หนิงฮวาเองเมื่อได้ยินเสียงร้องที่ทรมานนางรีบพยุงร่างกายที่เจ็บป่วยของนางไปดูต้นเสียง เมื่อนางมาเห็นเข้าก็ล้มทรุดลงกับพื้นพร้อมตะโกนออกมาอย่างเสียใจ
“ไม่! หยุดนะข้าบอกให้หยุด” เมื่อคนใช้ได้เห็นคุณหนูหนิงฮวาจึงได้วางมือและถอยออกจากร่างของฉู่ฉู่ หนิงฮวารีบใช้แรงที่มีอยู่พาร่างของตัวเองมาหาฉู่ฉู่ที่นอนอยู่
“ฉู่ฉู่ ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” หนิงฮวาจับฉู่ฉู่หงายหน้ามาทางนางแต่ไร้เสียงตอบกลับ ทำให้นางได้รู้ว่าบัดนี้นางได้เสียพี่เลี้ยงที่นางรักที่สุดไปแล้ว
เสียงสะอื้นไห้ของหนิงฮวาดังขึ้นมาต่อเนื่องนางจับใบหน้าของฉู่ฉู่อย่างแผ่วเบาก่อนที่จะร้องออกมาโดยไม่ได้อายผู้ใด
“ไม่จริง กรี๊ด! ” หนิงฮวาซบหน้าลงบนอกของฉู่ฉู่ที่ได้จากนางไป ทำให้คนใช้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รู้ว่าเขานั้นมือหนักไปทำให้ฉู่ฉู่ถึงแก่ความตาย เขาจึงรีบวิ่งไปหาฮูหยินอย่างร้อนใจ
“ฮูหยิน ฮูหยินช่วยข้าด้วยขอรับ” น้ำเสียงแตกตื่นของคนใช้ทำให้ซินหยางรีบออกมาดู
บทที่ 8 ไม่เกรงกลัว“เกิดอันใดขึ้นถึงได้เสียงดังโวยวายเช่นนี้”“เกิดเรื่องแล้วขอรับ ข้าได้โบยฉู่ฉู่ทำให้นางหมดลมหายใจขอรับ ฮูหยินต้องช่วยข้านะขอรับที่ข้าทำเพราะเป็นคำสั่งของฮูหยิน” บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงสั่นเพราะความกลัว ซินหยางถึงกับหน้าซีดที่รู้ว่าฉู่ฉู่ได้ตาย“แล้วผู้ใดบอกให้เจ้าลงมือกับนางรุนแรงแบบนี้ แล้วข้าจะทำเช่นใดหากใต้เท้ากลับมา ” นางเริ่มวิตกกังวลที่ได้ทำเกินกว่าเหตุ นางกัดนิ้วมือเดินไปเดินมา เพื่อครุ้นคิด“ข้าไม่รู้ขอรับ แต่อย่างไรฮูหยินต้องช่วยข้านะขอรับ หากใต้เท้าโกรธข้าคงได้ออกจากเรือนนี้เป็นแน่ หากเช่นนั้นลูกเมียของข้าจะเอาอะไรกิน”“เออ เจ้าไปไหนก็ไปเดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจัดการเอง” ซินหยางได้ไล่ให้คนใช้ไปเพราะนางต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก สักพักเหมยอิงก็ได้เดินกางร่มไม้ไผ่ผ่าฝนมาหามารดาของตน นางมาถึงก็ต้องสงสัยในท่าทีของท่านแม่ของตน“เกิดเรื่องใดขึ้นเจ้าคะ ท่านแม่ถึงมีสีหน้าเช่นนี้” ซินหยางเงยหน้ามามองเหมยอิงก่อนจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นางฟัง“ท่านแม่จะคิดมากไปทำไมกันเจ้าค่ะ อย่างไรท่านพ่อและท่านพี่ก็สามารถเอาผิดท่านแม่ได้ ท่านแม่ก็แค่บอกท่านพ่อว่าฉู่ฉู่นางมาขโมยของ ของท่านก
บทที่ 9 เลื่อนงานให้เร็วขึ้นหนิงฮวานางนั่งอยู่ที่เดิมไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางหันไปมองที่ประตูห้องก็พบว่าเป็นเหมยอิงที่เดินถือห่อขนมเข้ามา พร้อมเย้ยหยั่นหนิงฮวา“ท่านพี่ ท่านพี่รู้หรือไม่เจ้าคะว่าวันนี้ผู้ใดมา แต่ท่านพี่คงไม่รู้เพราะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นี่เจ้าค่ะคุณชายห่าวหรานนำขนมมาให้กับข้า คุณชายใจดีมากเลยนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากให้ท่านพี่ได้ชิมเลยนำมาให้ แต่แปลกนะเจ้าค่ะที่คุณชายห่าวหรานไม่ขอพบท่านพี่หรือว่าคุณชายห่าวหรานจะเปลี่ยนใจ ท่านพี่ว่าอย่างนั้นมั้ยเจ้าคะ วันเกิดของข้าคุณชายห่าวหรานได้อุ้มข้าไปส่งที่ห้องท่านพี่อยากรู้มั้ยเจ้าคะ ว่าเกิดอันใดขึ้นบ้างถึงทำให้คุณชายห่าวหรานเปลี่ยนใจ ”เหมยอิงปรุงแต่งเรื่องให้หนิงฮวาได้ทุกข์ตรม แต่ทว่าหนิงฮวานั้นรู้ดีว่าคุณชายห่าวหรานไม่ได้เป็นอย่างที่นางมาเอ่ยถึง แถมเมื่อครู่นางก็ได้พบเจอคุณชายห่าวหรานแล้ว นางจึงได้ตอบเหมยอิงอย่างเย็นชาและแข็งกระด่าง“หากเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องเท่านี้ก็เชิญออกไป ”“ท่านพี่เหตุใดถึงพูดกับข้าเช่นนี้ ข้ามาหาเพราะว่าเป็นห่วงท่านเห็นว่าท่านได้เสียพี่เลี้ยงไป อย่างนี้ข้าก็เสียใจแย่สิเจ้าค่ะ” เหมยอิงแสร้
บทที่ 10 ความอ่อนแอของหนิงฮวาเสียงที่ดังเข้ามานั้นคือใต้เท้าโจที่ได้กลับมาจากวังหลวงพร้อมถือของฝากมาให้หนิงฮวาเต็มไม้เต็มมือ เมื่อเห็นซินหยางกำลังทำร้ายหนิงฮวาเขาเองก็โกรธเป็นอย่างมากใต้เท้ารีบวางสิ่งของอย่างรวดเร็วและเข้ามาจับตัวหนิงฮวาให้ลุกขึ้นพร้อมมองซินหยางด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ เมื่อใต้เท้าพาหนิงฮวามานั่งที่เก้าอี้ก็ได้หันไปถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบซินหยางที่ตอนนี้กำลังยืมก้มนางบีบมือตนเองแน่น นางกำลังใช้ความคิดเป็นอย่างมาก“นี่มันเรื่องอันใด เจ้าถึงลงไม้ลงมือกับหนิงฮวา ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ถึงแม้เจ้าเข้ามาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ฐานะฮูหยินแต่เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำเช่นนี้กับนาง” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น ซินหยางเหลียวไปมองหน้าของหนิงฮวาก่อนที่จะรีบเข้าไปหานางทันที“ท่านพี่ข้าไม่ได้ทำอันใดบุตรสาวของท่านแม้แต่น้อย ข้าแค่เข้ามาช่วยนางเหมือนว่านางกำลังจะหมดสติเจ้าค่ะ” ซินหยางรีบคิดหาทางหนีทีไล่ไม่ให้ตนเองถูกตำหนิ“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อข้าเห็นเจ้ากำลังง้างมือตบนาง” ใต้เท้าโจเดือดดานมากกว่าเดิมทำให้ซินหยางร้อนรนเข้าไปใกล้ตัวหนิงฮวาพร้อมบีบแขนนางอย่างแรง“หากท่านไม
บทที่ 11 ท่านแม่ข้าพลั้งมือใต้เท้าทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะจัดงานในอีกสามวันข้างหน้าถือว่าเป็นวันเวลาที่ดีของทั้งคู่ที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อคุยกันเสร็จสิ้นใต้เท้าโจได้เดินออกมาส่งใต้เท้าหวังอี้เป่าที่รถม้าเพื่อกลับเรือน เสียงหัวเราะคิ้กคั้กทำให้เหมยอิงที่กำลังเดินเล่นอยู่ได้ยินและเกิดสงสัยว่าท่านพ่อมาเมื่อใดและท่านพ่อกับใต้เท้าผู้นั้นมีเรื่องดีอันใดถึงได้หัวเราะออกมากอย่างเปิดเผยเช่นนั้น เมื่อความใคร่รู้ของนางก่อตัว นางเองก็รีบไปหาท่านแม่ของนางทันที และนางเองก็ได้คำตอบจากท่านแม่ว่าที่ใต้เท้าหวังอี้เป่ามาพบท่านพ่อวันนี้นั้นคือเรื่องงานแต่งของหนิงฮวา เหมยอิงไม่สามารถเก็บความโมโหได้นางไม่อยากเห็นหนิงฮวามีความสุข และนางเองก็อยากที่จะครอบครองห่าวหรานบุรุษที่แสนดี นางเอะอะโวยวายทำลายข้าวของในห้องของซินหยางพังทลาย“ข้าไม่ยอมทำไมท่านพี่ต้องได้ดี ทำไมทุกคนต้องรักนาง กรี๊ด” ซินหยางมองดูบุตาสาวของตนอย่างน่าสงสาร รีบห้ามไม่ให้เหมยอิงทำเช่นนี้“หยุดเถิดเหมยอิง อย่าทำเช่นนี้เลย” ซินหยางรีบห้ามเหมยอิงที่ตอนนี้ควบคุมตนเองไม่ได้“ไม่ข้าไม่หยุด ท่านแม่ข้าทำไมกันเจ้าคะทำไมมีแต่คนรักพี่หนิงฮวา ท่านพ่อเอง
บทที่ 12 หมดสิ้นทุกอย่างราตรีที่มืดมิดเสียงเงียบสงัด สายตาเลือนลางหูได้ยินเสียงเพียงของกระแสน้ำที่ไหลวนและร่างกายของสตรีกำลังดิ่งลงใต้น้ำอย่างเชื่องช้าสองมือตะเกียกตะกายสุดชีวิต มือคว้าทุกสิ่งอย่างรอบๆ ตัวที่คว้าได้ ขาของนางพยายามถีบให้ตนเองลอยแต่ทว่าถีบเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่อจมูกอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำทำให้ร่างกายกลั้นหายใจอย่างอัตโนมัติ นางใช้แรงทั้งหมดที่มีในการพยายามขึ้นจากน้ำโดยไร้ที่ยึดเกาะ ตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มเหนื่อยหัวใจเต้นแรงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนางรู้สึกเหนื่อยมากจนกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปจนทำให้น้ำเข้าสู่ลำคอจนนางสำลักออกมานางรู้สึกถึงความเงียบสงบภายในน้ำตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มแสบจมูกแสบคอและแสบในศริษะทำให้นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามตะเกียกตะกายให้หัวพ้นน้ำเพื่อฮุบอากาศหายใจให้ได้ แต่ทว่านางก็หาที่ยึดเกาะไม่ได้ เพียงไม่กี่อึดใจนางกหมดแรงขัดขืนและเริ่มจมลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาเบิกโพลงนางไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้นางได้หายใจเอาของเหลววิ่งผ่านหลอดลมเข้าไป ร่างกายของนางจมลงไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงก้นบ่อสมองตัดการรับรู้ สติเลือนลางก่อนที่นางจะหลับไปตลอดกาล
บทที่ 13 เกิดใหม่อีกคราเสียงโวกเวกโวยวายของสาวใช้ที่กำลังปลุกให้หนิงฮวาอยู่นั้นทำให้นางรู้สึกรำคาญซะเหลือเกิน นางคิดว่าตนเองนั้นได้หลุดพ้นความเจ็บปวดและมาที่สวรรค์ และพบเจอกับฉู่ฉู่ที่มารอนางอยู่บนสวรรค์ก่อนแล้วท้องฟ้าเริ่มสว่างเจิดจ้า แสงอรุณเริ่มคืบคานเข้ามาลอดผ่านช่องหน้าต่างทำให้หนิงฮวานางแสบตาเล็กน้อย“คุณหนู คุณหนูรีบตื่นสิเจ้าคะ อย่าบอกนะเจ้าคะว่าคุณหนูลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูเหมยอิง หากคุณหนูไม่รีบลุกไปช่วยเดี๋ยวฮูหยินมาต่อว่าและลงโทษคุณหนูอีกนะเจ้าคะ” นางยังคงเขย่ากายของหนิงฮวาอยู่ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในห้องของนางช่างเหมือนตอนที่นางอายุเพียงสิบเจ็ดปี นางลุกขึ้นมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งของที่นางเคยมอบให้แก่เหมยอิงน้องสาวต่างมารดา นางเดินลงจากเตียงนอนไปลูบสิ่งของเหล่านั้นและหันไปพบกันปิ่นปักผมของต่างหน้ามารดาของนางก็รีบหยิบมากอดไว้ที่อกอย่างหวงแหนจนสาวใช้ของนางแปลกใจและได้เอ่ยถามนาง“คุณหนู คุณหนูได้ยินที่ข้าพูดมั้ยเจ้าคะ” หนิงฮวาวางกล่องปิ่นลงและหันมาหาฉู่ฉู่ด้วยความคิดถึงพร้อมโผล่กอดนาง“ท่านสบายดีหรือ รู้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงท่านเพียงใดอย่าเป็นอันใดอีกเล
บทที่ 14 ใต้เสงจันทร์ที่สาดส่องฉู่ฉู่กลับมาจากตลาดเวลาก็จวบจนจะพลบค่ำนางได้ชุดใหม่มาให้หนิงฮวาอย่างสวยงาม หนิงฮวาชอบมันเป็นอย่างมาก นางสวมใส่และแต่งแต้มประทินโฉมให้งดงาม ริมฝีปากที่ขาวซีดก็เติมแต่งด้วยผงดอกกุหลาบสีแดงฉ่ำ เครื่องประดับหรือปิ่นที่นางมีก็ได้สวมใส่ที่ผมอย่างสวยงาม เมื่อนางแต่งกายเสร็จสิ้นก็ก้าวเท้าออกจากห้องตรงไปที่งานพิธีของเหมยอิง ฉู่ฉู่นางยิ้มอ่อนหวานอย่างชื้นใจที่เห็นคุณหนูของนางงดงามขึ้นและเข็มแข็งผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในเรือนของใต้เท้าโจรวมถึงชาวบ้านที่อยู่ระแวกนี้เองก็ได้เข้ามาเพื่อกินอาหาร เหมยอิงกับซินหยางที่ยืนต้อนรับใต้เท้าที่มาร่วมอวยพรวันเกิดให้นางอย่างมีความสุข เมื่อหนิงฮวาย่างกายเข้ามาที่งานทุกสายตาก็จับจ้องไปที่นางจนเหมยอิงเองก็ต้องเหลียวตามมา ก็ได้พบว่าวันนี้หนิงฮวาช่างแต่งกายมางดงามยิ่งกว่าตนเองที่เป็นเจ้าของวันเกิดด้วยซ้ำ ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้สะกิดมารดาของตน“ท่านแม่ เหตุใดท่านพี่ถึงมีชุดสวยงามเช่นนั้นใส่ได้แล้วท่านแม่ดูสิใบหน้าของท่านพี่วันนี้ก็แต่งแต้มออกมาอย่างสวยงาม บุรุษทั้งหลายต่างพากันมองนางและชื่นชมนี่มันเป็นงานของข้าหรือเป็นงาน
บทที่ 15 ผิดแผนรุ่งเช้าได้หวนมาอีกครั้งหนิงฮวานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างยิ้มกริ่มอย่างเขินอายที่ค่ำคืนนางได้มอบจูบแรกแก่ชายที่นางรัก ฉู่ฉู่เข้ามาที่ห้องก็ตรงตกใจเพราะเห็นว่าคุณหนูของนางนั้นตื่นเช้าก่อนที่นกจะบินออกจากรังหาอาหารด้วยซ้ำ“คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงนั่งอยู่ริมหน้าต่างยังไม่สว่างเช่นนี้”“ข้าสบายดีแต่ข้ายังไม่ได้นอนเลยต่างหาก ฉู่ฉู่ข้ามีความสุขเหลือเกินจนคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน ” ฉู่ฉู่นางแอบเห็นเมื่อคืนนี้ที่หนิงฮวาได้เดินออกไปที่สวนกับห่าวหรานแต่ก็ไม่ได้ตามไปดู นางจึงคิดว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น“คุณหนูมีความสุขข้าเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย ” ฉู่ฉู่ไม่อยากถามว่าเกิดเรื่องอันใดส่วนเหมยอิงที่ออกมาจากงานของนางก็มาอาละวาดที่ห้องของตนเอง จนซินหยางต้องมาปลอบประโลมนาง นางจึงคิดแผนการให้เหมยอิงไปหาคุณชายห่าวหรานที่เรือนและได้ให้สาวใช้ไปหาซื้อยาปลุกกำหนัดมาใส่ขนมเพื่อนำไปให้ห่าวหรานได้กิน ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ เมื่อโดนฤิทธิ์ยาตัวนี้เข้าไปก็มิอาจจะต้านทานได้ซินหยางนางจึงสั่งให้สาวใช้ทำขนมเซาปิ่งที่ทำจากแป้งผสมกับมันเทศ ซินหยางได้สั่งให้ทำเพียงเล็กน้อยก่
ตอนพิเศษยามค่ำคืนที่เงียบสงบเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งนา ครอบครัวของหนิงฮวาที่ย้ายมาอยู่ท่านกลางธรรมชาติกำลังชุลมุนวุ่นวาย เสียงฉู่ฉู่ที่คอยบอกสาวใช้ให้เตรียมนู้นเตรียมนี่ดังอยู่เรื่อยๆ ห่าวหรานเองก็เดินไปมาหน้าห้องอย่างเป็นกังวลไม่นานนักเสียงทารกแรกเกิดก็ได้ดังขึ้น ทำให้ห่าวหรานดีใจและเป็นห่วงหนิงฮวาจับใจ“แง้ ๆ ” เสียงแรกที่เปล่งออกมาก็มีเสียงจากหมอว่าตอนนี้เขาได้บุตร“ยินดีด้วยขอรับ ท่านได้บุตรชายที่แข็งแรงตอนนี้ฮูหยินเองก็ปลอดภัยดี ” เมื่อเสียงที่เอ่ยออกมาจากด้านในบอกว่าเขานั้นมีบุตรชาย ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ดีใจมิใช่น้อย พากันยิ้มอย่างระรื่น“ข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่” ห่าวหรานอยากจะอุ้มตัวเล็กซะเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนิงฮวาก็เปล่งออกมาอีกรอบ“โอ๊ย! ท่านหมอข้าเจ็บท้องอีกแล้ว ” ท่านหมอเองก็ตกใจมิใช่น้อย“โอ๊ะ! หรือว่าฮูหยินมีบุตรสองคน ทำใจดีไว้นะขอรับ สูดลมเข้าไปให้ลึกๆ และเบ่งมาอีกรอบ ” คนที่ด้านนอกเมื่อได้ยินก็ต้องตะลึงเพราะคิดว่านางตั้งครรภ์แค่คนเดียวแต่ทว่าในท้องของหนิงฮวานั้นกลับมาบุตรอยู่ตั้งสองคน“ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ว่าท่านมีหลานสองคน ข้าด
บทที่ 23 ตอนสุดท้ายหนิงฮวามาถึงก็ต้องพบร่างของท่านพ่อที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่ถูกบ่าวอุ้มขึ้นไปวางไว้ นางเริ่มก้าวเท้าไม่ออกเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไป ท่านพ่อที่เป็นที่รักของนางได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา เมื่อท่านหมอเห็นหนิงฮวาจึงเดินมาก้มโค้งลงและบอกอาการ“คุณหนูข้าช่วยท่านใต้เท้าสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจจะยื้อท่านใต้เท้าได้ เพราะเสียเลือดมากเกินไปมีดได้แทงไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ข้าน้อยขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ” หนิงฮวาหูอื้อไม่รับรู้สิ่งใดนางเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงร่างที่นอนแน่นิ่งกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นางก็มิได้รังเกียจนางโผล่เข้าโอบกอดร่างของใต้เท้าโจสะอึกสะอื้นอย่างปวดร้าว แม้แต่บ่าวในเรือนเองก็ต่างพากันร่ำไห้เสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้ ห่าวหรานมาถึงก็ได้เข้าไปปลอบหนิงฮวาและคอยอยู่ข้างๆ กายนางตลอดเวลาจนกระทั่งได้ทำการฝังร่างของใต้เท้าโจเสร็จสิ้นมีใต้เท้ามากมายร่วมมาไว้อาลัย ห่าวหรานเองก็ไม่ห่างคอยช่วยเหลือหนิงฮวาอยู่ใกล้ๆ ส่วนเหมยอิงตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติ เพราะรับไม่ได้ที่ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อของตนเอง นางช็อคจนสติหลุดตอนนี้หนิงฮวาได้สั่งให้บ่
บทที่ 22 เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากท่านหลังจากวันงานเลี้ยงฉลองใต้เท้าโจก็ไม่เอ่ยอันใดกับซินหยางอีกเลยแม้กระทั่งห้องนอนเขาก็ออกไปนอนที่ห้องเดิมของตนเองอาการของเหมยอิงก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกวันนาง จนซินหยางเริ่มทุกข์ใจหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานใต้เท้าโจต้องรู้เป็นแน่ ทั้งสองแม่ลูกจึงมาปรึกษากันที่ห้องโถงเพราะคิดว่าวันนี้ใต้เท้าโจไม่อยู่“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกจะช่วยข้าอย่างไรเจ้าคะ ท้องของข้าก็โตขึ้นทุกวัน หรือว่าข้าจะเอาเด็กออก ท่านแม่ช่วยไปหายาสมุนไพรที่รุนแรงมาต้มให้ข้าดื่มได้มั้ยเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท้องของข้าจะโตขึ้นทุกวันอย่างนี้ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใดสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแต่กลับท้องโตทุกวัน” เหมยอิงวิตกเป็นอย่างมาก“เหมยอิงแม่ผู้นี้บอกแล้วอย่างไรเล่าหากจะจัดการให้เจ้าเองเจ้าช่วยรอข้าก่อนนะ”“รอหรือเจ้าคะ ต้องให้ข้ารอไปถึงเมื่อไหร่กัน หรือท่านแม่จะรอให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อนเจ้าคะ อย่างไรข้าก็จะเอาเด็กออกหากท่านแม่ไม่ทำข้าก็จะออกไปหายาสมุนไพรมาจัดการกับเด็กผู้นี้เอง” เหมยอิงเปิดประตูออกไปก็ต้องตกใจผงะถอยหลังใบหน้าซีเซียว จนซินหยางเองแปลกใจ“เจ้าท้อง ท้องกับผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ช่าง
บทที่ 21 อับอายฮูหยินพาหนิงฮวาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงซินหยางพยายามขอร้องก็ไม่เกิดผล หนิงฮวาหันไปมองนางพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ“ฮูหยินท่านฟังข้าก่อนที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้น ข้าเป็นแม่ของนางสั่งสอนบุตรของตนเองมันผิดตรงไหนกัน”“แล้วเจ้าเคยสั่งสอนเหมยอิงบุตรสาวของเจ้าเช่นหนิงฮวาหรือไม่” ซินหยางนิ่งเถียงออกมาไม่ได้ในคำถามที่ฮูหยินได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าทนได้เมื่อก่อนช้าเจอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ท่านแม่อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเลยข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องดุด่าและต้องอับอาย”“โธ่ๆ หนิงฮวานี่เจ้าต้องเจอกับคนใจร้ายเช่นนี้มานานเท่าไหร่กันเหตุใดเจ้าไม่บอกกับท่านพ่อของเจ้า ว่าเจ้าถูกนางเมียเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด แต่ไม่เป็นไรนะต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก” หนิงฮวาได้เติมเชื้อไฟให้ปะทุมากกว่าเดิม จนซินหยางทนไม่ไหวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางจับดึงหัวของหนิงฮวาต่อหน้าฮูหยินโดยไม่ได้เกรงกลัว“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้ามันร้ายเอ่ยอันใดมามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย หนอยหาว่าข้ารังแกเจ้านั้นหรือได้ข้าจะรังแกเจ้าตามที่เจ้าได้เอ่ยมาเมื่อครู่เอง” หนิงฮวา
บทที่ 20 รู้ทันเมื่อหนิงฮวากระซิบบอกเหมยอิงเสร็จนางก็เอาจอกสุรายื่นให้เหมยอิงเช่นเดิม นางยังคงตกใจยืนอยู่กับที่ จนหนิงฮวาเดินห่างออกจากนางไปนางก็โยกจอกสุรานั้นทิ้งพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น“กรี๊ด!!!” หนิงฮวาที่เดินออกมาได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหมยอิงนางก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ วันนี้นางออกไปที่ตลาดและไปบังเอิญไปพบเจอทั้งสองแม่ลูกที่ตลาดนางจึงแอบเดินตามไปที่โรงหมอ ก็ได้รู้ความลับของเหมยอิงที่นางได้ตั้งครรภ์ และนางเองก็รู้จักสองแม่รู้นี้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ไม่ว่าวันเวลาจะผลันเปลี่ยนคำพูดที่ทำให้เหมยอิงกรีดร้องออกมานั้นเป็นคำที่แทงใจของนาง“อย่าคิดว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า และเจ้าเองก็อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้ากับท่านแม่ของเจ้ารังแกได้อีก ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังข้าเสียมากกว่าที่จะเอาความลับของเจ้าไปแพร่งพราย ตอนนี้ตัวของเจ้าก็ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียว จงอย่าทำอันใดที่มันเกินขอบเขตไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูท่านพ่อเป็นแน่ และอีกอย่างอย่าคิดมาจับสามีของข้าให้รับเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า เพราะข้าจะไม่อยู่นิ่งเป็นแน่”หนิงฮวาเดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ห่าวหรานเองก็หันมามองแ
บทที่ 19 เหมยอิงท้องฝั่งด้านเหมยอิงช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย นางเริ่มไม่อยากอาหารและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็มักจะคลื้นไส้อ้วกตลอดเวลา นางเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกผู้ใดจนวันนี้ที่ต้องมานั่งกินอาหารร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่“วันนี้ท่านพี่มีเวลา ช่างดีเสียจริงเราไม่ได้นั่งกินอาหารด้วยกันมานานมากแล้ว” ซินหยางเอ่ยพร้อมพยักหน้าให้บ่าวตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน“ที่ข้ามีเวลามานั่งกินข้าวกับพวกเจ้าเพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก วันนี้ในช่วงค่ำบ้านใต้เท้าหวังอี้เป่าจะจัดงานฉลองที่ลูกเขยห่าวหรานได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการพวกเจ้าเองก็เตรียมตัวรอเมื่อถึงเวลาข้าจะให้เกี้ยวมารับพวกเจ้าเพราะข้าเองต้องเข้าไปที่วังหลวงในช่วงสายๆ” ใต้เท้าโจนั่งคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนและคีบเข้าที่ปากของเขาต่อ เหมยอิงที่มาทีหลังก็รีบนั่งลงด้านหน้าของท่านพ่อ“มาแล้วงั้นรึนั่งลงสิ” ใต้เท้าโจบอกเหมยอิง“เจ้าคะท่านพ่อ” เหมยอิงนั่งลงบ่าวก็ได้ตักข้าวใส่ถ้วยของนางกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอยู่บนอากาศได้เตะจมูกของนางทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมจนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป“อั๊วะ” เหมยอิงลุกขึ้นออกไปอ้วกใต้เท้าโจก็มองต
บทที่ 18 ความผิดนางหนิงฮวาแม้จะเคยร่วมหลับนอนกับห่าวหรานแต่ครั้งนี้นางเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่เช่นเคย เมื่อดื่มน้ำชาเสร็จห่าวหรานก็ได้เปิดหน้าคุมหน้านางออก นางเผยยิ้มให้แก่ห่าวหรานเขาเข้ามาโอบกอดนางอย่างอบอุ่น“ข้ามีความสุขเหลือเกิน ที่วันนี้มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง เหมยอิงนางเองก็มีส่วนดีหากนางไม่คิดแผนเช่นนั้นข้ากับเจ้าก็คงไม่ได้แต่งกันเสียที”“นั้นสิเจ้าคะ ตลอดเวลาวันนี้ข้าไม่พบเห็นหน้านางเลยสักครา หรือว่านางจะยอมแพ้ไปแล้ว” หนิงฮวาพึ่งมานึกได้ว่านางไม่เห็นเหมยอิงเลย“นางคงต้องยอมแพ้ไปแล้วล่ะ ก็ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้เข้าพิธีแต่งกับข้า และต่อจากนี้ไปเจ้าคือภรรยาของข้า อีกสักหน่อยเมื่อข้าได้รับตำแหน่งอาจจะมีการโยกย้ายเมื่อนั้นเจ้าเองก็จะได้เป็นฮูหยินของท่านผู้ตรวจการ” ห่าวหรานส่งยิ้มหวานให้หนิงฮวานางเองก็รู้ซึ้งถึงรอยยิ้มนั้นดีว่าตอนนี้ห่าวหรานต้องการอันใด เขาได้อุ้มหนิงฮวาขึ้นเตียงพร้อมดับเทียนทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จสิ้นพิธี ค่ำคืนนี้อบอวลไปด้วยความสุขสมหวังทำให้หนิงฮวามีความสุขเป็นอย่างมากรุ่งสางนางลืมตาขึ้นมาก็พบกับห่าวหรานที่นอนอยู่เคียงข้างนางจ้องมองใบหน้าที่ไร้ที่ติ ใช้นิ้วชี้แตะล
บทที่ 17 งานแต่งรื่นเริงใต้เท้าหวังอี้เป่าได้มาหาบุตรชายของตนเพื่อหารือเรื่องงานมงคลก็ต้องมาพบกับห่าวหรานที่นอนแนบชิดอยู่กับหนิงฮวาบนเตียงทำให้ใต้เท้าหวังอี้เป่าตะโกนต่อว่าบุตรชายตนเองที่ไม่เป็นบุรุษที่ดี“ห่าวหรานเจ้าทำอันใด ลุกตามข้าออกมาด้านนอกบัดเดี๋ยวนี้” เสียงดังสนั่นที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธทำให้ห่าวหรานกับหนิงฮวาตื่นขึ้นมาและต้องตกใจรับคว้าหาผ้ามาใส่กันอย่างเร็ว และออกตามใต้เท้าหวังที่นั่งรออยู่ที่ห้องโถงแล้วห่างหรานกับหนิงฮวานั่งคุกเข่าต่อหน้าใต้เท้าหวังที่นั่งอยู่กับฮูหยิน“มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นเหตุใดเจ้าทั้งสองถึงอยู่บนเตียงด้วยกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดหากใต้เท้าโจรู้เข้า” ใต้เท้าหวังได้ต่อว่าบุตรชายของตน“ท่านพ่อข้าพร้อมรับผิดชอบ อย่างไรข้ากับหนิงฮวาเองก็ต้องแต่งกันอยู่แล้ว ”“แล้วความเป็นบุรุษที่ดีของเจ้าล่ะ ทำไมไม่ยอมหักห้ามใจแถมเจ้ายังทำผิดธรรมเนียมอีก”“ใต้เท้าหวังเจ้าคะ จะโทษพี่ห่าวหรานทั้งหมดก็ไม่ได้หากข้าไม่ยิมยอมก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ” หนิงฮวาก็ได้เอ่ยขึ้นมา“นั่นสิท่านพี่เหตุใดท่านต้องโมโหเด็กทั้งสองด้วย อย่างไรเขาทั้งคู่ก็รักใคร่กันอีก
บทที่ 16 ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดห่าวหรานได้พาหนิงฮวาเดินมาที่ห้องของเขาที่กำลังจัดเตรียมไว้ต้อนรับนาง ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว สาวใช้มากมายเมื่อเห็นห่าวหรานกับหนิงฮวาเดินเข้ามาก็พากันออกไปให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างทางห่างหรานเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเริ่มแปลกไป ร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองหนิงฮวาคราใดก็จะคอยเก็บความต้องการของตนเองไว้ไม่ได้ แต่เขาเองก็พยายามสะกดอารมณ์ของตนเองเพื่อไม่ให้ทำอันใดนางหนิงฮวาเองก็ไม่ต่างกัน นางรู้สึกร้อนรุ่มข้างใน เมื่อมาถึงห้องที่ห่างหรานพามาดู นางก็รีบรินชาเพื่อดื่มดับความร้อนในร่างกาย“เจ้าหิวน้ำหรือ”“เจ้าค่ะ ที่นี่สวยมากเลยเจ้าค่ะ” หนิงฮวาได้เดินเข้าไปดูเตียงนอนสำหรับนาง นางเองก็เขินอายเมื่อนึกถึงคืนเข้าหอหัวใจของนางเริ่มเต้นระรัวดังออกมา เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาตามร่างกายแม้อากาศจะเย็นสบายแต่บัดนี้กลับร้อนมาก ห่าวหรานก็ได้เดินตามเข้ามา“ที่นี่ตกแต่งไว้เพื่อเจ้า หากเจ้าชอบข้าเองก็ดีใจ ” ห่าวหรานหันไปมองหนิงฮวาที่กำลังปาดเหงื่อเขาเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาท่าทางที่นางปาดเหงื่อนั้นช่างเย้ายวนเขาเหลือเกิน จนเขาต้องหันหลังในนางเพื่อระงับอารมณ์เอาไว้“พี่ห่าวหรา