บทที่ 8 ไม่เกรงกลัว
“เกิดอันใดขึ้นถึงได้เสียงดังโวยวายเช่นนี้”
“เกิดเรื่องแล้วขอรับ ข้าได้โบยฉู่ฉู่ทำให้นางหมดลมหายใจขอรับ ฮูหยินต้องช่วยข้านะขอรับที่ข้าทำเพราะเป็นคำสั่งของฮูหยิน” บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงสั่นเพราะความกลัว ซินหยางถึงกับหน้าซีดที่รู้ว่าฉู่ฉู่ได้ตาย
“แล้วผู้ใดบอกให้เจ้าลงมือกับนางรุนแรงแบบนี้ แล้วข้าจะทำเช่นใดหากใต้เท้ากลับมา ” นางเริ่มวิตกกังวลที่ได้ทำเกินกว่าเหตุ นางกัดนิ้วมือเดินไปเดินมา เพื่อครุ้นคิด
“ข้าไม่รู้ขอรับ แต่อย่างไรฮูหยินต้องช่วยข้านะขอรับ หากใต้เท้าโกรธข้าคงได้ออกจากเรือนนี้เป็นแน่ หากเช่นนั้นลูกเมียของข้าจะเอาอะไรกิน”
“เออ เจ้าไปไหนก็ไปเดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจัดการเอง” ซินหยางได้ไล่ให้คนใช้ไปเพราะนางต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก สักพักเหมยอิงก็ได้เดินกางร่มไม้ไผ่ผ่าฝนมาหามารดาของตน นางมาถึงก็ต้องสงสัยในท่าทีของท่านแม่ของตน
“เกิดเรื่องใดขึ้นเจ้าคะ ท่านแม่ถึงมีสีหน้าเช่นนี้” ซินหยางเงยหน้ามามองเหมยอิงก่อนจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นางฟัง
“ท่านแม่จะคิดมากไปทำไมกันเจ้าค่ะ อย่างไรท่านพ่อและท่านพี่ก็สามารถเอาผิดท่านแม่ได้ ท่านแม่ก็แค่บอกท่านพ่อว่าฉู่ฉู่นางมาขโมยของ ของท่านก็ได้นี่เจ้าคะ กว่าท่านพ่อจะมาเราก็จัดการฝังร่างนางเรียบร้อย ส่วนท่านพี่หนิงฮวาท่านแม่ก็แค่นำเรื่องนี้ไปขู่นางหากนางปากมากก็จะฆ่าให้นางได้ตามพี่เลี้ยงของนางไปสิเจ้าคะ ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาอย่างเย็นชาราวกับว่าไม่ได้เกรงกลัวความผิดแม้แต่น้อย ซินหยางเองก็เห็นดีด้วยในความคิดเห็นของเหมยอิง
“นั้นสิทำไมข้าถึงนึกไม่ออกนะ เจ้านี่ช่างเก่งเหมาะสมกับที่เป็นบุตรของข้าเสียจริง ฮ่าฮ่า ” ซินหยางได้ยิ้มและหัวเราะออกมา เหมยอิงเองก็ยิ้มร้ายที่มุมปาก
หนิงฮวาและสาวใช้ที่สนิทกับฉู่ฉู่ได้พาร่างของฉู่ฉู่ขึ้นรถเข็น เข็นไปฝังที่หลังหมู่บ้านความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นทำหน้าหนิงฮวากลายเป็นคนเย็นชา นางไม่อาจจะมองโลกในแง่ดีได้อีกต่อไป เมื่อเสร็จจากการนำร่างฝังดินหนิงฮวาก็เป็นลมเพราะนางไม่สบายและต้องเสียใจอีก สาวใช้ได้พานางกลับมาที่ห้องพร้อมไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการ ไม่กี่วันหนิงฮวาก็ได้หายดี
วันนี้ห่าวหรานได้ผ่านมาที่บ้านของหนิงฮวาจึงได้ซื้อขนมที่นางชอบมาฝากแต่เมื่อมาถึงกลับโดนซินหยางไม่ให้เข้าพบเพราะว่าบอกว่านางตอนนี้ป่วยเป็นโรคติดต่อจึงให้เหมยอิงมาต้อนรับห่าวหรานแทน
“หนิงฮวาเป็นอันใดมากหรือไม่ ข้าไม่กลัวที่จะติดโรคจากนางขอแค่ได้พบหน้านางสักนิดก็ยังดี” น้ำเสียงที่กังวลและเป็นห่วงหนิงฮวาอย่างสุดหัวใจทำให้เหมยอิงที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงด้วยก็รีบบอกขัดออกไป
“ท่านพี่คงไม่อยากให้คุณชายเข้าไปพบหรอกเจ้าค่ะ แล้วนี่คุณชายถืออันใดติดมือมาด้วย”
“นี่นะหรือ ข้าซื้อขนมมาฝากหนิงฮวา หากข้าพบนางมิได้ข้าก็ขอฝากแม่นางเหมยอิงนำไปหานางทีข้าขอตัวกลับก่อนวันข้างหน้าข้าจะมาใหม่” แม้เหมยอิงจะเสียดายที่ห่าวหรานรีบกลับแต่นางก็ไม่ได้ยื้อเขาไว้
“ได้เจ้าค่ะ ” หลังจากที่ห่าวหรานกลับไปเหมยอิงก็มองดูขนมพร้อมยิ้มออกมาอย่างนางมารร้าย ตั้งแต่วันที่ฉู่ฉู่ตายหนิงฮวาเองก็ไม่กล้าย่างกายเข้ามาหานางหรือท่านแม่อีกเลย ทำให้เหมยอิงนึกสนุกกลั่นแกล้งทำให้หนิงฮวาช้ำน้ำใจ
ห่าวหรานหลังจากที่แยกออกมาจากเหมยอิงเขาไม่ได้กลับแต่เขาย้อนกลับเข้าที่เรือนของใต้เท้าโจเช่นเดิมครั้งนี้เขารีบเดินตรงไปหาหนิงฮวาเพราะเห็นว่ามีเรื่องอะไรที่แปลก หากนางเป็นโรคอย่างที่ฮูหยินบอกจริงๆ ชาวบ้านที่ยากจนคงจะเป็นกันเกือบทุกบ้าน หนิงฮวาเป็นบุตรสาวของใต้เท้าแท้ๆ คงไม่ยากที่จะรักษา เมื่อห่าวหรานมาที่ห้องของหนิงฮวาก็เห็นนางนั่งนิ่งอยู่ที่ริมหน้าต่างสายตาเม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย เขามองดูนางจนทั่วก็ไม่พบว่านางจะเป็นอย่างที่ซินหยางบอก เขาเริ่มเอะใจจึงได้รีบเข้าไปหาหนิงฮวาก่อนที่จะถูกจับได้
“หนิงฮวาเกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้า” น้ำเสียงทุ่มต่ำได้เอ่ยถามหนิงฮวาคิดว่าตนเองหูแว่วได้ยินเสียงของชายที่นางรัก
“นี่ท่านจริงๆ หรือเป็นเพียงฝัน” หนิงฮวาหันมามองไม่อยากจะเชื่อภาพเบื้องหน้า
“เจ้าไม่ได้ฝัน นี่ข้าจริงๆ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าบอกข้าได้หรือไม่” เมื่อหนิงฮวาแน่ใจแล้วว่าเป็นบุรุษที่นางรักนางก็รีบเข้าไปสวมกอดเพียงขออความอบอุ่นหล่อเลี้ยงหัวใจที่เหี่ยวเฉา ห่าวหรานที่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนางแต่เขาก็โอบกอดนางตอบเพื่อเพื่อปลอบประโลมนาง
“พี่ห่าวหราน ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน ข้าไม่อยากอยู่ที่เรือนแห่งนี้อีกแล้ว อึกอึก” น้ำเสียงน้ำสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมน้ำตาไหลๆ ที่ไหลอาบแก้มจนเปียกอกแกร่งของเขา
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าต้องพบเจอเรื่องอันใดมา แต่ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันถึงวันนั้นเจ้าเองก็ไม่ต้องทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้แล้ว”
หนิงฮวาเงยหน้ามองห่าวหรานที่สูงกว่านางพร้อมบอกความในใจเพราะเกรงว่าตนเองจะทนไม่ไหว
“ข้าไม่รู้ว่าจะรอจนถึงวันนั้นได้หรือไม่ พี่ห่าวหรานโปรดช่วยข้าด้วย หากข้าอยู่ในเรือนแห่งนี้ต่อไปมีหวังข้าจะถูกรังแกจนไม่เหลือชีวิตแน่” ทันใดที่ห่าวหรานได้ยินว่าหนิงฮวาโดนรังแกเขาก็เร่งให้นางพูดความจริงให้เขาฟังทั้งหมด และก็เป็นอย่างที่เขาคิดว่าสองแม่ลูกนั้นไม่ธรรมดา ห่าวหรานปาดน้ำตาที่แก้มนวลของหนิงฮวาและกุมมือนางไว้ทั้งสองข้าง
“เจ้าคงทรมานไม่น้อย แต่ต่อจากนี้ข้าจะพาเจ้าออกจากนรกแห่งนี้เอง เจ้าช่วยรอข้าเสียก่อนข้าจะกลับไปพูดเรื่องงานแต่งของเราให้เร่งเวลามาเร็วกว่าเดิม ต่อจากนี้เจ้าไม่ต้องเกรงกลัว ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าโจพ่อของเจ้าได้กลับมาถึงวังหลวงระหว่างนี้พวกนางคงไม่กล้าลงมือกับเจ้า ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนได้ปลอบประโลมใจให้หนิงฮวารู้สึกสบายใจ นางหยุดร้องไห้และยิ้มให้กับห่าวหรานอย่างหวานซึ้ง
“ข้าจะรอวันนั้นนะเจ้าคะ วันที่เราได้อยู่ด้วยกันชีวิตนี้ข้าขอมีเพียงพี่ห่าวหรานก็เพียงพอแล้ว ” เมื่อห่าวหรานได้ยินก็กอดนางอีกครั้ง
“แล้วข้าจะกลับมารับเจ้าตามที่สัญญา แต่ตอนนี้ข้าต้องไปก่อนเกรงว่าฮูหยินจะจับได้เจ้าจะถูกลงโทษอีก ช่วยรอข้าหน่อยนะเวลาเพียงไม่นานเราสองจะได้เคียงคู่”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะรอท่าน” ทั้งสองกอดกันก่อนที่ห่าวหรานจะปล่อยมือออกจากกายของนางพร้อมแอบหนีออกไป หนิงฮวาเฝ้าคอยการแต่งงานในครั้งนี้เป็นอย่างมาก นางไม่อยากอยู่กับแม่เลี้ยงที่ใจร้ายเช่นนี้
บทที่ 9 เลื่อนงานให้เร็วขึ้นหนิงฮวานางนั่งอยู่ที่เดิมไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางหันไปมองที่ประตูห้องก็พบว่าเป็นเหมยอิงที่เดินถือห่อขนมเข้ามา พร้อมเย้ยหยั่นหนิงฮวา“ท่านพี่ ท่านพี่รู้หรือไม่เจ้าคะว่าวันนี้ผู้ใดมา แต่ท่านพี่คงไม่รู้เพราะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นี่เจ้าค่ะคุณชายห่าวหรานนำขนมมาให้กับข้า คุณชายใจดีมากเลยนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากให้ท่านพี่ได้ชิมเลยนำมาให้ แต่แปลกนะเจ้าค่ะที่คุณชายห่าวหรานไม่ขอพบท่านพี่หรือว่าคุณชายห่าวหรานจะเปลี่ยนใจ ท่านพี่ว่าอย่างนั้นมั้ยเจ้าคะ วันเกิดของข้าคุณชายห่าวหรานได้อุ้มข้าไปส่งที่ห้องท่านพี่อยากรู้มั้ยเจ้าคะ ว่าเกิดอันใดขึ้นบ้างถึงทำให้คุณชายห่าวหรานเปลี่ยนใจ ”เหมยอิงปรุงแต่งเรื่องให้หนิงฮวาได้ทุกข์ตรม แต่ทว่าหนิงฮวานั้นรู้ดีว่าคุณชายห่าวหรานไม่ได้เป็นอย่างที่นางมาเอ่ยถึง แถมเมื่อครู่นางก็ได้พบเจอคุณชายห่าวหรานแล้ว นางจึงได้ตอบเหมยอิงอย่างเย็นชาและแข็งกระด่าง“หากเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องเท่านี้ก็เชิญออกไป ”“ท่านพี่เหตุใดถึงพูดกับข้าเช่นนี้ ข้ามาหาเพราะว่าเป็นห่วงท่านเห็นว่าท่านได้เสียพี่เลี้ยงไป อย่างนี้ข้าก็เสียใจแย่สิเจ้าค่ะ” เหมยอิงแสร้
บทที่ 10 ความอ่อนแอของหนิงฮวาเสียงที่ดังเข้ามานั้นคือใต้เท้าโจที่ได้กลับมาจากวังหลวงพร้อมถือของฝากมาให้หนิงฮวาเต็มไม้เต็มมือ เมื่อเห็นซินหยางกำลังทำร้ายหนิงฮวาเขาเองก็โกรธเป็นอย่างมากใต้เท้ารีบวางสิ่งของอย่างรวดเร็วและเข้ามาจับตัวหนิงฮวาให้ลุกขึ้นพร้อมมองซินหยางด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ เมื่อใต้เท้าพาหนิงฮวามานั่งที่เก้าอี้ก็ได้หันไปถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบซินหยางที่ตอนนี้กำลังยืมก้มนางบีบมือตนเองแน่น นางกำลังใช้ความคิดเป็นอย่างมาก“นี่มันเรื่องอันใด เจ้าถึงลงไม้ลงมือกับหนิงฮวา ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ถึงแม้เจ้าเข้ามาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ฐานะฮูหยินแต่เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำเช่นนี้กับนาง” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น ซินหยางเหลียวไปมองหน้าของหนิงฮวาก่อนที่จะรีบเข้าไปหานางทันที“ท่านพี่ข้าไม่ได้ทำอันใดบุตรสาวของท่านแม้แต่น้อย ข้าแค่เข้ามาช่วยนางเหมือนว่านางกำลังจะหมดสติเจ้าค่ะ” ซินหยางรีบคิดหาทางหนีทีไล่ไม่ให้ตนเองถูกตำหนิ“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อข้าเห็นเจ้ากำลังง้างมือตบนาง” ใต้เท้าโจเดือดดานมากกว่าเดิมทำให้ซินหยางร้อนรนเข้าไปใกล้ตัวหนิงฮวาพร้อมบีบแขนนางอย่างแรง“หากท่านไม
บทที่ 11 ท่านแม่ข้าพลั้งมือใต้เท้าทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะจัดงานในอีกสามวันข้างหน้าถือว่าเป็นวันเวลาที่ดีของทั้งคู่ที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อคุยกันเสร็จสิ้นใต้เท้าโจได้เดินออกมาส่งใต้เท้าหวังอี้เป่าที่รถม้าเพื่อกลับเรือน เสียงหัวเราะคิ้กคั้กทำให้เหมยอิงที่กำลังเดินเล่นอยู่ได้ยินและเกิดสงสัยว่าท่านพ่อมาเมื่อใดและท่านพ่อกับใต้เท้าผู้นั้นมีเรื่องดีอันใดถึงได้หัวเราะออกมากอย่างเปิดเผยเช่นนั้น เมื่อความใคร่รู้ของนางก่อตัว นางเองก็รีบไปหาท่านแม่ของนางทันที และนางเองก็ได้คำตอบจากท่านแม่ว่าที่ใต้เท้าหวังอี้เป่ามาพบท่านพ่อวันนี้นั้นคือเรื่องงานแต่งของหนิงฮวา เหมยอิงไม่สามารถเก็บความโมโหได้นางไม่อยากเห็นหนิงฮวามีความสุข และนางเองก็อยากที่จะครอบครองห่าวหรานบุรุษที่แสนดี นางเอะอะโวยวายทำลายข้าวของในห้องของซินหยางพังทลาย“ข้าไม่ยอมทำไมท่านพี่ต้องได้ดี ทำไมทุกคนต้องรักนาง กรี๊ด” ซินหยางมองดูบุตาสาวของตนอย่างน่าสงสาร รีบห้ามไม่ให้เหมยอิงทำเช่นนี้“หยุดเถิดเหมยอิง อย่าทำเช่นนี้เลย” ซินหยางรีบห้ามเหมยอิงที่ตอนนี้ควบคุมตนเองไม่ได้“ไม่ข้าไม่หยุด ท่านแม่ข้าทำไมกันเจ้าคะทำไมมีแต่คนรักพี่หนิงฮวา ท่านพ่อเอง
บทที่ 12 หมดสิ้นทุกอย่างราตรีที่มืดมิดเสียงเงียบสงัด สายตาเลือนลางหูได้ยินเสียงเพียงของกระแสน้ำที่ไหลวนและร่างกายของสตรีกำลังดิ่งลงใต้น้ำอย่างเชื่องช้าสองมือตะเกียกตะกายสุดชีวิต มือคว้าทุกสิ่งอย่างรอบๆ ตัวที่คว้าได้ ขาของนางพยายามถีบให้ตนเองลอยแต่ทว่าถีบเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่อจมูกอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำทำให้ร่างกายกลั้นหายใจอย่างอัตโนมัติ นางใช้แรงทั้งหมดที่มีในการพยายามขึ้นจากน้ำโดยไร้ที่ยึดเกาะ ตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มเหนื่อยหัวใจเต้นแรงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนางรู้สึกเหนื่อยมากจนกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปจนทำให้น้ำเข้าสู่ลำคอจนนางสำลักออกมานางรู้สึกถึงความเงียบสงบภายในน้ำตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มแสบจมูกแสบคอและแสบในศริษะทำให้นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามตะเกียกตะกายให้หัวพ้นน้ำเพื่อฮุบอากาศหายใจให้ได้ แต่ทว่านางก็หาที่ยึดเกาะไม่ได้ เพียงไม่กี่อึดใจนางกหมดแรงขัดขืนและเริ่มจมลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาเบิกโพลงนางไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้นางได้หายใจเอาของเหลววิ่งผ่านหลอดลมเข้าไป ร่างกายของนางจมลงไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงก้นบ่อสมองตัดการรับรู้ สติเลือนลางก่อนที่นางจะหลับไปตลอดกาล
บทที่ 13 เกิดใหม่อีกคราเสียงโวกเวกโวยวายของสาวใช้ที่กำลังปลุกให้หนิงฮวาอยู่นั้นทำให้นางรู้สึกรำคาญซะเหลือเกิน นางคิดว่าตนเองนั้นได้หลุดพ้นความเจ็บปวดและมาที่สวรรค์ และพบเจอกับฉู่ฉู่ที่มารอนางอยู่บนสวรรค์ก่อนแล้วท้องฟ้าเริ่มสว่างเจิดจ้า แสงอรุณเริ่มคืบคานเข้ามาลอดผ่านช่องหน้าต่างทำให้หนิงฮวานางแสบตาเล็กน้อย“คุณหนู คุณหนูรีบตื่นสิเจ้าคะ อย่าบอกนะเจ้าคะว่าคุณหนูลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูเหมยอิง หากคุณหนูไม่รีบลุกไปช่วยเดี๋ยวฮูหยินมาต่อว่าและลงโทษคุณหนูอีกนะเจ้าคะ” นางยังคงเขย่ากายของหนิงฮวาอยู่ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในห้องของนางช่างเหมือนตอนที่นางอายุเพียงสิบเจ็ดปี นางลุกขึ้นมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งของที่นางเคยมอบให้แก่เหมยอิงน้องสาวต่างมารดา นางเดินลงจากเตียงนอนไปลูบสิ่งของเหล่านั้นและหันไปพบกันปิ่นปักผมของต่างหน้ามารดาของนางก็รีบหยิบมากอดไว้ที่อกอย่างหวงแหนจนสาวใช้ของนางแปลกใจและได้เอ่ยถามนาง“คุณหนู คุณหนูได้ยินที่ข้าพูดมั้ยเจ้าคะ” หนิงฮวาวางกล่องปิ่นลงและหันมาหาฉู่ฉู่ด้วยความคิดถึงพร้อมโผล่กอดนาง“ท่านสบายดีหรือ รู้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงท่านเพียงใดอย่าเป็นอันใดอีกเล
บทที่ 14 ใต้เสงจันทร์ที่สาดส่องฉู่ฉู่กลับมาจากตลาดเวลาก็จวบจนจะพลบค่ำนางได้ชุดใหม่มาให้หนิงฮวาอย่างสวยงาม หนิงฮวาชอบมันเป็นอย่างมาก นางสวมใส่และแต่งแต้มประทินโฉมให้งดงาม ริมฝีปากที่ขาวซีดก็เติมแต่งด้วยผงดอกกุหลาบสีแดงฉ่ำ เครื่องประดับหรือปิ่นที่นางมีก็ได้สวมใส่ที่ผมอย่างสวยงาม เมื่อนางแต่งกายเสร็จสิ้นก็ก้าวเท้าออกจากห้องตรงไปที่งานพิธีของเหมยอิง ฉู่ฉู่นางยิ้มอ่อนหวานอย่างชื้นใจที่เห็นคุณหนูของนางงดงามขึ้นและเข็มแข็งผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในเรือนของใต้เท้าโจรวมถึงชาวบ้านที่อยู่ระแวกนี้เองก็ได้เข้ามาเพื่อกินอาหาร เหมยอิงกับซินหยางที่ยืนต้อนรับใต้เท้าที่มาร่วมอวยพรวันเกิดให้นางอย่างมีความสุข เมื่อหนิงฮวาย่างกายเข้ามาที่งานทุกสายตาก็จับจ้องไปที่นางจนเหมยอิงเองก็ต้องเหลียวตามมา ก็ได้พบว่าวันนี้หนิงฮวาช่างแต่งกายมางดงามยิ่งกว่าตนเองที่เป็นเจ้าของวันเกิดด้วยซ้ำ ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้สะกิดมารดาของตน“ท่านแม่ เหตุใดท่านพี่ถึงมีชุดสวยงามเช่นนั้นใส่ได้แล้วท่านแม่ดูสิใบหน้าของท่านพี่วันนี้ก็แต่งแต้มออกมาอย่างสวยงาม บุรุษทั้งหลายต่างพากันมองนางและชื่นชมนี่มันเป็นงานของข้าหรือเป็นงาน
บทที่ 15 ผิดแผนรุ่งเช้าได้หวนมาอีกครั้งหนิงฮวานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างยิ้มกริ่มอย่างเขินอายที่ค่ำคืนนางได้มอบจูบแรกแก่ชายที่นางรัก ฉู่ฉู่เข้ามาที่ห้องก็ตรงตกใจเพราะเห็นว่าคุณหนูของนางนั้นตื่นเช้าก่อนที่นกจะบินออกจากรังหาอาหารด้วยซ้ำ“คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงนั่งอยู่ริมหน้าต่างยังไม่สว่างเช่นนี้”“ข้าสบายดีแต่ข้ายังไม่ได้นอนเลยต่างหาก ฉู่ฉู่ข้ามีความสุขเหลือเกินจนคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน ” ฉู่ฉู่นางแอบเห็นเมื่อคืนนี้ที่หนิงฮวาได้เดินออกไปที่สวนกับห่าวหรานแต่ก็ไม่ได้ตามไปดู นางจึงคิดว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น“คุณหนูมีความสุขข้าเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย ” ฉู่ฉู่ไม่อยากถามว่าเกิดเรื่องอันใดส่วนเหมยอิงที่ออกมาจากงานของนางก็มาอาละวาดที่ห้องของตนเอง จนซินหยางต้องมาปลอบประโลมนาง นางจึงคิดแผนการให้เหมยอิงไปหาคุณชายห่าวหรานที่เรือนและได้ให้สาวใช้ไปหาซื้อยาปลุกกำหนัดมาใส่ขนมเพื่อนำไปให้ห่าวหรานได้กิน ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ เมื่อโดนฤิทธิ์ยาตัวนี้เข้าไปก็มิอาจจะต้านทานได้ซินหยางนางจึงสั่งให้สาวใช้ทำขนมเซาปิ่งที่ทำจากแป้งผสมกับมันเทศ ซินหยางได้สั่งให้ทำเพียงเล็กน้อยก่
บทที่ 16 ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดห่าวหรานได้พาหนิงฮวาเดินมาที่ห้องของเขาที่กำลังจัดเตรียมไว้ต้อนรับนาง ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว สาวใช้มากมายเมื่อเห็นห่าวหรานกับหนิงฮวาเดินเข้ามาก็พากันออกไปให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างทางห่างหรานเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเริ่มแปลกไป ร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองหนิงฮวาคราใดก็จะคอยเก็บความต้องการของตนเองไว้ไม่ได้ แต่เขาเองก็พยายามสะกดอารมณ์ของตนเองเพื่อไม่ให้ทำอันใดนางหนิงฮวาเองก็ไม่ต่างกัน นางรู้สึกร้อนรุ่มข้างใน เมื่อมาถึงห้องที่ห่างหรานพามาดู นางก็รีบรินชาเพื่อดื่มดับความร้อนในร่างกาย“เจ้าหิวน้ำหรือ”“เจ้าค่ะ ที่นี่สวยมากเลยเจ้าค่ะ” หนิงฮวาได้เดินเข้าไปดูเตียงนอนสำหรับนาง นางเองก็เขินอายเมื่อนึกถึงคืนเข้าหอหัวใจของนางเริ่มเต้นระรัวดังออกมา เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาตามร่างกายแม้อากาศจะเย็นสบายแต่บัดนี้กลับร้อนมาก ห่าวหรานก็ได้เดินตามเข้ามา“ที่นี่ตกแต่งไว้เพื่อเจ้า หากเจ้าชอบข้าเองก็ดีใจ ” ห่าวหรานหันไปมองหนิงฮวาที่กำลังปาดเหงื่อเขาเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาท่าทางที่นางปาดเหงื่อนั้นช่างเย้ายวนเขาเหลือเกิน จนเขาต้องหันหลังในนางเพื่อระงับอารมณ์เอาไว้“พี่ห่าวหรา
ตอนพิเศษยามค่ำคืนที่เงียบสงบเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งนา ครอบครัวของหนิงฮวาที่ย้ายมาอยู่ท่านกลางธรรมชาติกำลังชุลมุนวุ่นวาย เสียงฉู่ฉู่ที่คอยบอกสาวใช้ให้เตรียมนู้นเตรียมนี่ดังอยู่เรื่อยๆ ห่าวหรานเองก็เดินไปมาหน้าห้องอย่างเป็นกังวลไม่นานนักเสียงทารกแรกเกิดก็ได้ดังขึ้น ทำให้ห่าวหรานดีใจและเป็นห่วงหนิงฮวาจับใจ“แง้ ๆ ” เสียงแรกที่เปล่งออกมาก็มีเสียงจากหมอว่าตอนนี้เขาได้บุตร“ยินดีด้วยขอรับ ท่านได้บุตรชายที่แข็งแรงตอนนี้ฮูหยินเองก็ปลอดภัยดี ” เมื่อเสียงที่เอ่ยออกมาจากด้านในบอกว่าเขานั้นมีบุตรชาย ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ดีใจมิใช่น้อย พากันยิ้มอย่างระรื่น“ข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่” ห่าวหรานอยากจะอุ้มตัวเล็กซะเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนิงฮวาก็เปล่งออกมาอีกรอบ“โอ๊ย! ท่านหมอข้าเจ็บท้องอีกแล้ว ” ท่านหมอเองก็ตกใจมิใช่น้อย“โอ๊ะ! หรือว่าฮูหยินมีบุตรสองคน ทำใจดีไว้นะขอรับ สูดลมเข้าไปให้ลึกๆ และเบ่งมาอีกรอบ ” คนที่ด้านนอกเมื่อได้ยินก็ต้องตะลึงเพราะคิดว่านางตั้งครรภ์แค่คนเดียวแต่ทว่าในท้องของหนิงฮวานั้นกลับมาบุตรอยู่ตั้งสองคน“ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ว่าท่านมีหลานสองคน ข้าด
บทที่ 23 ตอนสุดท้ายหนิงฮวามาถึงก็ต้องพบร่างของท่านพ่อที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่ถูกบ่าวอุ้มขึ้นไปวางไว้ นางเริ่มก้าวเท้าไม่ออกเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไป ท่านพ่อที่เป็นที่รักของนางได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา เมื่อท่านหมอเห็นหนิงฮวาจึงเดินมาก้มโค้งลงและบอกอาการ“คุณหนูข้าช่วยท่านใต้เท้าสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจจะยื้อท่านใต้เท้าได้ เพราะเสียเลือดมากเกินไปมีดได้แทงไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ข้าน้อยขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ” หนิงฮวาหูอื้อไม่รับรู้สิ่งใดนางเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงร่างที่นอนแน่นิ่งกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นางก็มิได้รังเกียจนางโผล่เข้าโอบกอดร่างของใต้เท้าโจสะอึกสะอื้นอย่างปวดร้าว แม้แต่บ่าวในเรือนเองก็ต่างพากันร่ำไห้เสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้ ห่าวหรานมาถึงก็ได้เข้าไปปลอบหนิงฮวาและคอยอยู่ข้างๆ กายนางตลอดเวลาจนกระทั่งได้ทำการฝังร่างของใต้เท้าโจเสร็จสิ้นมีใต้เท้ามากมายร่วมมาไว้อาลัย ห่าวหรานเองก็ไม่ห่างคอยช่วยเหลือหนิงฮวาอยู่ใกล้ๆ ส่วนเหมยอิงตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติ เพราะรับไม่ได้ที่ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อของตนเอง นางช็อคจนสติหลุดตอนนี้หนิงฮวาได้สั่งให้บ่
บทที่ 22 เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากท่านหลังจากวันงานเลี้ยงฉลองใต้เท้าโจก็ไม่เอ่ยอันใดกับซินหยางอีกเลยแม้กระทั่งห้องนอนเขาก็ออกไปนอนที่ห้องเดิมของตนเองอาการของเหมยอิงก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกวันนาง จนซินหยางเริ่มทุกข์ใจหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานใต้เท้าโจต้องรู้เป็นแน่ ทั้งสองแม่ลูกจึงมาปรึกษากันที่ห้องโถงเพราะคิดว่าวันนี้ใต้เท้าโจไม่อยู่“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกจะช่วยข้าอย่างไรเจ้าคะ ท้องของข้าก็โตขึ้นทุกวัน หรือว่าข้าจะเอาเด็กออก ท่านแม่ช่วยไปหายาสมุนไพรที่รุนแรงมาต้มให้ข้าดื่มได้มั้ยเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท้องของข้าจะโตขึ้นทุกวันอย่างนี้ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใดสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแต่กลับท้องโตทุกวัน” เหมยอิงวิตกเป็นอย่างมาก“เหมยอิงแม่ผู้นี้บอกแล้วอย่างไรเล่าหากจะจัดการให้เจ้าเองเจ้าช่วยรอข้าก่อนนะ”“รอหรือเจ้าคะ ต้องให้ข้ารอไปถึงเมื่อไหร่กัน หรือท่านแม่จะรอให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อนเจ้าคะ อย่างไรข้าก็จะเอาเด็กออกหากท่านแม่ไม่ทำข้าก็จะออกไปหายาสมุนไพรมาจัดการกับเด็กผู้นี้เอง” เหมยอิงเปิดประตูออกไปก็ต้องตกใจผงะถอยหลังใบหน้าซีเซียว จนซินหยางเองแปลกใจ“เจ้าท้อง ท้องกับผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ช่าง
บทที่ 21 อับอายฮูหยินพาหนิงฮวาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงซินหยางพยายามขอร้องก็ไม่เกิดผล หนิงฮวาหันไปมองนางพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ“ฮูหยินท่านฟังข้าก่อนที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้น ข้าเป็นแม่ของนางสั่งสอนบุตรของตนเองมันผิดตรงไหนกัน”“แล้วเจ้าเคยสั่งสอนเหมยอิงบุตรสาวของเจ้าเช่นหนิงฮวาหรือไม่” ซินหยางนิ่งเถียงออกมาไม่ได้ในคำถามที่ฮูหยินได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าทนได้เมื่อก่อนช้าเจอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ท่านแม่อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเลยข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องดุด่าและต้องอับอาย”“โธ่ๆ หนิงฮวานี่เจ้าต้องเจอกับคนใจร้ายเช่นนี้มานานเท่าไหร่กันเหตุใดเจ้าไม่บอกกับท่านพ่อของเจ้า ว่าเจ้าถูกนางเมียเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด แต่ไม่เป็นไรนะต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก” หนิงฮวาได้เติมเชื้อไฟให้ปะทุมากกว่าเดิม จนซินหยางทนไม่ไหวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางจับดึงหัวของหนิงฮวาต่อหน้าฮูหยินโดยไม่ได้เกรงกลัว“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้ามันร้ายเอ่ยอันใดมามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย หนอยหาว่าข้ารังแกเจ้านั้นหรือได้ข้าจะรังแกเจ้าตามที่เจ้าได้เอ่ยมาเมื่อครู่เอง” หนิงฮวา
บทที่ 20 รู้ทันเมื่อหนิงฮวากระซิบบอกเหมยอิงเสร็จนางก็เอาจอกสุรายื่นให้เหมยอิงเช่นเดิม นางยังคงตกใจยืนอยู่กับที่ จนหนิงฮวาเดินห่างออกจากนางไปนางก็โยกจอกสุรานั้นทิ้งพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น“กรี๊ด!!!” หนิงฮวาที่เดินออกมาได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหมยอิงนางก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ วันนี้นางออกไปที่ตลาดและไปบังเอิญไปพบเจอทั้งสองแม่ลูกที่ตลาดนางจึงแอบเดินตามไปที่โรงหมอ ก็ได้รู้ความลับของเหมยอิงที่นางได้ตั้งครรภ์ และนางเองก็รู้จักสองแม่รู้นี้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ไม่ว่าวันเวลาจะผลันเปลี่ยนคำพูดที่ทำให้เหมยอิงกรีดร้องออกมานั้นเป็นคำที่แทงใจของนาง“อย่าคิดว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า และเจ้าเองก็อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้ากับท่านแม่ของเจ้ารังแกได้อีก ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังข้าเสียมากกว่าที่จะเอาความลับของเจ้าไปแพร่งพราย ตอนนี้ตัวของเจ้าก็ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียว จงอย่าทำอันใดที่มันเกินขอบเขตไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูท่านพ่อเป็นแน่ และอีกอย่างอย่าคิดมาจับสามีของข้าให้รับเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า เพราะข้าจะไม่อยู่นิ่งเป็นแน่”หนิงฮวาเดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ห่าวหรานเองก็หันมามองแ
บทที่ 19 เหมยอิงท้องฝั่งด้านเหมยอิงช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย นางเริ่มไม่อยากอาหารและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็มักจะคลื้นไส้อ้วกตลอดเวลา นางเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกผู้ใดจนวันนี้ที่ต้องมานั่งกินอาหารร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่“วันนี้ท่านพี่มีเวลา ช่างดีเสียจริงเราไม่ได้นั่งกินอาหารด้วยกันมานานมากแล้ว” ซินหยางเอ่ยพร้อมพยักหน้าให้บ่าวตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน“ที่ข้ามีเวลามานั่งกินข้าวกับพวกเจ้าเพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก วันนี้ในช่วงค่ำบ้านใต้เท้าหวังอี้เป่าจะจัดงานฉลองที่ลูกเขยห่าวหรานได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการพวกเจ้าเองก็เตรียมตัวรอเมื่อถึงเวลาข้าจะให้เกี้ยวมารับพวกเจ้าเพราะข้าเองต้องเข้าไปที่วังหลวงในช่วงสายๆ” ใต้เท้าโจนั่งคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนและคีบเข้าที่ปากของเขาต่อ เหมยอิงที่มาทีหลังก็รีบนั่งลงด้านหน้าของท่านพ่อ“มาแล้วงั้นรึนั่งลงสิ” ใต้เท้าโจบอกเหมยอิง“เจ้าคะท่านพ่อ” เหมยอิงนั่งลงบ่าวก็ได้ตักข้าวใส่ถ้วยของนางกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอยู่บนอากาศได้เตะจมูกของนางทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมจนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป“อั๊วะ” เหมยอิงลุกขึ้นออกไปอ้วกใต้เท้าโจก็มองต
บทที่ 18 ความผิดนางหนิงฮวาแม้จะเคยร่วมหลับนอนกับห่าวหรานแต่ครั้งนี้นางเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่เช่นเคย เมื่อดื่มน้ำชาเสร็จห่าวหรานก็ได้เปิดหน้าคุมหน้านางออก นางเผยยิ้มให้แก่ห่าวหรานเขาเข้ามาโอบกอดนางอย่างอบอุ่น“ข้ามีความสุขเหลือเกิน ที่วันนี้มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง เหมยอิงนางเองก็มีส่วนดีหากนางไม่คิดแผนเช่นนั้นข้ากับเจ้าก็คงไม่ได้แต่งกันเสียที”“นั้นสิเจ้าคะ ตลอดเวลาวันนี้ข้าไม่พบเห็นหน้านางเลยสักครา หรือว่านางจะยอมแพ้ไปแล้ว” หนิงฮวาพึ่งมานึกได้ว่านางไม่เห็นเหมยอิงเลย“นางคงต้องยอมแพ้ไปแล้วล่ะ ก็ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้เข้าพิธีแต่งกับข้า และต่อจากนี้ไปเจ้าคือภรรยาของข้า อีกสักหน่อยเมื่อข้าได้รับตำแหน่งอาจจะมีการโยกย้ายเมื่อนั้นเจ้าเองก็จะได้เป็นฮูหยินของท่านผู้ตรวจการ” ห่าวหรานส่งยิ้มหวานให้หนิงฮวานางเองก็รู้ซึ้งถึงรอยยิ้มนั้นดีว่าตอนนี้ห่าวหรานต้องการอันใด เขาได้อุ้มหนิงฮวาขึ้นเตียงพร้อมดับเทียนทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จสิ้นพิธี ค่ำคืนนี้อบอวลไปด้วยความสุขสมหวังทำให้หนิงฮวามีความสุขเป็นอย่างมากรุ่งสางนางลืมตาขึ้นมาก็พบกับห่าวหรานที่นอนอยู่เคียงข้างนางจ้องมองใบหน้าที่ไร้ที่ติ ใช้นิ้วชี้แตะล
บทที่ 17 งานแต่งรื่นเริงใต้เท้าหวังอี้เป่าได้มาหาบุตรชายของตนเพื่อหารือเรื่องงานมงคลก็ต้องมาพบกับห่าวหรานที่นอนแนบชิดอยู่กับหนิงฮวาบนเตียงทำให้ใต้เท้าหวังอี้เป่าตะโกนต่อว่าบุตรชายตนเองที่ไม่เป็นบุรุษที่ดี“ห่าวหรานเจ้าทำอันใด ลุกตามข้าออกมาด้านนอกบัดเดี๋ยวนี้” เสียงดังสนั่นที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธทำให้ห่าวหรานกับหนิงฮวาตื่นขึ้นมาและต้องตกใจรับคว้าหาผ้ามาใส่กันอย่างเร็ว และออกตามใต้เท้าหวังที่นั่งรออยู่ที่ห้องโถงแล้วห่างหรานกับหนิงฮวานั่งคุกเข่าต่อหน้าใต้เท้าหวังที่นั่งอยู่กับฮูหยิน“มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นเหตุใดเจ้าทั้งสองถึงอยู่บนเตียงด้วยกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดหากใต้เท้าโจรู้เข้า” ใต้เท้าหวังได้ต่อว่าบุตรชายของตน“ท่านพ่อข้าพร้อมรับผิดชอบ อย่างไรข้ากับหนิงฮวาเองก็ต้องแต่งกันอยู่แล้ว ”“แล้วความเป็นบุรุษที่ดีของเจ้าล่ะ ทำไมไม่ยอมหักห้ามใจแถมเจ้ายังทำผิดธรรมเนียมอีก”“ใต้เท้าหวังเจ้าคะ จะโทษพี่ห่าวหรานทั้งหมดก็ไม่ได้หากข้าไม่ยิมยอมก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ” หนิงฮวาก็ได้เอ่ยขึ้นมา“นั่นสิท่านพี่เหตุใดท่านต้องโมโหเด็กทั้งสองด้วย อย่างไรเขาทั้งคู่ก็รักใคร่กันอีก
บทที่ 16 ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดห่าวหรานได้พาหนิงฮวาเดินมาที่ห้องของเขาที่กำลังจัดเตรียมไว้ต้อนรับนาง ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว สาวใช้มากมายเมื่อเห็นห่าวหรานกับหนิงฮวาเดินเข้ามาก็พากันออกไปให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างทางห่างหรานเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเริ่มแปลกไป ร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองหนิงฮวาคราใดก็จะคอยเก็บความต้องการของตนเองไว้ไม่ได้ แต่เขาเองก็พยายามสะกดอารมณ์ของตนเองเพื่อไม่ให้ทำอันใดนางหนิงฮวาเองก็ไม่ต่างกัน นางรู้สึกร้อนรุ่มข้างใน เมื่อมาถึงห้องที่ห่างหรานพามาดู นางก็รีบรินชาเพื่อดื่มดับความร้อนในร่างกาย“เจ้าหิวน้ำหรือ”“เจ้าค่ะ ที่นี่สวยมากเลยเจ้าค่ะ” หนิงฮวาได้เดินเข้าไปดูเตียงนอนสำหรับนาง นางเองก็เขินอายเมื่อนึกถึงคืนเข้าหอหัวใจของนางเริ่มเต้นระรัวดังออกมา เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาตามร่างกายแม้อากาศจะเย็นสบายแต่บัดนี้กลับร้อนมาก ห่าวหรานก็ได้เดินตามเข้ามา“ที่นี่ตกแต่งไว้เพื่อเจ้า หากเจ้าชอบข้าเองก็ดีใจ ” ห่าวหรานหันไปมองหนิงฮวาที่กำลังปาดเหงื่อเขาเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาท่าทางที่นางปาดเหงื่อนั้นช่างเย้ายวนเขาเหลือเกิน จนเขาต้องหันหลังในนางเพื่อระงับอารมณ์เอาไว้“พี่ห่าวหรา