"เจ้าคะ เจ้าคะ คิก...คิก..." หรงหรงแค่แกล้งพูดไปเพื่อฆ่าเวลา ไม่นึกเลยว่าท่านลุงจางจะคิดว่านี้เป็นเรื่องจริง ยามซวี(19.00-21.00)...... เกวียนได้ขับเคลื่อนมาจอดเทียบที่หน้าเรือนของนางเมิงอย่างช้าๆ เมื่อโม่เฉินเหลือบไปเห็นถึงความเคลื่อนไหว เขาจึงมองเห็นว่าเกวียนกำลังจอดเทียบอยู่ทางเข้าด้านหน้าเรือ
"ท่านแม่ ว่าแต่เหตุใดลูกถึงไม่เห็นหน้าอาเฉินเลยละเจ้าคะ....? "อ้าว...เมื่อครู่แม่ยังเห็นเขาอยู่ตรงนี้อยู่เลย..." หญิงชราชี้นิ้วหันไปมอง เห็นเพียงความว่างเปล่า "ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวลูกออกไปดูเขาเองเจ้าคะ..." หรงหรงเตรียมตั้งท่าจะลุกออกไป "หรงเอ๋อร์.....? "ว่าอย่างไรเจ้าคะท่านแม่....? พอได้ยินเส
"ไม่มีนี้ เจ้ารีบกินข้าวต่อเถอะ.." โม่เฉินรีบกล่าวตัดบทสนทนา "ต้องมีแน่ๆ บอกมา....ข้าไปทำสิ่งใดผิดต่อท่าน ท่าทีของท่านเช่นนี้ ข้ามิชอบใจเลยสักนิด.." หรงหรงปัดมือที่เปรอะเปื้อนด้วยอาภรณ์ที่นางสวมาใส่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วหันไปจับแก้มทั้งสองข้างของโม่เฉิน ราวกับกำลังซักถามนักโทษ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งก
"อาเฉิน...ข้าจะช่วยท่านเปลี่ยนอาภรณ์ดีหรือไม่....? หรงหรงไม่รอช้า นางรีบเข็นรถเข็นเข้าไปในเพิงพักอีกหลัง ที่ได้ช่างไม้ฉู่เป็นคนปลูกสร้างเอาไว้พักชั่วคราว หรงหรงรีบอุ้มโม่เฉินไปวางลงที่เตียงนอนอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็ช่วยเขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ออกอย่างชำนาญ และคล่องแคล่วว่องไว ตั้งแต่โม่เฉินบาดเจ็บ
หญิงชราเห็นว่าบุตรสาวเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อวานนี้ วันนี้นางจึงปล่อยให้บุตรสาวตื่นสายเป็นกรณีพิเศษ เมื่อถึงเวลางาน ช่างไม้ฉู่กับลูกมือทั้งสี่ก็ไม่รอช้า เมื่อวานพวกเขาได้รื้อเรือนออกจนแล้วเสร็จ และเริ่มขุดหลุมลงเสาเรือนเป็นที่เรียบร้อย วันนี้ทุกคนจึงเริ่มขึ้นโครงสร้างเรือน เพื่อทำตามแบบร่างที่หรง
หรงหรงเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังขึ้นมา มีเพียงโม่เฉินเท่านั้น ที่ทำให้หรงหรงกลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หรงหรงจะต้องเข้มขรึมอยู่ตลอดเวลา เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องแบกรับ กับภาระอันหนักอึ้ง นางจึงไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว หรงหรงหันกลับมาขยิบตาให้โม่เฉินเป็นครั้งคราว ก่อ
ลูกธนูไม้ไผ่ในมือโม่เฉิน พุ่งปักไปที่หัวเข่าของหัวโจกอันธพาลผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ตามไปด้วยก้อนหินอีกสี่ก้อน ล้วนถูกดีดไปตามจุดสำคัญต่างๆ อย่างหนักหน่วง ทำให้หัวโจกอันธพาลมีสภาพที่ยับเยินย่ำแย่ อย่างมิมีชิ้นดี "หึ....ว่าอย่างไร ยังจะจัดการกับข้าอีกหรือไม่.....? โม่เฉินมองไปที่หัวโจกอันธพาลอย่างเย็นช
"เพล้ง...!!!! เสียงสิ่งของล่วงหล่นไปกองอยู่ที่พื้นอย่างฉับพลัน "ใครช่างกล้าดี....ทำให้ท่านย่าของข้า โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ถึงเพียงนี้เจ้าคะ....? เสียงลั่วลั่วดังแว่วมาจากทางด้านหลังของแม่เฒ่าอิ๋น "หึ....เจ้ามาก็ดีแล้ว หลานรัก...เจ้ารีบมานั่งลงตรงนี้เร็วเข้า ย่ามีเรื่องสำคัญจะให้เจ้าช่วยไปจัดการ...
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม