Home / รักโบราณ / ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช / ตอนที่ 10 วันซ้อมของพิธีกรรมขอฝน

Share

ตอนที่ 10 วันซ้อมของพิธีกรรมขอฝน

last update Last Updated: 2025-01-26 23:49:52

     จูมี่เอินจมอยู่กับความทุกข์เรื่องของอาจารย์นานหลายวัน ศิษย์พี่ที่เห็นนางมาแต่เล็กก็พากันเห็นความผิดปกตินี้ของนาง บางคนถึงกลับเข้าไปในตัวหมู่บ้านนำขนมติดมือกลับมาให้นาง บางคนก็ช่วยนางทำความสะอาดอารามทั้งหมดไม่ให้นางเหนื่อยคนเดียว จูมี่เอินรับรู้ความปรารถนาดีทั้งหมดของพวกเขาได้ จึงพยายามทำตัวเป็นปกติ

     แล้ววันนั้นศิษย์พี่เอ้อร์ที่ออกไปปัดเป่าทำพิธีในหมู่บ้านก็กลับมาแจ้งข่าวว่าวังหลวงมีการจัดพิธีขึ้นที่หมู่บ้านที่อารามของพวกเขาตั้งอยู่ มีการส่งข่าวมาให้พวกเขาเข้าร่วมพิธีขอฝนในอีกสามวันข้างหน้าที่ลานกลางหมู่บ้านซึ่งกำลังจะเตรียมพื้นที่อยู่ตอนนี้

     "มีนักบวชจากอารามอื่นมาด้วยรึไม่?" จูมี่เอินรู้ว่าพิธีขอฝนนั้นต้องทำเช่นไร ยามปกติใช้นักบวชไม่กี่คนก็ได้ แต่หากเป็นพิธีของวังหลวงไม่แน่ว่าคนของอารามแห่งนี้อาจไม่พอ ขึ้นอยู่กับทางนักบวชหลวงเป็นผู้กำหนด

     "ใช่ ครั้งนี้ใช้นักบวชยี่สิบสี่คน" ศิษย์พี่เอ้อร์บอกก่อนจะขอตัวไปหาอาจารย์ของตนเพื่อแจ้งข่าวให้เขาทราบ

     จูมี่เอินก้มหน้าลงใช้ความคิด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วังหลวงมาจัดพิธีในหมู่บ้านจิ้งของนาง เพราะที่แห่งนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างห่างไกลจากวังหลวงมาก ต้องใช้เวลาเดินถึงหกวัน

     แต่ที่นางได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีนั้นก็คือนักบวชหลวงจะเป็นผู้กำหนดสถานที่ร่วมกับท่านโหราศาตร์ของวังหลวง พวกเขาทำนายถึงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีครั้งใหญ่ทุกปี ยามนี้ฝนไม่ตกมาถึงสองฤดูกาลแล้ว ชาวบ้านต่างขาดแคลนน้ำ มีการทำพิธีถึงสองครั้งแต่ก็ไร้ผล ปีนี้เป็นปีที่สามหากไม่ได้ผลอีกเกรงว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่เพิ่งได้ขึ้นครองราชย์มาสองปีนั้นต้องเป็นที่กล่าวถึงในทางไม่ดีแน่

     แม้นางจะอยู่ห่างไกลแต่ก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์มาบ้าง สองปีก่อนเป็นปีที่นางมีพิธีปักปิ่นยามนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ ฮ่องเต้สวรรคตจากไปด้วยโรคร้าย องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ ยามนั้นนางมองเห็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ของวังหลวง เป็นครั้งแรกที่เห็นการเสียชีวิตของคนที่อยู่ไกลขนาดนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ได้จากไปจากโรคร้ายหากกลับถูกวางยาพิษ แต่จูมี่เอินไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่มีใครที่เชื่อนางเป็นแน่

     รอบนี้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ถูกเลือกแล้ว นางหวังว่าฝนจะตกตามฤดูกาลเสียที

     สองวันต่อจากนั้น นางช่วยศิษย์พี่และอาจารย์เตรียมตัวไปทำพิธี เพราะจะมีการซ้อมพิธีก่อนวันจริงหนึ่งวันเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการทำพีธีต่อหน้าฮ่องเต้

     จูมี่เอินยามนี้สวมชุดสีเทาอ่อนคล้ายชุดของเหล่าศิษย์พี่ที่สวมใส่กันทุกวัน เป็นเนื้อผ้าบางเบาไม่เหมือนชุดปกติที่นางใส่ อาภรณ์ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดที่นางเก็บไว้ไม่เอาออกมาสวมในยามปกติ ชุดที่นางสวมมาตลอดเป็นผ้าหยาบแบบเดียวกับของพวกชาวนา แม้จะหยาบและหนาแต่ทนต่อการใช้งานมากนางจึงมักสวมแต่ชุดพวกนั้นมาตลอด บนศรีษะยังสวมหมวกโต่วลี่ [1] สี่ขาว เพราะเป็นครั้งแรกที่นางเดินทางลงมาที่หมู่บ้านด้วยตนเอง อาจารย์ของนางจึงมอบหมวกใบนี้ให้เพราะรู้ว่านางอาจเกิดความประหม่าได้  ^(*โต่วลี่ หมวกสานแบบมีผ้าคลุมปิดหน้า)

     ส่วนศิษย์พี่และอาจารย์ของนางในวันนี้ใส่ชุดขาวดิ้นทองของราชวงศ์ส่งมาให้เมื่อวันก่อน ยามนี้ได้มองพวกเขาจากที่ไกลๆ ซ้อมพิธีขอฝน ความยิ่งใหญ่ที่เพิ่งเคยได้เห็นครั้งแรกอดทำให้นางตื่นตาตื่นใจไม่ได้ มีทั้งนางรำ กลอง ดนตรี ไม่ใช่แค่นางเท่านั้นคนอื่นในหมู่บ้านก็ต่างพอกันมาดู ทั้งนางยังได้ยินชาวบ้านบอกว่าพรุ่งนี้คงมีคนจากหมู่บ้านอื่นมาด้วย มาต้อนรับฮ่องเต้ที่นานครั้งจะออกจากวังหลวง ก็คิดว่าพรุ่งนี้คงน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านี้

     หญิงสาวข้างกายนางยังคงพูดถึงฮ่องเต้ด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าว่า

     "ได้ยินว่าฮ่องเต้จะเสด็จมา พรุ่งนี้ข้าจะแต่งตัวให้สวยที่สุด หากต้องตาต้องใจฝ่าบาทเข้าข้าอาจมีบุญวาสนาได้เป็นสนมของพระองค์"

     "ข้าด้วยๆ ได้ยินว่าพระองค์มีสนมในวังหลายคนแต่กลับไม่มีใครเป็นที่โปรดปรานเลยสักคน หากเข้าไปได้และเป็นที่รักของฝ่าบาทยามนั้นไม่แน่ข้าอาจได้เป็นฮองเฮาของแคว้น!"

     "เจ้าก็หวังสูงเกินไป แค่จะได้เป็นสนมก็มากพอแล้ว เราเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาต่อให้พระองค์ทรงชื่นชอบเพียงใดก็ไม่อาจเป็นฮองเฮาของแคว้นได้ พวกเรามิได้เป็นลูกของคนใหญ่คนโตเสียหน่อย"

     จูมี่เอินไม่ได้อยากร่วมวงสนทนากับหญิงสาวกลุ่มนั้น นางรักความสงบอยากอยู่เงียบๆ เลยหลบออกมาอยู่ที่เนินไกลๆ แต่หญิงสาวพวกนี้กลับมาตามมาเสียได้ ทั้งพากันคุยเรื่องราวมากมายจนจูมี่เอินแทบจะจับใจความไม่ทัน เสียงก็ไม่ใช่เบาๆ หากอยู่ไกลไปหลายจั้ง [2] ก็ยังคงได้ยินแน่ๆ ^(จั้ง หน่วยวัดความความยาวของจีน 1 จั้งเท่ากับ 3.33 เมตรโดยประมาณ)

     จูมี่เอินยกมือขึ้นเปิดผ้าออกอีกเล็กน้อยมองการทำพิธีต่อ เนินดินที่นางอยู่สูงห่างจากประรำพิธีอยู่มาก เมื่อนางมองลงไปกลับได้เห็นหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งอยู่เบื้องล่างของทางเดินไปที่แท่นพิธีกรรม ข้างกายมีคนติดตามอีกหลายคน ความแต่งต่างของเสื้อผ้าชนชั้นสูงกับชาวบ้านนั้นดูออกได้ไม่อยาก เดาได้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้าน คาดว่าอาจเป็นลูกของขุนนางบางคน

     นอกจากหญิงสาวนางนั้นแล้วที่จูมี่เอินสนใจก็คงเป็นนักบวชหลวงที่เดินทางมาซ้อมพิธีล่วงหน้าก่อนฮ่องเต้หนึ่งวัน ท่าทางของเขามีสง่า ดูสงบร่มเย็นคล้ายอาจารย์ของนางเก้าส่วน อีกส่วนนางสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเขา เป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ในวังหลวงรึไม่ถึงได้ถูกขัดเกลาให้เป็นเช่นนั้น

     อาจารย์ลู่ของนางมีความเมตตาต่อสัตว์โลก นั้นจึงทำให้นางรู้สึกว่าทั้งสองคนนั้นต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีความน่าเลื่อมใสจริงๆ เห็นแล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ อยากเป็นผู้ที่ได้ไปอยู่ในการทำพิธีบ้าง แน่นอนว่าสตรีมักถูกมองข้ามเสมอ ต่อให้นางเป็นนักบวชหญิงแต่บางทีก็คงไม่อาจได้มีโอกาสไปยืนทำพิธีขอฝนที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้

     ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม

     เสียงกลองยังคงดังต่อเนื่อง จากนั้นเสียงดนตรีก็ดังขึ้น นางรำเดินออกมารำ การร่ายรำไม่ได้ดูชดช้อยเหมือนการรำทั่วไป แต่กับดูแล้วทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก จูมี่เอินเห็นแล้วก็คิดว่าการทำพิธีพรุ่งนี้น่าจะเกิดผลไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 11 อวี้ซูหนี่ฮองเฮาในอนาคต

    ด้านล่างที่ทางเดินของลานพิธี อวี้ซูหนี่บุตรสาวของเสนาบดีอวี้เองก็มาดูพิธีขอฝนในครั้งนี้ด้วยเพราะได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลงานในครั้งนี้ นางเดินทางจากเมืองหลวงมายังพื้นที่ห่างไกลก่อนงานหนึ่งวัน ทำท่าคล้ายตนเป็นผู้จัดงานแต่ความจริงแล้วนางนั้นได้ผลักภาระไปให้คนอื่น ซึ่งนางได้ส่งคนผู้นั้นมาเตรียมงานก่อนนางแล้วสองวัน งานพวกนี้ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร แต่ที่รับงานนี้มาก็เพียงเพื่อหวังให้ตนเองได้อยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้สักครา ก่อนที่พ่อของนางจะช่วยนางเข้าไปในวังหลัง อย่างน้อยนางต้องทำให้พระองค์จดจำนางในทางที่ดีไว้ก่อน หากนางเข้าไปโดยใช้อำนาจของบิดากดดันฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมในตำหนักอีกคน ยามนั้นก็คงไม่ถูกพระองค์แลตามองมาเป็นแน่ นางไม่อยากเป็นเหมือนกับสนมคนอื่นในวังหลวง ไม่มีใครไม่รู้ว่าฮ่องเต้นั้นไม่เคยไปเยี่ยมวังหลังแม้สักครา นางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นกับตนไม่ได้ อวี้ซูหนี่นั้นเหนือกว่าสนมพวกนั้นอยู่มาก บิดาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้มีอำนาจมากสุดลองจากฮ่องเต้พระองค์เดียว บ้านของนางสืบเชื้อสายมารุ่นต่อรุ่นเป็นขุนนางเก่าแก่ในวังหลวง พี่ชายนางยังเป็นถึงแม่ท

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 12 พิธีกรรมขอฝน

    วันทำพิธีขอฝน นักบวชหลวงนามหวังวั่งซูที่เดินทางมาซ้อมพิธีเมื่อวานก่อนวันจริงก็ได้พบข่าวร้าย นักบวชของอารามแห่งหนึ่งเกิดล้มป่วยท้องเสียกระทันหัน ทำให้นักบวชที่จะต้องเข้าทำพิธีในวันนี้ขาดไปหนึ่งคน เขาทำงานให้วังหลวงมานาน สองปีที่ผ่านมาฝนไม่ตกเขาเองก็กระวนกระวายใจ หวังว่าพิธีในวันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลเสียที กลับไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ในใจคิดถึงคำพูดของคนในเมืองหลวงที่ต่อว่าฮ่องเต้ ว่าเป็นคนที่พอได้ขึ้นครองราชก็ไม่มีฝนอีกเลยคล้ายดาวหายนะ ต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นออกมา ปากชาวบ้านไหนเลยจะห้ามได้ พวกเขาต่างพากันพูดเช่นนั้นลับหลังฮ่องเต้ พากันกระจ่ายข่าวเสียหายออกไป จนตอนนี้ทุกคนมากกว่าครึ่งก็คิดเช่นนั้นไปแล้ว หากครานี้ฝนไม่ตกอีก ฮ่องเต้คงตกเป็นประเด็นในการพูดถึงอีกเช่นเคย บัลลังก์ของพระองค์ก็จะสั่นคลอนมากกว่าเดิม รอบนี้ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก หวังวั่งซูเลยคิดว่าอาจมีคนวางแผนไว้ให้พิธีกรรมวันนี้พังไม่เป็นท่า นักบวชนั้นไม่ใช่ว่าจะหามาเพิ่มไม่ได้ แต่ใกล้เปิดพิธีแล้วไม่น่าจะหาได้ทัน เพราะจากที่คาดการณ์ไว้นักบวชที่เขาเชิญมาใน

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 13 ไม่แม้แต่จะมอง

    นางกัดฟันแน่น ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไม่น่ามอง ดวงตามีความไม่พอใจอยู่หลายส่วน อวี้ซูหนี่ตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัวขนาดนี้พระองค์ไม่แม้แต่จะมองมา นางทำได้เพียงมองชายเสื้อของฮ่องเต้จากไปด้วยใจที่ขุ่นเคือง ไม่เป็นไรๆ พระองค์กำลังอยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ คงไม่มีเวลาสนใจรอบข้าง ยังไงหลังจากนี้นางยังมีโอกาสเอาตัวเองไปให้พระองค์ได้ยลโฉม เมื่อพิธีเสร็จสิ้นนางจะไปเดินไปหาฮ่องเต้ด้วยตนเอง เอาตัวเองไปอวดต่อหน้าพระพักตร์ จากนั้นก็ยกความดีความชอบในการจัดงานครั้งนี้มาเป็นของตน ก่อนหน้านี้บิดาของนางเองก็คงได้บอกฮ่องเต้ไปแล้วว่านางมีส่วนช่วยดูแลงานในครั้งนี้ หากฝนตกต้องตามฤดูกาลนางก็จะได้ความดีความชอบมากขึ้นไปอีก เรื่องพิธีในวันนี้สามารถเป็นประโยชน์ต่อนางในการขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคตได้ พอคิดได้ดังนั้นนางก็ใจเย็นลง ทอดสายตามองเพียงชายเสื้อคลุมของฮ่องเต้ที่เริ่มจากไปไกลแล้ว เมื่อฮ่องเต้เดินพ้นไปชาวบ้านที่มารอดูพิธีที่คราแรกก้มหัวลงถึงพื้นก็ยืดตัวขึ้น นั่งรอดูพิธีกรรมต่อไป ทางด้านนักบวชที่ตั้งแถวอยู่ทั้งหมดสี่แถวก็แหวกออกเป็นสองฝั่ง ในมือของแต่ละคนจะถือของไม่เหมือนกัน บ้างเป็นรวงข้าว บ้างเป็

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 14 นิมิตรที่พลิกชะตา

    จูมี่เอินยืนก้มตัวรอรับขบวนเสด็จ ระหว่างรอนั้นที่หางตาก็เห็นผู้ที่เดินนำมาหน้าสุด ปลายอาภรณ์ของเขาเป็นสีทองสะท้อนกับแสงแดดจนแสบตา เจิดจ้าจนนางต้องหรี่ตาลงหลบแสงสีทองรอบตัวของคนผู้นั้น นี่สินะคือฮ่องเต้ของแคว้น คนที่มีบุญธิการเหนือผู้คนนับหมื่นนับแสน สมแล้วที่มีสายเลือดมังกร เพียงแค่เห็นปลายของฉลองพระองค์ยังทำให้ผู้คนหวั่นเกรงได้ถึงขนาดนี้ พรึบๆ จูมี่เอินภาวนาไม่ให้เห็นภาพนิมิตรตอนทำพิธีเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด กลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดั่งใจนึก ภาพนั้นชัดเจนแจ่มชัด เป็นครั้งที่สองที่เห็นสีสันเช่นนั้นในนิมิตรของตน นิมิตรที่นางเห็นคือบุรุษผู้นั้น ผู้ที่ทรงสวมอาภรณ์สีทองสว่างจนแสบตา นางมองเห็นแท่นพิธี ต่อมาก็เห็นแท่นพิธีพังลง ร่างสูงใหญ่เพียงร่างเดียวที่อยู่บนนั้นก็ตกลงไปด้วย เขาถูกแผ่นไม้ที่สร้างแท่นพิธีขึ้นมาทับถมหายไปในซากไม้ ยามนั้นก็มีฝนตกลงมาห่าใหญ่โดยไม่มีการตั้งเค้าจากฝนมาก่อน หมับ แต่ยังไม่ทันได้สติกลับมาจากในนิมิตรดี ขาสั้นๆ ก็ก้าวออกมาแทรกผ่านนักบวชคนอื่นจากแถวหลังขึ้นมาด้านหน้าด้วยสัญชาตญาณ จูมี่เอินเอื้อมมือออกไปคว้าแขนคนนั้นๆ ที่ก

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 15 ถูกจับได้เสียแล้ว

    "ซาน เอ้อร์ อี" นางนับเลขถอยหลังให้เขาฟัง คลื่น ซ่า ฝนตกลงมาทันที ไม่มีการตั้งเค้ามาก่อน ชาวบ้านพากันส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันเริ่มพิธีเลย ฝนก็ตกลงมา ทว่าดีใจได้เพียงชั่วครู่ต่างก็ต้องก็ต้องพากันเงียบเสียงลงทันที ครืนนนนนน เพล้ง เหรินโย่วหลุนหันไปมอง แท่นพิธีที่ทำจากไม้ยกสูงกว่าตัวคนที่มีผ้าปูไว้อย่างสวยงามพังลงมา กระถางธูปใหญ่สีเขียวที่ตกลงมาจากบนนั้น หล่นลงพื้นจนแตกละเอียด ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าถ้าเขายืนอยู่บนนั้นจะโดนกองไม้ทับมาที่ตัวขนาดไหน ผู้คนคงลือออกไปในทางเสียๆ หายๆ ว่าแม้แต่แค่ทำพิธีกรรมฟ้ายังไม่อาจเป็นใจ ช่วยให้เขาทำพิธีได้สำเร็จ หรืออาจจะพากันพูดว่าพอฮ่องเต้ได้รับการลงโทษจากฟ้า เทพสวรรค์ก็ประทานฝนลงมาเป็นการเยาะเย้ยแทนกันแน่ จูมี่เอินมือสั่นตกใจ นางเองก็หันไปเห็นภาพซ้อนทับขึ้นมาจากในนิมิตร แต่นางกลับสามารถช่วยชายผู้นี้ไว้ได้อีกครา แท่นพีธีไม่ได้พังเมื่อฮ่องเต้ขึ้นไป แต่พังเพราะรับน้ำจากน้ำฝนที่กำลังตกลงมาไม่ไหว เป็นเพราะนางรั้งเขาไว้ได้ทัน ดียิ่งนัก ค่อยโล่งใจหน่อย จูมี่เอินหันกลับมามองมือของตน นางพยายามดึงมือกลับไป อยากหน

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 16 ใครบอกว่าเจ้ามีดวงเป็นฮองเฮา?

    โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง อวี้ซูหนี่โกรธจัด ฝนบ้านั้นจู่ๆ ก็ตกลงมา แถมยังเกิดเรื่องผิดพลาดในงานขึ้นอีก แท่นพิธีดันล้มลงมาไม่เป็นท่า นางอุตส่าห์แต่งตัวกว่าหลายชั่วยามจนออกมาเป็นที่พอใจ พอจะได้ให้ฮ่องเต้ยลโฉมหน่อยฝนพวกนั้นก็ตกลงมาจนหน้าของนางเสียโฉมไปหมด "โอ้ย!" บ่าวโชคร้ายคนหนึ่งกลับถูกนางตีเพราะเรื่องในวันนี้ไม่ได้ดั่งใจ มือเรียวที่ถือแส้หวดออกไปไม่ยั้ง ไม่สามารถคลายโทสะในใจให้หายไปได้เลยสักนิด จนนางเหนื่อยไปแล้วนั้นแหละถึงยอมรามือ ร่างของบ่าวผู้โชคร้ายถูกหามออกไป จังหวะนั้นกลับมีทหารบุกเข้ามาในห้องของนาง ไม่ทันได้พูดอะไรบอกนางแม้สักนิด อวี้ซูหนี่ก็โดยลากตัวออกไปแล้ว "จะทำอะไร ปล่อยข้า ปล่อย! รู้หรือไม่ว่าบิดาของข้าเป็นใคร ข้าจะจัดการพวกเจ้าเสีย ปล่อยข้า! พวกชั้นต่ำเอามือสกปรกออกไปนะ ข้าจะสั่งตัดมือพวกเจ้าซะ!" นางโวยวายและดิ้นไปมา ซ้ำร้ายยังออกปากด่าทอทหารของฮ่องเต้เสียๆ หายๆ ไม่หยุดตลอดทาง บ่าวรับใช้ของนางที่ตัวยังเปียกน้ำฝนอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แต่ตามเจ้านายที่ถูกลากออกไป คนกลุ่มนั้นดูก็รู้ว่าเป็นคนของทางการ ใครจะกล้าไปขัดขวาง คุณหนูของพวกเขานั้นเรื่องด

    Last Updated : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 17 แผนลอบสังหารที่พังไม่เป็นท่า

    ห้องน้ำชาส่วนตัวแห่งหนึ่งในหมู่บ้านจิ้ง ผ่านมาหลายชั่วยามแล้วสายฝนที่กระหน่ำลงมาเริ่มเบาบางลงแล้วและไม่นานก็หยุดลง ทิ้งไว้เพียงความเย็นชุ่มช่ำและหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่ทั่วบริเวณ "ไม่สำเร็จ?" คนที่ลอบวางแผนในครั้งนี้ถึงกลับตามมาดูความสำเร็จของตนด้วยตนเอง ยามนี้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหันหลังให้คนที่มารายงาน คล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินจึงถามย้ำอีกรอบ ทั้งที่เขาวางแผนยัดเงินให้นักบวชคนนั้นแล้วแต่นักบวชหลวงก็ยังหาคนมาแทนได้ ฝนก็ดันตกลงมาอีก แถมแผนที่วางไว้เรื่องแท่นพิธีก็ไม่สำเร็จ ไม่มีเรื่องใดที่เป็นไปตามแผนเลยสักนิด "มีนักบวชหญิงคนหนึ่งในงานพิธีรั้งฮ่องเต้ไว้ ไม่แน่บางทีนางอาจจะรู้เรื่องที่ข้าน้อยสั่งให้คนไปเลื่อยขาแท่นพิธีไว้ขอรับ" ชายรับใช้คนสนิทของเขารายงานอีกรอบ ทั้งคู่อยู่ในห้องที่มืดสนิทมีเพียงแสงเล็กน้อยจากบานหน้าต่างที่ผู้เป็นนายเปิดไว้ ทำให้ยามนี้ไม่เห็นหน้าของทั้งคู่เลย คนหนึ่งหันหลัง ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ในมุมมืด "ไปจัดการนักบวชหญิงเสีย" "ขอรับ" สิ้นคำสั่งชายในมุมมืดก็จากไป "ศิษย์พี่อี ท่านว่าอย่างไรนะ?" จูมี่เอินออกมาพบศิษย์พี่อีของตนที่

    Last Updated : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 18 ไม่สนความตาย

    "ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปไหนหรือพะยะค่ะ" กงกงมองฮ่องเต้ของตนทำท่าจะเดินออกไปจากที่พักก็อดที่จะถามไม่ได้ ฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน ด้านนอกเป็นหมู่บ้านที่มีแต่ดินเมื่อโดนฝนตกใส่ทางเดินก็เฉอะแฉะและลื่นน่าจะไม่เหมาะให้พระองค์ย่างกายออกไป "ไปอารามของหมู่บ้านจิ้ง" เหรินโย่วหลุนตอบเพียงคำเดียว ขบวนเสด็จก็ตั้งแถวทันที ผู้ติดตามขบวนเสด็จทุกคนได้ถูกสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดก่อนหน้านั้นสักพักแล้ว พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ได้ยินคำสั่งเดินทางของฝ่าบาททันที คล้ายกับว่าพระองค์ทรงคิดไว้นานแล้ว รอเพียงแค่ฝนหยุดตกเท่านั้น เหรินโย่วหลุนมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนไม่อาจนิ่งเฉยได้ต่อไป เขาต้องไป ต้องไปหาเด็กสาวคนนั้น ผ่านไปสามปีแล้วดวงตาของนางยังคงเหมือนเดิมไม่ไปเปลี่ยน แต่ตัวของนางคล้ายไม่โตขึ้นเท่าไหร่เลยเดาไม่ออกเลยว่านางมีอายุเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่เขาอยากรู้เรื่องคนอื่นเช่นนี้ นี่มันออกจะแปลกใหม่สำหรับเขาไม่น้อย ..... "ไฟไหม้หรือ!" จูมี่เอินรีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่น มองไฟที่กำลังลุกไหม้อารามฝั่งของอาจารย์ก็ได้แต่ตกใจไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฝนเพิ่งตกไป ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่ม

    Last Updated : 2025-01-27

Latest chapter

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 2

    ....... รถม้าเดินทางออกจากวังแล้ว จูมี่เอินเลือกรถม้าที่ดูธรรมดาที่สุดแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเตะตาไม่น้อย การเดินทางรอบนี้มีเพียงฟางอี้ที่เป็นคนขับรถม้าตามมาด้วยเท่านั้น เพราะจูมี่เอินไม่อยากให้สะดุดตา แต่นางก็รู้ว่าสามีได้เตรียมองครักษ์เงาให้ตามอยู่ห่างๆ แล้ว "ข้างนอกคึกคักยิ่งนัก" จูมี่เอินเลิกม่านมองดูเมืองหลวงที่ตนไม่ได้กลับมานานถึงสองปี ตื่นเต้นจนถึงขั้นเกาะขอบหน้าต่างดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยออกจากบ้าน "อดีตผู้สำเร็จราชการแทนทำงานได้ดี" เหรินโย่วหลุนยามนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งกอดอกพิงพนักที่นั่งและมองดูด้านนอกรถม้าเช่นกัน ตอนนี้คือยามอู่[1] ผู้คนเลยสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ของขายข้างทางก็มีไม่น้อย เหรินโย่วหลุนเองก็รู้สึกแปลกตาเช่นกัน แต่ก็รักษาท่าทีสุขุมไว้ ([1] ยามอู่ 11.00 น. -12.59 น.) "..." จูมี่เอินนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินเคียงมากับบุรุษที่เหมือนจะคุ้นหน้าก็ขมวดคิ้วมอง "อาหลุน คนนั้นไม่ใช่...ฟู่เจาหยางกระมัง" "..."เหรินโย่วหลุนทันทีที่ได้ยินชื่อบุรุษอื่นออกจากปากของภรรยาก็หรี่ตาลงด้วยความไม่สบอารมณ์ ขยับเอนตัวไปมองผ่านศีรษะขอ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหรินโย่วหลุนเห็นถิงถิงวิ่งเข้ามาขอเข้าเฝ้าหน้าตื่นก็ลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ด้วยวางใจว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ภรรยาดูท่าตกลงปลงใจจะอยู่กับเขาไม่หนีไปไหนอีก เขาจึงกลับมาทำงานดังเดิม แต่ท่าทางของถิงถิงก็ทำกังวลขึ้นมา เหรินโย่วหลุนไม่แม้แต่จะรอเรื่องที่ถิงถิงได้รายงานก็รีบวิ่งออกจากห้องทรงงานของตนไปแล้ว เป็นดังคาด เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องก็พบว่าภรรยากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ "มี่เอิน เจ้าจะไปไหน!!!" เหรินโย่วหลุนตะโกนลั่นตำหนัก ดังไปไกลหลายจั้ง[1] ทำเอาคนที่กำลังหันหลังจัดห่อผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก "อาหลุน..." คนตัวเล็กหันมาเรียกหาเขาเสียงเบา ตอนแรกยังยกยิ้มตาหยีส่งไปเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อเห็นสามีเดินหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าโกรธขึงนางก็หุบยิ้มลง หมุนกายรีบปีนหนีขึ้นเตียงไป ด้วยความตัวเล็กท่าทางตอนหนีเลยดูเหมือนกระต่ายน้อยกำลังกระโดดไปมา "ท่าน ท่าน! ใจเย็นก่อน" นางร้องเสียงหลง ไต่ตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง แต่พบว่าตนเองตัดสินใจผิดเสียแล้ว นอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่ รอบด้านก็ไม่มีทางให้หลบหนีอีก "จะหนีไปไหนอีก" เ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   167 สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันจนผมขาวนั้น จะคงเป็นนิรันดร์ตลอดไป (จบบริบูรณ์)

    จูมี่เอินยืนนิ่ง จ้องมองบานประตูตำหนักของเหรินเยว่เทียนเพราะเพิ่งโดนไล่ออกมา ก่อนจะหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน เอาเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังโดนไล่ออกมา นางเองก็ควรปล่อยให้เหรินเยว่เทียนได้พักผ่อน จูมี่เอินจึงคิดจะกลับตำหนักของตนเอง "จะไปที่ใด?" เหรินโย่วหลุนเพียงแค่เห็นภรรยาขยับกายก็เอ่ยปากถามอีกรอบ วันนี้เขาพูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ครบ "กลับตำหนัก" ความจริงแล้วเหรินโย่วหลุนไม่น่าถาม ที่ที่จูมี่เอินจะไปก็มีแค่ตำหนักของตนเองเท่านั้น หรือในตอนนี้ก็คือตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั่นเอง เพราะเขาไม่ยอมให้นางย้ายไปอยู่ที่ตำหนักในวังหลังเหมือนเมื่อก่อน กฏวังหลังถูกเขาเมินไปเสียแล้ว ครั้นพอได้นึกถึงก็คิดว่าที่แห่งนั้นยามนี้ต่อให้ไม่เหมือนในนิมิตรที่ถูกรื้อจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ก็คงเงียบเหงาไม่ต่างกัน พอคนตัวเล็กเดินนำ เหรินโย่วหลุนก็เดินตาม "..." ระหว่างทางเขาก็มองท้องฟ้า ยังไม่มืด หันมองภรรยาที่ร่างกายยังไม่หายดีจากรอยช้ำที่เขาทำไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าเรื่องจะมาถึงยามที่เขาและนางสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ปกติโดยที่นางไม่คิดหนีไปอีก หลายวันที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status