บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน
“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”
ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดล
แพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่
ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมา
จูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก
“ฝ่าบาท รังแกเฟยลี่”
“เจ้าหอมหวานเช่นน้ำผึ้งป่า เฟยลี่ ข้าไม่อาจหักห้ามแรงเสน่ห์หาที่มีต่อเจ้าได้” แววตากรุ้มกริ่ม แพรวา หลุบตาลงด้วยความเขินอาย
“ข้ารักเจ้า เสียแล้ว เป็นข้าเองที่พ่ายแพ้ ต่อ ...เจ้า ข้าไม่อาจหักห้ามใจ สัญญาว่าจะรอเจ้าพร้อม ข้าผิดคำสัญญา” แพรวานิ่วหน้า
“ฝ่าบาท จะหาว่าเฟยลี่ ยั่วยวนฝ่าบาทหรืออย่างไร” แกล้งทำเป็นงอน ปากนุ่มถูกประกบลงทันควัน ถอน
“เพราะ เจ้าเป็นแบบนี้อย่างไรเล่าเฟยลี่ อย่างที่ทำให้ข้าไม่อาจห้ามใจ”
แพรวาเกลือกใบหน้าลงกับอกกว้าง
“ยกโทษให้เฟยลี่ไม่ถือโทษฝ่าบาทแต่ นับจากนี้ไปฝ่าบาทต้องอยู่กับเฟยลี่คนเดียว”
“เจ้าคนเดียว เฟยลี่ของข้าตลอดไปไม่เป็นอื่น”
แพรวายกมือหยางหลงขึ้นมายื่นนิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวก้อยหยางหลงไว้หยางหลงมองนิ้วสองนิ้วกอดเกี่ยวกัน ทำใบหน้าฉงนแต่ก็ รู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไป เหมือนเป็นคำมั่นที่เขาต้องรักษามันไว้ตลอดไป
อ้อยอิ่งอยู่ในอ้อมแขนกันและกัน จนตะวันสายแพรวารู้สึกหิวจนท้องร้องจ๊อก
“เจ้าหิวแล้วใช่ไหม"
หยางหลงล่วงมือเข้าไปหยิบหมั่นโถวแข็งแข็งออกจากห่อผ้าที่คนนำทางทิ้งไว้ให้ ยื่นส่งให้แพรวา
“กินเสียก่อน เราต้องเดินทางอีกหลายลี้กว่าจะถึงหน้าด่าน”
แพรวาแบ่งขนมออกเป็นสองส่วนส่งคืนให้หยางหลง
“ฝ่าบาท กินด้วยกัน”
“เฟยลี่ ต่อนี้ไปเลิกเรียกข้าว่าฝ่าบาทได้ แล้ว”
แพรวาทำหน้างุนงง
“ตอนนี้ฮ่องเต้ของแผ่นดินนี้คือเหอหลง ข้าเป็นเพียงคนที่หลบภัยออกมาจากวังหลวงเท่านั้น”
แพรวาพยักหน้าช้าช้า
“ให้เรียกฝ่าบาท...ท่านว่าอย่างไรดี”
“หยางหลง ข้าชื่อหยางหลง”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ต่อไป ท่านก็ต้องเรียกข้าว่า แพรวา ห้ามเรียกเฟยลี่จะได้ไหม”
“ข้าเรียกเจ้าว่าเฟยลี่ดีกว่าไอ้ชื่อแซ่ที่เจ้าบอกมานั้นเรียกยากเหลือเกิน เฟยลี่โบยบินอย่างดงาม เจ้าตกมาจากฟ้าตอนที่ข้าเห็น ตกลงไปในน้ำ เหมือนกับตั้งใจกระโดดลงไป ชื่อเจ้าเหมาะดีแล้ว”
“ก็ได้”
แพรวาทวนคำความหมายทะแม่งทะแม่งแต่ก็เพราะดี เพิ่งจะรู้ความหมายตอนนี้เอง
“ว่าแต่เราทั้งคู่จะทำอย่างไรต่อไป จะไปทางไหนกันดี แล้วทำไมคนนำทางต้องทิ้งเราด้วย”
“ข้างหน้านั่นเป็นหมู่บ้าน ของคนที่หนีคดีหรือมีเรื่องกับทางการมาหลบอยู่รวมกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครและไม่ตอนรับคนนอก แม้แต่ทางการยังไม่อาจแตะต้องหากใครหลงเข้าไปอาจต้องโทษถึงตายคนนำทางรู้ดี จึงไม่อยากเสี่ยงหากเราสามารถเดินอ้อมที่นั่นไปได้ ก็จะไปถึงเมืองหน้าด่านที่นั่น อาจโชคดีได้พบกับคนของ โหวหยางจื้อ”
ชื่อของโหวหยางจื้อ ทำเอาแพรวามองเห็นแสงสว่างรำไร
“แล้วถ้า ท่านโหวไม่ช่วยเราล่ะ”
“ไม่มีทางเป็นไปได้ โหวหยางจื้อกับข้าเติบโตมาด้วยกันแม้จะมีเรื่องขัดใจกันอยู่บ้างเช่นเรื่องเจ้า เราก็ยังไม่ถึงขั้นบาดหมาง”
แพรวาขมวดคิ้ว
“เรื่องเฟยลี่ เรื่องอะไรกัน”
หยางหลงยิ้มเจ้าเล่ห์
“เรื่อง ใครสามารถชนะใจเจ้าอย่างไรล่ะเฟยลี่”
แพรวาหน้าเง้า
ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“ท่าน ข้าเป็น ท่านแม่...เอ้ย หย่าจิ้งกับลี่มี่ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง”
หยางหลงขมวดคิ้ว
“หย่าจิ้งนาง คงหนีเอาตัวรอดได้ไม่ยาก นางมีวรยุทธ์แต่ลี่มี่ข้าคิดว่านางไม่ไปไหน”
“ทำไมละคะ”
“เพราะปลาย่อมไม่ยอมหนีจากน้ำ เจ้าช่างอ่อนเดียงสานักเฟยลี่ ลี่มี่แม้จะอายุมากกว่าเจ้าไม่กี่ปี แต่นางกับเหอหลงด้วยความสัมพันธ์นั้น ข้าพบเห็นบ่อยครั้งแววตาที่ลี่มี่มองเหอหลงแตกต่างจากที่มองชายอื่น”
“ท่านรู้ แต่ทำไมทำเหมือนไม่รู้”
“ข้าไม่อาจก้าวก่ายหากเรื่องนั้นไม่ส่งผลใดใดกับข้า และบัลลังก์”
“แต่ลี่มี่นางเหมือนน้องสาว”
“เจ้าเป็นอย่างนี้เฟยลี่ จึงตกหลุมพรางสักวันถ้าหากยังอยู่ในวังหลวงอาจจะตื่นขึ้นมาภายในอ้อมกอดของเหอหลง”
“ข้าไม่ได้ใจง่ายอย่างนั้น”
แต่ความจริงก็ไม่เลว เหอหลงหล่อร้ายออกอย่างนั้น คิดเพลิน เพลิน
“เจ้าไม่ใจง่าย แต่เหอหลงรักง่ายเจ้าอาจโดนหลอก เมื่อถึงเวลานั้นข้ากับเขาก็คงไม่อาจร่วมโลก”
จริงรึนั่น แพรวาสงสัย
“แล้วเรื่องชิงบัลลังก์ท่านเล่า”
“ข้าไม่เคยแค้นเคืองอันใด บัลลังก์ใช่ของข้าคนเดียว เหอหลงอาจทำได้ดีกว่าข้าข้าของเพียงที่ไหนสักแห่งอาจจะไม่ใช่บนบัลลังก์และเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดไป จะได้ไหมถ้าหากว่าข้าไม่ใช่ฮ่องเต้เจ้ายังจะอยู่กับข้าไหมเฟยลี่”
แพรวา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของชายสูงศักดิ์คนนี้ คำพูดที่ทำให้หัวใจอิ่มเอม
แพรวากอดเอวหนาจากด้านหลัง ผมยาวสลวยที่ถูกปล่อยให้สยายลงมากลางหลัง ใบหน้าหล่อเหลานั้นช่างรับกับผมยาวสลวยนั้นเหลือเกินมอง ดูช่างองอาจในสายตาของแพรวา
“ไม่มีทางที่ข้าจะทิ้งท่าน ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านจน...วันตาย”
ใจหายวาบ จะมีวันนั้นไหม แพรวามีลางสังหรณ์ว่าตัวเอง อาจจะไม่ได้ครองคู่กับหยางหลงจนแก่เฒ่า
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ระหว่างคิ้วแพรวา ก็รู้ว่าตัวเองได้ดำดิ่งลงสู่พื้นน้ำ นาฬิกาบนหน้าจอมือถือ หยุดเดินตรงที่เวลา 21นาฬิกา28นาที31วินาที สติสัมปชัญญะดับวูบลงไป ความหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม เหมือนจะเสียดแทงแต่ความหนาวเหน็บจากน้ำรอบๆ กายยิ่งเลวร้ายกว่าน้ำตาที่เอ่อนองอยู่เต็มตา เจือจางไปด้วยน้ำในแม่น้ำกลิ่นหอมขจรขจาย คล้ายกลิ่นมะลิ โชยมาอ่อนๆ ความหนาวเหน็บยังคงอยู่ แพรวา กวาดสายตามองรอบๆ ตัว เตียงนอนไม่สูงนักที่เธอนอนอยู่กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อกี้ คงมาจาก อ่างสีทองใบใหญ่ ใส่น้ำลอยดอกอะไรสักอย่างสีแดงเข้มไว้ข้างๆ อ่างทองใบนั้นมีกำยานถูกจุดไว้ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่ง ยังไม่ทันขยับตัวสายตาไปสะดุดลงที่ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ความผึ่งผายของแผ่นหลังชวนให้อยากเห็นใบหน้าเจ้าของร่างแต่อาภรณ์ที่สวมใส่เหมือนกับหลุดมาจากหนังจีนกำลังภายใน เธอพยุงกายลุกขึ้นเสียงเตียงลั่นดังออดแอด ร่างสูงหันกลับมา ตาคมจ้องเขม็งมาที่เธอ ใบหน้าหล่อเหลา สะอาดตา คิ้วเข็มขมวดเข้าหากันเพียงเสี้ยววินาทีเธอเห็นสายตาห่วงใย แล้วก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาคมกริบปนไปด้วยความฉงนเหมือนเดิม“ฟื้นแล้วรึเจ้า นอนไปหลายวันเชียว ข้
“ความจริงฉัน ฉันแค่”“ฉันๆ อะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ พักผ่อนไปเหอะข้ามีราชการประชุมขุนนางเร่งด่วน วันนี้แค่แวะมาดูฟื้นก็ดีแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยสอบสวนกันต่อ" แพรวา อยากตะโกนให้ร่างสูงนั้นอยู่คุยกับเธอก่อนแต่ไม่ทันเสียแล้วพริบตาเดียว เจ้าของแววตาอบอุ่นทว่าปากคอจัดจ้านก็ก้าวขาพ้นธรณีประตูออกไป ทิ้งไว้ให้ความสงสัยอยู่กับเธอเพียงลำพัง รอบกายถูกห้องล้อมด้วยคนแปลกหน้า สองสาวในชุดจีนรุ่มร่าม นั่งพับเพียบอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นยืนกดตัวเธอนอนลง ลองหยิกแขนตัวเองเบาๆ ถึงกับร้องโอ๊ยมันเจ็บจริงอะไรจริง“นอนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะหาข้าวต้มร้อนๆ มาให้ทาน เดี๋ยว ฮ่องเต้ กลับมาจะโดนตำหนิเอาได้ พระองค์ให้ดูแลเจ้าอย่างดี ให้พักผ่อนให้จงหนักเจ้าค่ะ”เธอทะลึ่งพรวดขึ้นมามองคนพูด นี่แต่ล่ะคนแปลกๆ ทั้งนั้นพูดคล้ายลิเกชอบกลเป็นคนต่างจังหวัดก็ไม่น่าจะใช่ด้วยคำพูดคล้ายคนโบราณเหมือนจะตั้งใจและเคยชินในการพูด“ฮ่องเต้อะไร คือใคร”เธอยิงคำถามทันทีสาวใช้สองคนทำหน้างุนงงสงสัย อ้าวๆ ๆ ถามไม่ตอบเสียได้เดินหลบเลี่ยงออกจากห้องทั้งคู่ก่อนที่ประตูแบบในหนังจีนถูกปิดลง แพรวาสงสัยเป็นหนักหนาอะไรพาเธอมาอยู่ตรงนี้จะหาคำตอบจากใครได
“เด็กๆ ตบปาก”เสียงเข้มทรงอำนาจ หญิงสองสามคนตรงเข้ามาจับตัวแพรวาไว้ทั้งแขนขา ป้าร่างอวบอ้วนเดินเงื้อมือมาแต่ไกล“จะทำอะไรฉันปล่อยนะ”เอาจริงแน่เลย มืออวบอูมเกือบฟาดลงบนปากสวยของแพรวา โหดร้ายเธอป่วยอยู่นะถ้าไม่มีเสียงขานดังมาขัดจังหวะ“ฮ่องเต้ เสด็จ”มืออ้วนๆ ชะงัก“ปล่อยนาง”คนตัวสูงเดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว“คารวะฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี”ประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน“นางทำอะไรผิด หรือเสด็จแม่”ไทเฮามองหน้าลูกชายด้วยแววตาสนเท่ห์“วาจานาง ต่างจากพวกชนชั้นสูง หยาบคาย ทั้งกิริยาไม่น่ามอง”“เพียงเท่านี้ท่านก็กล่าวโทษนางแล้วหรือ”“แม่ปกครองวังหลัง ฮ่องเต้ก็ทราบดี ถ้าแม่ไม่ลงโทษนางต่อไปใครจะเกรงกลัว หยางหลงฮ่องเต้ก็รีบแต่งตั้งฮองเฮาเสียแม่จะได้วางใจ”“นางไม่มีตำแหน่งใดๆ ไม่รู้ที่มาที่ไป อีกทั้ง ไม่ใช่คนในวังต้องห้ามหรือวังใดๆ แล้วยังล้มป่วย เสด็จแม่จะลงทัณฑ์คนป่วยไข้ได้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮา ระงับอารมณ์โกรธได้แต่ หันหน้าไปทางอื่น“กษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ แม่เป็นแม่กษัตริย์ฮ่องเต้จะให้แม่คืนคำได้หรือ”“เสด็จแม่กดดันลูก อย่างนั้นไม่สู้ ลูก... แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮาเสียดีกว่า” นั่งลง
“เจ้าเขินอายเยี่ยงนี้ ข้าไม่กวนใจเจ้าแล้ว”โอ้โห้ขึ้นเลยสำคัญตัวผิด“ใครบอก ฝ่าบาทพูดเองคิดเอง ข้าพระองค์แค่คิดถึง...คนรักเก่า”คิ้วคมขมวดเข้าหากันแสดงอาการไม่พอใจ“เจ้าเมื่อมาอยู่ในตำหนักข้า ก็คงจิตใจบอบซ้ำจะคิดฆ่าตัวตายก็ไม่แปลก แต่คำพูดนั้นตรงไปหน่อย กิริยาไม่แน่ว่าเป็นหญิงงาม”ล้ำลึกจริงๆ คำพูด“การเป็นหญิงงามก็เหมือนดอกเหมยยามโดนลมหนาว ไหวเอนก็เพียงนิดหน่อยจะแกว่งไกวก็คงไม่เหมาะ เพราะดอกเหมยถูกสร้างมาเพียงเพื่อทานลมหนาว”โอ้แพรวา เจอ คำคมล้วนๆ เป็นดอกเหมยก็ขอเป็นดอกเหมยสีแดงละวะจัดจ้านดี“ฝ่าบาทว่าข้าพระองค์ฆ่าตัวตายมิสู้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าหม่อมฉันตกลงไปในน้ำได้อย่างไร”“เจ้าร่วงลงมาจากสะพานหรือที่ไหนไม่อาจรู้ได้ อย่างนั้นข้าจึงเรียกเจ้าว่าเฟยลี่ ข้าเองกำลังหารือกับเสนาบดีอยู่ อากาศหนาวเช่นนั้นใครจะลงไปช่วย”นึกย้อนไปเมื่อครั้งรับเสื้อคลุมมาจาก เสี่ยวโอขันทีน้อย คลุมร่างบางที่เปียกปอนจนเสนาบดีสองสามคนต้องลงทุนคุกเข่าทัดทานว่าเสื้อคลุมมังกรจะใช้คลุมให้หญิงสาวนั้นไม่อาจทำการเป็น ผู้อยู่สูงสุดของแผ่นดีนี่มันยากลำบากนัก“แล้วฝ่าบาททรง เห็นวัตถุอื่นใดไหม”เผื่อจะเห็นรถคันโปรดของ
“หลานน้อมบัญชาเสด็จย่า”“กุ้ยเหริน เจ้ากลับไปก่อนย่ามีเรื่อง หารือกับฮ่องเต้เพียงลำพัง”“ลู่เอินกุ้ยเหริน ทูลลา” กิริยางดงามน่ามองเป็นที่ต้องตาของทั้งบุรุษและสตรี แม่ทั่วหล้าอาจมีเพียงหนึ่งเดียว แม้แต่พระอัยยิกายังพึงพระทัย แต่หาใช่กับฮ่องเต้ไม่“เห็นไหมล่ะเจ้าไม่อาจละเลยหญิงงามอย่างกุ้ยเหรินได้ งดงามหาหญิงใดเปรียบ อย่าเอาอดีต มาทำให้ชีวิต จมอยู่ในความเศร้า”“ลืมได้อาจไม่ลืม ไม่ลืมกลับอยากให้ลืม หลานยังคงยืนยันคำเดิมนางคือนางในดวงใจของหลานเพียงผู้เดียว”“ทำไมฮ่องเต้ยังคงดื้อรั้น ย่าและหลายคนพยายามที่จะสรรหาหญิงงามทั่วหล้าแต่ฮ่องเต้กลับใช้เวลากับพวกนางแค่เพียงหนึ่งคืน”“เป็นเพราะหลานไม่อาจลืม เหมยเจียงนางยังอยู่กับหลานตราบลมหายใจ”“ย่าจะคอยดู ว่าฮ่องเต้จะเป็นแบบนี้อีกสักเท่าไหร่ คนเรามีความรักได้ครั้งที่ร้อย ยิ่งป็นฮ่องเต้ความรัก ไม่ใช่ส่วนประกอบเดียว” รอยยิ้มมีเลศนัยของอัยยิกาทำเอา ฮ่องเต้เริ่มหวาดกลัวหัวใจของตัวเองแพรวานั่งนอนอยู่บนที่นอนจนเบื่อเดินออกมาภายนอกเห็นประตูไม่ได้ล็อก เดินไปบนทางเดินที่มีดอกไม้ที่แพรวาไม่เคยเห็นมาก่อนสองข้างทางสวยงาม ชุดรุ่มร่ามที่ใส่อยู่มองแปลกตาแต่สวยอย
แพรวามัวแต่มองคนที่เป็นฝ่าบาทจนชนเข้ากับคนที่ทำความเคารพ ล้มลงไปบนตัก อ้อมแขนของท่านโหวโอบรอบเอวบางด้วยความรวดเร็วแพรวายิ้มอย่างอายๆเกือบขายหน้า ฮ่องเต้ขยับตัวแต่กลับเปลี่ยนใจทำมาดนิ่งเหมือนเดิม“แม้นางจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใด แต่นางก็พำนักอยู่ที่ตำหนักข้า ท่านโหวกรุณาแล้ว แต่ไม่อาจรบกวน”เดินมาฉุดร่างแพรวาขึ้นจากตักท่านโหวสายตาดุเข็มเชือดเฉือนกัน สงสัยจะไม่ค่อยลงรอยกันแพรวาคิด“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้ว โหวหยางจื้อมิกล้า เพียงเพราะบังเอิญได้มีโอกาสสนทนากับแม่นาง...เฟยลี่ จึงทราบว่าแม่นางแค่ผ่านมาพักพิงมิได้ดำรงตำแหน่งใดใดในวังหลัง”โอโห้ เชือดเฉือนเหมือนกัน ไม่เบาไม่เบา แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจ ไอ้ที่พูดมาเลย พูดกันตรงๆไม่ได้เหรอ ปากก็บอกมิกล้าแต่ทำไมถึงเหมือนกับเหน็บแนมชอบกลประมาณว่าช้าไม่มีสิทธิ์ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์“อย่างนั้นข้าคงต้อง มอบตำแหน่งใดให้นางกัน ในเมื่อเจ้าก็ดูเหมือนจะพึงใจในตัวนาง”อะฮ้าพูดกันตรงๆ แบบนี้เลยเหรอฟะ เคยถามแพรวาสักคำไหมว่าพึงใจใครบ้างคงต้องขอเวลาทำใจแป็บเพิ่งจะอกหักมา“ในเมื่อฝ่าบาท เอ่ยมาเช่นนี้โหวหยางจื้อก็อยากเสนอตำแหน่งให้แม่นางเฟยลี่ ด้วยความมิบั
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว