จวนสกุลเมิ่ง
วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของจวนสกุลเมิ่ง ที่จะแต่งบุตรสาวคนรองออกเรือน ผ้าแดงมงคลผูกเพื่อรอรับขบวนเจ้าบ่าวที่จะมารับเจ้าสาว ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิงนามว่า “หลิวเว่ยหยาง”
“ฮึก! คุณหนู….”
“เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย วันนี้เป็นวังมงคลของข้านะผิงเพ่ย”
“เหตุใดต้องเป็นท่านด้วย นายท่านช่างลำเอียงยิ่งนัก นี่เท่ากับส่งท่านไปตายชัด ๆ”
“ชีวิตของท่านแม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า หากวันนี้ข้าไม่ยอมแต่งงานออกไปแทนคุณหนูใหญ่ เกรงว่าจะช่วยท่านแม่ไม่ได้อีกแล้ว ข้าคิดเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะผิงเพ่ย”
“แต่ว่า… ท่านแต่งกับแม่ทัพหลิวที่กำลังจะออกศึกครั้งใหญ่ เป็นตายกลับมายังไม่รู้ชะตากรรมแต่นายท่านกลับ…”
“เอาล่ะได้เวลาคลุมหน้าเจ้าสาวแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
“เมิ่งหลินอิง” สั่งสาวใช้ข้างกายเพียงคนเดียวที่มาช่วยนางแต่งตัวในวันนี้ แม้จะเป็นบุตรสาวเศรษฐีใหญ่ในเมือง "ต้าเฟิง" เมืองที่ใหญ่รองเพียงแค่เมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนตู ฐานะของหลินอิงในจวนสกุลเมิ่งเป็นเพียงแค่บุตรสาวภรรยารอง แต่วันนี้นางกลับได้แต่งออกจากจวนในฐานะบุตรสาวภรรยาเอก
“เพียงให้ท่านยอมแต่งงานที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย นายท่านถึงกับไม่ยอมให้คุณหนูใหญ่แต่งออกไป”
“พอได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อนางสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเสร็จแล้ว เสียงประทัดหน้าจวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม่สื่อเดินมารับเจ้าสาวที่หน้าประตูเพื่อไปที่โถงทำพิธี เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นเพียงรองเท้าและชุดสีแดงของเจ้าบ่าวที่ยืนรอนางอยู่
“ยกน้ำชา”
ทั้งคู่ยกน้ำชาให้กับใต้เท้า “เมิ่งฉี” ซึ่งเป็นบิดาของนาง และภรรยาเอก “หวังลี่จิง” ที่ในวันนี้นางอยู่ในฐานะมารดาของนางก่อนออกเรือน
“ส่งตัวเจ้าสาวออกเรือน”
มือสากหนาที่ถือแต่ดาบมาครึ่งชีวิต หันมาจับนางเดินไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิง มีผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบหนึ่งพัน เป็นขุนศึกที่เก่งกล้าเฉียบขาดจนทุกคนต้องนับถือในฐานะจอมแม่ทัพ แม้แต่ชิงอ๋องที่ปกครองเมืองต้าเฟิงยังต้องให้เกียรติเขา แต่ทว่า… เขาช่างเย็นชายิ่งนัก ไม่ว่ากับใคร
“เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว”
‘ท่านแม่ ข้าจะรีบกลับมาพาท่านออกจากจวนสกุลเมิ่งโดยเร็วที่สุด’
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นางคิด ก่อนจะเดินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อขบวนเคลื่อนตัวออกไปจากจวนสกุลเมิ่งไปถึงจวนแม่ทัพ เมิ่งหลินอิงก็เริ่มได้ยินเสียงแตรมงคลของขบวนเจ้าบ่าว ไปถึงหน้าจวนแม่ทัพที่จุดประทัดรอ
โถงพิธี
“คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดิน”
“คำนับบิดามารดา”
“คำนับกันและกัน”
“ส่งตัวเข้าหอ”
เจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอตามกำหนดเดิม หลินอิงรู้สึกได้ว่าที่จวนแม่ทัพแทบจะไม่มีแขกมาเลย เพราะมันเงียบเสียจนคิดว่าเขาไม่ได้เชิญแขกในงาน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะงานแต่งในครั้งนี้เป็นราชโองการจากท่านอ๋อง โดยที่ “หลิวเว่ยหยาง” มิได้เต็มใจนั่นเอง
ห้องส่งตัว
ประตูห้องส่งตัวเปิดออกมาอย่างแรง ราวกับว่าผู้เปิดโกรธใครมา เจ้าสาวที่นั่งนิ่งเพราะแอบสัปหงกอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แต่นางก็รีบนั่งหลังตรงรอให้เจ้าบ่าวมาเปิดหน้าเจ้าสาว
พรึ่บ
“เฮือก!”
นางตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้กระตุกผ้าคลุมหน้าของนางรุนแรง และไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้
“ทำไม เจ้าตกใจอันใดกัน รีบ ๆ ดื่มสุรานี่เถอะจะได้จบพิธีเสียที”
นางเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขา ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาและผนังกำแพงใหญ่ที่มองไม่เห็น เมื่อเขาหันกลับมาหลินอิงก็นิ่งไปอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มตรงหน้าสีหน้าเคร่งขรึม ดูเหมือนจะโกรธอยู่ตลอดเวลา แต่หากตัดสิ่งเหล่านั้นออกไปแล้ว ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาคมคายและสายตาที่ดุดันนี้ ก็นับได้ว่าเขาคือบุรุษที่หล่อเหลาคมคายมากคนหนึ่ง
“จะดื่มหรือไม่ดื่ม หรือว่าดื่มสุราไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นน้ำชาเถอะ”
“มะ ไม่เจ้าค่ะ ข้าดื่มได้ ว้าย!”
นางลุกขึ้นกะทันหัน รองเท้าเจ้าสาวที่สูงกว่าปกติและชุดที่รุ่มร่ามพลันทำให้นางล้มลงไปชนแผ่นหลังเย็น ๆ ของเขาอีกครัง เมื่อแม่ทัพหนุ่มหันมา ก็ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ พร้อมกับดันตัวนางให้นั่งที่เตียง
“ซุ่มซ่าม ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้นแล้วงั้นหรือ รีบ ๆ ดื่มเถอะข้ายังมีงานอื่นต้องสะสางอีก”
“เอ่อ ท่านจะไปคืนนี้เลยหรือ…ท่านพี่”
เขาหันมามองหน้านางชัด ๆ สตรีที่กล้าจะแต่งงานกับเขาโดยใช้เงินและเสบียงของทหารต้าเฟิงเป็นเดิมพัน สตรีที่ต้องการเพียงตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง เพื่อให้ตระกูลของนางจะได้ทำการค้าสะดวกมากขึ้น
“เรียกข้าว่าท่านแม่ทัพเถอะ จะเหมาะสมมากกว่า ข้าไม่ชินกับคำนั้นอย่าเรียกเลย”
หลินอิงรีบกลืนสุรามงคลตอนที่เขาพูดขึ้นมา สุราที่ร้อนราวกับลวกคอนางได้ ยังไม่เท่ากับคำพูดที่ตัดรอนเย็นชาของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางในตอนนี้
“เอาละพิธีก็เสร็จแล้ว ข้าไปละ”
“เอ่อ… คือ…”
“เจ้ายังมีอะไรอีก”
“มิใช่ว่าค่ำคืนส่งตัว พวกเราห้ามออกจากห้องหรอกหรือเจ้าคะ”
แม่ทัพหนุ่มหมดความอดทน เขากำหมัดแน่นและชกไปที่เสาเตียงจนเจ้าสาวหมาด ๆ ตกใจจนสั่น สายตาดุดันและกำลังโกรธมองมา หากเขาถือดาบอยู่ในตอนนี้คงจะฆ่านางไปแล้ว
“เจ้ายังต้องการอะไรจากข้าอีก เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ”
“มะ ไม่พองั้นหรือ ท่านพูดถึงอะไรกัน”
“เช่นนั้นข้าจะพูดให้ชัด ๆ นะคุณหนูเมิ่ง”
“มะ เมิ่งหลินอิง ขะ ข้าชื่อหลินอิง”
“หุบปาก! ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดแทรกข้าได้งั้นหรือ”
นางนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่าการแต่งงานที่นางคิดเอาไว้จะเลวร้ายไม่ต่างกับการอยู่ที่สกุลเมิ่ง ที่นั่นเหมือนนรกบนดินเพราะนางเป็นเพียงลูกสาวอนุ
“เจ้าฟังข้าให้ดี แม้ว่าข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่าได้คาดหวังในตัวข้าว่าจะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าข้าขยะแขยงพวกเจ้ายิ่งกว่าแมลงวันที่ตอมซากศพเสียอีก นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ของเจ้า ข้าอยู่ของข้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เข้าใจแล้วหรือไม่”
“ฮึก!”
นางพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ เดิมทีก็ทำใจมาก่อนหน้านั้นแล้วว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดนี้
“แมลงวันตอมซากศพงั้นหรือ…ช่างเป็นวาจาที่ใจร้ายนัก”
“หึ ใจร้ายงั้นหรือ คนที่อยากให้ตระกูลพ่อค้าได้เชิดหน้าสู่สังคมชั้นสูงได้ไม่ใช่พวกเจ้าหรอกหรือ ถึงกับเอาลูกสาวมายัดเยียดให้แต่งงานกับข้า นี่ไม่ใช่แผนการของพวกเจ้าตั้งแต่แรกหรอกหรือ”
“แต่ท่านก็ต้องออกศึกทันทีหลังพิธีแต่งงาน ข้ามากกว่าที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย ท่านกล้าพูดออกมาได้เช่นไรว่าข้าอยากแต่งกับท่าน…โอ๊ย!”
แม่ทัพหนุ่มหันมาบีบแก้มทั้งสองข้างของนางไว้และดันไปที่เตียง ร่างบางล้มลงเพราะสู้แรงของเขาไม่ได้ นางเจ็บตรงแก้มสองข้างที่ถูกเขาบีบและดันตัวให้ติดกับเตียง
“อื้อ…”
“ข้ายังไม่ทันจะออกศึก เจ้าที่พึ่งแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินก็กล้าแช่งสามีตัวเอง จะไม่ให้ข้าคิดได้อย่างไรว่าพวกเจ้ามันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงสารเลวทั้งตระกูล จงจำเอาไว้ให้ดี…ข้าเกลียดคนเห็นแก่ตัวอย่างพวกเจ้ามากที่สุด!!”
ตึง!บุรุษหนุ่มสะบัดมือออกจากใบหน้าของเจ้าสาว และเดินหันหลังออกจากห้องส่งตัวไปทันที เมิ่งหลินอิงไม่รู้มาก่อนเลยว่า การแต่งงานในครั้งนี้ของนางจะมีเงื่อนไขเช่นนี้ด้วย “นี่มันอะไรกัน ฮูหยินตราตั้ง ข้อตกลงกองทัพ…เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย”“คุณหนูเจ้าคะ! ท่านเป็นอะไรหรือไม่”“ผิงเพ่ย ข้า…ฮึก!”“คุณหนู ท่านแม่ทัพทำร้ายท่านหรือเจ้าคะ เหตุใดหน้าท่านถึงได้มีรอยนิ้วมือแดงขนาดนี้”“เปล่า…เปล่า”นางมิอาจพูดอะไรได้ เพราะรู้สึกเจ็บที่หัวใจมากกว่าที่ใบหน้า ซึ่งถูกเขาบีบจนเกิดรอยช้ำขึ้น สาวใช้เมื่อเห็นสภาพของคุณหนูตรงหน้า ก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้“คุณหนูข้าจะรีบเอาผ้ามาประคบให้นะเจ้าคะ”ผิงเพ่ยอดไม่ได้ที่ร้องไห้ตามคุณหนูผู้อาภัพของนาง เดิมทีอยู่ที่จวนขอบิดา นางก็ไม่ต่างกับสาวใช้ที่ต้องทำงานทุกอย่างและดูแลอนุหง “หงเซียวลี่” มารดาที่ป่วยด้วยโรคประจำตัวบิดาแม้ว่าจะให้หมอมาตรวจและจ่ายค่ายาให้ แต่หลินอิงก็ต้องแลกด้วยการที่ต้องทำงานทุกอย่างทั้งคิดบัญชี ดูแลร้านขายผ้าไหมและโรงเตี๊ยมในเมือง แทนคุณหนูใหญ่ที่เอาแต่แต่งตัวสวยและมีสาวใช้ข้างกายถึงสี่คน“ต้านเสือที่ประตูหน้า หมาป่ากลับเข้าประตูหลัง คิดว่าออกจา
“ตะ แต่ว่าเรือนเล็กหลังนั้นทั้งเก่าและทรุดโทรม แน่ใจหรือขอรับว่านางจะอยู่ได้”“นั่นมันเรื่องของนาง ไม่ใช่ธุระของข้า เอารายงานนี้ไปส่ง อีกสองวันข้าต้องรู้ความเคลื่อนไหวของกองทัพแคว้นอู๋อย่างละเอียด”“ขอรับท่านแม่ทัพ”วันถัดมาเมื่อหลินอิงตื่นขึ้นมา ก็มีสาวใช้เข้ามาแจ้งว่านางต้องย้ายไปที่เรือนพักด้านหลัง เดิมทีหลินอิงก็มิได้อยากอยู่ร่วมกับเขาอยู่แล้ว นางจึงย้ายไปโดยไม่มีคำถาม แต่เมื่อเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังก็ตกใจเล็กน้อย“ถึงแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าน้อยขอตัวก่อน”“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิแล้ว… ไม่มีสาวใช้หรือคนอื่นที่จะมาช่วยทำความสะอาดเลยหรือ เดี๋ยวก่อนสิเจ้าอย่าพึ่งไป”เมิ่งหลินอิงยืนมองสภาพเรือนเล็ก ที่เก่าและทรุดโทรม ที่นี่ดูไม่ต่างกับจวนเดิมที่นางจากมาก เพียงแค่ดีกว่านิดหน่อย“เอาเถอะ อย่างน้อยหลังคาก็ไม่รั่ว แค่ต้องกวาดถูทำความสะอาดนิดหน่อย รีบทำเถอะ”“แต่ว่า… นี่มันเกินไปแล้วนะเจ้าคะ ท่านเป็นถึงฮูหยินของเขาแต่กลับให้ท่านมาอยู่ในที่แบบนี้”“ทำไมเล่าไม่ดีหรือ เรือนเก่าของท่านแม่ทรุดโทรมยิ่งกว่านี้อีก เจ้าจำไม่ได้หรือ อย่างน้อยก็แค่ต้องตัดหญ้ารอบ ๆ แต่ด้านในเหมือนจะยังใหม่อยู่นะ”“คุณหนูท่
สายตาที่นิ่งดุจน้ำในสระบัวนั้น ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ แต่เมื่อหันไปเห็นคำสั่งที่นำมาด้วย ก็พลันนึกได้ว่านางเป็นใคร และเขาต้องมาที่นี่เพื่อสิ่งใด“พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าวังกับข้า”“อะไรนะเจ้าคะ เหตุใดต้องเข้าวังด้วย”“หึ ยังมีหน้ามาถามว่าเพราะเหตุใด มิใช่เพราะพวกเจ้าหรอกหรือ ที่ยื่นเงื่อนไขนี้ให้ท่านอ๋อง พรุ่งนี้ต้องเข้าวังเพื่อไปรับตำแหน่งฮูหยินตราตั้งของเจ้าอย่างไรเล่า”สีหน้าของอีกฝ่ายซีดลงจนเขาจับสังเกตได้ แม้เขาจะนึกสงสัย แต่เพราะอคติในใจที่เกิดขึ้น จากบิดาจอมโลภของนาง จึงทำให้แม่ทัพหนุ่มมองนางในแง่ดีไม่ได้“เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ยามเฉิน (07.00 น.) ข้าจะมารับที่เรือนเพื่อเข้าวัง”แม้ว่าจะดูกังวลใจอยู่บ้าง แต่หลินอิงก็เชิดหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไม่เกรงกลัว แม้เขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ตาม“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ ท่านมีธุระแค่นี้ใช่หรือไม่”“ที่นี่เป็นจวนแม่ทัพ ข้าจะอยู่หรือไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นแค่ผู้อาศัย มีหน้าที่ถามเจ้าของจวนด้วยหรือ”“เช่นนั้นก็เชิญท่านแม่ทัพตามสบายเถิดเจ้าค่ะ ผู้อาศัยขอตัวก่อน”นางเดินเข้าไปในเรือนแล้ว เขาลอบสังเกตเห็นท่าเดินของนางที่แปลกไป ดูเหมือนว่านางจะเ
สายตาที่นิ่งดุจน้ำในสระบัวนั้น ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ แต่เมื่อหันไปเห็นคำสั่งที่นำมาด้วย ก็พลันนึกได้ว่านางเป็นใคร และเขาต้องมาที่นี่เพื่อสิ่งใด“พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าวังกับข้า”“อะไรนะเจ้าคะ เหตุใดต้องเข้าวังด้วย”“หึ ยังมีหน้ามาถามว่าเพราะเหตุใด มิใช่เพราะพวกเจ้าหรอกหรือ ที่ยื่นเงื่อนไขนี้ให้ท่านอ๋อง พรุ่งนี้ต้องเข้าวังเพื่อไปรับตำแหน่งฮูหยินตราตั้งของเจ้าอย่างไรเล่า”สีหน้าของอีกฝ่ายซีดลงจนเขาจับสังเกตได้ แม้เขาจะนึกสงสัย แต่เพราะอคติในใจที่เกิดขึ้น จากบิดาจอมโลภของนาง จึงทำให้แม่ทัพหนุ่มมองนางในแง่ดีไม่ได้“เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ยามเฉิน (07.00 น.) ข้าจะมารับที่เรือนเพื่อเข้าวัง”แม้ว่าจะดูกังวลใจอยู่บ้าง แต่หลินอิงก็เชิดหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไม่เกรงกลัว แม้เขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ตาม“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ ท่านมีธุระแค่นี้ใช่หรือไม่”“ที่นี่เป็นจวนแม่ทัพ ข้าจะอยู่หรือไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นแค่ผู้อาศัย มีหน้าที่ถามเจ้าของจวนด้วยหรือ”“เช่นนั้นก็เชิญท่านแม่ทัพตามสบายเถิดเจ้าค่ะ ผู้อาศัยขอตัวก่อน”นางเดินเข้าไปในเรือนแล้ว เขาลอบสังเกตเห็นท่าเดินของนางที่แปลกไป ดูเหมือนว่านางจะเ
“ตะ แต่ว่าเรือนเล็กหลังนั้นทั้งเก่าและทรุดโทรม แน่ใจหรือขอรับว่านางจะอยู่ได้”“นั่นมันเรื่องของนาง ไม่ใช่ธุระของข้า เอารายงานนี้ไปส่ง อีกสองวันข้าต้องรู้ความเคลื่อนไหวของกองทัพแคว้นอู๋อย่างละเอียด”“ขอรับท่านแม่ทัพ”วันถัดมาเมื่อหลินอิงตื่นขึ้นมา ก็มีสาวใช้เข้ามาแจ้งว่านางต้องย้ายไปที่เรือนพักด้านหลัง เดิมทีหลินอิงก็มิได้อยากอยู่ร่วมกับเขาอยู่แล้ว นางจึงย้ายไปโดยไม่มีคำถาม แต่เมื่อเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังก็ตกใจเล็กน้อย“ถึงแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าน้อยขอตัวก่อน”“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิแล้ว… ไม่มีสาวใช้หรือคนอื่นที่จะมาช่วยทำความสะอาดเลยหรือ เดี๋ยวก่อนสิเจ้าอย่าพึ่งไป”เมิ่งหลินอิงยืนมองสภาพเรือนเล็ก ที่เก่าและทรุดโทรม ที่นี่ดูไม่ต่างกับจวนเดิมที่นางจากมาก เพียงแค่ดีกว่านิดหน่อย“เอาเถอะ อย่างน้อยหลังคาก็ไม่รั่ว แค่ต้องกวาดถูทำความสะอาดนิดหน่อย รีบทำเถอะ”“แต่ว่า… นี่มันเกินไปแล้วนะเจ้าคะ ท่านเป็นถึงฮูหยินของเขาแต่กลับให้ท่านมาอยู่ในที่แบบนี้”“ทำไมเล่าไม่ดีหรือ เรือนเก่าของท่านแม่ทรุดโทรมยิ่งกว่านี้อีก เจ้าจำไม่ได้หรือ อย่างน้อยก็แค่ต้องตัดหญ้ารอบ ๆ แต่ด้านในเหมือนจะยังใหม่อยู่นะ”“คุณหนูท่
ตึง!บุรุษหนุ่มสะบัดมือออกจากใบหน้าของเจ้าสาว และเดินหันหลังออกจากห้องส่งตัวไปทันที เมิ่งหลินอิงไม่รู้มาก่อนเลยว่า การแต่งงานในครั้งนี้ของนางจะมีเงื่อนไขเช่นนี้ด้วย “นี่มันอะไรกัน ฮูหยินตราตั้ง ข้อตกลงกองทัพ…เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย”“คุณหนูเจ้าคะ! ท่านเป็นอะไรหรือไม่”“ผิงเพ่ย ข้า…ฮึก!”“คุณหนู ท่านแม่ทัพทำร้ายท่านหรือเจ้าคะ เหตุใดหน้าท่านถึงได้มีรอยนิ้วมือแดงขนาดนี้”“เปล่า…เปล่า”นางมิอาจพูดอะไรได้ เพราะรู้สึกเจ็บที่หัวใจมากกว่าที่ใบหน้า ซึ่งถูกเขาบีบจนเกิดรอยช้ำขึ้น สาวใช้เมื่อเห็นสภาพของคุณหนูตรงหน้า ก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้“คุณหนูข้าจะรีบเอาผ้ามาประคบให้นะเจ้าคะ”ผิงเพ่ยอดไม่ได้ที่ร้องไห้ตามคุณหนูผู้อาภัพของนาง เดิมทีอยู่ที่จวนขอบิดา นางก็ไม่ต่างกับสาวใช้ที่ต้องทำงานทุกอย่างและดูแลอนุหง “หงเซียวลี่” มารดาที่ป่วยด้วยโรคประจำตัวบิดาแม้ว่าจะให้หมอมาตรวจและจ่ายค่ายาให้ แต่หลินอิงก็ต้องแลกด้วยการที่ต้องทำงานทุกอย่างทั้งคิดบัญชี ดูแลร้านขายผ้าไหมและโรงเตี๊ยมในเมือง แทนคุณหนูใหญ่ที่เอาแต่แต่งตัวสวยและมีสาวใช้ข้างกายถึงสี่คน“ต้านเสือที่ประตูหน้า หมาป่ากลับเข้าประตูหลัง คิดว่าออกจา
จวนสกุลเมิ่งวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของจวนสกุลเมิ่ง ที่จะแต่งบุตรสาวคนรองออกเรือน ผ้าแดงมงคลผูกเพื่อรอรับขบวนเจ้าบ่าวที่จะมารับเจ้าสาว ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิงนามว่า “หลิวเว่ยหยาง” “ฮึก! คุณหนู….”“เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย วันนี้เป็นวังมงคลของข้านะผิงเพ่ย”“เหตุใดต้องเป็นท่านด้วย นายท่านช่างลำเอียงยิ่งนัก นี่เท่ากับส่งท่านไปตายชัด ๆ”“ชีวิตของท่านแม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า หากวันนี้ข้าไม่ยอมแต่งงานออกไปแทนคุณหนูใหญ่ เกรงว่าจะช่วยท่านแม่ไม่ได้อีกแล้ว ข้าคิดเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะผิงเพ่ย”“แต่ว่า… ท่านแต่งกับแม่ทัพหลิวที่กำลังจะออกศึกครั้งใหญ่ เป็นตายกลับมายังไม่รู้ชะตากรรมแต่นายท่านกลับ…”“เอาล่ะได้เวลาคลุมหน้าเจ้าสาวแล้ว”“เจ้าค่ะ”“เมิ่งหลินอิง” สั่งสาวใช้ข้างกายเพียงคนเดียวที่มาช่วยนางแต่งตัวในวันนี้ แม้จะเป็นบุตรสาวเศรษฐีใหญ่ในเมือง "ต้าเฟิง" เมืองที่ใหญ่รองเพียงแค่เมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนตู ฐานะของหลินอิงในจวนสกุลเมิ่งเป็นเพียงแค่บุตรสาวภรรยารอง แต่วันนี้นางกลับได้แต่งออกจากจวนในฐานะบุตรสาวภรรยาเอก“เพียงให้ท่านยอมแต่งงานที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย นายท่านถึงกับไม่ยอมให