Home / โรแมนติก / ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์ / ตอนที่   1 ณ  ตำหนักเฉียนชิง

Share

ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์
ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์
Author: Bunmeebooks

ตอนที่   1 ณ  ตำหนักเฉียนชิง

Author: Bunmeebooks
last update Last Updated: 2024-11-27 13:41:50

ณ  ตำหนักเฉียนชิง

ตำหนักที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในวังหลังเป็นที่ประทับของฮองเฮา ผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือหมู่ 12 ตำหนักของสนมของฮ่องเต้เฉินเฉิง แห่งราชวงศ์เฉิน

“ฮองเฮาเพคะ โอสถเพคะ”

นางกำนัลข้างกายประคองถ้วยโอสถที่นางเคี่ยวเองกับมือตามคำสั่งของฮองเฮาวางลงตรงหน้าพระพักตร์ขาวซีดของผู้เป็นใหญ่ในตำหนักนี้

เฟิ่งอี๋ฮองเฮา สตรีในวัยสามสิบปีมองถ้วยบรรจุโอสถสีดำมีควันสีขาวจาง ๆ ลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำ กลิ่นของมันชวนคลื่นเหียนยิ่งนัก ไม่ทันไรนางก็จำยอมเบือนหน้าหนีแล้วร่างบางก็สั่นสะท้านคล้ายกับจะขย้อนข้าวต้มในตอนเช้ามา

“อะ.. อ๊อก..”

“ฮองเฮาเพคะ ให้ตามหมอหลวงหรือไม่”

นางกำนัลข้างกายลูบแผ่นหลังให้นายเหนือหัว ในขณะที่นางกำนัลอีกผู้หนึ่งรีบนำบ้วนพระโอษฐ์มารองรับสิ่งที่ฮองเฮาสํารอกออกมาจากปาก

“มะ.. ไม่ต้อง”

เฟิ่งอี๋รีบยกมือห้าม แววตาสั่นระริก ใบหน้าขาวซีดนั้นยิ่งดูซูบลงไปอีก ตั้งแต่ทรงพระครรภ์หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้นางมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทันทีที่ได้กลิ่นอาหารหรือยา นางก็จะอาเจียนออกมาจึงทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมอยู่แล้วผอมลงไปอีก

“แต่....”

นางกำนัลข้างกายสีหน้าไม่สู้ดีนักด้วยความกังวลใจ เมื่อต้นเดือนก่อนฮองเฮาประชวรคล้ายกับหญิงตั้งครรภ์ ทั้งอาเจียนบ่อย ๆ ทั้งเหนื่อยง่าย แต่พระนางก็ไม่ทรงเรียกหมอหลวงเข้ามาถวายการรักษา อีกทั้ง ยังเขียนตัวยาสำหรับการบำรุงครรภ์แล้วให้นางไปขอเบิกจากคลังยาหลวงแบบลับ ๆ

“เจ้าลืมไปแล้วหรือไร... ก่อนเป็นฮองเฮาเราเป็นหมอหญิงมาก่อน”

เฟิ่งอี๋ยกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ เสียงที่เปล่งออกมานั้นอ่อนแรงนัก ในขณะที่มือลูบท้องของตนอย่างแผ่วเบา ในนี้มีโอรสสวรรค์ที่เพิ่งจะมาจุติ นางจะต้องอดทนผ่านการแพ้ท้องครั้งนี้ไปให้ได้ เพราะไม่ง่ายเลยกว่านางจะตั้งครรภ์

เฟิ่งอี๋ บุตรีของใต้เท้าชุน เจ้ากรมการคลังได้รับการคัดเลือกให้เป็นพระสนมในวัยสิบเจ็ดปี แล้วก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาเมื่ออายุ 20 ปี หลายปีผ่านไปไม่ว่าจะนาง หรือสนมคนใดก็ยังไม่ตั้งครรภ์สักที ในขณะที่ฮองไทเฮากดดันนางให้มีทายาท ฝ่ายขุนนางก็เร่งเร้าองค์ฮ่องเต้ให้คัดเลือกสนมคนใหม่เพิ่มทุกปี เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะมีโอรสสวรรค์

หากให้สนมตั้งครรภ์ก่อนเกรงว่าตำแหน่งฮองเฮาจะรักษาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นางจึงใช้ความรู้เรื่องการแพทย์ที่เคยศึกษามาปรุงยาบำรุงสตรีให้เหมาะแก่การตั้งครรภ์ ล่วงเลยเวลามานานถึง 10 ปีจนในที่สุดนางก็ตั้งครรภ์ในวัยสามสิบปี ความยินดีนี้หากเป็นเมื่อก่อนนางคงแจ้งแก่ฮ่องเต้ทันทีที่ทราบข่าว แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงกำลังลุ่มหลงฟางเหรินกุ้ยเฟยจนไม่ออกว่าราชการมาหลายสัปดาห์แล้ว แม้แต่มาเยี่ยมนางสักคราก็ยังไม่มีแม้เงา นางจึงไม่มีโอกาสได้บอกข่าวดีแก่พระองค์ด้วยตนเอง อีกทั้ง ที่ยังเก็บงำเรื่องนี้ไว้เพราะเกรงว่าภัยร้ายจะมาสู่ลูกน้อยในครรภ์

“ไม่ลืมเจ้าค่ะ แต่ร่างกายของฮองเฮาทรงอ่อนแอนัก ยาที่ขอเบิกมาได้มีเพียงยาบำรุงชั้นเลวเท่านั้น หม่อมฉันคิดว่าหากได้ยาบำรุงที่ดีกว่านี้ พระองค์และโอรสสวรรค์จะแข็งแรงขึ้นนะเพคะ”

นางกำนัลข้างกาย ถวายความคิดเห็น เรื่องที่ฮองเฮาตั้งครรภ์นั้นยังถูกเก็บไว้เป็นความลับ ดังนั้น ทุกครั้งที่นางไปขอเบิกยามักจะอ้างว่าเบิกมาให้หัวหน้าแม่ครัว จึงทำให้ไม่สามารถเบิกยาบำรุงครรภ์ที่มีราคาแพงได้

“เรา.. รอเวลาอีกนิด ให้เรามั่นใจว่าลูกจะแข็งแรงจนสามารถอยู่กับเราได้ เพื่อความปลอดภัยของเขา”

เฟิ่งอี๋ลูบครรภ์ตนเอง แววตาเปล่งประกายระยับด้วยความสุขเมื่อนึกถึงชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ นางเคยศึกษาตำราแพทย์มาก่อน ระยะ 2 เดือนแรกของการตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการแท้งมากที่สุด อีกทั้งร่างกายนางในช่วงนี้อ่อนแอมาก ยังไม่มีเรี่ยวแรงรับมือกับความริษยากับสนมทั้ง 12 ตำหนัก ยากนักที่จะรักษาลูกน้อยให้ปลอดภัยในเวลานี้

“เพคะ”

นางกำนัลข้างกายรับคำ พร้อมกับประคองถ้วยโอสถถวายพระนางอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบวางลงทันใดแล้วเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อทหารองครักษ์นับสิบนายวิ่งกรูกันเข้ามา

ตึก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เฟิ่งอี๋ฮองเฮา พลันตัวแข็งทื่อขึ้นมา รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง เมื่อตั้งสติได้ นางตวาดขึ้นว่า

“บังอาจ ! พวกเจ้ากล้าบุกรุกตำหนักเฉียนชิงโดยไม่ได้รับอนุญาตรึ !”

ไม่มีเสียงตอบจากเหล่าทหารกำยำน่าเกรงขามเหล่านั้น มีเพียงเสียงหัวเราะเหยียบเย็นที่ดังมาจากที่ไกล ๆ ไม่นานนักร่างสตรีในชุดชาววังสีสวยก็ย่างกายเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า

“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ”

นางที่เข้ามานั้นเอ่ยเพียงวาจา แต่มิได้ก้มศีรษะเคารพยำเกรงดั่งวาจาที่เปล่งออกมา เพราะตอนนี้นางคือสตรีที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด

“กุ้ยเฟย... เจ้าคิดว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แล้ว นึกอยากจะสั่งทหารบุกตำหนักเราก็ได้รึ หรือเจ้าไม่เห็นตำแหน่งฮองเฮาของเราอยู่ในสายตาแล้ว”

เฟิ่งอี๋ดวงตาแดงก่ำ อยากจะตวาดนางแพศยาตรงหน้ายิ่งนัก แต่เพราะร่างกายอ่อนแอลงมากจึงทำให้เสียงที่เปล่งมานั้นแทบเบาจนเรียกไม่ได้ว่าตวาด

“ต่อให้กินดีเสือเข้าไป หม่อมฉันก็มิอาจใจกล้าเช่นนั้นหรอกเพคะ หากว่าไม่ได้รับราชโองการให้มาจับชายชู้ที่ลักลอบเข้าตำหนักเฉียนชิง”

ฟางเหรินกุ้ยเฟยยังคงใช้น้ำเสียงแว่วหวาน แม้วาจาที่ลั่นออกมานั้นจะเชือดเฉือนอีกฝ่ายจนใบหน้าขาวนั้นซี้ดลงอีกหลายส่วน

“เจ้ากล่าววาจาสามหาวอันใด”

เฟิ่งอี๋เอ่ยถามเสียงสั่นพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง บัดนี้นางไม่อาจนั่งสบายอยู่บนเก้าอี้ได้อีกแล้ว นางกำนัลข้างกายรีบเข้ามาประคองแขนนาง  ดวงตาแดงก่ำจ้องมองฟางเหริน บุตรีของอัครเสนาบดีฉือ เพราะใบหน้าอ่อนเยาว์ดุจบุปผาแรกแย้ม ความงามที่เป็นหนึ่งไม่มีสองจึงทำให้นางก้าวสู่ตำแหน่งกุ้ยเฟยในอายุเพียง 18 ปี

“นางมิได้เอ่ยวาจาสามหาวอันใด เป็นเจ้าที่ปิดบังเรา หลอกลวงเบื้องสูง มีโทษสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง !”

บุรุษในอาภรณ์สีเหลืองลายมังกรเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงตวาดกึกก้องราวอสุนีบาต เขาจ้องมองฮองเฮาด้วยแววตาวาวโรจน์ด้วยความเจ็บใจที่ถูกคู่ชีวิตทรยศหักหลัง

พระสุรเสียงของฮ่องเต้ที่เต็มไปด้วยความพิโรธนั้นทำให้เฟิ่งอี๋ถึงกับตัวสั่น ลืมแม้กระทั่งว่าจะต้องยอบกายเอ่ยถวายความเคารพ ส่วนฟางเหรินกุ้ยเฟยและข้ารับใช้คนอื่น ๆ ต่างคุกเข่าถวายความเคารพฮ่องเต้

จากนั้น ฟางเหรินกุ้ยเฟยลอบยกยิ้ม ในเมื่อฮ่องเต้เสด็จมาเองแล้ว นางจึงไม่ต้องเปลืองแรงกระทำสิ่งใดอีก จึงให้นางกำนัลประคองไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง แล้วทอดตามองคนทั้งคู่ราวกับว่าอีกไม่นานภาพการแสดงที่งดงามตระการตากำลังจะปรากฏอยู่ตรงหน้า

“เสด็จพี่ทรงตรัสเรื่องอันใด หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

Related chapters

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่2. สิ้นคำ

    ริมฝีปากขาวซีดเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง นางได้รับความเฉยเมยจากสามีมาร่วมเดือน พบหน้ากันอีกครั้งเขากลับจะเอาชีวิตของเธอและลูกน้อยเสียแล้ว“รับสั่งเรื่องใดงั้นรึ เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าตนทำผิดเรื่องใด ยังจะแสร้งตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ คิดว่าเราหูหนวกตาบอดแล้วรึ”เฉินเฉิงฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สองมือไพล่หลัง แผ่นหลังเหยียดตรง เรือนร่างสูงเด่นงามสง่าสมดั่งผู้อยู่บนบัลลังก์มังกร อยู่เหนือคนนับล้าน“หม่อมฉันไม่เคยทำผิดต่อพระองค์”แม้เสียงของฮองเฮาจะแผ่วเบา แต่คำนั้นหนักแน่น นับตั้งแต่นางอภิเษกกับประมุขของแผ่นดิน ทั้งจิตใจและร่างกายก็มอบไว้บนฝ่ามือเขาเพียงผู้เดียว เป็นเขาเองต่างหากที่มีสนมนางในนับร้อย แม้เจ็บซ้ำที่ต้องแบ่งปันสามีให้สตรีอื่น แต่นางก็ฝืนทนกล้ำกลืนความเจ็บซ้ำนั้นเอาไว้ เพราะตระหนักดีว่า สามีของนางเป็นฮ่องเต้มีชีวิตเพื่อแผ่นดิน มิได้มีไว้ให้นางครอบครองเพียงผู้เดียว“ไม่เคยทำผิดต่อข้างั้นรึ !”ฮ่องเต้ทรงสาวพระบาทตรงเข้าหาฮองเฮา มือแกร่งบีบไหล่นางทั้งสองข้างอย่างแรง จากนั้นก็ตะคอกใส่หน้าของนางว่า “แล้วบุรุษที่เจ้าซุกซ่อนเอาไว้ในคราบของขันทีในตำหนักของเจ้าคืออะไร แ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่3. จงรักภักดี

    “หม่อมฉันจงรักและภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเพคะ”กุ้ยเฟยส่งเสียงหวานอย่างออดอ้อน... แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าท้องของนางบีบรัดเจ็บปวดมากขึ้นจนใบหน้าเหยเก มือที่เคยเกาะกุมลำแขนแกร่งของเขาก็เกร็งจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพราย เนื้อตัวเย็นเฉียบฉับพลันฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงก้มลงมองดูนางพลางตรัสถามว่า“กุ้ยเฟยเจ้าเป็นอะไร”“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บท้อง”นางส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทรมานมันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวราวกับตกอยู่ในนรกขุมอเวจีเมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูส่วนล่างของสนมรักก็พบเลือดมากมายไหลออกมาย้อมกระโปรงของนางจนแดงฉาน พระองค์ถึงกับเบิกตาโพลง ริมฝีปากค้าง ภาพของนางซ้อนทับกับภาพของฮองเฮาตอนแท้งลูกไม่มีผิดเพี้ยนเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฮ่องเต้ กุ้ยเฟยจึงก้มลงดูท้องของตนเอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ แล้วหมดสติไป“เร่งฝีเท้ากลับตำหนักไป่เหอ กงกงตามหมอหลวงมาเร็วเข้า !”ฮ่องเต้ทรงตวาดสั่งออกมาอย่างร้อนพระทัยณ ตำหนักไป่เหอภายในตำหนักของกุ้ยเฟย ร่างในแท่นบรรทมขยับไหวกายเพียงเล็กน้อย นางกำนัล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

    เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

    “เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !“กุ้ยเฟย”เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียมท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่6. เช้าวันใหม่

    เช้าวันใหม่หลังจากเสวยพระกระยาหารเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยก็มีรับสั่งจะเสด็จไปยังคุกหลวง ที่จองจำผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางพิษนางกำนัล และขันทีต่างหายใจกันไม่ทั่วท้องรีบเอ่ยทักท้วงว่า“พระวรกายของพระสนมยังไม่แข็งแรง ไม่ควรเสด็จไปยังคุกหลวงที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย”“สถานที่เลวร้ายเช่นนั้น หากกระหม่อมปล่อยให้พระนางไป ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ได้โปรด ถอนรับสั่งด้วยเพคะ”เฟิ่งอี๋ทรงนิ่งฟังคำทัดทานนั้น คล้ายลมที่พัดผ่านหู หากนางไม่ลงไปสืบความด้วยตนเอง จะรู้ได้เช่นไรว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารร่างนี้ !เมื่อก่อนนางยอมโอนอ่อนอยู่ในตำหนัก แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายความตายก็มาเยือนถึงตำหนักฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทย่อมเป็นที่ริษยาในเหล่านางสนมด้วยกัน อีกทั้งยังชอบยกหางตนเหยียบย่ำคนอื่น ศัตรูในวังหลังมีมากจนเดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ร่างอ้อนแอ้นบอบบางในชุดชาววังชั้นสูงไหวกายลุกขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง แล้วเยื้องพระบาทมุ่งหน้าไปยังคุกหลวงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกขันทีที่ดูแลตำหนักตะลีตะลานสั่งนางกำนัลเสียงขรม เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องดูแลรับใช้ให้ด

Latest chapter

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่6. เช้าวันใหม่

    เช้าวันใหม่หลังจากเสวยพระกระยาหารเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยก็มีรับสั่งจะเสด็จไปยังคุกหลวง ที่จองจำผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางพิษนางกำนัล และขันทีต่างหายใจกันไม่ทั่วท้องรีบเอ่ยทักท้วงว่า“พระวรกายของพระสนมยังไม่แข็งแรง ไม่ควรเสด็จไปยังคุกหลวงที่เต็มไปด้วยไอชั่วร้าย”“สถานที่เลวร้ายเช่นนั้น หากกระหม่อมปล่อยให้พระนางไป ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธแน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ได้โปรด ถอนรับสั่งด้วยเพคะ”เฟิ่งอี๋ทรงนิ่งฟังคำทัดทานนั้น คล้ายลมที่พัดผ่านหู หากนางไม่ลงไปสืบความด้วยตนเอง จะรู้ได้เช่นไรว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารร่างนี้ !เมื่อก่อนนางยอมโอนอ่อนอยู่ในตำหนัก แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายความตายก็มาเยือนถึงตำหนักฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทย่อมเป็นที่ริษยาในเหล่านางสนมด้วยกัน อีกทั้งยังชอบยกหางตนเหยียบย่ำคนอื่น ศัตรูในวังหลังมีมากจนเดาไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ร่างอ้อนแอ้นบอบบางในชุดชาววังชั้นสูงไหวกายลุกขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง แล้วเยื้องพระบาทมุ่งหน้าไปยังคุกหลวงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกขันทีที่ดูแลตำหนักตะลีตะลานสั่งนางกำนัลเสียงขรม เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องดูแลรับใช้ให้ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

    “เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !“กุ้ยเฟย”เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียมท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

    เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่3. จงรักภักดี

    “หม่อมฉันจงรักและภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเพคะ”กุ้ยเฟยส่งเสียงหวานอย่างออดอ้อน... แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าท้องของนางบีบรัดเจ็บปวดมากขึ้นจนใบหน้าเหยเก มือที่เคยเกาะกุมลำแขนแกร่งของเขาก็เกร็งจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพราย เนื้อตัวเย็นเฉียบฉับพลันฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงก้มลงมองดูนางพลางตรัสถามว่า“กุ้ยเฟยเจ้าเป็นอะไร”“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บท้อง”นางส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทรมานมันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวราวกับตกอยู่ในนรกขุมอเวจีเมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูส่วนล่างของสนมรักก็พบเลือดมากมายไหลออกมาย้อมกระโปรงของนางจนแดงฉาน พระองค์ถึงกับเบิกตาโพลง ริมฝีปากค้าง ภาพของนางซ้อนทับกับภาพของฮองเฮาตอนแท้งลูกไม่มีผิดเพี้ยนเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฮ่องเต้ กุ้ยเฟยจึงก้มลงดูท้องของตนเอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ แล้วหมดสติไป“เร่งฝีเท้ากลับตำหนักไป่เหอ กงกงตามหมอหลวงมาเร็วเข้า !”ฮ่องเต้ทรงตวาดสั่งออกมาอย่างร้อนพระทัยณ ตำหนักไป่เหอภายในตำหนักของกุ้ยเฟย ร่างในแท่นบรรทมขยับไหวกายเพียงเล็กน้อย นางกำนัล

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่2. สิ้นคำ

    ริมฝีปากขาวซีดเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง นางได้รับความเฉยเมยจากสามีมาร่วมเดือน พบหน้ากันอีกครั้งเขากลับจะเอาชีวิตของเธอและลูกน้อยเสียแล้ว“รับสั่งเรื่องใดงั้นรึ เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าตนทำผิดเรื่องใด ยังจะแสร้งตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ คิดว่าเราหูหนวกตาบอดแล้วรึ”เฉินเฉิงฮ่องเต้เชิดพระพักตร์ขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สองมือไพล่หลัง แผ่นหลังเหยียดตรง เรือนร่างสูงเด่นงามสง่าสมดั่งผู้อยู่บนบัลลังก์มังกร อยู่เหนือคนนับล้าน“หม่อมฉันไม่เคยทำผิดต่อพระองค์”แม้เสียงของฮองเฮาจะแผ่วเบา แต่คำนั้นหนักแน่น นับตั้งแต่นางอภิเษกกับประมุขของแผ่นดิน ทั้งจิตใจและร่างกายก็มอบไว้บนฝ่ามือเขาเพียงผู้เดียว เป็นเขาเองต่างหากที่มีสนมนางในนับร้อย แม้เจ็บซ้ำที่ต้องแบ่งปันสามีให้สตรีอื่น แต่นางก็ฝืนทนกล้ำกลืนความเจ็บซ้ำนั้นเอาไว้ เพราะตระหนักดีว่า สามีของนางเป็นฮ่องเต้มีชีวิตเพื่อแผ่นดิน มิได้มีไว้ให้นางครอบครองเพียงผู้เดียว“ไม่เคยทำผิดต่อข้างั้นรึ !”ฮ่องเต้ทรงสาวพระบาทตรงเข้าหาฮองเฮา มือแกร่งบีบไหล่นางทั้งสองข้างอย่างแรง จากนั้นก็ตะคอกใส่หน้าของนางว่า “แล้วบุรุษที่เจ้าซุกซ่อนเอาไว้ในคราบของขันทีในตำหนักของเจ้าคืออะไร แ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่   1 ณ  ตำหนักเฉียนชิง

    ณ ตำหนักเฉียนชิงตำหนักที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในวังหลังเป็นที่ประทับของฮองเฮา ผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือหมู่ 12 ตำหนักของสนมของฮ่องเต้เฉินเฉิง แห่งราชวงศ์เฉิน“ฮองเฮาเพคะ โอสถเพคะ”นางกำนัลข้างกายประคองถ้วยโอสถที่นางเคี่ยวเองกับมือตามคำสั่งของฮองเฮาวางลงตรงหน้าพระพักตร์ขาวซีดของผู้เป็นใหญ่ในตำหนักนี้เฟิ่งอี๋ฮองเฮา สตรีในวัยสามสิบปีมองถ้วยบรรจุโอสถสีดำมีควันสีขาวจาง ๆ ลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำ กลิ่นของมันชวนคลื่นเหียนยิ่งนัก ไม่ทันไรนางก็จำยอมเบือนหน้าหนีแล้วร่างบางก็สั่นสะท้านคล้ายกับจะขย้อนข้าวต้มในตอนเช้ามา“อะ.. อ๊อก..”“ฮองเฮาเพคะ ให้ตามหมอหลวงหรือไม่”นางกำนัลข้างกายลูบแผ่นหลังให้นายเหนือหัว ในขณะที่นางกำนัลอีกผู้หนึ่งรีบนำบ้วนพระโอษฐ์มารองรับสิ่งที่ฮองเฮาสํารอกออกมาจากปาก“มะ.. ไม่ต้อง”เฟิ่งอี๋รีบยกมือห้าม แววตาสั่นระริก ใบหน้าขาวซีดนั้นยิ่งดูซูบลงไปอีก ตั้งแต่ทรงพระครรภ์หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้นางมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทันทีที่ได้กลิ่นอาหารหรือยา นางก็จะอาเจียนออกมาจึงทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมอยู่แล้วผอมลงไปอีก“แต่....”นางกำนัลข้างกายสีหน้าไม่สู้ดีนักด้วยความกังวลใจ เมื่อต้นเดื

DMCA.com Protection Status