"ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่ได้อยู่ในสวนสี่ซิน พวกเจ้าเองก็รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง?""ถ้าเจ้าไม่ได้เข้าไปพัก เช่นนั้นก็หลบไป พวกเราเข้าไปดูหน่อย""เอะอะอะไรกัน?"ไม่ห่างไปนัก เสิ่นเสวียนเดินเนบๆ เข้ามา ข้างกายมีหลิวหั่วตามมาด้วยแม่นางเหล่านี้พอเห็นเสิ่นเสวียน ก็วิ่งเฮโลหนีกระเจิดกระเจิง เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนพวกนางหลายคนล้วนกลัวเสิ่นเสวียน"ท่านลุง พวกนางบอกว่าจะเข้าไปในสวนสี่ซินหลบร้อน ข้าอธิบายกับพวกนางแล้ว บอกว่าส่วนสี่ซินเป็นสถานที่ของท่านลุง พวกนางเข้าไปคงไม่สะดวกนัก" อวี๋อวี่เวยพอเห็นเสิ่นเสวียน น้ำเสียงก็อดเง้างอดขึ้นมาไม่ได้นางรู้สึกว่า สวนสี่ซินจัดสถานที่ใหม่แล้วแสะงว่าเสิ่นเสวียนคงจะเข้ามาอยู่เองเพราะผ่านมาตั้งนานก็ยังไม่เห็นว่ามีใครมาเลย"ใครก็ห้ามเข้าทั้งนั้น"เสิ่นเสวียนเอ่ยเรียบๆ ขึ้นมาไม่กี่คำมีแม่นางรวบรวมความกล้าถามขึ้น "ท่านลุง นั่นท่านจะเข้าไปพักหรือ?"ถ้าหากเป็นเขาเข้าไปพัก เช่นนั้นพวกนางก็คงจะเข้าไปไม่ได้จริงๆเสิ่นเสวียนส่ายหัว "ไม่ใช่"ไม่ใช่หรือ?อวี๋อวี่เวยตกตะลึง"นายท่าน!"เขาเหลือบมองไปที่ประตูเรือนที่ลั่นดาลไว้ หันหน้ามองไปทาง
"หมอหวาง!"เสิ่นเสวียนรีบเดินเข้ามา พอเห็นภาพตรงหน้า จิตใจก็ดำดิ่งชายชราคนนั้นคือหมอหวางร่างกายของไท่ไท่อาวุโสสั่นจนไม่สามารถฝังเข็มได้แล้ว นี่มันฝังผิดได้ทุกเมื่อหมอหวางมองไปทางเสิ่นเสวียน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "ท่านเสวียน ทำอะไรไม่ได้เลย ไท่ไท่อาวุโสสั่นไปทั้งตัว แล้วยังตึงอย่างมาก ฝังเข็มต่อไม่ได้แล้ว ยาเองก็ป้อนลงไปไม่ได้"ผู้อาวุโสเสิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ สองมือกุมภรรยาชราของเขา น้ำตาก็อาบท่วมอันที่จริงคนในบ้านตระกูลเสิ่นอายุยืนมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไปกว่านั้นสุขภาพทั้งสองคนก่อนหน้านี้ก็ดีมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่ปีที่แล้วเข้าวังจนโดนพิษ ตอนนี้ยังกินได้ดื่มได้นอนได้ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ครู่เดียวก็เป็นเช่นนี้แล้ว"อาเสวียน พอแค่นี้เถอะ" เขาเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าพูดจบประโยคนี้ก็ถอนหายใจยาวออกมาให้เขาพูดคำว่าพอแค่นี้เถอะออกมาเอง ใจก็เหมือนมีดกรีดแทงนี่เป็นภรรยาที่อยู่กับตนเองมาครึ่งชีวิตเลยนะ พวกเขาทั้งสองคนเดิมทีก็ล้วนมีความคาดหวังร่วมกัน คืออยากจะเห็นวันที่เสิ่นฉยงลูกชายคนโตกลับมาที่บ้านเขาอยากเห็นร่างกายของเสิ่นเสวียนสุขภาพดีขึ้นมา บนใบหน้าปรากฎความยอดเยี่ยมในวัยหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านผู้เฒ่าได้สติกลับมา จับมือภรรยาไว้แน่น เอ่ยกับนางว่า "ฮูหยิน เจ้าได้ยินไหม? จาวหนิงเด็กคนนั้นมาแล้ว อาเสวียนเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของนางขนาดนั้น เจ้าต้องรออีกหน่อยนะ ต้องให้โอกาสเด็กคนนั้นเสียหน่อยใช่ไหม?""จะว่าไป อาเสวียนบอกว่า เด็กคนนั้นมีที่มาเช่นเดียวกับพวกเรา อีกเดี๋ยวข้าจะบอกตัวตนของนางกับพวกเรา เจ้าไม่อยากรู้หรือ? เจ้าต้องรอนางนะ"เสิ่นเสวียนรีบออกจากบ้านตระกูลเสิ่น ทำให้คนของบ้านตระกูลเสิ่นเหล่านั้นตกตกลึงทันทีท่านลุงรองเสิ่นหลังจากได้ยินก็หรี่ตาลง"ไม่แน่อาจจะมีเรื่องอะไร หลายวันนี้เขาก็ไม่ใช่ว่าออกไปข้างนอกบ่อยๆ หรือ?"ออกไปหาคนหายา หาพวกตำรับอาหารบำรุงอะไรพวกนี้สะใภ้เสิ่นสองเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน "ทำเอาข้าลงแรงเปล่าๆ จ่ายเงินไปเปล่าๆ เลย"คนอื่นเองก็ยอมรับ "เดิมทีตระกูลเสิ่นก็กำลังเดินลงต่ำ ถ้าใช้เงินไปจนหมด กลัวว่าจะตกต่ำไม่เร็วพอหรือไรกัน? พวกเราหลายปีนี้การค้าอะไรก็ถูกกดเอาไว้หมด เจ้าคนพวกนั้นก็ฉลาดกันเป็นกรด รู้ว่าองค์จักรพรรดิมีท่าทีอย่างไรกับตระกูลเสิ่นของพวกเรา พวกเขาจึงไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลย"พวกเขาถูกราชวงศ์กดดันมานานแล้วตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ง่าย ม
ในโรงเตี๊ยม ฟู่จาวหนิงรีบแต่งเนื้อตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการตนเองให้สะอาดสะอ้านหลักๆคืออีกเดี๋ยวต้องไปพบไท่ไท่อาวุโส ถึงอย่างไรการไปพบผู้ป่วย นางจะสกปรกไปด้วยฝุ่นทั้งตัวก็คงไม่ดีเท่าไรแต่นางเองก็ไวมาก หลังจากจัดการตัวเองก็ให้พวกของสืออีเตรียมตัวออกเดินทางไว้ตลอดเวลาไป๋หู่ถึงแม้จะให้นางรออยู่ที่นี่ แต่ความเร็วเองก็ไวมาก ใช้วิชาตัวเบาให้ลูกน้องไปซื้อขนมนึ่ง ทุกคนล้วนกินรองท้องเข้าไปคนละสองชิ้นแล้วตอนหลังวันนี้เพื่อเร่งเดินทาง พวกเขาแทบไม่ได้กินอะไรเลย ดื่มแต่น้ำให้ฟู่จาวหนิงกินอะไรเสียก่อนที่นี่ เพระาไป๋หู่ก็กลัวว่าถ้าพอเข้าเรือนไป ก็จะมากเรื่องมากความ เดี๋ยวถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้กินอะไรแน่ถ้าเผื่อต้องดูอาการไข้ให้ไท่ไท่อาวุโสพอดี ต่อให้ในจวนตระกเตรียมอาหารไว้ นางก็คงไม่สนใจอยู่ดีพวกเขาหิวกันจนไม่ไหวแล้ว อย่างว่าแต่ฟู่จาวหนิงเลยเร่งเดินทางกันมาขนาดนี้ พวกของไป๋หู่ก็นับถือฟู่จาวหนิงเอามากๆ ทั้งนับถือและก็เป็นห่วงนางฟู่จาวหนิงหิวมากจริงๆ หลังจากซื้อขนมนึ่งใบไผ่มานางก็ไม่เกรงใจ กินเข้าไปถึงสามชิ้นมีทั้งที่ไม่มีไส้ มีทั้งไส้ทั่วแดง แล้วยังมีไส้เนื้อด้วย หว
นี่มันไร้สาระไปไหม!อวี๋อวี่เวยเหมือนตนเองโดนเล่นงาน นางตัวโยนจนแทบจะยืนไม่อยู่"ท่านลุง นาง นางคือ..."นางรู้ว่าว่าเพราะอะไรตนเองก่อนหน้านี้ถึงดูโหวงๆฟู่จาวหนิงได้ยินนางเรียกลุง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง นี่คือหลานสาวของเสิ่นเสวียนหรือ?แต่นางเหลือบมองเช่นนี้ กลับทำให้อวี๋อวี่เวยรู้สึกได้รับการท้าทาย"จาวหนิง ไป!"เสิ่นเสวียนไม่ได้สนใจอวี๋อวี่เวยเลย และไม่สนใจคนอื่นๆ ด้วย มือกระทั่งยังไม่ทันปล่อย แต่ดึงฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้าประตูไปไม่มีใครกล้าขวางเขาฟู่จาวหนิงแค่เหลือบมองกลุ่มคนที่หน้าประตูใหญ่ทันวูบหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะนางต้องรีบเข้าไปกับเสิ่นเสวียน จึงไม่ทันได้มองชัดเจน ยังคิดว่าคนตระกูลเสิ่นเหล่านี้ล้วนออกมารับนางเสียอีกมารยาทเองก็ดีอยู่นะนางพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็ถูกเสิ่นเสวียนพาเข้าไปแล้วคนกลุ่มใหญ่ที่หน้าประตู ล้วนตะลึงอยู่จนยังตั้งตัวไม่ทันเสิ่นเสวียนในสายตาพวกเขาเป็นคนที่ใจเย็นหยิ่งทะนงไม่น่าเข้าใกล้มาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะรู้สึกว่าอย่างอวี๋อวี่เวยนั่นถือว่าใกล้ชิดกับเสิ่นเสวียนมากแล้วได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายเสิ่นเสวียนจึงไม่เคยเข้าใกล้หญิง
ฟู่จาวหนิงกระทั่งไม่สนใจท่านผู้เฒ่าที่อยู่ข้างเตียงพอนางเข้ามา สายตาก็ตกไปอยู่บนตัวไท่ไท่อาวุโสบนเตียงทันทีหมอหวางพอเห็นนาง ก็เข้าใจตัวตนฐานะนางทันที มองความสาวความสวยของนางอย่างตกตะลึง พลางรีบส่งพื้นที่ให้กับนาง"จาวหนิง เร็ว" เสิ่นเสวียนตอนนี้ก็เพิ่งจะปล่อยมือฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่พูดอะไรไร้สาระ รีบเดินเข้าไปทันที ยื่นมือไปจับที่หัวใจของไท่ไท่อาวุโส มืออีกข้างเปิดหนังตาของนางออกเพื่อตรวจสอบ"หมอหวางใช่ไหม?" นางตรวจสอบไปถ้วยถามหมอหวางไปด้วย "คนป่วยเมื่อครู่มีอาการอะไรบ้าง? ท่านรักษานางอย่างไร ใช้ยาอะไร?"พอนางพูดออกมา น้ำเสียงก็ตั้งใจเคร่งขรึม ทำเอาหมอหวางใจสั่นวาบ เก็บอาการตกตะลึงต่อตัวฟู่จาวหนิงลงด้วยสัญชาตญาณ แล้วตอบคำถามนางออกไปอย่างละเอียด"...เดิมทีข้าจะฝังเข็มให้กับไท่ไท่อาวุโส ให้ชีพจรหัวใจของนางเคลื่อนไหวขึ้นมา แต่ตัวนางชักกระตุก ผิวเนื้อลั่นตึง จนฝังเข็มลงไปไม่ได้""เมื่อครู่จึงใช้ยาลดความตระหนก แต่กรอกลงไปไม่ทันไร ไท่ไท่อาวุโสก็กลืนลงไปด้วยตนเองไม่ได้แล้ว"หมอหวางอยากจะบอกว่า ตอนนี้ชีพจรของไท่ไท่อาวุโสอ่อนแอจนเขาจับไม่โดนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้ายังซีดเผือ
"หมอหวางเติมผงเครือฝ้ายลงไปด้วยใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ใช่ ใช่""ยานี้มีประสิทธิภาพอยู่ รบกวนหมอหวางเตรียมผงเครือฝ้ายอีกสักสิบสลึงด้วย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ได้!"หมอหวางพอจู่ๆ ถูกชมมา ก็ยืดหลังตรงด้วยสัญชาตญาณ รีบไปพลิกค้นกล่องยาของตนเอง เขาเริ่มเข้าใจว่าต้องมาเป็นลุกมือให้ฟู่จาวหนิงแล้วหลักๆ คือ พลังของฟู่จาวหนิงทำเอาเขาต้องศิโรราบให้อย่างแทบไม่ต้องคิดฟู่จาวหนิงเปิดเสื้อผ้าของไท่ไท่อาวุโสออกนางนำเข็มของตนเองออกมา กางออกหมอหวางเพิ่งหยิบยาออกมา ก็เห็นฟู่จาวหนิงยกเข็มขึ้น"แทงไม่เข้า แล้วยังแทงชีพจรได้ไม่แม่นยำด้วย..."หมอหวางเดิมทีคิดจะเตือนฟู่จาวหนิง แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นฟู่จาวหนิงแทงลงไปอย่างรวดเร็วแล้วหนึ่งเข็ม บิดๆ ที่ปลายเข็ม จากนั้นก็หยิบเข็มที่สองดูเอาเถิด หลังจากนางแทงเข็มเล่มแรกเข้าไป ร่างกายที่กระตุกของไท่ไท่อาวุโสก็นิ่งลงทันทีตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงจึงรีบแทงเข็มที่สองพวกเขาทั้งหมดล้วนเห็นว่าร่างกายของไท่ไท่อาวุโสผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ผงยาละลายน้ำ แค่น้ำอุ่นครึ่งชามก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะป้อนเอง"ฟู่จาวหนิงฝังเข็มไปด้วย พลางเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน
หมอหวางไม่รู้เวลาจึงเข้าไปอยู่ข้างกายนางแล้วเห็นวิธีการนี้ของฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่าการกระพริบตามากครั้งจะเป็นการไม่เคารพต่อนาง และจะสิ้นเปลืองโอกาสการเรียนรู้ของตนเองไปตอนแรกที่เขาได้ยินเสิ่นเสวียนเอ่ยถึงหมอหญิงก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นจริงได้เลยต่อมาพอยิ่งฟังลหลักการการรักษาของนางมากเข้า ก็รู้สึกว่านี่เป็นหญิงสาวที่มีวิชาแพทย์เก่งกาจมาก และดูมีความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาด้วยแต่จินตนาการเหล่านี้ก็ยังสู้ตอนที่เขาเห็นกับตาไม่ได้!เดิมทีที่เขาเห็นฟู่จาวหนิงปักเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว ยังกังวลว่านางอาจจะแทงผิดจุดชีพจร ถ้าเช่นนั้นก็จะไม่มีผลอะไร แต่ตอนนี้พอเข้ามาดู ทุกรูล้วนแทงลงไปบนจุดชีพจรอย่างแม่นยำถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงต้องแทงที่จุดชีพจรเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามองไม่ออกหมอหวางยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้น"เอ่อ แม่นางฟู่ เข็มเล่มนี้ทำไมจึงแทงลงไปลึกเป็นพิเศษกัน?" หมอหวางมองอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ตรงนั้นมีเข็มหนึ่งแทงไว้ลึกมาก"เส้นประสาทของจุดชีพจรนี้ค่อนข้างลึก ถ้าแทงไว้ตื้นจะกระตุ้นไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องแทงลงไปลึกหน่อย"ฟู่จาวหนิงไม่ได้มีความคิดแปลกประหล