เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว"สวมชุดที่เป็นแสงไหลนั่นเถอะ" เขาพอเข้ามาก็เห็นสองสาวใช้กำลังเลือกชุดออกมาให้ฟู่จาวหนิงดู จึงเอ่ยปากขึ้นฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกประหลาดใจ "ไม่ต้องสวมพวกชุดพิธีของพระชายาอะไรพวกนั้นแล้วหรือ?"ถึงอย่างไรก็เข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวัง ครั้งที่แล้วเข้าวังนางสวมเข้าไปก็กำเริบเสิบสานพอควร ไม่ได้ทำตามขนมธรรมเนียมเท่าไร แต่ตอนนี้มีองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วย ก็รู้สึกว่าควรจะสวมให้เป็นทางการหน่อยดีกว่าไหม?นางมองเซียวหลันยวน ชายคนนี้อยู่ในชุดคลุมผ้าฝ้ายสีม่วงปักทอง เข็มขัดทองหม่น บนชุดคลุมผ้าฝ้ายปักมังกรหกกรงเล็บไว้ น่าจะเป็นชุดทางการของท่านอ๋องในแคว้นเจาแล้วนางไม่ต้องสวมหรือ?พอได้ยินนางถามเช่นนี้ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็ล้วนมองไปทางเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงได้สติกลับมาทันทีดังนั้นนี่หมายความว่าอะไร "ท่านคิดว่าข้าไม่ควรสวมหรือ?"อันที่จริงก็มีชุดราชสำนักของนางอยู่ แต่เซียวหลันยวนไม่ให้สาวใช้นำมาให้นางใส่?"ข้า""ข้าไม่คู่ควรกระมัง?" ฟู่จาวหนิงสองมือกอดอก เอนตัวไปข้างโตีะ เชิดคางเล็กๆ ใส่เขาหงจั๋วกับเฝิ่นซิงรู้สึกว่าท่าทางขอนี้ของนางเหมือนกำลังจะทะเลาะกันยกใหญ่แล้วสาว
"แล้วต่อมาทำไมถึงไม่เผาทิ้งเสียล่ะ?""ลืมไปแล้ว เรื่องมันเยอะมากจนลืมเรื่องนี้ เดิมทีรู้สึกว่าเจ้าเองก็ไม่น่าจะสวมชุดนี้ด้วย"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็รู้สึกน้อยใจหน่อยๆเขารู้สึกจริงๆ ว่าฟู่จาวหนิงไม่น่าจะสนใจเรื่องนี้ น่าจะไม่คิดจะสวมชุดราชสำนักพระชายานี้ด้วย ถึงอย่างไรตอนแรกนางก็เอาแต่พูดว่าจะหย่ากับเขา"แล้ววันนี้ถ้าไม่ใส่แล้วจะไม่ถูกกับธรรมเนียมเอาหรือ?"พอหลังจากได้ยินว่าชุดถูกแก้เป็นรูปร่างซ่งอวิ๋นเหยา ฟู่จาวหนิงก็ไม่อยากจะใส่แล้ว"บางทีฮองเฮาอาจจะพูดอะไรใส่บ้าง แต่เจ้าก็ไม่ต้องไปกลัวนาง" เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว "มารยาทในราชสำนักจริงๆ ก็สั่งให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้ว แต่คงเร็วมากไม่ได้ น่าจะต้องรอให้เจ้ากลับมาจากต้าชื่อเสียก่อน"พอนางกลับมาจากต้าชื่อ ก็ไม่รู้ว่าจะยอมสวมชุดราชสำนักพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้กับเขา มายืนอยู่ข้างกายเขาให้ไหม"เช่นนั้นข้าก็สวมชุดที่เป็นแสงไหลก่อนแล้วกัน"ชุดนั้นจริงๆ คือสวยมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เองก็สูงกว่าตอนที่ใส่ครั้งที่แล้วหน่อยด้วย จะต้องยิ่งเข้ากับกระโปรงตัวนั้นแน่ฟู่จาวหนิงกำลังเตรียมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นม
"ระวัง!"เซียวหลันยวนพอได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ร่างของฟู่จาวหนิงก็โถมเข้ามาแล้วเขายื่นมือไปกอดนางอย่างรวดเร็ว แต่เพราะฟู่จาวหนิงล้มลงมาเร็วเกินไป เขายังไม่ได้อาบน้ำยาในขั้นตอนนี้เสร็จ ตอนนี้ร่างกายจึงยังอ่อนแอหน่อยๆ พริบตาที่กอดนาง หัวเข่าของฟู่จาวหนิงก็งัดเข้ามาบนขาของเขา ทำเอาเขาอ่อนยวบ"ผัวะ"ทั้งสองคนล้มลงไปบนพื้นด้วยกันเซียวหลันยวนเป็นเบาะรองให้ฟู่จาวหนิง สองมือยังกอดนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงอย่บนตัวเขา หัวเข่าตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยํูความเจ็บปวดนี้ทำให้นางแอบรู้สึกไม่ค่อยดีหัวเข่าเจ็บ นั่นเป็นเพราะกระแทกไปบนจุดชีพจรจุดหนึ่งบนขาเซียวหลันยวน แล้วตอนที่ล้มหัวเข่านางก็แทงไปที่จดนั้นพอดีหลายวันนี้เซียวหลันยวนอาบน้ำยาอยู่ และกระดูกในร่างกายก็ถูกคุณสมบัติทางยาเปิดออก นางก่อนหน้านี้ยังกำชับเขาไว้ว่าช่วงนี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สลักคำว่า "ห้ามใช้วิชายุทธ์" "ห้ามออกกำลังหนัก" ไว้ในเลือดไปเลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนนี้นางจะมาล้มทับเขา!"เซียวหลันยวน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงหลังจากตั้งตัวกลับมาก็พลิกออกจากตัวเขาอย่างระมัดระวัง มองเขาอย่างตึงเค
ตอนนี้บาดเจ็บเข้าแล้ว แล้วยังฟื้นฟูไม่ได้เร็วอีกด้วย"ทำอย่างไรดี? ท่านอาจจะเดินไม่ได้ถึงสามวันเลย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกผิดจนไม่รู้จะขอโทษอย่างไรแล้วช่วงสำคัญเช่นนี้ คนเขายังต้องเข้าวังอีกนะเซียวหลันยวนไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงดูรู้สึกผิดขนาดนี้มาก่อนเห็นท่าทางนี้ของนางเขากลับรู้สึกว่าน่ารักดี ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงแบบนี้ยังดูมีความเป็นมนุษย์กว่าหน่อย รู้สึกใกล้ชิดกับเขาขึ้นมาอีกหน่อยปกติแน่นอนไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่นางทำอะไรก็ดีไปเสียทุกเรื่อง แข็งแกร่ง เก่งกาจ ดูแล้วทำเป็นมันทุกอย่าง สิ่งนี้ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตนเองต้องพยายามอย่างมาก ถึงจะสามารถยืนอยู่ข้างกายนางได้อย่างมั่นใจยอดเยี่ยมเกินไป เจิดจ้าเกินไปตอนนี้ในที่สุดนางก็ดูมีความเป็นหญิงแล้ว มีความลนลานอยู่ไม่สุขที่หญิงสาวอายุประมาณนี้ควรจะมีเซียวหลันยวนมองแล้วดูสดใหม่เหลือเกิน และยังรู้สึกใจอ่อนเอามากๆตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกชอบฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีกหลายเท่าหลังจากนี้ถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกัน เขาจะแย่ให้นางแสดงสีท่าทีอย่างนี้ออกมาบ้าง คงจะสนุกน่าดู"สามวันเดินไม่ได้หรือ?" เขาจงใจทำสีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองขาตนเอง นิ่งงั
ห้องคลังของเซียวหลันยวนใหญ่โตมาก มีลัง ตู้วางอยู่เต็มไปหมด แล้วยังเห็นชั้นที่เป็นช่องตารางใส่ยาบางส่วนอีกด้วยแม้ในลังในชั้นวางอะไรไว้จะมองไม่เห็น แต่ฟู่จาวหนิงใช้แค่นิ้วเท้าก็ยังคิดออก ที่นี่จะต้องมีของวางอยู่ไม่น้อยแน่นอนไม่แน่ว่าพวกตราประทับแคว้นเจาที่ไท่ซ่างหวงให้มาพวกนั้นก็อาจจะเก็บอยู่ที่นี่เซียวหลันยวนจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆถ้าเป็นของทั่วไปเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนไว้ในห้องลับนี้ วางเอาไว้ด้านนอกได้เลยลังเหล็กสิบกว่าลังที่นำกลับมาจากตงฉิงวางกองไว้อยู่มุมหนึ่งของห้องฟู่จาวหนิงเดินตรงไปกล่องใหญ่ใบนั้นใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับไว้ นางเองก็รู้อยู่เปิดฝาออก ฟู่จาวหนิงก็ย้ายเสื้อผ้าเครื่องประดับที่วางซ้อนกันด้านในออกมาทีละชุด หลายชุดที่อยู่ด้านบนล้วนดูสูงค่าทรงสง่า มีความน่าเกรงขามอหังการ แดงล้วนกับทองล้วนสองสี ทอแสงสดใสนี่คือชุดคลุมจักรพรรดิของตงฉิง ต้องไม่เหมาะแน่ๆรื้อต่ำลงไป ฟู่จาวหนิงมือก้ลูบไปเจอความอ่อนนุ่มลื่นเย็น พอเพ่งตาดู เป็นชุดกระโปรงผ้าไหมอ่อนนุ่มชุดหนึ่ง สีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยไข่มุก ไหมเงินปักหยกขาวไว้ สุกสกาวทรงสง่านางยกกระโปรงขึ้นมา กางออกเบาๆ ด้านบนมีผ้าแพรนุ่
ยิ่งไปกว่านั้นบนชุดกระโปรงยังประดับเต็มไปด้วยอัญมณีไข่มุก ดูสูงสง่าอย่างมาก แล้วยังขับเด่นฟู่จาวหนิงสุดๆ อีกด้วยหงจั๋วกับเฝิ่นซิงตะลึงงันไป"พระชายา สวยมากจริงๆ""ใช่เลย ชุดกระโปรงนี้สวยยิ่งกว่าชุดแสงไหลนั่นเสียอีก"ฟู่จาวหนิงโบกแขนเสื้อเบาๆ "เย็นสบายมากเลย"จะสวยแค่ไหนนางไม่ได้สนใจมากนัก หลักๆ คือไม่รู้ว่าเนื้อผ้าคืออะไร หลังจากสวมแล้วทั้งเบานุ่มและระบายลมดี เย็นสบายสุดๆ"กระทั่งข้าน้อยยืนอยู่ที่นี่ยังรู้สึกว่าเย็นสบายเลย""ใช่เลยใช่เลย มองแล้วรู้สึกเย็นสดชื่อเหมือนน้ำทะเลสาบเลย"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเองก็ทอดถอนใจชื่นชมไม่ขาดปาก"ยิ่งไปกว่านั้นชุดกระโปรงนี้พระชายาใส่แล้วกลับพอดีเลย" หงจั๋วเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด พอเห็นเช่นนี้ เซวียนหยวนซือตอนอายุยังน้อยน่าจะพอพอกับนางรอจนนางแต่งหน้าเสร็จ ยืนขึ้นหน้ากระจก หงจั๋วตาเคลิบเคลิ้มไปแล้ว"พระชายาเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยเห็นมาจริงๆ"สวยเพริศพริ้งเอามากๆฟู่จาวหนิงเองก็เตรียมจะติดของบางส่วนไป พอได้ยินก็ยิ้ม "ปากหวาน"แต่ตอนนี้เองนางก็อดคิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาไม่ได้ และไม่รู้ว่าทางฝั่งองค์หญิงหนานฉือจะเป
ยังจำตอนงานเลี้ยงครั้งที่แล้วได้ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาสามีภรรยาพอปรากฎตัว ก็งามสะพรั่งไปทั้งงานครั้งนี้พวกเขาก็คาดหวังไว้สูงเช่นกันเดิมคิดว่าจะเห็นอ๋องเจวี้ยนจูงมือพระชายาเดินเคียงมาด้วยกัน แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ คนที่เดินเข้ามามีเพียงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวนางดูสง่างาม ตอนที่เดินเข้ามาชุดสีฟ้าบนตัวก็ราวกับตะวันเฉิดฉายกลางนภา เพียงพริบตาก็ทำให้คนรู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างไสว ดูผ่อนคลายสบายๆตอนเริ่มรู้สึกว่าผ่อนคลายสบาย แต่พอมองอย่างละเอียด ก็พบว่ามันดูหรูหราอย่างมาก!ด้ายเงินบนกระโปรง ประดับไว้ด้วยอัญมณีไข่มุก ระหว่างที่นางเดินก็เปล่งแสงที่น่าหลงใหลออกมามีคนมองออกถึงความพิเศษ"ชุดกระโปรงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน เหมือนจะแตกต่างจากที่พวกเราเห็นกันบ่อยๆ นะ"ชุดกระโปรงนี้ขับเด่นทรวดทรงท่อนบน แล้วยังขับช่วงเอวออกมาด้วย แตกต่างกับชุดกระโปรงพันหน้าอกหน้าร้อนของพวกนาง มองแล้วยิ่งเผยรูปร่างออกมาอย่างแจ่มชัดคอเสื้อไขว้นั้นเห็นได้บ่อย แต่ที่รวบเอวขึ้นสูงก็ทำให้กระโปรงดูยาวเอามากๆ ขับเด่นให้คนดูตัวสูงขึ้นพอควรดูมีบุคลิกอย่างมากพอเห็นชุดกระโปรงปลิวสยายยังรู้สึกได้ว่าเนื้อผ้าเบามาก ดึง
ตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนยังเป็นชายหนุ่มอยู่ครั้งนั้นก็มีข่าวลือเป็นระลอกๆ แต่เพราะตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนกลับมาแค่ไม่กี่วัน และไม่ได้เปิดเผยหน้าตาเท่าไรนัก ไม่นานก็กลับยอดเขาโยวชิงไป ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ลือต่อตอนนี้มีคนคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง ก็ยิ่งตกตะลึงไป"หลายปีมานี้ใบหน้ายังต้องพันผ้าไว้อีกหรือ? นี่มันเน่าเฟะมาโดยตลอด หรือก็คือถ้าไม่พันไว้จะมาพบปะผู้คนไม่ได้เลยสินะ?""คงจะน่ากลัวมากกระมัง?"ไม่ใช่คนทั้งหมดที่จะกล้าวิพากษ์วิจารณ์อ๋องเจวี้ยน เพียงแต่มีบางส่วนที่อยู่ห่างออกไปหน่อย นั่งอยู่ในหลืบมุม รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนน่าจะไม่ได้ยิน ถึงได้กล้าพูดเสียงเล็กกันออกมา"ข้าเองก็รู้สึกเป็นไปได้มากว่าใบหน้านั้นคงจะน่ากลัวมาก ไม่เช่นนั้นตัวตนฐานะอย่างอ๋องเจวี้ยน หล่อเหลาขนาดนี้ ต่อให้มีแค่แผลเป็นเล็กๆ ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไร ถึงอย่างไรก็มีคนอยากแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว แต่เจ้าลองคิดดู หลายปีมานี้ มีแค่ท่านอหญิงอวิ๋นเหยาที่อยากจะแต่งกับเขา ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่ท่านหญิงแล้ว แต่เป็นซ่งอวิ๋นเหยา"การคาดเดาเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกใกล้เคียงความจริงยังมีอีกหนึ่งความจริง..."อ๋องเจวี้ยนนั่งเกี้ยวเบาถู
จากนั้นนางก็ร้อนรนขึ้นมา รีบพลิกค้นของด้านใน แต่ไม่ว่าจะพลิกอย่างไร กล่องใบนั้นก็หายไปแล้ว!พอเห็นท่าทางของเฉินเซียง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที"มีอะไรหรือ?""ของหายไปแล้วเจ้าค่ะ!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกพรวดขึ้นมา เดินโซซัดโซเซเข้าไป และรื้อคนพลิกหาด้วยเช่นกัน"หายไปได้อย่างไรกัน? ข้าเห็นเจ้าเอามาใส่ในกล่องนี้แล้วแท้ๆ!""นั่นสิ ข้าน้อยวางมันไว้ในนี้จริงๆ แล้วยังลงกลอนไว้อีก หลังจากลงกลอนแล้วก็ไม่ได้เปิดออกอีกเลย แล้วมันหายไปได้อย่างไรกัน?"เมื่อครู่นางเองก็หยิบกุญแจปิ่นปักผมออกมาเปิดกลอน ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้องเลย!"รีบหาดูให้ทั่ว"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานมาก สิ่งของไม่ใช่แค่นางต้องการนำไปเจรจาเงื่อนไขเท่านั้น แต่สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วยังสำคัญมากอีกด้วย ถ้าหากมาหายในมือนาง แล้วอ๋องเจวี้ยนรู้เข้าภายหลัง แล้วนางจะทำอย่างไรกัน?นายบ่าวทั้งสองรื้อค้นในห้องกันเลเเทะ ค้นหาทุกซอกทุกมุม แต่ก็หาไม่พบ"จะต้องถูกหมอเทวดาฟู่เอาไปแล้วแน่ นางเคยเข้ามาในห้องพวกเรา" เฉินเซียงร้องขึ้นมา "ที่นี่มีแต่คนของนาง คนเหล่านั้นล้วนช่วยเหลือนาง ตอนที่พวกเรากลับมาจะต้องถูกคนเห็นแล้วแน่..."
"เฉินเซียง ข้าจะทำอย่างไรดี?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำได้เพียงงึมงำถามเฉินเซียง ท่านทีของอ๋องเจวี้ยน กับความเย็นชาของฟู่จาวหนิง เส้นทางที่จะเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ผ่านไปไม่ได้แล้วนางทำมาถึงจุดนนี้แล้ว จะให้ต้องตกต่ำลงไปอีกนั้นมันก็มากเกินไปยิ่งไปกว่านั้นต่อให้นางจะตกต่ำเรี่ยดิน อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่แน่ว่าจะหวั่นไหว เขามันไร้อารมณ์เกินไปเฉินเซียงนั่งอยู่บนเกาอี้ งอตัวค้อมลงมา ที่โดนฟู่จาวหนิงเตะไปเมื่อครู่ นางรู้สึกว่าตนเองตอนนี้ไม่ดีขึ้นได้เลย ความเจ็บปวดบนร่างกาย ทำให้ในใจนางยิ่งรู้สึกชิงชัง"องค์หญิงใหญ่ ในเมื่ออ๋องเจวี้ยนไร้ความรู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยวางเถิด จากที่ข้าน้อยเห็น บางทีอ๋องเจวี้ยนในแคว้นเจาก็เหมือนจะปกป้องตัวเองลำบากอยู่ จักรพรรดิแคว้นเจาคิดจะเล่นงานเขาตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารับปาก เพราะเดิมทีเขาก็ไม่มีฝีมืออยู่แล้ว!"เฉินเซียงรู้สึกว่าตอนนี้พูดแย่ๆ กับอ๋องเจวี้ยนแล้ว ยังทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย"ขนาดเขาตอนนี้ยังไม่กล้าปลดหน้ากากลงเลย น่าจะเพราะใบหน้าของเขามันพังยับจนไม่เหลือสภาพแล้วจริงๆ ไม่กล้าจะให้องค์หญิงใหญ่เห็น เขารู้สึกด้อยค่า ใช่แล้ว
หยวนอี้เข้าใจความหมายของนางขึ้นมาทันทีเขาไม่มีตกตะลึงเลยแม้แต่น้อยแม้ฟู่จาวหนิงจะยังสวมหน้ากาก โผล่มาเพียงตาคู่เดียว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่านางมีแรงมาก"ข้าเป็นลูกมือให้ท่านได้จริงๆ นะ ที่นี่ไม่ใช่ว่าขาดกำลังคนอย่างหนักอยู่หรือ?"หยวนอี้ยังอยากจะเสนอตัวเองอยู่"ข้าทำนาได้ปลูกต้นไม้ได้ แล้วก็มีพละกำลัง แต่ไม่ใช่แบบพวกคนไร้ความสามารถนะ พวกงานที่ต้องใช้แรงให้ข้าจัดการได้เลย ในเมื่อที่นี่ขาดคน เช่นนั้นมีคนตัวใหญ่อย่างข้าที่นี่ ไม่ใช้ก็น่าเสียดายนะจริงไหม?""ไม่กล้ารบกวนท่านทูตจากแคว้นหมิ่นหรอก" ฟู่จาวหนิงพูดจบก็หมุนตัวเข้าเรือนไปไป๋หู่ขวางหยวนอี้ไว้ เขาเองก็เข้าไปไม่ได้ ทำได้แค่มองแผ่นหลังของฟู่จาวหนิงอย่างเสียดาย ถอนหายใจออกมา"คุณชายหยวนถ้าหากพุ่งเป้ามาหาจาวหนิงจริง เช่นนั้นก็ล้มเลิกความคิดเสียเถอะ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้น"คุณชายฟู่ เรื่องนี้ก็น่าจะพูดกับท่านได้กระมัง? อันที่จริงสำหรับพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว ก็อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยก็ได้""เป็นเจตนาของแคว้นหมิ่น หรือว่าของตัวท่านเองกันล่ะ?""ตอนแรกก็เป็นของตัวข้าเอง แต่ข้าก็กล่อมจักรพรรดิแคว้นของพวกเราไปแล้ว เขาเองก็ฟังเสียงของข้าอ
"ขอบคุณที่ชม"ฟู่จาวหนิงถามกลับอย่างมั่นคง ไม่ได้มีอารมณ์รู้สึกรู้สาอะไรกับคำชมประโยคนี้ของเขาเลย กระทั่งไม่มีอาการตกตะลึงอีกด้วยนี่ทำให้หยวนอี้รู้สึกเกินคาดขึ้นมาเขายังคิดว่าจะทำให้อารมณ์ของฟู่จาวหนิงเปลี่ยนแปลงได้บ้างภายใต้สถานการณ์ที่ตกตะลึงนี้ คิดว่านางจะพูดอะไรออกมาสักประโยคหนึ่งแล้วทำให้เขาเข้าใจความคิดของนางได้อย่างชัดเจนคิดไม่ถึงว่าเขาที่ทำตัวประหลาดออกมา แต่นางกลับนิ่งแบบนี้"ดูท่าหมอฟู่จะได้ยินคำชมมาจนชินแล้วสินะ" หยวนอี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้ตอบประโยคนี้ของเขา แต่กลับพิจารณาเขาทั้งตัวหยวนอี้ถูกนางมองจนยืดอกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ ยืนตรงแน่วขึ้นมา"ท่านชื่อหยวนอี้ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ขอรับ""ลูกชายหยวนกังทูตแคว้นหมิ่น หยวนอี้ที่ตอนนี้ควรจะคอยสอนขุนนางเกษตรเพาะปลุกอยู่ในเมืองหลวงนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงพูดออกมาอย่างชัดถ้อยทุกคำหยวนอี้นิ้งค้างไปไม่ใช่สิ นางรู้จักเขาด้วยหรือ?เขาเองก็เลี่ยงพวกหมอหลวงที่รู้จักเขาแล้ว แทบจะพูดได้ว่าซ่อนตัวทั้งคืนเลยทีเดียว ตอนที่เข้ามาก็หลบเลี่ยงคนจากเมืองหลวงที่รู้จักเขาพวกนั้น เตรียมคำพูดเอาไว้เยอะมาก คิดว่าจะพูดอะไรกับฟู่จ
หยวนอี้ตอนที่เข้ามาก็เห็นกับภาพที่ 'สับสนอลหม่าน' นี้เขาประกายตาแล่นวาบ กำลังจะเข้าไปในประตูวงกลม ไป๋หู่ก็หมุนตัวมามองเขา "ช้าก่อน"หยวนอี้โบกไม้โบกมือ "สหายไป๋หู่""อย่าเข้าใกล้นัก เหมือนข้าเคยบอกท่านไว้แล้ว ที่นี่ท่านห้ามเข้าไป" ไป๋หู่เอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินออกมาจัดการความวุ่นวายนี้ ให้ป้าหนิวป้าหลี่มาช่วยประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าไปในห้องเฉินเซียงกลับไม่มีใครสนใจ"พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว..."เฉินเซียงดิ้นรนอยู่พักหนึ่งถึงลุกขึ้นมาได้ นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในตนเองปวดร้าวไปหมดเท้าของฟู่จาวหนิงแรงหนักขนาดนี้เชียว!นางไม่เป็นวรยุทธ์เลยจริงหรือ?แต่ว่าฟู่จาวหนิงทำไมถึงกล้า กล้าเตะนางขนาดนี้!สายตาของหยวนอี้เก็บกลับมาจากตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ถูกประคองเข้าห้อง หันไปตกอยู่บนตัวเฉินเซ๊ยงแทน ใต้ตาเกิดความสนใจขึ้นมา"แม่นางไปยั่วหมอฟู่อย่างไรกันเนี่ย?"ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามไป๋หู่ว่า "นี่ใครหรือ?""บอกว่าชื่อหยวนอี้ ติดตามหมอหลวงคนหนึ่งเข้ามา อยากจะมาช่วยเหลือที่เมืองเจ้อขอรับ" ไป๋หู่บอกกับฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินเดินมาอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง กดเสียงลงต่ำ "รู้สึกเหมือนเขาน่าสงสัย
เซียวหลันยวนหมุนตัวจากไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองแผ่นเหลังเขา จะอย่างไรก็ตั้งสติกลับมาไม่ได้เฉินเซียงเห็นว่าการสนทนาขององค์หญิงใหญ่พังทลายลงแล้ว สีหน้าก็ลนลานขึ้นมา รีบลุกขึ้นมาไล่ตามเซียวหลันยวนไป"อ๋องเจวี้ยน! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!" หมอเทวดาฟู่วางยาอะไรใส่ท่านใช่ไหม ท่านทำไมถึงได้ใจดำขนาดนี้?นางยังไม่ทันพุ่งออกจากประตูวงกลม ก็ถูกไป๋หู่ฟาดกลับมาไป๋หู่ยังใช้แค่กำลังภายในด้วย แต่ห้ามไม่ให้นางออกไป ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนางแต่เฉินเซียงก็ทรุดตัวลงบนพื้น แค่รู้สึกว่าเจ็บเข่าเจ็บก้น มือก็เจ็บ หัวก็ปวดไปหมดนางร้องไห้ออกมา "พวกเจ้าจะมารังแกองค์หญิงใหญ่ของพวกเราแบบนี้ไม่ได้ นางเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มีโชคมากที่สุดในต้าชื่อนะ"เซียวหลันยวนเดินไปไกลแล้ว ไม่หันหลังกลับมาไป๋หู่ยืนอยู่ที่ประตูวงกลม มององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "องค์หญิงใหญ่กลับห้องไปเถิด"จะว่าไปเขาเองก็เป็นคนต้าชื่อเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่ององค์หญิงใหญ่มามากตอนนี้พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกต่ำจนน้ำตานองหน้า เขาก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมาหน่อยๆแต่ว่า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ
หญิงสาวที่น่าสงสาร ตอนเด็กๆ เขาเห็นในวังหลังมาแล้วไม่น้อย มีภูมิคุ้มกันไปนานแล้ว"ข้าไม่ได้จะแย่งชิงอะไรกับหมอเทวดาฟู่ ถ้าเราแต่งกันหลอกๆ ได้ไหม? ข้าแค่ต้องการหาที่ไปเท่านั้น แค่อยากให้ท่านคอยปกป้องข้าไม่กี่ปี ถ้าห้าปีไม่ได้ล่ะก็ สามปีก็พอ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเซียวหลันยวนไม่พูดจา จึงหดเวลาลงมาอีก"สามปีนี้ ข้าแค่แบกชื่อพระชายารองไว้ในนามเท่านั้น พออยู่ภายนอกก็ขอให้ท่านอ๋องเล่นละครกับข้าหน่อย แสร้งเป็นสามีภรรยา สามารถปกป้องข้าได้ ในจวนอ๋อง ข้ารับรองว่าจะทำตามหน้าที่ตนเอง เลี่ยงท่านอ๋องให้ห่าง ไม่คิดอะไรเกินเลย""เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ต้าชื่อ แต่คิดจะเอาตัวเองไปไว้ในจุดต่ำตมหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"อ๋องเจวี้ยนโปรดเมตตา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน้ำตาไหลพราก "ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าเอาของให้ท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้น โชคของข้าก็ดีมาโดยตลอด ถ้าเป็นพระชายารองอ๋องเจวี้ยนในนาม จะต้องช่วยเหลือท่านอ๋องได้แน่ ไม่ว่าท่านอ๋องจะทำอะไร ก็จะยิ่งราบรื่น ผลลัพธ์สมปรารถนา""องค์หญิงใหญ่มั่นใจกับโชคของตนเองขนาดนี้เชียว?" เซียวหลันยวนได้ยินคำนี้ก็อดนึกขันขึ้นมาไม่ได้"โชคจุดนี้ข้ามีอยู่ ท่านเองก็เชื่อข้าได
เซียวหลันยวนมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นและไม่รู้ว่านางทำไมถึงพูดว่า 'เขาเอามาเองไม่ได้' ออกมา"แล้วของนั่นมันคืออะไรกัน?" เขาถามขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานขึ้นมานางรู้ที่ไหนว่าสิ่งนั้นคืออะไร? มันคือกล่องที่เปิดไม่ได้ แล้วก็มองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไรนี่นา?"ตอนนี้ข้ายังบอกท่านไม่ได้ แต่สำคัญกับท่านมากแน่นอน""เจ้าไม่บอกว่าคืออะไร แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจริงหรือไม่จริง? จะว่าไป เจ้าบอกว่าเจ้าฝันเห็นอนาคตได้ นี่มันก็ดูเหลวไหลเกินไปนะ ข้าควรจะเชื่อเรื่องนี้ด้วยไหม?""เรื่องจริงนะ เพราะข้าฝันเห็นแบบนั้น ตอนเด็กๆ ได้พบกับเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง เขาบอกว่า ข้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นพระชายาของท่านมาก! แล้วยังชี้แนะข้า ให้ข้าเติบโตอย่างดีในสุสานจักรพรรดิ ถ้ายังไม่ถึงเวลาสำคัญอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวง"เซียวหลันยวนก็เชื่อคำพูดของนางอยู่ เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอาจจะพูดเหล่านี้กับนางก็ได้ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหูที่คุยถ่ายทอดคำพูดเจ้าอารามมาตลอดก็พูดอะไรทำนองนี้แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องไปผูกอยู่บนตัวหญิงสาวคนหนึ่งเลยบางทีอาจจะได้ แต่คนคนนั้นก็อาจจะไม่ใช่คนที่เขากำหนด อย่างจาวหนิง
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ