ฮูหยินใหญ่โม่เมื่อวานนี้จงใจให้คนไปตรวจสอบเรื่องของตระกูลเริ่นมาไม่น้อย เตรียมว่าวันนี้จะเข้ามาพูดมาคุยกับฟู่จาวหนิงเสียหน่อยแต่ฮูหยินหลิ่วกับฮูหยินจางไม่ค่อยคุ้นเคยกับฟู่จาวหนิง จึงรู้สึกระมัดระวังตัวหน่อย กลัวว่าพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาแล้วมาแล้วนางจะไม่ชอบแต่ฟู่จาวหนิงก็ถามมาอย่างสนใจ "ตระกูลเริ่นมีอะไรน่าสนใจหรือ?""เมื่อวานหลังจากที่เริ่นหมิ่นเซียงคนนั้นกลับไป ตระกูลเริ่นก็ทะเลาะกันใหญ่โตขึ้นมา นางไม่ใช่ว่ามีพี่สาวอีกหลายคนหรอกหรือ? หรือก็คือลูกของภรรยาคนแรกตระกูลเริ่น พวกเขาบอกว่าด้านนอกมีคนไม่น้อยกำลังพูดถึงเริ่นหมิ่นเซียง" ฮูหยินใหญ่โม่กลั้นหัวเราะ "เห็นว่าคนพวกนั้นด่าว่านางหน้าไม่อาย""อืม นั่นข้าให้คนออกไปด่าเอง" ฟู่จาวหนิงก็ยอดรับอย่างหน้าชื่นตาบานนี่ไม่มีเรื่องอะไรที่ยอมรับไม่ได้นี่"ได้ยินว่าพระชายายังจ่ายเงินจ้างคนด้วย?" ฮูหยินใหญ่โม่ถามขึ้น"ใช่เลย" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "หนึ่งคนสิบตำลึง"ฮูหยินหลิ่วกับฮูหยินจางเดิมทีก็รู้สึกระแวดระวังอยู่ แต่พอฟังถึงจุดนี้ พอเห็นสีหน้าฟู่จาวหนิงก็ดูแอบเกเรอยู่ จึงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่พระชายาอ๋องเจวี้ยนแตกต่างกับที่พวกนางจิน
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลย หลายวันนี้ที่พูดถึงเรื่องการเดินทางขององค์หญิงหนานฉือ พูดถึงเรื่องที่หวางต้าหลางกับผู้ตรวจการอันไปต้อนรับ เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้พูดเลยสักคำ"ข้าไม่รู้" นางตอบ"ได้ยินว่าคนผู้นั้นเล่าเรียนมามากมายบนยอดเขาโยวชิง คิดว่าอ๋องเจวี้ยนคงจะพูดกับเขา" ฮูหยินหลิ่วอธิบายอย่างเขินอายฟู่จาวหนิงไม่รู้อะไรเลย นั่นเป็นเพราะอ๋องเจวี้ยนไม่ได้บอกนางอาจจะเพราะความรู้สึกฉันท์สามีภรรยาของพวกเขายังไปไม่ถึงไหน? เรื่องที่ในเมืองพูดกันว่าอ๋องเจวี้ยนยกพระชายาอ๋องเจวี้ยนไว้ในใจแล้วเป็นเรื่องโกหกหรือ?"อ๋องเจวี้ยนถ้าฟังออกก็ยิ่งดีเลย" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้น "อย่างน้อยก็คงจะไม่เหมือนกับฟังหนังสือจากสวรรค์ที่คนธรรมดาฟังไม่ออกหรอก""อืม" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ฮูหยินหลิ่วกับฮูหยินจางล้วนไม่ค่อยสบายกัน ทรมานมากว่าหนึ่งปีแล้ว ไปหาหมอก็ไม่ได้ ท่านช่วย..."ฮูหยินใหญ่โม่พอเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ฮูหยินทั้งสองคนก็หน้าแดงเล็กน้อยเพราะอาการป่วยของพวกนางมันน่าอายอยู่หน่อยๆ"ข้าจะช่วยทั้งสองท่านดูให้""ข้าก่อนดีไหม?" ฮูหยินหลิ่วตอนนี้ร้อนรนขึ้นมาแล้ว เพราะนางเองก็ทรมานมากฮูหยิงใหญ่โ
ฮูหยินหลิ่วตอนที่ตรวจอยู่ในห้อง ฮูหยินจางกับฮูหยินโม่ก็รออยู่ด้านนอกเซี่ยซื่อเข้ามาเติมชาให้พวกนาง จากนั้นก็ส่งผลไม้ปอกแล้วเข้ามา อันห่าวเองก็ยกตะกร้าดอกไม้ใบหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะด้วยพอจัดวาง โต๊ะเล็กตัวนี้ก็ดูดีมีบรรยากาศขึ้นมาไม่น้อยฮูหยินใหญ่โม่มองเซี่ยอันห่าว ก็รู้สึกดูถูกชะตามาก อดถามบางอย่างกับนางขึ้นมาไม่ได้อันห่าวเองก็ตอบกลับอย่างว่าง่ายทีละคำถาาม"ฮูหยินทั้งสองอย่าได้เกรงใจเลย ต้องการอะไรก็บอกกับพวกเรา จาวหนิงอีกเดี๋ยวก็น่าจะออกมาแล้ว" เซี่ยซื่อพอเห็นฮูหยินใหญ่โม่ชอบอันห่าวก็ดีใจมาก นางเองก็ชอบฮูหยินใหญ่โม่ด้วย รู้สึกว่านางดูใจดี "ข้าจะพาอันห่าวไปสวนเล็กๆ ทางนั้นเพื่อเด็ดถั่วเสียหน่อย""ได้ พวกเราไม่เกรงใจนะ"ฮูหยินใหญ่มู่กวักมือให้กับอันห่าว กำชับนางว่า "ระวังอย่าไปตากแดดเสียล่ะ""ขอบคุณฮูหยิน"อันห่าวหลังจากออกไปพร้อมเซี่ยซื่อ ฮูหยินจางก็ถามนางเสียงต่ำ "นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องบ้านคุณยายของพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ""พวกเขาเองก็ตรวจสอบมาแล้ว แม่แท้ๆ ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ลูกสาวตระกูลหลิน ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิน เซี่ยซื่อกับเด็กสาวอันห่าวคนนี้ น่าจะ
"จริงหรือ?"ฮูหยินจางเองก็ดีใจแทนนาง"ใช่แล้ว พระขายาอ๋องเจวี้ยนเก่งกาจมากเลย!" ฮูหยินหลิ่วบอกกับนาง "ท่านรีบเข้าไปเถอะ ตรงไหนที่ไม่สบายก็บอกกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนตรงๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องแบกรับเอาไว้แล้ว""ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้"ฮูหยินจางเองก็รีบเข้ามาฮูหยินใหญ่โม่มองฮูหยินหลิ่ว รินน้ำชาให้นาง แล้วก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าหลังจากเจ้าให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนตรวจโรคไปครั้งหนึ่ง ก็เหมือนตัวจะเบาขึ้นไม่น้อยเลย"ฮูหยินหลิ่วก็จริงๆเลย ก่อนหน้านี้เหมือนมีเรื่องในใจมาตลอด เดิมทีคิดว่านางจะมีความสุขมาก แต่หนึ่งปีมานี้กลับดูหดหู่ ตอนนี้เหมือนจะสบายขึ้นมากแล้ว"ใช่เลย ท่านไม่รู้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่ยอดมาก นางเหมือนจะพูดง่ายๆ แค่ไม่กี่คำ ก็จัดการโยนกองกรวดในใจข้าออกไปเป็นปลิดทิ้งเลย"นางเพิ่งเคยได้ยินฟู่จาวหนิงพูดถึงจุดเหล่านั้นเป็นครั้งแรกแต่ว่าน้ำเสียงปกติของฟู่จาวหนิงนั้น ปลอบประโลมคนได้มากจริงๆ ทำให้นางรู้สึกว่าเรื่องที่ตนเองแบกไว้อย่างหนักหนา เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นเรื่องเล็กไปนางผ่อนคลายลงมากจริงๆ"ข้าก็บอกแล้วนี่ พระชายาอ๋องเจวี้ยนนั้นไม่เลวเลย ไม่เช่นนั้นท่าน
"เดิมทียังได้อยู่ แต่ข้าอีกไม่กี่วันก็จะไม่อยู่เมืองหลวงแล้ว ดังนั้นพวกท่านไปที่โรงยาจัดยาจะเหมาะยิ่งกว่า ไม่เป็นไร ข้าเขียนตำรับยาไว้ชัดเจนแล้ว ล้วนเป็นวัตถุดิบยาที่มีในโรงยาทั้งนั้น จัดยามาได้อยู่แล้ว""ท่านจะออกไปจากเมืองหลวงหรือ?""มีธุระน่ะ น่าจะออกไปพักหนึ่ง" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าฮูหยินเหล่วเอ่ยขึ้นทันที "เช่นนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนโปรดวางใจ พวกเราจะช่วยท่านดูแลในบ้านให้"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งนางคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินหลิ่วจะเอ่ยขึ้นมาด้วยตนเองเช่นนี้ฮูหยินจางรีบเข้ามาอธิบาย"พระชายาอ๋องเจวี้ยน อันที่จริงพวกเราก็เคยได้ยินเรื่องในอดีตของท่านมาบ้าง รู้ว่าบ้านตระกูลฟู่ในเมืองหลวงตอนนี้มีญาติมิตรอยู่ไม่มากนัก แต่หลังจากนี้พวกเราก็ล้วนเป็นมิตรของท่าน ใช่ไหม ดังนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนถ้ามีเรื่องอะไรต้องการให้พวกเราช่วย ขอแค่เอ่ยมาก็พอแล้ว""พระชายาอ๋องเจวี้ยน ตระกูลพวกเราจะดูแลให้" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้น"ขอบคุณมาก" ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้ นอกจากตระกูลโม่ นางยังรู้ว่าบ้านสามีและบ้านฝ่ายหญิงของฮูหยินหลิ่วกับฮูหยินจางก็มีหน้ามีตาอยู่ "เช่นนั้นข้าก็ไม่เ
ไทเฮาสีหน้าดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก"องค์จักรพรรดิ ท่าเมื่อครู่บอกว่าคิดจะจัดให้องค์หญิงหนานฉือไปหลบร้อนที่เขาเมฆอรุณและไปดูทิวทัศน์ที่นั่น แล้วจะให้อ๋องเจวี้ยนไปอยู่เป็นเพื่อนหรือ?"องค์จักรพรรดิมาพูดเรื่องนี้กับฮองเฮา และคิดจะให้ไทเฮาไปด้วยกัน เพราะต้องพาไทเฮาออกไปด้วยเท่านั้น อ๋องเจวี้ยนจึงจะปฏิเสธไม่ได้ถึงตอนนั้นให้อ๋องเจวี้ยนไปกับไทเฮา องค์หญิงหนานฉือก็แค่ติดตามไปด้วย อ๋องเจวี้ยนจะพูดอะไรได้อีก?เขาถ้าปฏิเสธไทเฮา เช่นนั้นก็ถือว่าเนรคุณ"เสด็จแม่ ท่านไม่ใช่บอกว่าช่วงนี้ในวังร้อนหรอกหรือ? ตอนนี้ที่เขาเมฆอรุณอากาศดีมาก ไม่ร้อนไม่หนาว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งภูเขายังเต็มไปด้วยดอกไม้บานอีก ไปอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน อารมณ์ก็น่าจะดีขึ้น ส่วนเรื่องอายวน ข้าเองก็ไม่ใช่ว่าคิดเพื่อเขาหรอกหรือ?""คิดเพื่อเขา?" ไทเฮาเหล่ตามองเขาองค์จักรพรรดิคิดเพื่ออ๋องเจวี้ยน?"ใช่แล้ว เสด็จแม่ท่านลืมแล้วหรือ? อายวนแต่ก่อนตอนหน้าร้อนก็อยู่ที่ยอดเขาโยวชิง เมื่อไรกันที่เขาเคยอยู่ที่เมืองหลวง?""เจ้าพูดมาเองก็ถูกต้อง"ไทเฮาตกตะลึงไปครุ่จึงคิดขึ้นมาได้หลายปีมานี้อ๋องเจวี้ยนล้วนพักฟื้นอยู่ที่ยอดเขาโยวชิ
ค่ำของวันถัดมา องค์หญิงหนานฉือก็เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงสองข้างถนนแน่นขนัดไปด้วยประชาชน พวกเขาล้วนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นกับองค์หญิงหนานฉือ อยากจะเห็นว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาเป็นอย่างไรองค์หญิงหนานฉือการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก"ไม่ใช่บอกว่าแคว้นหนานฉือกู่จนมากหรอกหรือ?"มีประชาชนไม่ค่อยเข้าใจ มองขบวนยิ่งใหญ่อลังการตรงหน้า ถลึงตาอ้าปากครั้งรถม้าที่บรรทุกลังใช้เชือกมัดไว้จนเต็มขบวนยาว องครักษ์ที่สง่างามบนม้าตัวสูง อัญมณีล้ำค่าไข่มุกล้ำค่าขนาดใหญ่ที่มีธงปักสะบัดไปมา แล้วยังมีรถม้าสี่เหลี่ยมที่สีสันสวยสดด้านหน้าขบวนคันนั้นอีกรถม้าคันนั้นมีเจ้าค้ำหลังคาโค้ง แขวนม่านผ้าไหมที่มันขลับเหมือนเปลือกหอย ตอนนี้ทั้งหมดถูกม้วนขึ้นมา ดุมที่กลัดม่านไว้เป็นไข่มุกขนาดใหญ่ และยังแขวนไว้ด้วยเปลือกหอยเล็กๆ หลากสีสันหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถม้า รวมผมสูงที่แตกต่างกับแคว้นเจาของพวกเขา เผยหน้าผากสว่างใส บนหน้าผากมีเครื่องประดับปะการังและไข่มุกที่สวยงาม สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ด้านบนยังประดับไว้ด้วยไข่มุกในอ้อมกอดนางยังมีแมวสีขาวหิมะอีกตัวหนึ่ง แมวตัวนั้นดูขี้เกียจ ตอนที่มองมาก็จะเห็นดวงตาสีน้ำ
ชั่วขณะหนึ่ง ประชาชนสองฟากฝั่งถนนล้วนเข้าไปเก็บก้อนกลมเล็กันอย่างตื่นเต้น มีคนที่รอไม่ไหว และค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น พอหยิบมาได้ชิ้นหนึ่งก็สำรวจดูก่อน และพวว่าเจ้าก้อนกลมเล็กๆ พวกนี้เปิดออกได้มีคนล้วงสิ่งของจากด้านในออกมา และเห็นว่าเป็นไข่มุกที่ดูล้ำค่ามาก จึงตะลึงนิงงันไป"ไข่มุก ด้านในคือไข่มุก!"ในก้อนกลมเล็กมีห่อไข่มุกเอาไว้!แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นระดับสุดยอด แต่ระดับแสงมมันวาวก็ดีมาก เมืองหลวงแคว้นเจาห่างจากทะเลไกลแสนไกล ไข่มุกสำหรับพวกเขาทางนี้คือขายกันแพงมากๆ แล้วไข่มุกที่ใหญ่ขนาดนี้เม็ดหนึ่ง คุณภาพเช่นนี้ อย่างน้อยก็มีมูลค่ามหาศาลถ้าหากสลักไว้บนปิ่นเงิน ปิ่นเงินเล่มนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นล้ำค่าขึ้นมาทันที"ให้ตายเถอะ!""รีบเก็บ!"ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าประชาชนบนถนนลุกฮือกันขึ้นมาคนทั้งหมดกำลังรีบร้อนแย่งก้อนกลมเล็ก สาละวนเก็บกันอยู่อันเหนียนที่อยู่หน้าขบวนได้ยินเสียงเฮโลด้านหลัง ก็ร้องเรียกองครักษ์ขึ้นทันที "ไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น"เขาอยากจะรีบรับองค์หญิงหนานฉือทั้งขบวนเข้าไปในวัง เช่นนั้นก็เสร็จสิ้นแล้วแต่ขบวนนี้ก็เดินกันได้ช้ามาก เดินมาครึ่งค่อนวันก็ยังอยู่ที่น