เซียวหลันยวนยังคิดจะไปหยิบกระจก ฟู่จาวหนิงถลึงตาใส่เขา "ตอนนี้จะไปดูอะไรเล่า?"รอให้ฝังเข็มเสร็จก่อนค่อยว่ากันสิ?เซียวหลันยวนไม่กล้าพูดอะไรรอจนฟู่จาวหนิงฝังชีพจรตรงหน้าอกเสร็จ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าหน้าอกอึดอัดนิดหน่อย แล้วยังมีความรู้สึกเหมือนเลือดลมหลั่งทะลักด้วย"ข้าตอนนี้จะออกไป ท่านก็ลุกออกจากน้ำได้แล้ว จำไว้ด้วยว่าบนตัวจะต้องเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้น...จะมีช่วงที่จะมีสภาพอาเจียนประมาณหนึ่งชั่วยาม ท่านเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดจบก็เก็บของแล้วเดินออกไปทันทีเซียวหลันยวนได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ตึงเครียดขึ้นทันทีเขาไม่มีทางให้นางได้เห็นสภาพอเนถอนาถจากการอาเจียนของตนเองแน่นอน!เขารีบลุกออกจากในน้ำ รีบเช็ดตัวให้แห้งแล้วสวมเสื้อผ้า"ท่านอ๋อง"องครักษ์สองคนที่คุ้มกันอยู่ด้านนอกเข้ามาประคองเขาทันที"พระชายาบอกให้ส่งท่านไปที่ห้องส้วม"เซียวหลันยวน "..."ค่ำของวันนี้ เซียวหลันยวนก็ทรมานจนแทบรากเลือดจนตอนที่ฟ้าค่อยๆ สว่าง เขากระทั่งรู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้นมาหลายชั่ง"พระชายา"เซียวหลันยวนถูกประคองกลับห้องอย่างยากลำบาก พอนอนลงมา ก็ได้ยินเสียงขององครักษ์ดังขึ้นที่นอก
เซียวหลันยวนแอบกัดฟันเจ้าพวกนี้ ตอนนี้นับวันยิ่งไม่มีใครสั่งสอนเอาจริงๆและไม่รู้ว่าเพราะคิดว่าฟู่จาวหนิงจะคอยช่วยปกป้องหรือเปล่า ถึงไม่เห็นเจ้านายอย่างเขาอยู่ในสายตาแล้วเรื่องนี้พูดออกมา จะดูว่าเขาหน้าไม่อายไหมนะ?ประมาณว่าสนใจว่าซือถูไป๋จะทำอะไร?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างงงๆ "จริงหรือ? เพราะเหตุนี้น่ะนะ?"เซียวหลันยวนไม่ส่งสีหน้า"พันธมิตรโอสถใต้หล้าใหญ่โตกว่าโรงยาทงฝู ลูกมือก็มีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นโรงยาทงฝูเดิมทีเป็นคนทรยศของพันธมิตรโอสถใต้หล้าแยกตัวออกไป ไม่มีคุณธรรม ข้าในเมื่อร่วมมือกับพันธมิตรโอสถใต้หล้ามาตลอด แล้วทำไมจะต้องไปหาโรงยาทงฝูกัน?"เขาพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่าทางจริงจัง เหตุผลฟังแล้วดูสง่าผ่าเผย"ให้คนของพันธมิตรโอสถใต้หล้ารู้เข้าจะไม่ดีเอา"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "พันธมิตรโอสถใต้หล้ามีข้อกำหนดไว้ว่า ถ้าไปวางรางวัลหายาสมุนไพรไว้กับพวกเขาทางนั้น จะไปหากับสถานที่อื่นต่อไม่ได้หรือ?"นางเองก็เป็นคนของพันธมิตรโอสถใต้หล้าเซียวหลันยวนกระแอมขึ้นเสียงหนึ่ง "ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ ข้ามีเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำน่ะ""ไม่เช่นนั้น ข้าติดต่อหาซือถูไป๋หน่อยดีไหม ถามดูว่าเข
"นี่ข้าต้มมาให้เองเลยนะ"ฟู่จาวหนิงส่งชามมาบนมือเขาเซียวหลันยวนพอรับไป ชามเอียงนิดหน่อยจนเกือบจะเทราดลงมา"อ๊ะ ระวังหน่อย" ฟู่จาวหนิงรีบเข้ามารับ ก็เห็นว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย"ข้า" เซียวหลันยวนรู้สึกขายหน้า ขนาดชามข้าวต้มก็ยังถือไม่ไหว อ่อนแอจนไม่มีหน้าจะไปพบใสครแล้ว "ให้ชิงอีเข้ามาเถิด"พอเขาพูดก็คิดจะตะโกนเรียกชิงอีตอนนี้ยิ่งรู้สึกดูเหมือนอยู่ร่วมกันไม่ได้เข้าไปอีก พระชายาเพิ่งจะยกข้ามต้มเข้ามา ทำไมจะหนีอีกแล้วล่ะ?"ท่านอาเจียนจนย่ำแย่เลยสินะ ข้าผิดเองที่คิดไม่ถึง ให้ข้าป้อนท่านเถอะ"ฟู่จาวหนิงหยิบช้อนเริ่มป้อนให้เขาช้อนส่งเข้าไปที่ริมปาก เซียวหลันยวนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังกินลงไปฟู่จาวหนิงดูแลเขาเช่นนี้ เขาไม่อยากจะปล่อยให้นางออกไปเลยแต่ถัดจากนี้นางยังต้องไปต้าชื่ออีกนะ"หน้าของท่าน อีกเดี๋ยวตอนที่ท่านหลับข้าจะมาจัดการให้ หลังจากตื่นขึ้นมาก็อย่าไปแตะต้องเข้าล่ะ"พอได้ยินฟู่จาวหนิงพูดถึงหน้าของเขา เซียวหลันยวนใจก็ดิ่งลงไปอีก ความคิดที่อยากให้นางอยู่ข้างกายเมื่อครู่ถูกกดทับลงอีกทันทีตอนที่นางป้อนข้าวต้มให้เขาเช่นนี้ คงมองเห็นใบหน้าเขาได้ใกล้ๆ นางไม่รู้สึกรังเกี
อันชิงวันนี้ยังดูตึงเครียดหน่อยๆนางอยากให้ฟู่จาวหนิงไปด้วยกัน และเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถามถึงเรื่องในเขาเมฆอรุณในตอนนั้น นางเองคงไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเหมือนกันต่อให้ตอนนี้นางจะวางเรื่องพับไปไว้ข้างๆ แล้วแต่นางก็พูดไม่เก่ง กลัวว่าถึงเวลาแล้วจะทำได้ไม่ดี ตอบกลับไม่ได้ เดี๋ยวตอนหลังต้องมากลุ้มใจอีกอารมณ์แบบนี้ นางไม่อยากจะเจอเลยแต่ถ้าพาฟู่จาวหนิงไปด้วยนางก็รู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเลยฟู่จาวหนิงขึ้นนั่งบนรถม้า ตอนที่อยู่ห่างจากร้านอาหารชิงเว่ยไม่ไกลก็มาเจอกับอันชิงอันชิงรออยู่ที่นั่นแล้ว"พี่หญิงจาวหนิง""ชิงชิงวันนี้สวยมากเลย"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวอันชิงผาดหนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนตรงหน้าสดใสขึ้นมาอันชิงสวมชุดกระโปรงเหลืองหงส์แนบเขียวอ่อน กระโปรงปักผีเสี้อชมพูอยู่หลายตัว รวมผมเปียงูคู่ที่ดูมีชีวิตชีวา มีดอกไม้ผ้าสีชมพูเสียบไว้ ดูราวกับมีชีวิตตอนนี้พอเทียบกับลักษณะสง่างามตามปกติก็ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ก็ดูเหมาะกับนางมากดูแล้วอ่อนช้อยน่ารักมาก แล้วยังดูมีพลังของวัยหนุ่มสาวด้วยพอสวมชุดเช่นนี้ออกมา ก็ปัดความกังวลข่าวลือต่างๆ ก่อนหน้านี้ออกไป จนทำให้คนรู้สึกได้ถึงความอา
น้ำเสียงน่าฟังฟู่จาวหนิงพูดไม่มีเสียงออกมาสี่คำกับอันชิงนางเองก็กดเสียงเอาไว้ น้ำเสียงน่าฟังของนางทางนี้เป็นการบวกคะแนนเพิ่มให้อย่างมากอืม เสียงของเซียวหลันยวนก็น่าฟังมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาดูอบอุ่นแล้วก็ว่าง่าย น้ำเสียงนั่นกำลังพอดี ถ้าเพิ่มมาหน่อยก็จะเร็วไป น้อยไปหน่อยก็จะช้าไป ฟังแล้วรื่นหูเป็นพิเศษอันชิงมองออกถึงภาษาปากของนาง ดูเขินๆ หน่อยๆเพราะนางเองก็รู้สึกว่าเสียงของอีกฝ่ายน่าฟังเช่นกันนางลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ คารวะไปทางด้านนั้น"คารวะคุณชายติง"ทางนั้นเองก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนลุกขึ้นยืนคารวะมาเช่นกัน จงอดขำขึ้นมาไม่ได้สองคนนี้น่าสนใจจริงๆยังไม่ทันจะเห็นหน้ากันเลย ก็คารวะให้กันอย่างจริงจังเสียแล้ว?นางฟังออก ทางนั้นก็เหมือนมีอยู่สองคน เพียงไม่นาน ติงหรานก็เอ่ยขึ้น "แม่นางอันโปรดให้อภัยด้วย ข้าเชิญอาสะใภ้มาเป็นเพื่อนเสียแล้ว ถ้าหากมีเรื่องอะไร จะได้ดีกับแม่นางอันหน่อย"หลังจากนั้นก็เป็นเสียงหญิงสาว ฟังแล้วน่าจะเป็นฮูหยินวัยกลางคน"แม่นางอัน ข้าคืออาสะใภ้รองของติงหราน พี่สะใภ้ข้าสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงให้ข้ามา
อันชิงตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงกลับปฏิกิริยารวดเร็วติงหรานน่าจะคอยใส่ใจเรื่องราวของอันชิงมาโดยตลอด เรื่องนั้นที่โหวอาวุโสน้อยอี้ก่อเรื่องไว้ครั้งที่แล้วก็ทำเอาทั้งเมืองหลวงครึกโครมขึ้นมา เขาเองจึงได้ยินมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ติงหรานก็น่าจะรู้เรื่องราว ผลลัพธ์ รู้ถึงบทบาทของนางในเรื่องนี้ รู้ถึงเรื่องที่นางทำ"คุณชายติงเกรงใจไปแล้ว ข้ากับอันชิงพอพบกันก็รู้สึกเหมือนเพื่อนเก่า นางตอนนี้เองก็เรียกข้าว่าพี่หญิงด้วย ไม่ต้องมากพิธี"ฟู่จาวหนิงพูดจบก็เหล่มองหยอกล้อไปทางติงหราน ติงหรานเองก็หน้าแดงระเรื่อ รู้สึกขวยเขินขึ้นมาเขาอยากจะขอบคุณฟู่จาวหนิงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้พอถูกฟู่จาวหนิงพูดมาเช่นนี้ ติงหรานก็รู้สึกว่าตนเองถูกมองจนปรุโปร่ง จึงรู้สึกเขินขึ้นมาพอสมควรฟู่จาวหนิงไม่อยากให้ติงหรานเห็นว่าอันชิงเป็นสิ่งที่เขาครอบครอง ก่อนหน้าที่พวกเขาจะสานความสัมพันธ์จนสมบูรณ์ ก็ถือว่าเตือนขึ้นมาเสียหน่อยแน่นอน เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี"นั่งลงพูดคุยกันเถอะ"พอเห็นติงหรานเอาแต่ยืน มือของนางก็ค่อยๆ กดต่ำติงหรานจึงนั่งลงฟู่จาวหนิงแอบถอนหายใจ นางเองก็ทำตัวสนิทสนมมากแล้ว พยายามกดความ
"แม่นางอันพอเห็นก็เป็นคนที่ดูกตัญญูและเอาใจใส่ จะต้องเป็นคนที่มือไม้คล่องแคล่วชำนิชำนาญเป็นแน่ แต่ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าก็เคยบอกมาแล้ว ว่าถ้าติงหรานต้องแต่งงาน พวกเขาก็หวังว่าจะได้เห็นสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว เกื้อกูลกันและกัน มีชีวิตที่ดีและสุขสบายใจก็เพียงพอแล้ว""ข้าอยากจะถามหน่อย" อันชิงตอนนี้ก็รวบรวมความกล้าขึ้นแล้ว มองไปทางติงหราน "ท่าน ท่านหลังจากนี้จะรับภรรยามาอีกกี่คน? ตอนนี้ ตอนนี้มีสาวใช้ในห้องนอนหรือไม่กัน?"นี่เป็นสิ่งที่นางอยากจะถามมากพี่ชายบอกว่า ตนเองอยากจะรู้เรื่องอะไรก็ถามออกไปตรงๆเรื่องที่นางอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องนี้ติงหรานมองนาง "ข้าจะไม่รับภรรยาอีก พ่อของข้าก็มีแต่แม่ของข้าคนเดียว พ่อของข้าพูดอยู่เสมอ ในบ้านให้ง่ายดายหน่อย ชีวิตก็จะสบายลง พวกเราทั้งบ้านมีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องรับคนมาอยู่ด้วยกันให้มากเรื่อง ดีแต่จะทำให้วุ่นวาย ข้าเองก็คิดเช่นนี้มาตลอด""แล้วข้าก็ไม่มีสาวใช้ในห้องนอนด้วย ก่อนหน้านี้แม่ข้าเคยจัดแจงเรื่องหมั้นหมายให้ข้า แต่ก็ถอนหมั้นไปด้วยเหตุผลบางอย่าง"สะใภ้รองติงมองพวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ติงหรานไม่ชอบพูดให้ร้ายคนอื่นน่ะ ให้ข้าพ
"เดิมทีมันก็ใช่! ข้าตอนนั้นบอกว่าจะพาแม่ของข้าไปใช้ชีวิตด้วยกัน พวกท่านก็ตอบรับแล้วนี่ ข้าบอกให้พ่อกับแม่เขาย้ายออกไป ทิ้งบ้านตระกูลติงไว้ให้พวกเราอยู่ พวกท่านก็รับปากแล้ว!"เริ่นหมิ่นเซียงจ้องติงหราน"นั่นเป็นเพราะบ้านตระกูลติงของพวกเราอยากให้ติงหรานแต่งงานอย่างราบรื่น พอคิดถึงความกตัญญูของท่านที่คิดจะพาแม่มาอยู่ด้วยกัน อันนี้ก็ยังเข้าใจได้ พวกท่านชอบบ้านตระกูลติง พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ข้างยังคิดว่าพวกเขายังมีเรือนเล็กอยู่ สามารถย้ายออกไปได้ พวกเขายอมถอยให้ก้าวแล้วก้าวเล่า เพราะหวังว่าท่านกับติงหรานจะมีวันคืนที่ดีร่วมกัน"สะใภ้รองติงตอนนี้ใบหน้าโกรธเคืองขึ้นแล้วจริงๆนางคิดไม่ถึงเลยว่าเริ่นหมิ่นเซียงตอนนี้ยังมีหน้ากระโจนเข้ามาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมาอาละวาดแบบนี้ อาละวาดต่อหน้าพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามาทำให้แม่นางอันโกรธจนออกไป พังงานดูตัวของติงหรานเข้าล่ะ นางอยากจะฉีกเริ่นหมิ่นเซียงเป็นชิ้นๆ จริงๆ"เดิมทีบ้านของพวกเราก็อยากให้พวกท่านได้มีชีวิตที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าพูดกันไว้ดิบดี ท่านกลับเอาแต่จะถอนหมั้น ไม่เช่นนั้นจะแฉความลับข้อบกพร่องอะไรของติงหรานออกมา ติงหรานของพวก