"ฮูหยินรอง ฮูหยินสาม! ผู้เฒ่ารองผู้เฒ่าสามเรียให้พวกเจ้ารีบพาคุณหนูกลับไปเก็บของ เวลาเกือบจะหมดแล้ว!"คนใช้คนนี้เองก็วิ่งจนเหงื่อโทรมกายไปหมดองครักษ์เงามังกรเข้ามาแล้ว เห็นท่าทีเย็นชาของพวกเขาทำเอาคนผวาขึ้นมาถ้าพวกเขาไม่สามารถย้ายออกไปได้ในช่วงเวลา องค์รักษ์เงามังกรก็จะตะเพิดพวกเขาออกไปถึงตอนนั้นคนพอถูกตะเพิดออกไปก้ไม่มีโอกาสจะหยิบของอะไรแล้ว"อ๊า!""รีบไป!""ของของพวกเรายังไม่ได้เก็บ!"คนของบ้านรองบ้านสามล้วนกระโดดเหยงกันอย่างร้อนรน สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขาสับสนไปมาเหมือนแมลงวันไร้หัว ครู่หนึ่งจึงเพิ่งวิ่งออกมา"ลุงจงป้าจง พาพวกเฉินซานไปคอยจับตาดูพวกเขาไว้ หินสักก้อนเดียวของบ้านตระกูลฟู่พวกเราพวกเขาจะย้ายออกไปไม่ได้แม้แต่ก้อนเดียว!" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ขอรับ!"ลุงจงป้าจงตอนนี้เองในที่สุดก็ยืดเอวตรงหลังตรงหลายปีมานี้ถูกคนบ้านสองบ้านสามกดมาโดยตลอด ตอนนี้ได้ถอนใจโล่งออกมาบ้างแล้วถ้าหากไม่มีอ๋องเจวี้ยน ไม่มีองครักษ์เงามังกร จะไล่เจ้าพวกคนหน้าด้านไร้ยางอายพวกนี้ได้อย่างไร?"คุณหนู ข้าก็ไปด้วย!" เสี่ยวเถาคิดจะไปคอยจับตาดูพวกฟู่เจียวเจียวให้"ไปเถอะ ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงโบกไ
ซ่งอวิ๋นเหยารู้สึกว่าเซียวหลันยวนทำเกินไปแล้ว!นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเขาก่อน เขากลับบอว่าไม่คุ้มค่าที่จะออกไปรับลมหนาวเพื่อนางหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยาสูดลมหายใจลึก พยายามสะกดไฟโกรธกับความลุกลนของตนเองลงไปสมัยก่อนเซียวหลันยวนไม่ทำเช่นนี้กับนาง"เอาล่ะ เป็นข้าที่พิจารณาไม่รอบคอบ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสุขภาพของท่าน..."นางยังพูดไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ตัดบทนาง "สุขภาพร่างกายของข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาพิจารณา"นี่ควรจะให้พระชายาของเขามาพิจารณาใช่ไหม?"หลันยวน!"ซ่งอวิ๋นเหยารู้สึกว่าตนเองแทบจะระงับไฟโกรธไม่ไหวแล้วเซียวหลันยวนทำเกินไปแล้วหรือเปล่า? กระทั่งองค์รัชทายาทต้าชื่อเองก็ยังถอยให้นาง กังวลว่าคำพูดที่พูดจะทำให้นางไม่เบิกบาน!ตอนที่ฟู่จาวหนิงออกมาก็ได้ยินประโยคนี้ของซ่งอวิ๋นเหยาพอดีนางหยุดเท้าลงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะอยู่ที่นี่ชั่วขณะหนึ่งฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีไหม แต่ว่าเซียวหลันยวนก็มองเห็นนางแล้ว"ยืนอยู่ที่นั่นทำไม? เข้ามาสิ" เซียวหลันยวนกวักมือให้นางนี่เรียกลูกหมาหรือ?แม้ในใจจะไม่ยินดีนัก แต่ฟู่จาวหนิงก็ยังสาวเท้าเดินไปหาเขาซ่งอว
ก่อนหน้าที่นางยังไม่ได้เริ่มล้างแค้นอย่างจริงจัง ทำให้ซ่งอวิ๋นเหยาเจ็บช้ำน้ำใจก่อนก็ยังได้อยู่!"นี่เจ้า!"ซ่งอวิ๋นเหยาในหัวสมองแล่นวิ้ง ทั้งตัวโมโหจนปอดแทบระเบิดแล้ว"ข้าพูดไม่ถูกหรือ? ท่านหญิงเหมือนเองก็เหมือนไม่ได้มีการหมั้นหมายกับเซียวหลันยวนของข้านี่? หรือจะบอกว่าพวกท่านทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันหรือ? ไอ๊หยา เพื่อนแบบไหนกันนะ? ที่แบบรู้ใจนั่นน่ะหรือ?""พูดอะไรไร้สาระ" เซียวหลันยวนฟังคำพูดฟู่จาวหนิงแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนางคิดจะพูดอะไรกัน?"หรือว่านั่นจะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ก่อนพวกท่านผูกพันกันไว้ทั้งชีวิตแล้วหรือ? ส่วนข้าก็ฟันดาบเข้ามาช่วงชิงความรักไปหรือไร?"ฟู่จาวหนิงไม่รอให้ซ่งอวิ๋นเหยาตอบ รับต่อมาทันที "แต่ว่า ตอนแรกที่ข้าเห็นเซียวหลันยวน ข้าก็ถามเขา ว่ามีคนที่หมั้นหมายไว้ไหม มีหญิงสาวในดวงใจหรือไม่ หญิงสาวที่จะรับเป็นภรรยา ถ้าหากมีข้าจะไม่ทำเรื่องที่เป็นการช่วงชิงความรักแบบนั้น""แต่เซียวหลันยวนตอนนั้นบอกกับข้าอย่างมั่นใจว่าไม่มี ยังไม่มี"ฟู่จาวหนิงมองซ่งอวิ๋นเหยาแล้วหัวเราะร่าขึ้นมา"ดังนั้น ในเมื่อพวกท่านไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ท่านหญิงอวิ๋นเหยาผู้เป็นหญิ
เซียวหลันยวนฟังคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้วรู้สึกจิตใจกลัดกลุ้มขึ้นมา"เจ้าจะคิดให้มันชัดเจนไปเสียทุกเรื่องเลยหรือ?""ควรจะคิดให้ชัดเจนหน่อย เผื่อพอถึงเวลาที่พ่อกับแม่ข้ากลับมา ท่านคิดจะล้างแค้น แล้วยังมาเพิ่มเรื่องที่ข้าติดค้างไว้ ถึงตอนนั้นครอบครัวของข้าคงจะแบกรับไม่ไหว""เอาล่ะ แล้วแต่เจ้าเถอะ"เซียวหลันยวนหลังจากเอ่ยเสียงขรึมก็มองไปทางชิงอี "ครึ่งชั่วยามแล้ว ให้คนพวกนั้นออกมาทันที ถ้ากล้าถ่วงเวลาก็หิ้วตัวออกไปโยนทะเลสาบเลย!"ชิงอี: ท่านอ๋อง เหมือนว่าจะยังมีเวลาอยู่อีกหน่อย?แต่พอเห็นกลิ่นอายเย็นชาที่แผ่ออกมาทั่วร่างท่านอ๋อง ชิงอีเองก็ไม่กล้าเข้าไปยั่วโมโห จึงรีบร้อนขานรับทันที เดินเข้าไปถ่ายทอดคำพูดคนทั้งหมดของผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามล้วนโอดครวญถูกองครักษ์เงามังกรหิ้วตัวออกมาจากในเรือนพวกเขาแต่ละคนซมซานกันสุดๆ ในมือทุกคน บนตัว ล้วนหยิบย้ายของเท่าที่จะทำได้ แต่เวลาของพวกเขาก็ยังไม่มากพอ ดังนั้นของเหล่านี้จึงยังไม่ทันทำหีบห่อดีดี ระเกะระกะไปหมดตอนที่คนถูกไล่ออกมาของเหล่านั้นก็ยังหล่นตุบร่วงกราวลงกับพื้นพวกของฟู่เจียวเจียวร้องห่มร้องไห้จนแทบจะทนไม่ไหวพวกเขาเดิมทีคิดว่าจะขา
ฟู่จาวหนิงเองพูดขอบคุณมาอีกคำหนึ่งเซียวหลันยวนมองนาง เรื่องอะไรก็ต้องคิดให้มันชัดเจนแบบนี้เลยหรือ?และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้พอได้ยินนางบอกขอบคุณกับตนเอง แล้วยังใช้สีหน้ากับน้ำเสียงที่สงบเช่นนี้อีก เซียวหลันยวนรู้สึกว่าความหดหู่ในใจมันพุ่งขึ้นมาแล้วเขาเอ่ยขึ้น คิดจะอธิบาย "ซ่งอวิ๋นเหยา""เซียวหลันยวน ข้าจะพูดกับท่านให้ชัดเจนอีกครั้ง ข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่" ฟู่จาวหนิงตัดบทเขาดังนั้นอย่าคิดจะพูดอะไรแทนซ่งอวิ๋นเหยา นางไม่ฟัง"ยังไม่ต้องแตะต้องนางชั่วคราวได้ไหม? ชั่วคราว"พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงในใจก็นิ่งขรึม ดังนั้นเขาจึงคิดอ้อนวอนนางให้ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไปหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยาทำอย่างนั้นกับนาง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"ท่านรู้ว่าถ้าแผนการนี้ของนางทำสำเร็จ ข้าจะมีสภาพเช่นไหนใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาคำหนึ่งเซ๊ยวหลันยวนนิ่งขรึมตอบมาว่า "แค่รอเท่านั้น""รออะไร?""ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องการจะพิสูจน์" เซียวหลันยวนตอบ "ครั้งนั้นมีคนที่ช่วยเหลือข้าไว้ครั้งหนึ่ง คนคนนั้น ข้าอยากจะรู้ว่าใช่นางไหม"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา"เช่นนั้นข้าขอถามหน่อย ถ้าห
ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงห้อตะบึงของรถม้าห่างออกไป จึงหมุนตัวกลับมามอง และก็เห็นกลุ่มองครักษ์เงามังกรออกไปด้วยเช่นกันนางเม้มริมฝีปากเสี่ยวเถาพุ่งเข้ามา เอ่ยถามขึ้นเสียงเบา "คุณหนู ท่านอ๋องเองก็โกรธขึ้นแล้วใช่ไหม?""ใครจะรู้? บางทีอาจจะโกรธที่เมื่อครู่ข้ารังแก่ซ่งอวิ๋นเหยากระมัง?""หา" เสี่ยวเถางงงันเป็นเช่นนี้หรือ?แต่ว่านางเองก็เห็นไม่ชัดฟู่จาวหนิงหลังจากเข้าไปก็โยนเรื่องของเซียวหลันยวนทิ้งไปข้างๆ ก่อนตอนนี้เรือนตระกูลฟู่ในที่สุดก็ะเหลือแค่คนของพวกนางแล้ว!ไล่คนเหล่านั้นออกไปหมด ทำให้กระทั่งอากาศก็ยังดูปลอดโปร่งขึ้นมากเลยด้วย!แต่ว่าพวกเขาเองก็ออกไปอย่างเร่งร้อน ตอนนี้ทำเอาเละเทะไปหมด บนพื้นกับในห้องยังมีของอยู่อีกไม่น้อย ราวกับถูกกวาดออกไปอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาววหนิงเดินดูรอบหนึ่ง หลังจากดูแล้วในใจก็ไม่ได้รู้สึกแย่ลง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก"เสี่ยวเถา ไปบอกพวกป้าจงหน่อย ว่าถัดจากนี้ก็จัดการเก็บกวาดเสีย ที่กวาดได้ก็กวาด ที่ล้างได้ก็ล้าง แล้วก็ ของที่ทิ้งได้ก็ทิ้ง! พวกเราหลังจากนี้จะได้มีวันคืนที่สงบสุขแล้ว!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกแจ่มใสขึ้นจริงๆเพราะก่อนหน้านี้ในความท
ผู้เฒ่าฟู่ต่อมาก็ก่นด่าพวกผู้เฒ่าฟู่รองอยู่นานสองนานฟู่จาวหนิงกลัวว่าเขาจะโมโหจนย่ำแย่ จึงปลอบเขาอยู่พักหนึ่ง ลงเข็มให้จากนั้นก็ให้พักผ่อนลุงจงถอนหายใจ"อันที่จริงท่านผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ก็อยากให้พวกผู้เฒ่ารองฟู่อยู่ด้วยจริงๆ และอยากจะช่วงประคับประคองพวกเขา ท่านผู้เฒ่าเองก็ชอบให้ในบ้านคึกครื้น ไม่ใช่เย็นชาเงียบเชียบ""ความคึกครื้นบางทีไม่ต้องก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ใช่ไหมล่ะ" ลุงจงส่ายหัว "ผู้เฒ่าฟู่ของเราเป็นคนดีเกินไป คิดจะช่วยประคับประคองพวกเขาทั้งหมดขึ้นมา ให้ยืนอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนจะละโมบถึงเพียงนี้ แค่นี้ยังไม่พอ นี่คิดจะข้ามสะพานแล้วยังรื้อสะพานทิ้งอีก"นางเองก็ไม่มีคำพูดเลือกสรรมาก และพูดไม่ออกถึงคำพูดแย่ๆ ด้วย อันที่จริงนี่มันแค่ข้ามสะพานแล้วรื้อสะพานทิ้งเสียที่ไหนคนเหล่านั้นใจดำถึงที่สุดจริงๆ ใจดำโหดเหี้ยมเอามากๆเดิมทีต้องการจะให้พวกเขาตายเสียด้วยซ้ำ"บุญคุณข้าวหนึ่งเซิงกลายเป็นความแค้นข้าวหนึ่งโต่ว พวกเขาอยากจะให้บ้านตระกูลฟู่ทั้งหมดกลายเป็นของพวกเขาจนจะแย่อยู่แล้ว""เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้ว ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็จะได้ หลังจา
ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าเองก็ยินดีต้อนรับอย่างจริงใจ ในบ้านพวกเราตอนนี้มีห้องหับอยู่มากมาย แค่พวกเราเองก็พักกันไม่หมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านปู่เองก็ชอบความคึกครื้นด้วย ข้าเห็นว่าลุงฟางเองก็สามารถมาพูดคุยเรื่องใบชาอาหารจากภายนอกกับเขาได้ ท่านปู่ข้าจะต้องดีใจมากแน่"ท่านปู่ต้องการบรรยากาศของคนมาตลอด พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยไม่มีอะไรไม่สะดวกเช่นนั้นข้าเองก็ได้ ข้าพูดกับผู้เฒ่าฟู่ได้สามวันสามคืนโดยไม่ซ้ำกันเลย"เศรษฐีฟางก็ "ความหยิ่งทะนงทะยานขึ้นฟ้า" ทันทีฮูหยินฟางเองก็หัวเราะก่นด่าขึ้นมาคำหนึ่ง "ใครจะยอมฟังเจ้าพล่ามสามวันสามคืนกัน? ไม่เหนื่อยหรือไง!"ฟางซือฉิงเองก็ปิดปากขึ้นมานางรู้สึกว่าน่ายินดีจริงๆ นี่ได้มาเดินเคียงกับฟู่จาวหนิงใกล้ขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ชอบฟู่จาวหนิงมาก นางเองก็จะได้มาหาฟู่จาวหนิงบ่อยขึ้นฟู่จาวหนิงเห็นคนคุ้มกันเรือนที่เศรษฐีฟางพามาด้วยทั้งสองคน ไม่เลวเลย"พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคนคุ้มกัน" เศรษฐีฟางอธิบายกับนาง "ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น ในบ้านเองก็ไม่อยากให้พวกเขาไปเป็นคนคุ้มกันอีก ดังนั้นจึงอยากจะหางานอื่นทำ"พวกงานชั่วคราวหาเช้ากินค่ำท
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่