ตาเฒ่าจี้เดินไปทางทิศที่เสียงดังลอดมา หันหน้ากลับมามองฟู่จาวหนิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม"เจ้าจะไม่ไปดูกับอาจารย์หรือ?""ท่านปู่จี้ ท่านไม่ใช่บอกว่าตัวเองเป็นแค่ตาแก่หรือไร? แล้วทำไมยังจะไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาอีก?"ตาเฒ่าจี้ถลึงตาโต "ข้าจะบอกให้นะเสี่ยวหนิงจื่อ พวกเราแม้จะไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขา แต่จะนิ่งดูดายต่อความเป็นความตายไม่ได้ แล้วก็ พวกเราลองเข้าไปดูๆ ก่อนว่าเป็นใครแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้นี่"เขาหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อ "ถ้าช่วยไม่ไหวพวกเราศิษย์อาจารย์โกยอ้าวออกมาก็จบ"ฟู่จาวหนิงมองสภาพชุดขาดวิ่นกับแผลเล็กๆ ของเขาแล้วก็ส่ายหัว เดินตามไป"ช่วยด้วย ใครก็ได้ รีบช่วยภรรยาของข้าที"พวกเขาเดินเข้าไปใกล้หน่อย ก้ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่มีอาการสั่นพร่า และยังได้ยินเสียงอึกอักของหญิงสาวอีกด้วยมีผู้หญิงด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงเพิ่มความเร็ว พุ่งตัวเข้าไปในป่าตาเฒ่าจี้มองแผ่นหลังนาง เอ่ยขึ้นกับตนเองอย่างพึงพอใจ "ทั้งลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้ ทั้งจิตใจก็ยังอ่อนโยนอีก ศิษย์ข้าคนนี้ไม่เลวเลย"ในป่าเบื้องหน้า มีชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งกำลังถือกระบี่หันชี้ไปยังหมู่ป่า
ตาเฒ่าจี้จี้นั่งยองข้างตัวนางทำการจับชีพจรตรวจอาการให้แล้วจงเจี้ยนทหารจวนอ๋องเจวี้ยนก็พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงเสียรอบหนึ่ง พอเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บก็แอบถอนใจโล่งออกมา ส่งสัญญาณให้ทหารสองคนที่เหลือเข้ามารวมตัวกัน จากนั้นจึงมองไปยังคนอื่นๆ ในที่นี้ฟู่จาวหนิงเองก็รีบเดินตรงไปยังฮูหยินคนนั้น นางสลบไปแล้ว"ท่านปู่ ท่านรู้เรื่องหมอด้วยหรือ" นางถามตาเฒ่าจี้เก็บมือกลับ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก"ตั้งครรภ์อยู่ราวสี่เดือน แต่สภาพไม่ค่อยดีนัก เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้"เขาดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด "ศิษย์เอ๋ย อาจารย์รู้เรื่องยา พอเล่นกับตัวยามากชนิดเข้า ก็เป็นวิชาหมอขึ้นมา""ผู้อาวุโสจี้?"จงเจี้ยนมองตาเฒ่าจี้อย่างตะลึงงัน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยผู้อาวุโสจี้เพียงแค่เหลือบตามองเขาไม่สนใจอะไร แต่กลับล้วงเข้าไปค้นในหน้าอก ควานขวดยาเล็กหลายใบออกมา เลือกใบหนึ่งจากในนี้ เปิดออกแล้วเทยาลูกกลอนสีดำออกมาเม็ดหนึ่ง "นี่เป็นยาลูกกลอนเพิ่มเลือด เอาให้นางกินได้"เขาเดิมทีคิดจะให้ฟู่จาวหนิงป้อนยาให้ฮูหยินสาวคนนี้ แต่ฟู่จาวหนิงใช้นิ้วขยี้ยาลูกกลอนเม็ดนั้นแล้วนำขึ้นมาดม กลับส่ายหัวค้านว่า"ยานี้นางห้ามก
"พระราชเสาวนีย์ฮองเฮา อ๋องเจวี้ยนขนาดหน้าก็ยังไม่ยอมโผล่ออกมาเลยหรือ?"ขันทีเอ่ยเสียงแหลมเล็กกับผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยน "ในวังถึงกับลดรั้วลงมา พวกเรานำป้ายมาโดยเฉพาะ นี่จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน""กงกง ท่านอ๋องของพวกเราสุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงนอนพักไปนานแล้ว ข้าไม่ใช่พูดกับท่านไปแล้วหรือไรกัน? พระราชเสาวนีย์ของฮองเฮา กงกงบอกกับข้าก็พอ ท่านอ๋องให้อำนาจข้าไว้ระดับหนึ่ง ถ้าหากสิ่งที่จวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเราทำได้ ข้าก็จะทำแทนท่านอ๋องเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็รอพรุ่งนี้ให้ท่านอ๋องพวกเราลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยจัดการก็ไม่สาย"ผู้ดูแลจงยังคงมีท่าทีเรียบสงบฮองเฮารู้สึกร้อนรนขึ้นมาเพราะท่านอ๋องแต่งงานรับพระชายาอย่างนั้นหรือ?ก่อนหน้านี้การปฏิบัติต่อจวนอ๋องเจวี้ยนก็ญังรักษาความเคารพและระยะห่างเอาไว้ ไม่กล้าวางมาดฮองเฮาของนางเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ร้อนรนจนมือไม้อยู่ไม่สุข ถึงกับยกตัวตนฐานะของฮองเฮามากดดันจวนอ๋องเจวี้ยนเสียแล้ว"เจ้าก็แค่ผู้ดูแลเล็กๆ คนหนึ่ง"ขันทีพอโมโห เสียงก็ยิ่งเล็กแหลมลงไปอีก พอชี้ผู้ดูแลเพื่อจะวางมาด ทหารสองนายก็ตรงเข้ามา มือจับด้ามกระบี่ตั้งท่าชักเสียงชักกระบี่สองเสียงดังขึ้น ไฟโก
ชิงอีรินน้ำร้อนให้เขาแก้วหนึ่งพวกเขาเร่งกลับมาเมืองหลวงเวลานี้ หนึ่งก็เพื่อรับชายา เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้ และสองก็เพื่อพิธีเดิมพันโอสถ"ที่เขาจันทร์ลับฟ้าได้ข่าวอะไรมาบ้าง?"แผลพิษบนใบหน้าคันคะเยอขึ้นมาอีกครั้ง ความคันเช่นนี้คนธรรมดายากจะทนรับไหว แต่ถ้าไปแตะไปเกามันเข้า แผลพิษนี้ก็จะยิ่งลามกว้างออกไปสองมือของอ๋องเจวี้ยนกำผ้าห่มไว้แน่น สะกดกลั้นความคิดที่จะไปเกาไปจับมัน"ยังไม่มี""เมื่อไม่มีข่าวก็คือตัวคนยังไม่เป็นไร" อ๋องเจวี้ยนคิดถึงใบหน้าเล็กที่สดใสของฟู่จาวหนิงขึ้นมา "คิดไม่ถึงว่านางจะอดทนได้ขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงขึ้นเขาไปหาตัวยาครั้งนี้ พวกเขาล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องมีอันตรายแน่นอน ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเท่ากับผูกตัวอยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว คนที่จะลงมือกับเขา คนที่ไม่อยากให้เขาได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ ก็ล้วนจ้องจะเอาชีวิตฟู่จาวหนิงกันหมด"จงเจี้ยนน่าจะพบตัวคุณหนูฟู่แล้ว มีพวกของจงเจี้ยนคุ้มครองอยู่ คุณหนูฟู่น่าจะปลอดภัยกลับมา" ชิงอีเอ่ยขึ้น"ปลอดภัยกลับมาก็จบหรือ?"อ๋องเจวี้ยนหัวเราะไร้ซุ่มเสียงถ้านางหาตัวยาสิบชนิดไม่ได้ ตอนกลับมานางก็จะตกที่นั่งล
ฮูหยินฉีตั้งครรภ์ ฟู่จาวหนิงก็รู้จักปกป้องชีวิตน้อยๆ อีกด้วย มิเช่นนั้นนางคงไม่สนใจแล้วนางอันที่จริงก็อยากจะถามฉีอวิ๋นไห่มาก รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ แล้วทำไมเวลานี้ยังจะไปวิ่งเล่นในภูเขาอีก? แต่เรื่องของคนอื่นนางก็ขี้เกียจจะไปถามให้มากความ"ให้พวกเขาส่งสามีภรรยาทั้งสองลงจากเขา มิเช่นนั้นเวลานี้พวกเขาลงเขาไปได้ก็อาจจะเข้าเมืองไม่ได้อยู่ดี"ประตูเมืองช่วงนี้ปิดไว แต่ถ้ามีป้ายเอวของจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังเข้าไปได้อยู่"แต่คุณหนูฟู่ให้ข้าอยู่ด้วยเถิด ข้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสมุนไพรเลย อยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้น"ส่งตาเฒ่าจี้ลงเขาไปด้วยเถอะ" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองตาเฒ่าจี้"ตา…เฒ่า...จี้..?"จงเจี้ยนเกือบจะกัดปลายลิ้นตัวเองไปแล้ว เขามองผู้อาุโสจี้ และก็รู้สึกพูดไม่ออกกับความซมซานของผู้อาวุโสจี้ตอนนี้พอควร"ผู้อาวุโสจี้ ท่านลงเขาไปด้วยกันเถิด ไม่สิ ผู้อาวุโสจี้ ขอเชิญท่านลงเขาไปก่อนดีกว่า"จงเจี้ยนจู่ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นมา"ข้าไม่ลงเขาหรอก ข้าจะมาเก็บสมุนไพร เดี๋ยวก็จะถึงพิธีเดิมพันโอสถแล้ว ปีนี้ข้าจะไม่แพ้แน่!" ตาเฒ่าจี้กลับอารมณ์เดือดขึ้นมา ถลึงตามองจงเจี
นางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย"ฮ่าๆๆ! ดีมาก ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มองผิด!" ตาเฒ่าจี้ยื่นมือออกมาตบลงบนบ่านาง "ได้ เช่นนั้นเจ้าก็หาสมุนไพรให้ดีดี อาจารย์จะลงเขาไปจัดการอุปสรรคให้เจ้าเอง! จะต้องมีคนคอยแกว่งมือแกว่งเท้าลับหลังเจ้าแน่ๆ ยกเรื่องนี้ให้ข้าเถิด"ตาเฒ่าจี้พูดพลางเดินตามคนอื่นลงจากเขาไปแล้วพวกเขาพอออกไป ที่นี่ก็เหลือแค่ฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนจงเจี้ยนรู้สึกอยากถามนางว่ากลายเป็นศิษย์ผู้อาวุโสจี้ได้อย่างไร แต่ฟู่จาวหนิงก็มองสีท้องฟ้า ไม่คิดจะพูดกับเขาอีกนางจะไปขุดสมุนไพรชุ่ยซินสือหูออกมาจงเจี้ยนรู้ว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตามอยู่ข้างๆ เงียบๆฟู่จาวหนิงหยิบคบเพลิง ไปถึงผาน้ำอย่างรวดเร็ว ยื่นหัวมองลงไป ถึงเข้าใจที่ตาเฒ่าจี้บอกว่าต้องลงไปกลางดึกจึงจะขุดได้เพราะว่าตอนที่สีราตรีมืดทึม นางถึงมองเห็นว่ารอบๆ รูต้นไม้ต้นนั้นมีพืชที่เปล่งแสงออกมารางๆ อยู่ชั้นหนึ่งพืชชนิดนี้ดูคล้ายตะไคร่น้ำ ด้านบนมีของที่ดูเหมือนผงชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ และเจ้าผงชั้นนี้ก็กำลังเปล่งแสงอยู่ แสงสีน้ำเงินทึม จางมากถ้าหากสีท้องฟ้ายังมีแสงอยู่รับรองว่ามองไม่เห็นแน่นอน ตอนแรก
หน้าหลังซ้ายขวาไม่มีทางแล้ว!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงยืนอยู่บนต้นไม้ที่ยื่นออกมากลางอากาศ หินก้อนนั้นใหญ่ขนาดเท่าลูกแตงโม ทุ่มลงมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจะเอาชีวิตนางฟู่จาวหนิงย้ายไปทางปลายกิ่งสองสามก้าว ใต้เท้ามีเสียงเป๊าะ ต้นไม้ต้นนี้ก็รับน้ำหนักอีกไม่ไหวแล้ว"ตึง!"ก้อนหินกระแทกบนต้นไม้หนักๆ ตรงจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ พอกระแทกต้นไม้แล้วก็ร่วงลงไปไม้ลั่นเสียงดังกร๊อบอีกครั้ง โยกไหวไปมาฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตรงจุดรูต้นไม้นั้นใกล้จะหักแล้วลมวูบหนึ่งหมุนวนกวาดขึ้นมา จนเกือบจะพัดนางร่วงลงไปตอนนีเ้อง เงาร่างหนึ่งก็กระโจนลงมาจากผา ยื่นมือคว้าฟู่จาวหนิงไว้ "แม่นาง ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป"ต้นไม้ใต้เท้าตอนนี้ก็รับน้ำหนักต่อไม่ไหวหักลงไป ในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กๆ เพราะในห้องเภสัชของนางมีเชือกปีนเขาอยู่ สามารถยิงเข้ากำแพงผาได้แต่นางก็ไม่ได้นำมันออกมา ตอนนี้มีคนนอกอยู่จะเข้าไปหยิบก็ไม่ได้ผลลัพธ์คือเดิมทีนางมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ทว่าเวลานี้กลับต้องยื่นมือเข้าคว้าแขนของชายหนุ่มทันทีชายหนุ่มเดิมทีคิดว่าตนเองคว้ามือนางไว้แน่นแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะถูกนางดึงแขนไว้จนอยู่ แต่เขาก็ยังรีบพานา
ได้สมุนไพรชุ่ยซินสือหูมาแล้ว นางต้องรีบออกจากที่นี้ไปค้นหาสมุนไพรที่อื่นต่อเดินออกมาพักหนึ่ง นางก็ยังได้ยินเสียงเคืองๆ ของอาเพียนดังลอดมา"คุณชายท่านดูสิ เป็นหญิงสาวที่เย็นชาเสียจริง ท่านช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่นางกลับหนีไปแบบนี้แล้ว! นางไม่ถามด้วยซ้ำว่าคุณชายอยู่ที่ไหน แล้วจากนี้ไปจะตอบแทนอย่างไร? ข้ามองว่านางเป็นคนอกตัญญู"จงเจี้ยนติดตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง เอ่ยขอโทษเสียงต่ำ "คุณหนูฟู่ ข้าไม่ได้เรื่องจริงๆ ทำให้ท่านพบกับอันตราย""เจ้ารู้จักซือถูไป๋คนนั้นไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่รู้จัก แต่เจียงเป่ยทางนั้นมีตระกูลซือถูอยู่ โด่งดังเรื่องขายยา ร้านขายยาตระกูลซือถูมีอยู่ทั่วใต้หล้า ร่ำรวยจนเป็นศัตรูกับแคว้นได้เลย และไม่รู้ว่าซือถูไป๋คนนี้จะใช้คนจากตระกูลซือถูหรือไม่""อืม"ฟู่จาวหนิงตอบกลับแค่คำเดียว ไม่พูดอะไรอีกนางก็ว่าอยู่ว่าเมื่อครู่ได้กลิ่นหอมของตัวยาที่พิเศษมากๆ จากตัวของซือถูไป๋ใช่หรือเปล่านะ?"ถ้าหากเขาเป็นคนจากตระกูลซือถูของเจียงเป่ยจริง ก็คงจะเข้ามาเพื่อพิธีเดิมพันโอสถเป็นแน่" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้นอีกฟู่จาวหนิงได้ยินถึงพิธีเดิมพันโอสถมาสองครั้งแล้ว นางค้นข้อมูลเกี่ยวกับพิ
เศรษฐีฟางดีใจมาก ฟู่จิ้นเชินชมลูกสาวตนเองเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี "คุณชายฟู่ พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นคนดีมาก ท่านกับฮูหยินฟู่หลังจากนี้ก็ดีกับนางหน่อยล่ะ เด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ""แน่นอน"ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานมาก พวกเขาคุยกันครู่หนึ่ง ฝนก็หยุดแล้วพวกเขาจึงรีบเดินทางต่อหลังจากนั้นสองชั่วยาม ตอนที่ราตรีเข้ามาก็มาถึงจุดพักม้าแห่งหนึ่ง ใช้ค้างแรมได้"ก่อนหน้านี้ส่งคนเข้ามาแจ้งช่วงเวลาที่น่าจะมาถึง พวกเขาก็น่าจะเตรียมข้าวปลาอาหารไว้แล้ว คุณชายฟู่ พระชายา พวกท่านไปล้างหน้าล้างตากันก่อน อีกเดี๋ยวค่อยลงมาท่านข้าวเถอะ" อันเหนียนเอ่ยขึ้น"ได้" ฟู่จาวหนิงรับขึ้นมาเสียงหนึ่ง"คุณหนู" เสี่ยวเยว่ที่แต่งเป็นเชายเดินเข้ามา "ข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านนะ""เสี่ยวเยว่?"ฟู่จาวหนิงมองฟู่จิ้นเชิน เสี่ยวเยว่เดิมทีอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ นางเองก็ไม่ได้เอาสาวใช้มาที่เมืองเจ้อด้วย คิดไม่ถึงว่านางจะตามมาแล้ว"ให้นางติดตามไปเถิด ข้างกายเจ้ามีสาวใช้อยู่บ้างก็ดูสะดวกดี" ฟู่จิ้นเชินทักมาคนก็ตามมาแล้วด้วย จะทำอย่างไรได้อีกกัน?ฟู่จิ้นเชินเสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง "นี่เป็นความต้องการของอ๋องเจวี้ย
อันเหนียนยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง แต่เขาเพิ่งยื่นมือออกไป ตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงฟางซือฉิงด้านหลัง สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา หดมือกลับไปเขาเอียงตัว ให้ฟางซือฉิงผ่านเข้าไปจากนั้นก็ส่งสายตากับฟู่จิ้นเชิน"คุณชายฟู่ เข้าไปในวัดหลบฝนก่อนเถิด" อันเหนียนเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน"เชิญท่านผู้ตรวจการอัน"ฟู่จิ้นเชินส่งร่มให้ฟู่จาวหนิง ส่วนตนเองก็เข้าไปในร่มของอันเหนียนฟู่จาวหนิงกางร่ม กระโดดลงมาจากรถม้า ยื่นร่มไปกางบนหัวฟางซือฉิง "ทำไมถึงวิ่งมาที่นี่ล่ะ? ระวังเปียก""จาวหนิง" ฟางซือฉิงใช้ศอกสะกิดนาง จากนั้นมองไปทางอันเหนียน ประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นเบาๆ "ผู้ตรวจการชิงนี่อ่อนโยนดีจัง"ภาพที่อันเหนียนกางร่ม แล้วยื่นมือไปหาฟู่จาวหนิงนั่น น่าดูจริงๆแต่นางก็กล้าคิดแค่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแค่คิดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดต่ออ๋องเจวี้ยนแล้วฟู่จาวหนิงตีนาง "ผู้ตรวจการอันโอ่นโยนกับองค์หญิงหนานฉือมากกว่าอีก""อืมอืม"ฟางซือฉินเองก็ไม่กล้าพูดมากกว่านี้"พระชายา รีบเดินเร็ว" ฮูหยินฟางกวักมือหาพวกนาง "ซือฉิงเด็กคนนี้นี่ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังจะกระโดดโลดเต้นแบบนี้อีก"ยืนรออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว จะวิ่งแจ
ด้านนอกรถม้าจู่ๆ มีเสียงเคาะเปาะแปะ และถี่มากฝนตกแล้วเม็ดฝนค่อนข้างใหญ่ แรงที่กระทบตัวรถม้าไม่เบาเลยเสียงพูดคุยด้านนอกก็ดังเพิ่มขึ้นมา พวกเขาล้วนตะโกนให้เร่งความเร็ว วิ่งตรงไปอีกหน่อย ลองดูว่าข้างหน้ามีจุดให้หลบฝนบ้างไหมสองฟากฝั่งถนนทางการก็โล่งโจ้ง ไม่มีต้นไม้ไม่มีเพิ่งน้ำชา ชั่วขณะหนึ่งยังหาที่หลบฝนไม่ได้หิมะแม้จะละลายไปมากแล้ว แต่ตอนนี้พอฝนตกถนนก็เป็นดินโคลนและยังเปียกลื่นด้วยพวกเขานำของมาไม่น้อย หากพลิกคว่ำไปจะสกปรกเอา"ตอนนี้ทำไมมีฝนตกได้เนี่ย?"สืออีที่ขี่ม้าอยู่ด้านนอกก็พูดกับสือซานขึ้นมา"อากาศช่วงครึ่งปีนี้เดิมทีก็ประหลาดอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีผู้ประสบภัยตั้งมากมายได้อย่างไร" สือซานถอนใจ "ไม่เช่นนั้นผู้คนจะพูดหรือว่าดวงชะตาของแคว้นเจาเดินมาถึงปลายทางแล้ว?"ดวงชะตาเดินถึงปลายทางแล้ว เช่นนั้นก็อาจจะเกิดภัยธรรมชาติหรือหายนะจากมนุษย์ได้สินะ?ถึงอย่างไรสถานที่ต่างๆ ก็ล้วนประสับภัยกัน พวกเขาทางนี้จู่ๆ ฝนตกหนักก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร"อย่าพูดจาไร้สาระ รีบเร่งเดินทางเถอะ เพิ่มความระมัดระวังด้วย" สืออีตะคอกขึ้นมาคนตระกูลฟางที่รออยู่ในวัดภูเขาแห่งหนึ่งด้าน
ฟู่จาวหนิงในเมื่อถามขึ้นมาแล้ว เขาจึงบอกกับนางอย่างตั้งใจ"ยังมีอีกเรื่อง ข้าอยากจะเปิดโรงศึกษา ไปเป็นอาจารย์"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเขาอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย"อันที่จริงตอนนั้นถ้าหากข้าไม่ได้ออกไป ข้าก็เกือบได้เดินในสองเส้นทางนี้แล้ว ถ้าหากสอบติดขั้นสูง ก็เข้าวังเป็นข้าราชการ ถ้าหากสอบไม่ผ่าน ก็จะทำโรงศึกษาเพื่อสอนผู้คน"ฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ นั่งลงให้สบายอีกหน่อยท่าทางของเขาดูมีรสนิยมอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังดูดีมีเสน่ห์กว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก"แต่ว่า เรื่องเหล่านี้มันก็เป็นแค่ความฝัน"คำพูดฟู่จิ้นเชินหักเปลี่ยน มองฟู่จาวหนิง "ข้าไม่รีบร้อนตั้งเป้าหมายอะไรให้ตนเอง เพราะข้ายังรู้สึกได้รางๆ ว่าช่วงสองปีนี้สำหรับแคว้นเจาของพวกเราแล้ว อยู่ในจุดเปลี่ยนที่ยากจะคาดเดา""หมายความว่าอย่างไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรง"องค์จักรพรรดิไม่ยอมรับอ๋องเจวี้ยน"นี่คือความจริง แต่ที่ทำให้ฟู่จิ้นเชินพูดออกมาตรงๆ ฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาบ้าง"ใช่ไหมล่ะ? ท่านว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้ใจแคบนักนะ? อันที่จริงเซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะนั่งตำแหน่งนั้นด้วยซ้ำ แต่องค์
ในเดือนหนึ่ง แถบเมืองหลวงมีฝนตกน้อยมาก น่าจะต้องรอจนถึงเดือนสองแต่ว่าตอนนี้ฟ้าจู่ๆ ก็มืดลง หม่นๆ มืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกกลุ่มนี้ของพวกขเายังไม่มีไปรวมกับขบวนพ่อค้าของตระกูลฟาง ยังต้องเดินอีกระยะหนึ่ง ขบวนพ่อค้าตระกูลฟางรอพวกเขาอยู่ที่ริมทางด้านหน้าหลังจากรวมกันต้องเร่งระยะทางอีกครึ่งวันจึงจะไปถึงสถานที่ที่เหมาะจะพักแรม แต่ถ้าถูกฝนนี้ทำให้ล่าช้า พวกเขาคืนนี้คงจะไปกันไม่ถึง แล้วต้องเดินทางกันตลอดทั้งคืน"ไปบอกพระชายาหน่อย พวกเราต้องเพิ่มความเร็ว"อันเหนียนกลัวว่าจู่ๆ ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้น ฟู่จาวหนิงจะสงสัย ดังนั้นจึงต้องให้คนไปแจ้งนางหน่อย"่ขอรับ"อันเหนียนครั้งนี้พาผู้ติดตามมาสองคน คนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจียง อีกคนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจิ้งทั้งสองคนดูแล้วฉลาดเฉลียวคล่องแคล่ว เสียวเจียงพอได้ยินคำพูดของอันเนหียน ก็รีบวิ่งไปทางรถม้าของฟู่จาวหนิง เคาะๆ กำแพงรถม้าเสียก่อน"พระชายา ท้องฟ้าดูไม่ดีเลย เหมือนฝนกำลังจะตก ใต้เท้าของข้าบอกว่าต้องเร่งความเร็วเดินทาง รถม้าอาจจะเขย่าหน่อย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออก พอเห็นเสี่ยวเจียง ก็มองไปยังท้องฟ้า พยักหน้าให้"เข้าใจแล้ว"เสี่
"เซียวหลันยวนรับปากแล้วว่าจะปกป้องเสี่ยวเฟย เช่นนั้นเขาจะไม่เกิดเรื่องอะไร"ฟู่จิ้นเชินเทน้ำให้ตนเองบ้าง ดื่มลงไปสองอึก ถึงหัวเราะเบาๆ มองฟู่จาวหนิง"เชื่อเขาขนาดนั้นเลยหรือ?""เชื่อสิ""เล่าเรื่องพวกเจ้าให้ข้าฟังบ้างสิ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นมาตามสถานการณ์ฟู่จาวหนิงชะงักไป "เล่าอะไรล่ะ?""ข้ารู้คร่าวๆ ว่าพวกเจ้าเจอกันได้อย่างไร แต่งงานกันอย่างไร แต่เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนี้ พวกนี้ไม่รู้เลย"น่าจะเพราะน้ำเสียงฟู่จิ้นเชินดูจริงใจ อยากจะรู้เรื่องราวของนางจริงๆ และเพราะเนื่องจากเพิ่งจะพูดเรื่องเฉพาะทางไปมากมาย ทำให้นางอยากจะคุยเรื่องอื่นบ้าง ฟู่จาวหนิงก็เลยเล่าออกมาจริงๆนางกับเซียวหลันยวนเหมือนจะผ่านเรื่องมาไม่น้อยเลย แต่เวลาที่ทั้งสองคนได้เปิดใจคุยกันก็ไม่นานนักแต่พวกเขาก็ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาไปเขาอวี้เหิงครั้งนั้น เซียวหลันยวนเกือบจะตายไปแล้วตอนที่นางถูกผู้บัญชาการกองธงมู่ที่ถูกลัทธิเทพทำลายล้างส่งมาจากต้าชื่อพาขึ้นไปบนภูเขาหิมะ เซียวหลันยวนก็หานางเจอแล้วช่วยนางไว้"อ๋องเจวี้ยนมาเจอกับเจ้า ไม่ใช่ว่าเขาก็โชคดีด้วยหรือ? ข้าได้ยินลุงเจ้าบอกว่า ถ้าไม่ม
ห้องขังนั้น ก็จริง...เก๋อมู่กวงเองก็ไม่สงสังจะว่าป เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับโป๋จี แขนของโป๋จีก็มีแผลอยู่จริงๆ"ดูแผลเขาหน่อย ถ้ามันหนักนักก็ให้ยาห้ามเลือดเสีย" ก่อนที่จะสอบสวนชัดเจน จะให้โป๋จีตายไม่ได้ยิ่งไปกว่นั้นยังต้องให้เขาตอบคำถามอีก"ขอรับ"ผู้คุมไปดูบาดแผลของโป๋จี จากนั้นจึงเห็นสิ่งแปลกปลอมชิ้นหนึ่งแหลมออกมาชิงอีดูถึงตรงนี้ก็วางใจ จดหมายนั่นถูกพบแล้ว"รองแม่ทัพเก๋อ! ในแผลนี้ยัดของเอาไว้!" ผู้คุมร้องขึ้นมาเก๋อมู่กวงตื่นเต้นขึ้นทันที รีบเดินเข้าไปดู ตรวจสอบด้วยตนเอง ดึงม้วนกระดาษนั่นออกมา"จดหมาย! ที่แท้เขาก็ซ่อนจดหมายไว้ในแผล! ฮ่าๆๆ! เจ้านี่มันใจหาญเสียจริง!"แต่จะมีประโยชน์อะไร? พระเจ้ายืนอยู่ข้างเขา นี่ไง เขาก็พบแล้วไม่ใช่เรอะ!เก๋อมู่กวงลิงโลดขึ้นมา แม้จดหมายนั่นจะชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังดีอกดีใจถ้าหากบนจดหมายมีคำว่าเฮ่อเหลียนเฟยสามคำ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไว้ ขอแค่มีชื่อนี้ เขาก็จะเข้าวังทันที!อ๋องเจวี้ยนก็จะกำเริบเสิบสานไม่ได้อีก!"ฮ่าๆๆ! คิดจะหลบรอดสายตาข้าเรอะ! อย่าหวัง!"เก๋อมกวงลิงโลดขึ้นมา กางจดหมายออกพอจดหมายกางออก ตาของเขาก็ปูดขึ้นมานี่
เก๋อมู่กวงรู้สึกว่าต้องเรียกฟู่จาวหนิงออกมา เรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นเขารู้สึกว่าด้วยท่วงท่าของตนเอง ทหารหยาบกร้านที่คุ้มครองชายแดนมาหลายปี จะทำให้ฟู่จาวหนิงต้องกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียงดังได้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเช่นนี้ ดังั้นจึงตบลงที่ต้นขา พูดคำพูดในใจตนเองออกมาราชองครักษ์ในที่สุดก็ทนฟังต่อไม่ได้ ทำลายจินตนาการของเขาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"รองแม่ทัพเก๋อ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็กำเริบเสิบสานไม่แพ้กันเลย!""ชู่!"พอคนแรกร้องออกมา คนอื่นก็รีบชู่ใส่เขา เป็นสัญญาณว่าอย่าพูดเสียงดังนักถ้าอ๋องเจวี้ยนได้ยินเข้า ต้องมาหาเรื่องพวกเขาแน่"อ๋องเจวี้ยนปกป้องพระชายาแค่ไหนไม่รู้รึ?"เก๋อมู่กวงมองปฏิกิริยาพวกเขาแล้วก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ใช่สิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็แค่หญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนั้นเชียวหรือ?""หญิงสาวอ่อนแอ?""รองแม่ทัพเก๋ท่านเข้าใจอะไรผิดกับหญิงสาวอ่อนแอหรือเปล่า?""ใช่ ข้ารู้ว่านางเป็นหมอเทวดา วิชารักษาเก่งเกินใคร แต่นี่มันอาจจะมีส่วนที่เกินจริงหน่อยไหม? ถ้าหากคุยโม้ออกมาโดยอ้างชื่อเสียงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ใช้วิธีการบางอย่างเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เช่นนั้นกระทั่งวิชา
พวกเขารู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นสายเลือดแท้จริงของเผ่าเฮ่อเหลียน ดังนั้นคนที่มีดวงตาสีนี้ถึงจะได้รับความสำคัญและได้รับความเชื่อถือที่ราชาเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้ค่อนข้างปล่อยปละฟู่จาวเฟย ไม่ได้คิดจะชุบเขาให้มาสืบทอดต่อแต่เนิ่นๆ ก็เพราะฟู่จาวเฟยไม่มีดวงตาเช่นนี้เก๋อมู่กวงก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจุดนี้เลย จนเซียวหลันยวนทักขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกออกเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริง!เขาที่เขาสังเกตเห็นโป๋จีระหว่าง อันที่จริงก็เพราะดวงตาเขาไม่เช่นนั้นโป๋จีที่แตี่งตัวเป็นประชาชนแคว้นเจาธรรมดา เขาจะมองออกได้อย่างไร"ไม่มีอะไรพูดแล้วหรือ?"เก๋อมู่กวงปากขยับ หันกลับมาเหลือบมองราชองครักษ์ที่ไม่กล้าขึ้นหน้า ในใจจู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาวันนี้ถ้าคิดจะดึงดันเอาตัวฟู่จาวเฟยกลับไป ดูท่านจะยากเสียแล้ว"แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟู่จาวเฟยก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ ดังนั้นข้าต้องพาเขาไปสอบสวน ให้เขากับโป๋จีเผชิญหน้ากัน ถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ข้าก็จะปล่อยคนทันที"เก๋อมู่กวงเจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน กัดเหงือก เอ่ยต่อว่า "ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังไม่วางใจ จะส่งคนไปตรวจสอบตามไปตรวจสอบก้ได้ พวกเรา พวกเราไม่ลงโทษนอกกฏหมายอ