ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ ตอนนี้คนก็แวะเข้ามาหาแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงเตรียมจะไปพบที่โถงหน้า"ท่านจะไปด้วยกันไหม?" ตอนนางออกประตูยังหันหน้ากลับมามองเซียวหลันยวน"ไปสิ ภรรยาสั่งแล้วสามีก็ต้องทำตาม" เซียวหลันยวนหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมอีกครั้งฟู่จาวหนิงรู้สึกขำๆเรื่องแบบนี้ยังจะใช้คำว่าภรรยาสั่งสามีต้องทำตามอีกหรือ?นางเหลือบมองหน้ากากเขาผาดหนึ่ง อดถามขึ้นมาไม่ได้ "ท่านคิดจะปลดหน้ากากออกมาตอนไหนกัน?"หน้าของเขาหายดีแล้ว ตอนนี้ยังจะสวมหน้ากากเอาไว้ทำไมกัน? หรือว่าสวมจนชินแล้ว ตอนไม่มีหน้ากากก็ไม่รู้จะพบกับผู้คนอย่างไร?"ยังไม่ถึงเวลาน่ะ""เวลาอะไรหรือ?"จะปลดหน้ากากยังต้องมีเวลาอีกหรือ?"กลับไปจะบอกเจ้านะ" เซียวหลันยวนจูงมือนางและตอนนี้เอง ฮูหยินอู๋กำลังนั่งอยู่ที่โถงหน้าของบ้านตระกูลฟู่ จ้องมองภาพที่แขวนอยู่บนกำแพง สายตาตกอยู่บนลายนามที่อยู่บนรูปรูปใบนี้ฟู่จิ้นเชินเป็นคนวาด ลายนามนั้นจึงเป็นชื่อของเขาเฉินซานเฝ้าอยู่นอกประตูโถง ยื่นหัวเหลือบมองเข้ามาด้านใน ฮูหยินอู๋ก็หมุนตัวกลับมาพอดี สายตาถูกเขาจับได้ เหมือนมีความคมกริบอยู่หน่อยๆภาพนี้ทำไมถึงมีสายตาแบบนี้?เฉินซานใจสั่นกึก พอกำลั
เป็นคนชั้นสูง แล้วยังสวยขนาดนี้ เฉินซานน่าจะรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายถึงจะถูกเฉินซานเข้าใจสายตาซักถามของนาง เขาส่ายหัว แสดงออกมาว่าไม่รู้จักไม่ใช่แค่ไม่รุ้จัก กระทั่งสกุลอู๋นี้ ฮูหยินอู๋ เขาก็เหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่คนของเมืองหลวงตอนนี้ฟู่จาวหนิงจึงมองไปทางเซียวหลันยวน เซ๊ยวหลันยวนกลับกำลังมองมาที่นาง ข้างหูของฟู่จาวหนิงก็มีสื่อเสียงรหัสลับส่งเข้ามา"หนิงหนิง ระวังหน่อย หญิงสาวคนนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นคนที่วางยาพิษคนคนนั้น"คนคนไหน?ฟู่จาวหนิงครุ่นคิด จึงเข้าใจว่าเขาพูดถึงใครคนที่วางยา 'มหารัญจวน' ใส่จูเฉียนเฉี่ยนหรือ?หรือก็คือ อาจจะเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง?ถ้าหากเป็นนางจาิง เช่นนั้นนางก็กล้าหาญมาก วางยามหารัญจวนใส่จูเฉียนเฉี่ยน ให้จูเฉียนเฉี่ยนมารังควาญพ่อนาง ตอนนี้ตัวเองก็ยังกล้ามาหาถึงที่อีก?ถ้าไม่ได้มีเบื้องหลังดีจนไม่กลัว ก็น่าจะเป็นคนฝีมือดีจึงกล้าหาญกระมัง?ฟู่จาวหนิงไม่สนใจ"อนุผู้ต่ำต้อยอย่างข้านามสกุลอู๋ คารวะอ๋องเจวี้ยน พระชายา"ฮูหยินอู๋คารวะทักทายมาทางพวกนางทั้งที่เป็นแค่การคารวะง่ายๆ แต่นางก็ทำออกมาได้ดูมีเสน่ห์ยวนใจ ทำให้คนร
"พระชายาเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ข้าชอบพระชายามาก""ขอบคุณที่ท่านชอบ" ฟู่จาวหนิงเก็บรอยยิ้มลงมา "เช่นนั้นฮูหยินอู๋ก็อธิบายเจตนามาเถิด เชื่อว่าอูหยินอู๋คงจะหาข่าวมาแล้ว ว่าข้าเพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ เหนื่อยมาก ดังนั้นไม่มีเวลากับอารมณ์มาเล่นใบ้คำกับคนแปลกหน้าที่นี่"ฟู่จาวหนิงพูดออกมาตรงๆนี่เท่ากับบอกฮูหยินอู๋ว่า พวกเขาเดาตัวตนฐานะนางได้แล้ว รู้ว่าก่อนหน้านี้นางทำอะไรมา จนทำให้จูเฉียนเฉี่ยนโดนพิษมหารัญจวนเข้า จนเกือบได้ไปพัวพันกับฟู่จิ้นเชินแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงท่าที ว่าพวกเขาตอนนี้ตั้งตัวเป็นศัตรูอยู่ ไม่ต้องเปลืองแรงเสแสร้งแล้ว แล้วก็ไม่ต้องคิดจะตีสนิท มีเรื่องอะไรก็พูดมาฮูหยินอู๋ตอนนี้ก็เหมือนจะปรับตัวกับความตรงไปตรงมาของฟู่จาวหนิงได้แล้วลักยิ้มที่มุมปากนางเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน "พระชายา ข้ายอมรับ ว่าระหว่างทางที่มาเมืองหลวงเจอเข้ากับแม่นางจูจริงๆ ได้ยินความในใจของแม่นางจูมา ดังนั้นจึงช่วยนางไป"เซียวหลันยวนสบตากับฟู่จาวหนิงผาดหนึ่งพวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าตู้ถังจะสารภาพตรงๆ ขนาดนี้ ยอมรับว่าเรื่องนั้นนางเป็ฯคนทำนางไม่กังวลว่าตัวตนสาวกลัทธิเทพทำลายล้างของตนเองจะถูกเปิดเผย
ฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือฮูหยินอู๋จริงๆ ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจด้วยว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่แต่นางก็สังเกตได้ถึงจิตสังหารที่ทะลักออกมาของเซียวหลันยวนได้อย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงยื่นมือไปกดหลังมือเซียวหลันยวนไว้ เขาพลิกมือมากุมมือนาง เก็บจิตสังหารลงมาลัทธิเทพทำลายล้างส่งคนมาไล่สังหารสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน ไม่ใช่เพราะเรื่องที่วางยาเขาตอนนั้นหรือ? พอพูดถึงความแค้นนี้ เขาก็แทบจะควบคุมไม่อยู่"ลัทธิเทพทำลายล้างนี่ดีเสียจริง"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสงบคำหนึ่งนี่เป็นประโยคแรกที่เขาพูดขึ้นมา ฮูหยินอู๋มองเขา แม้น้ำเสียงประโยคนี้ของเขาจะค่อนข้างสงบ แต่นางก็ยังฟังออกว่ามีความเย็นเยียบซ่อนอยู่ด้านในประโยคนั้นของเซียวหลันยวนยังพูดไม่จบ เขานั่งยองลงมาแล้วเอ่ยต่อว่า "ดังนั้นลัทธิเทพทำลายล้างตอนนี้ถึงได้กำเริบเสิบสานนัก คิดจะอธิบายสาเหตุที่วางพิษใส่ข้าในตอนนั้นให้ชัดเจนแล้วหรือยัง?"เรื่องนี้จึงเปิดออกมาอย่างตรงไปตรงมาสมเป็นลัทธิเทพทำลายล้างจริงๆ ไม่หลบไม่เลี่ยงอีกแล้ว"อ๋องเจวี้ยน ตอนแรกข้าขออธิบายหน่อย เรื่องในตอนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าเลย ตอนนั้นข้าเพิ่งจะกี่ขวบเอง? ยังไม่ได้เข้าร่วมล
ฟู่จิ้นเชินมองฮูหยินอู๋ผาดหนึ่ง มีสีหน้าประชดประชันขึ้นมา"ฮูหยินอู๋ฆ่าสามีตัวเองแล้วหนีออกมาหรือ?"พรวดประโยคนี้แทบจะทำให้ฟู่จาวหนิงสำลักนี่มันเรื่องอะไรกัน?"ท่านพ่อรู้จักนางหรือ?"นี่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่าฟู่จิ้นเชินไม่ใช่แค่เคยได้ยินชื่อผู้คุมกฏซ้ายของลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ยังรู้จักฮูหยินอู๋แปลกๆ คนนี้ด้วยยิ่งไปกว่านั้นแค่ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ก็มีปริมาณข้อมูลอยู่ไม่น้อยเขาไม่ใช่แค่รู้จักนาง แต่ยังรู้เรื่องส่วนตัวนางด้วย? ฆ่าสามีหรือ?"ฮูหยินอู๋คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา "ฟู่จิ้นเชินเดินผ่านข้างตัวฮูหยินอู๋ไป นั่งลงอีกด้านของฟู่จาวหนิง "นางเป็นฮูหยินของเจ้าแท่นบูชาที่มีชื่อคนหนึ่งของลัทธิเทพทำลายล้าง และเจ้าแท่นบูชาคนนั้นเดิมทีก็มีความเป็นไปได้ที่จะมานั่งในตำแหน่งผู้คุมกฏขวาด้วย"ฮูหยินอู๋หันตัวกลับมา มองฟู่จิ้นเชินอย่างตกตะลึงเช่นกันมองปฏิกิริยาของนาง ก็เหมือนจะไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินจะรู้เรื่องของตัวเองมากขนาดนี้ทั้งสามคนที่นี่ล้วนถูกฟู่จิ้นเชินทำให้ตกตะลึงนิ่งไปแล้ว จนต้องฟังเขาพูดต่อไป"ช่วงปีนั้น จานเหลียนเหริ่นส่งคนไปจับข้ากับเสิ่นเชี่ยวอยู่ตลอด แต่เจ้าแ
ฮูหยินอู๋สีหน้าดูปั้นยากขึ้นหน่อยๆแต่ความอดทนของนางเองก็ไม่เลวเลย เป็นแบบนี้ แต่สายตายังคงไม่หลบไม่หลีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความประหม่าอีกด้วยตอนที่ฟู่จิ้นเชินพูดจบแล้วมองเข้ามา นางก็ยิ้มตอบมาคำหนึ่ง"เหล่านี้คือการคาดเดาของคุณชายฟู่ ข้ากับพี่ชายก็รักกันดีจริงๆ แต่ความรักกับสามีเองก็ไม่ใช่จะแย่อะไร"พูดคำเหล่านี้ ฮูหยินอู๋ก็ยังดูอ่อนแอไร้ที่พึ่งอยู่ แม้นางจะดูงดงามมากจริงๆ ทำท่าทางอ่อนแอออกมาก็ไม่ได้ดูน่าสงสารขนาดนั้น แต่ดูไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด"การทะเลาะกันระหว่างสามีภรรยาไม่มีอะไรแปลกนี่ ทะเลาะกันเสร็จแล้วคืนดีกันไม่ใช่เรื่องปกติหรือไร? เขาก็พูดมาแล้ว ว่าเรื่องของพี่ชายข้าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ข้าเองก็ไม่ได้คิดว่าความตายของพี่ชายคือความรับผิดชอบของเขา ยิ่งวางยาพิษฆ่าเขาไม่ได้เลย""เจ้าแท่นบูชาอู๋จะเป็นเจ้าฆ่าหรือไม่ อันที่จริงข้าก็ไม่ได้สนใจ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเขาแค่อยากบอกเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเท่านั้น ว่าฮูหยินอู๋คนนี้เป็นคนเช่นไรฮูหยินอู๋เองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฟู่จิ้นเชินจะรู้รายละเอียดมากขนาดนี้นี่มันทำแผนนางปั่นป่วนไปหมด
นางยังคิดเช่นนี้จริงๆ"ได้ยินว่า เมืองหลวงมีคนไม่น้อยที่วิจารณ์ตัวตนของพระชายา ถึงตอนนั้นคุณชายฟู่ถ้าสูงขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง ตระกูลของพระชายาก็จะยกระดับขึ้น นางอยู่กับอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่จะยิ่งสมบูรณ์แบบไปอีกหรือ?"นางเจตนาดีจริงๆ นะตอนนี้ยังมารายงานเรื่องสำคัญพวกนี้กับพวกเขาด้วยน่าจะเชื่อนางบ้างกระมัง?ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "พูดแบบนี้ พวกเราควรจะซาบซึ้งท่านสินะ?""ไม่ต้องหรอก" ฮูหยินอู๋ส่ายหัว "ตอนนี้ดูเหมือนพวกท่านจะไม่ชอบที่ข้าทำโดยพลการแบบนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าก็ขอโทษด้วย กลับไปแล้วข้าจะส่งของขวัญมาให้ เพื่อขอขมาคุณชายฟู่ และขอให้คุณชายฟู่ให้อภัยด้วย หลังจากนี้ข้าจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก ได้ไหม?"ตอนที่นางพูดคำว่าได้ไหมกับฟู่จิ้นเชิน สีหน้าก็ดูกินใจมากกระทั่งฟู่จิ้นเชินพริบตานั้นก็ยังใจอ่อนลงมา เกือบจะพยักหน้าให้เสียแล้วแต่ตอนที่กำลังจะพยักหน้าเขาก็ได้สติขึ้นฉับพลัน รีบเบนสายตาออก ไม่มองฮูหยินอู๋แล้ว"อยู่ต่อหน้าข้า เลิกเล่นอุบายต่ำๆ นั่นได้แล้ว ระวังข้าจะควักตาเจ้าออกมา"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นไร้อารมณ์ ทำเอาฮูหยินอู๋ใจสั่นกึก ทำหน้าตากลับมาจริงจังทันทีนางมองไปทางเซีย
เซียวหลันยวนรู้ว่าเสิ่นเชี่ยวอยู่ด้านนอก แต่จุดที่นางยืนอยู่ในโถงนี้มองไม่เห็ฯ ดังนั้นพ่อลูกคู่นี้จึงไม่รู้เมื่อครู่ ฮูหยินอู๋พูดถึงจูเฉียนเฉี่ยนใจกว้างมีไมตรีอะไรนั่น นับถือศรัทธาอะไรนั่น คิดจะตอบแทนอะไรนั่นถึงอย่างไร ด้วยความคิดของตัวเขา ถ้าหากนางได้ยินว่ามีคนรักฟู่จาวหนิงขนาดนี้ เขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน เสิ่นเชี่ยวจะรับได้หรือ?ฟู่จิ้นเชินมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ลุกขึ้นยืนเดินออกไปนอกโถง พอออกไปก็เห็นเสิ่นเชี่ยวอยู่ด้านนอกจริงๆเสิ่นเชี่ยวตอนนี้สีหน้าดูซับซ้อน"ฮูหยิน""ท่าน ท่านกับแม่นางจูคนนั้น..."ตอนอยู่ที่เมืองเจ้อน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฮูหยินอู๋ที่ออกไปเมื่อครู่คนนั้น เสิ่นเชี่ยวเองก็มองออกว่านางไม่ธรรมดานางยื่นมือมาสอดระหว่างฟู่จิ้นเชินกับแม่นางอีกคนหนึ่ง นั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่กระมัง?เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้บอกนางนี่?"เรื่องนี้ข้าแค่ยังไม่ทันได้เล่าให้เจ้าฟัง เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น" ฟู่จิ้นเชินเดินมาตรงหน้านาง"แม่นางจูคนนั้นคิดจะตอบแทนท่านจริงๆ หรือ? ท่านไปมีบุญคุณอะไรกับนางมา?"เสิ่นเชี่ยวจิตใจซับซ้อนสับสนมากก
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ