"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนหน้า เสี่ยวเยว่กับไฉ่เอ๋อร์ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้วเพราะจูเฉียนเฉี่ยนกระชากเสื้อผ้าตนเองออกหมดแล้ว สีหน้าก็แดงก่ำ สายตาที่มองพวกนางล้วนประกายที่ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่ถ้าไม่ใช่เพราะอายคน เสี่ยวเยว่ก็อยากจะถามหมอหลวงเผียว ว่าพอโดนยานี้แล้ว จะกลายเป็นพวกกินไม่เลือก แล้วหันมากัดนางกับไฉ่เอ๋อร์หรือเปล่า?หญิงสาว ไม่น่าจะมีประโยชน์หรอกกระมัง?"แม่นาง ขอร้องล่ะ รีบได้สติเสียที!" ไฉ่เอ๋อร์เห็นสภาพนี้ของจูเฉียนเฉี่ยนแล้วรู้สึกพังทลายมากพวกนางลงกลอนที่ประตู ไม่เช่นนั้นถ้ามีชายหนุ่มทะเล่อทะล่าเข้ามาแล้วเห็นสภาพของจูเฉียนเฉี่ยนเข้าล่ะก็ จูเฉียนเฉี่ยนคงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วเสี่ยวเยว่เห็นแล้วก็รู้สึกไม่มีทางเลือก นางคิดจะฟาดจูเฉียนเฉี่ยนให้สลบไปแต่หมอหลวงเผียวบอกว่าสกัดจุดชีพจรก็ยังไม่ได้ผล"สาดน้ำเย็นใส่นางได้ไหม" เสี่ยวเยว่ถามที่นี่มีน้ำเย็นอยู่กาหนึ่ง เย็นชืดไปแล้ว"แบบนั้นแม่นางข้าจะเป็นหวัดไหม?" ไฉ่เอ๋อร์กลัวขึ้นมาเสี่ยวเยว่เอาชุบน้ำ จากนั้นปิดไปบนหน้าจูเฉียนเฉี่ยน"ทำแบบนี้จะได้สติมาหน่อยไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกเย็ฯวาบ แต่ก็แค่สั่นขึ้นมา ยังไม่ได้สติ
ชื่อซุนฉงหมิง ไป๋หู่กับสืออีแน่นอนว่ารู้จัก ตอนอยู่ในเมืองจี้ที่ต้าชื่อ พวกเขาก็เจออยู่บ่อยครั้งซุนฉงหมิงคิดจะมาขัดขวางฟู่จาวหนิงเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่ เพียงแต่การสร้างความลำบากของเขาขวางฟู่จาวหนิงไว้ไม่ได้ประธานกงซุนของสมาคมหมอใหญ่เองก็สนับสนุนฟู่จาวหนิง ซุนฉงหมิงจึงทำอะไรไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นก็หนักมาก แม่นางคนนี้ดูเหมือนจะยังไม่แต่งงานด้วย" หยวนอี้ขมวดคิ้วขึ้นมาเจ้าพวกลัทธิเทพทำลายล้างนั่น แต่ละคนมันบ้าบอสิ้นดีทำยาแบบนี้ออกมา ที่บอกว่าแก้ยาก มันก็แก้ได้ยากจริงๆ ไม่มียารักษาแต่จะบอกว่าแก้ง่าย อันที่จริงก็ไม่ได้ยาก เอาจริงๆ ก็คือยาที่ทำให้คนเสียความบริสุทธิ์! มีผู้ชายสักคนก็พอแล้วแต่ว่า แม่นางคนนี้ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะไปหาผู้ชายจากไหนมาให้นาง?ถ้าหาผู้ชายส่งเดชมาให้นาง หลังจากนี้นางไม่ต้องเอาหัวไปชนกำแพงตายรึ? นี่ไม่ต่างอะไรกับการไม่ช่วยเหลือเลย"ยานั่นหรือ?" ไป๋หู่หน้าเย็นชาลงมาลัทธิเทพทำลายล้าง ลัทธิเทพทำลายล้างอีกแล้ว"ใช่เลย เจ้ายานี่ชื่อว่ามหารัญจวน"หมอหลวงเผียวเอ่ยขึ้น สีหน้ากระดากเล็กน้อย เขาเองก็เจอกับยาทำนองนี้มาไม่น้อยในวังหลัง ตอนที่พวกนางในทะเลาะกันแย่
จูเฉียนเฉี่ยนพยายามลืมตามองเขา พอเห็นใบหน้าชายแปลกหน้า ก็ร้องเสียงแหลมถอยออกไปสองก้าวทันที เกือบจะล้มคะมำลงพื้นหยวนอี้ที่ตามมาก็รีบยื่นมือประคองนาง.แต่จูเฉียนเฉี่ยนยืนไม่มั่นคง ทั้งตัวจึงแนบชิดเข้าไปที่อ้อมกอดนาง"ยืนดีๆ ยืนดีๆ!" หยวนอี้หน้าเปลี่ยนสี รีบผลักนางไปบนตัวเสี่ยวเยว่ ตนเองก็ผละออกมาเหมือนสัมผัสกับสิ่งสกปรก "ประคองนางดีดี""แม่นางเสี่ยวเยว่ ขอร้องท่านล่ะ ให้แม่นางของข้าเข้าไปในห้อง แล้วให้คนอื่นออกไปให้หมดด้วย" ไฉ่เอ๋อร์ลนลานขึ้นมา"ไปทางนั้น" เสี่ยวเยว่ชี้ไปที่ห้องหนึ่ง หมอหลวงเผียวจึงเดินตามเข้ามาตอนนี้เขาก็พยายามช่วยรักษาคนไข้อยู่เพียงแต่แม่นางคนนี้ดูแล้วไม่เหมือนผู้ประสบภัย"แม่นางของพวกเรามาให้หมอฟู่รักษาน่ะ ไม่ต้องการหมอหลวงเผียวคนนี้" ไฉ่เอ๋อร์พอเห็นหมอหลวงเผียวก็ตามเข้ามา สีหน้าเปลี่ยนไปอีก"ตอนนี้คุณหนูของข้าไม่ว่าง หมอหลวงเผียวตรวจอาการให้พวกท่านก็ดีอยู่แล้ว เขาอยู่ในวังก็คอยรักษาให้กับเหล่าขุนนางที่วังหลัง พวกท่านยังจะกลัวอะไรอีก?" เสี่ยวเยว่น้ำเสียงเย็นชาจูเฉียนเฉี่ยนที่ถูกประคองให้นั่งลงตัวก็ยังบิดไปบิดมาเหมือนนั่งไม่นิ่ง"แม่นาง ยื่นมือออกมา ข้าจ
สืออีมองตามนิ้วของเสี่ยวเยว่ไปพอเห็นรถม้านั่น สืออีเองก็จำได้ หน้าเปลี่ยนสีไป"ไม่ใช่หรอกกระมัง? ห่างกันตั้งครึ่งเดือนกว่าแล้ว ทำไมยังมาที่นี่อีก?" นี่มันเวรกรรมอะไรกัน?หรือก็คือ อีกฝ่ายจงใจเข้ามาโดยเฉพาะ? แต่ก็ไม่ควรจะใช้เวลานานขนาดนี้สิ"ลองดูก่อนว่าสถานการณ์ไหน"ตอนที่รถม้ามาถึงประตูใหญ่ ก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้ม่านรถเลิกขึ้น สาวใช้ผมกระเซิงคนหนึ่งกระโจนลงมาจากรถม้า องครักษ์จำใจต้องเข้าไปประคอง จากนั้นจึงรีบถอยออกมา"ขอบคุณ" ไฉ่เอ๋อร์เสียงเล็กเหมือนยุง รีบเหลือบมองไปทางองครักษ์ผาดหนึ่ง หน้าแดงหน่อยๆองครักษ์คนนี้ดูแล้วไม่เหมือนองครักษ์ทั่วไปเลย ดูห้าวหาญดีจริงเสี่ยวเยว่ให้คนประคองคนป่วยเข้าไป หมุนตัวออกมาอีกครั้งก็เห็นไฉ่เอ๋อร์ สายตาเย็นเยียบลงมาสาวใช้คนนี้จริงๆ ด้วยนี่คือสาวใช้ข้างกายแม่นางจูในจุดพักม้าระหว่างทางคนนั้นมองไม่ผิดจริงๆไฉ่เอ๋อร์รีบลงจากรถม้า มองมาทางเสี่ยวเยว่ จากนั้นก็เห็นสืออี นางจำได้แล้วแต่นางก็เขินอายที่จะพูด ก้มหน้าลงต่ำทันทีในรถม้ามีเสียงอ่อนแอดังขึ้น"ไฉ่เอ๋อร์ มาถึงแล้วใช่ไหม? รีบประคองข้าลงจากรถม้าที"เสี่ยวเยว่เดินเข้ามา ยื่นหน้ามอง
จากนั้นนางก็ร้อนรนขึ้นมา รีบพลิกค้นของด้านใน แต่ไม่ว่าจะพลิกอย่างไร กล่องใบนั้นก็หายไปแล้ว!พอเห็นท่าทางของเฉินเซียง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที"มีอะไรหรือ?""ของหายไปแล้วเจ้าค่ะ!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกพรวดขึ้นมา เดินโซซัดโซเซเข้าไป และรื้อคนพลิกหาด้วยเช่นกัน"หายไปได้อย่างไรกัน? ข้าเห็นเจ้าเอามาใส่ในกล่องนี้แล้วแท้ๆ!""นั่นสิ ข้าน้อยวางมันไว้ในนี้จริงๆ แล้วยังลงกลอนไว้อีก หลังจากลงกลอนแล้วก็ไม่ได้เปิดออกอีกเลย แล้วมันหายไปได้อย่างไรกัน?"เมื่อครู่นางเองก็หยิบกุญแจปิ่นปักผมออกมาเปิดกลอน ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้องเลย!"รีบหาดูให้ทั่ว"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานมาก สิ่งของไม่ใช่แค่นางต้องการนำไปเจรจาเงื่อนไขเท่านั้น แต่สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วยังสำคัญมากอีกด้วย ถ้าหากมาหายในมือนาง แล้วอ๋องเจวี้ยนรู้เข้าภายหลัง แล้วนางจะทำอย่างไรกัน?นายบ่าวทั้งสองรื้อค้นในห้องกันเลเเทะ ค้นหาทุกซอกทุกมุม แต่ก็หาไม่พบ"จะต้องถูกหมอเทวดาฟู่เอาไปแล้วแน่ นางเคยเข้ามาในห้องพวกเรา" เฉินเซียงร้องขึ้นมา "ที่นี่มีแต่คนของนาง คนเหล่านั้นล้วนช่วยเหลือนาง ตอนที่พวกเรากลับมาจะต้องถูกคนเห็นแล้วแน่..."
"เฉินเซียง ข้าจะทำอย่างไรดี?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำได้เพียงงึมงำถามเฉินเซียง ท่านทีของอ๋องเจวี้ยน กับความเย็นชาของฟู่จาวหนิง เส้นทางที่จะเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ผ่านไปไม่ได้แล้วนางทำมาถึงจุดนนี้แล้ว จะให้ต้องตกต่ำลงไปอีกนั้นมันก็มากเกินไปยิ่งไปกว่านั้นต่อให้นางจะตกต่ำเรี่ยดิน อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่แน่ว่าจะหวั่นไหว เขามันไร้อารมณ์เกินไปเฉินเซียงนั่งอยู่บนเกาอี้ งอตัวค้อมลงมา ที่โดนฟู่จาวหนิงเตะไปเมื่อครู่ นางรู้สึกว่าตนเองตอนนี้ไม่ดีขึ้นได้เลย ความเจ็บปวดบนร่างกาย ทำให้ในใจนางยิ่งรู้สึกชิงชัง"องค์หญิงใหญ่ ในเมื่ออ๋องเจวี้ยนไร้ความรู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยวางเถิด จากที่ข้าน้อยเห็น บางทีอ๋องเจวี้ยนในแคว้นเจาก็เหมือนจะปกป้องตัวเองลำบากอยู่ จักรพรรดิแคว้นเจาคิดจะเล่นงานเขาตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารับปาก เพราะเดิมทีเขาก็ไม่มีฝีมืออยู่แล้ว!"เฉินเซียงรู้สึกว่าตอนนี้พูดแย่ๆ กับอ๋องเจวี้ยนแล้ว ยังทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย"ขนาดเขาตอนนี้ยังไม่กล้าปลดหน้ากากลงเลย น่าจะเพราะใบหน้าของเขามันพังยับจนไม่เหลือสภาพแล้วจริงๆ ไม่กล้าจะให้องค์หญิงใหญ่เห็น เขารู้สึกด้อยค่า ใช่แล้ว
หยวนอี้เข้าใจความหมายของนางขึ้นมาทันทีเขาไม่มีตกตะลึงเลยแม้แต่น้อยแม้ฟู่จาวหนิงจะยังสวมหน้ากาก โผล่มาเพียงตาคู่เดียว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่านางมีแรงมาก"ข้าเป็นลูกมือให้ท่านได้จริงๆ นะ ที่นี่ไม่ใช่ว่าขาดกำลังคนอย่างหนักอยู่หรือ?"หยวนอี้ยังอยากจะเสนอตัวเองอยู่"ข้าทำนาได้ปลูกต้นไม้ได้ แล้วก็มีพละกำลัง แต่ไม่ใช่แบบพวกคนไร้ความสามารถนะ พวกงานที่ต้องใช้แรงให้ข้าจัดการได้เลย ในเมื่อที่นี่ขาดคน เช่นนั้นมีคนตัวใหญ่อย่างข้าที่นี่ ไม่ใช้ก็น่าเสียดายนะจริงไหม?""ไม่กล้ารบกวนท่านทูตจากแคว้นหมิ่นหรอก" ฟู่จาวหนิงพูดจบก็หมุนตัวเข้าเรือนไปไป๋หู่ขวางหยวนอี้ไว้ เขาเองก็เข้าไปไม่ได้ ทำได้แค่มองแผ่นหลังของฟู่จาวหนิงอย่างเสียดาย ถอนหายใจออกมา"คุณชายหยวนถ้าหากพุ่งเป้ามาหาจาวหนิงจริง เช่นนั้นก็ล้มเลิกความคิดเสียเถอะ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้น"คุณชายฟู่ เรื่องนี้ก็น่าจะพูดกับท่านได้กระมัง? อันที่จริงสำหรับพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว ก็อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยก็ได้""เป็นเจตนาของแคว้นหมิ่น หรือว่าของตัวท่านเองกันล่ะ?""ตอนแรกก็เป็นของตัวข้าเอง แต่ข้าก็กล่อมจักรพรรดิแคว้นของพวกเราไปแล้ว เขาเองก็ฟังเสียงของข้าอ
"ขอบคุณที่ชม"ฟู่จาวหนิงถามกลับอย่างมั่นคง ไม่ได้มีอารมณ์รู้สึกรู้สาอะไรกับคำชมประโยคนี้ของเขาเลย กระทั่งไม่มีอาการตกตะลึงอีกด้วยนี่ทำให้หยวนอี้รู้สึกเกินคาดขึ้นมาเขายังคิดว่าจะทำให้อารมณ์ของฟู่จาวหนิงเปลี่ยนแปลงได้บ้างภายใต้สถานการณ์ที่ตกตะลึงนี้ คิดว่านางจะพูดอะไรออกมาสักประโยคหนึ่งแล้วทำให้เขาเข้าใจความคิดของนางได้อย่างชัดเจนคิดไม่ถึงว่าเขาที่ทำตัวประหลาดออกมา แต่นางกลับนิ่งแบบนี้"ดูท่าหมอฟู่จะได้ยินคำชมมาจนชินแล้วสินะ" หยวนอี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้ตอบประโยคนี้ของเขา แต่กลับพิจารณาเขาทั้งตัวหยวนอี้ถูกนางมองจนยืดอกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ ยืนตรงแน่วขึ้นมา"ท่านชื่อหยวนอี้ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ขอรับ""ลูกชายหยวนกังทูตแคว้นหมิ่น หยวนอี้ที่ตอนนี้ควรจะคอยสอนขุนนางเกษตรเพาะปลุกอยู่ในเมืองหลวงนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงพูดออกมาอย่างชัดถ้อยทุกคำหยวนอี้นิ้งค้างไปไม่ใช่สิ นางรู้จักเขาด้วยหรือ?เขาเองก็เลี่ยงพวกหมอหลวงที่รู้จักเขาแล้ว แทบจะพูดได้ว่าซ่อนตัวทั้งคืนเลยทีเดียว ตอนที่เข้ามาก็หลบเลี่ยงคนจากเมืองหลวงที่รู้จักเขาพวกนั้น เตรียมคำพูดเอาไว้เยอะมาก คิดว่าจะพูดอะไรกับฟู่จ
หยวนอี้ตอนที่เข้ามาก็เห็นกับภาพที่ 'สับสนอลหม่าน' นี้เขาประกายตาแล่นวาบ กำลังจะเข้าไปในประตูวงกลม ไป๋หู่ก็หมุนตัวมามองเขา "ช้าก่อน"หยวนอี้โบกไม้โบกมือ "สหายไป๋หู่""อย่าเข้าใกล้นัก เหมือนข้าเคยบอกท่านไว้แล้ว ที่นี่ท่านห้ามเข้าไป" ไป๋หู่เอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินออกมาจัดการความวุ่นวายนี้ ให้ป้าหนิวป้าหลี่มาช่วยประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าไปในห้องเฉินเซียงกลับไม่มีใครสนใจ"พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว..."เฉินเซียงดิ้นรนอยู่พักหนึ่งถึงลุกขึ้นมาได้ นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในตนเองปวดร้าวไปหมดเท้าของฟู่จาวหนิงแรงหนักขนาดนี้เชียว!นางไม่เป็นวรยุทธ์เลยจริงหรือ?แต่ว่าฟู่จาวหนิงทำไมถึงกล้า กล้าเตะนางขนาดนี้!สายตาของหยวนอี้เก็บกลับมาจากตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ถูกประคองเข้าห้อง หันไปตกอยู่บนตัวเฉินเซ๊ยงแทน ใต้ตาเกิดความสนใจขึ้นมา"แม่นางไปยั่วหมอฟู่อย่างไรกันเนี่ย?"ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามไป๋หู่ว่า "นี่ใครหรือ?""บอกว่าชื่อหยวนอี้ ติดตามหมอหลวงคนหนึ่งเข้ามา อยากจะมาช่วยเหลือที่เมืองเจ้อขอรับ" ไป๋หู่บอกกับฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินเดินมาอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง กดเสียงลงต่ำ "รู้สึกเหมือนเขาน่าสงสัย