"ฮ่าๆๆ ใช่ๆๆ เสียงไพเราะเสียจริง""สาวงามเอ๋ย ร้องเรียกออกมาอีก หูของพี่มันคันยุบยิบไปหมดแล้ว""และไม่รู้ว่าตอนที่ทับลงไปจะร้องแบบนี้หรือเปล่า คิกๆ"ในห้องขังด้านหน้ามีเสียงเหล่าพวกนักโทษโห่ก้องเข้ามา และยังมีเสียงหัวเราะโรคจิตของพวกเขาอีกด้วยอวิ๋นจูปิดปากตนเองแน่น ไม่กล้าตะโกนอีกแล้วน้ำตาของนางไหลพรากออกมาคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ทำไมถึงน่ารังเกียจนัก?ชิวอวิ๋นกับซือหรูก็หน้าขาวซีดไปแล้ว คนเหล่านั้นเองก็ทำให้พวกนางรังเกียจด้วยพอคิดถึงตอนที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นยังกล้าพุ่งมาที่ประตูลวนลามพวกนางต่อหน้าผู้คุม พวกนั่งก็ตัวสั่นขึ้นมานี่เพิ่งเข้ามาแค่ครู่เดียวเอง นี่ยังต้องอยู่ต่อไปอีกหรือ?คนพวกนั้นจะออกมาไหม?พอตกค่ำจะกลายเป็นอย่างไร?ข่าวในคุกใหญ่ส่งไปถึงในวังองค์จักรพรรดิโมโหจนตบโต๊ะ สิ่งของที่วางอยู่ด้านบนล้วนกระเด้งกันขึ้นมา ฝ่ามือเขาแดงไปหมดตนเองปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยวไป และรู้สึกชิงชังเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาอีกอย่างอดไม่อยู่"นี่มัน นี่มัน..."เขาโมโหจนพูดอะไรไม่ออกแล้วฟู่จาวหนิงกล้าดีอย่างไร!นางทำไมจึงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้? กล้าพาพวกอวิ๋นจู
และไม่รู้ว่านักโทษจากห้องไหน พอถึงตอนกลางคืนก็ร้องไห้โอดครวญ เสียงนั้นราวกับภูตผี พอรวมเข้ากับเสียงลม ฟังแล้วขนลุกมากเว้นออกไปไม่กี่ห้องขังยังมีนักโทษบดฟัน พูดอะไรงึมงำไม่ได้ศัพท์ในนี้บางครั้งยังได้ยินคะว่า "สาวงาม" ด้วยพวกของอวิ๋นจูนั่งอยู่บนกองฟาง เอามารวมกันเป็นก้อนๆ ทั้งกลัวทั้งหนาว ฟันสั่นกระทบระริกของว่างไม่กี่ชิ้นก่อนหน้านี้ก็กลืนลงไปพร้อมกับน้ำเย็น ตอนนี้ในกระเพาะจึงเย็นวาบไปหมดผู้คุมพวกนั้นรังแกกันเกินไปแล้ว เอาเงินพวกนางไปตั้งเยอะ ผ้าห่มที่ซื้อมาก็ยังบางอยู่ ด้านในมีแค่สำลีชั้นเดียว ในอากาศแบบนี้กันอะไรไม่ได้เลยยิ่งไปกว่านั้นพวกนางจะปูผ้านอนก็ไม่ได้ จึงทำได้แค่เบียดตัวกันแล้วห่มผ้าทับ กอดกันให้อบอุ่นได้เท่านั้น"ข้า ข้าอยากไปเข้าห้องน้ำ" อวิ๋นจูหน้าซีด บอกเสียงแผ่วกับสาวใช้ก่อนหน้านี้นางดื่มน้ำไปแล้ว บวกกับของว่างนั่นค่อนข้างฝืดคอ จึงดื่มน้ำเย็นลงไปครึ่งกา ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วสาวใช้คนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนตัวสั่น เดินไปที่ข้างลูกกรง พยายามมองออกไปด้านนอก ในระเบียงคุกว่างเปล่า นอกจากความมืดมิดก็ไม่มีคนเลยสักคนพอมองไปอีกด้าน ก็เหมือนมีปากที่น่ากลัว จ้องจะเขมือบพวกนา
อวิ๋นจูรู้สึกแย่มาก ออกแรงเการ่างกายของตนเองบนตัวนางคันจนไม่ไหวแล้วแต่ต่อนห้าคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะยังมีผู้คุมอีก นางที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์มายืนเกาแบบนี้ มันดูเสียท่าทีไม่สุภาพเอาเสียเลยนางอยากจะทนไว้ แต่ว่า! มันทนไม่ไหวจริงๆ!คันมากเลย นางอยากจะแก้ผ้าตัวเองแล้วก็เกาๆ มันทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!แค่ถูๆ ใบหน้า ตอนนี้จุดแดงบนหน้านางก็ยิ่งลามเป็นตุ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"คุณหนู หน้าของท่าน..." สาวใช้นางเหลือบมองผาดหนึ่ง สายตาก็สะพรึงขึ้นมาอวิ๋นจูพอเห็นสายตาของนาง ก็รีบกุมหน้าไว้ "หน้าของข้ามันทำไม? เป็นอะไรไป?""ในห้องขังนี้มันจะสะอาดแค่ไหนกัน โอ้ ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้าห้องขังพวกนั้นเหมือนจะขังนักโทษที่เคยเป็นโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อยู่คนสองคน แต่ลืมไปแล้วว่าห้องไหน" ผู้คุมคนหนึ่งเหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกมาหลายก้าวทำเหมือนนางเป็นสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น"อะไรนะ?!"ไม่ใช่แค่อวิ๋นจู กระทั่งชิวอวิ๋นกับซือหรูพวกนางก็ยังกระโดดเหยงขึ้นมาทันทีพอเห็นสภาพนี้ของอวิ๋นจู พวกนางก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอวิ๋นจูพังทลายไปแล้วนางร้องไห้ขึ้นมา "ข้าจะออกไป ข้าไม่อยากอยู่ท
ฟู่จาวหนิงกอดเซียวหลันยวน ตบหลังเขาเพื่อปลอบโยน"คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะไม่สนใจพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เพราะรังเกียจท่านขนาดนี้ ข้าเองก็สงสารท่านนะ ถ้าท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ถ้าหลังจากนี้โดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี ไม่กล้ารับสาวงามเข้ามาอีกจะทำอย่างไรกัน?"ผู้คุมได้ยินนางถามซ้ำๆ ว่า"ทำอย่างไรๆ" หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาคำพูดนี้ทำไมฟังแล้วแปลกๆ กัน?แต่สามงามสามคนนั้นก็เกินไปหน่อยไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งไม่เห็นจะพูดอะไรเลย นางเองก็ยังดูดีอยู่ ปฏิกิริยาของพวกนางต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ?ผู้คุมที่พูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอ๋องเจวี้ยนเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างไม่ให้ใครจับได้ เขาจึงถอยออกไปอวิ๋นจูกลับไปที่วังราชนิเวศน์ อ๋องฉยงพอรู้ข่าว ก็พาหมอเข้ามาดูนางทันที และถูกตุ่มแดงเหล่านั้นบนหน้านางทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง"จูเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"อ๋องฉยงแม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่กรรมพันธุ์ทางราชวงศ์เองก็ถือว่าไม่เลวนัก อย่างน้อเขาก็ยังเป็นชายกลางคนที่ดูดีมีเสน่ห์อยู่พอควรสามารถให้กำเนิดลูกสาวอย่างอวิ๋นจูออกมาได้ หน้าตาของเขาเอง
นั่นสิ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่กลัวเลย?อ๋องฉยงคิดถึงจุดนี้"ในเมื่อนางไม่กลัว ก็อธิบายได้ในคุกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวสิ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าคุก ให้เขาคอยดูแลเจ้าด้านในนั้น""ท่านด่อ ท่านยังจะบีบให้ข้าเข้าไปที่คุกหรือ?" อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ"ในเมื่อราชโองการสั่งลงมาแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งนะ เจ้ารับราชโองการแล้ว แล้วยังได้ติดตามอ๋องเจวี้ยนอย่างใกล้ชิดอีก ทำให้อ๋องเจวี้ยนเห็นความเด็ดเดี่ยวของเจ้าได้พอดี เขาจะซาบซึ้ง รอให้ผ่านช่วงนีน้ไปก่อน ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะชอบเจ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็ลงแรงอีกหน่อย ก็จะช่วงชิงให้เจ้าได้เป็นพระชายารองของอ๋องเจวี้ยน"ลูกสาวของเขาทั้งคน จะให้ไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไรกันเดิมทีเขาก็มีความคิดนี้ ให้นางเข้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน พอลงเท้าได้มั่นคง จากนั้นค่อยหาโอกาสให้นางได้ขึ้นเป็นพระชายารองด้วยหน้าตาของอวิ๋นจู เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่หวั่นไหวต่อให้มีแค่ความสงสารสักนิดก็พอแล้ว"ไม่ใช่ไม่กี่วัน อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ในคุกสองเดือน สองเดือนเลยนะ!" อวิ๋นจูร้องไห้ขึ้นมา "วันเดียวข้าก็จะป่วยแล้ว สองเดือนข้าจะไม่ตายเอาเลยหรือ?""
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า เดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตัวพวกนาง น้ำเสียงก็ขรึมลง เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ดังนั้น ข้ากับพวกเจ้าตอนนี้จึงเป็นคู่แค้นกันแล้ว"พูดจบ นางก็เดินผ่านตัวพวกนางไปชิวอวิ๋นกับซือหรูสบตากันเอง เป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนและตกตะลึง"องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนขอเข้าพบ!""ฟู่จาวหนิง? นางมาทำอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าไปทรมานตัวอยู่ในคุกใหญ่หรือ?"องค์จักรพรรดิเกือบจะกระโจนตัวขึ้นมาวันนี้ตอนประชุมเช้าเหล่าขุนนางยื่นหนังสือฏีกามาไม่น้อย มีหลายจุดเกิดภัยธรรมชาติ กระทรวงการคลังเริ่มร้องเรียนเรื่องความยากจนอีกครั้ง ที่ชายแดนก็บอกว่ามีพวกชนเผ่าป่าเถื่อนบางกลุ่มเริ่มแสดงท่าทีไม่สงบแล้วยังมีฐานที่มั่นทหารในสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มร้องขอเงินเดือนและเสบียงไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย ถึงอย่างไรพอฟังข้อความเหล่านั้น หัวของเขาก็แทบจะระเบิดแล้วหลังจากเสร็จการประชุมเขาก็ไปงีบมาพักหนึ่ง แต่ก็ยังฝันร้ายขึ้นมาอีก ในฝันมีมังกรสีม่วงทองตัวหนึ่งไล่กัดเขา ไล่จนกวานจักรพรรดิของเขาร่วงลงมา หลังจากเข้าสะดุ้งตื่นใจก็เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่งฝันนี้ไม่ใช่ฝันดีอะไรอย่างแน่นอนตอนไปถึงห้องหนังสือหลวงเตรียมอนุมั
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา