"สถานที่นี้ หลายปีก่อนหน้าก็ไม่ได้ปิดบังเขา เขาต้องเคยไปจะต้องไปหาที่บ้านหลังอื่นาาแล้วแน่ๆ ถึงได้มาที่นี่"ตอนนั้นเขาป่วยจนไม่ไหวแล้ว จึงไม่อยากจะปิดบังท่านอารอง เพราะตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าถ้าตนเองป่วยตาย พอแม่กับบ้านตระกูลเสิ่นจากสามารถไหว้วานให้บ้านสอง ให้พวกเขาช่วยคิดหาวิธี ไม่ปล่อยวางเรื่องที่จะช่วยพี่ใหญ่กลับมาแต่ตอนนี้..."จาวหนิงปลอมโฉมเสีย อย่าให้คนจำได้ก็พอ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ถ้าอย่างนั้นให้ข้าพานางหลบไปก่อน""กลัวแค่ว่า..." จะไม่มีประโยชน์ยังไม่ทันพูดว่าไม่มีประโยชน์ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะลอดเข้ามาแล้ว มีคนรีบตรงเข้ามาทางนี้"อาเสวียน! แม่นางฟู่!"เสียงท่านอารองเสิ่นดังลอดเข้ามา เขายังดูร้อนรนมากด้วย จังหวะก้าวทั้งหนักทั้งเร่ง"ท่านผู้เฒ่ารองท่านเข้าไปไม่ได้..." เสียงของไป๋รื่อดังลอดเข้ามาด้านนอก แล้วยังมีเสียงคนอีกหลายคนเตือนขึ้นมา"เขามาถึงแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นท่านอารองเสิ่นนางรู้จัก อายุก็มากแล้ว ร่างกายก็ผอมโซ สีหน้าเองก็ดูไม่ค่อยดี ดูท่าองครักษ์ด้านนอกพอเห็นเขาก็คงไม่กล้าจะขวางจริงๆ หรอกถ้าเผื่อไปกระแทกตรงนั้นตรงนี้เข้าจะทำอย่างไรกัน?ดังนั้นพอความ
"อาเสวียน เจ้าพูดอะไรออกมากัน? ไม่เข้าใจความพยายามของข้าเลยหรือ?"ท่านอารองเสิ่นถอนใจเสียงหนัก ทำท่าเตรียมจะพูดคุยดีดีกับพวกเขา"ท่านมีอะไรต้องพยายามกัน?"คำพูดนี้ของเสิ่นเสวียนดูประชดประชันหน่อยๆ แต่ว่าท่านอารองเสิ่นก็ฟังไม่ออก เสิ่นเสวียนยังไม่อยากจะแยกตระกูลเสิ่นออก หลักๆ คือเวลายังไม่เหมาะสม ตอนนี้ถ้ามาตัดขาดทางใครทางมัน เกรงว่าพวกเขาจะทำตัวเป็นสุนัขจนตรอกกันเขาเองยังมีบางเรื่องที่ทำไม่เสร็จ จึงคิดจะให้คนเหล่านี้อยู่กันนิ่งๆ ก่อนแต่ตอนนี้พวกเขากลับทำตัวเหมือนหมาจนตรอกขึ้นเสียแล้ว คิดจะลงไม้ลงมือกับฟู่จาวหนิง"ตระกูลเสิ่นของพวกเราตอนนี้มีสถานการณ์เช่นไรห เจ้าเองก็รู้ สวนตระกูลเสิ่นตอนแรกก็จะส่งให้พวกข้า แล้วป้ายชื่อคำว่าสวนตระกูลเสิ่นนั่นองค์จักรพรรดิรุ่นก่อนก็ทรงเขียนให้ด้วยตนเอง ตอนนั้นคนทั้งต้าชื่อล้วนกำลังคิด ว่าใครเองก็ไม่โดดเด่นเท่านั้นบ้านตระกูลเสิ่นของพวกเรา"ท่านอารองเสิ่นถอนหายใจเคร่งขรึมออกมา"องค์จักรพรรดิรุ่นที่แล้วยังมีรับสั่ง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ก็ห้ามบุกรุกเข้ามายังสวนตระกูลเสิ่นค้นบ้านจับคน สวนตระกูลเสิ่นเป็นสิ่งที่เหล่าประชาชนต้าชื่อรู้สึกว่ายอดเยี่ยมมาโ
ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเล่นตลก"ไม่ใช่หรือไร? เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เห็นบอกว่าแต่งงานแล้วด้วย แต่เจ้าก็มาพักอยู่บ้านคนอื่นตัวเดียวนานขนาดนี้ เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อเจ้าลงกัน? ดังนั้นเจ้าก็ต้องช่วงชิงตัวตนฐานะออกมา หลังจากนี้หากต้องแต่งงานจริง เจ้าก็ยังสามารถเลือกสามีที่ดีได้ กระทั่งว่ายังมีความสามารถที่จะสนับสนุนตนเอง จนไม่ต้องถูกบ้านสามีกดขี่หัวเอาไว้ด้วย"คนบางคนจากบ้านสามี: เขาไปกดขี่หัวหนิงหนิงตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่พิจารณาเพื่อข้าอย่างละเอียดขนาดนี้" ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาเสียจริงให้ตายเถอะ ถ้าไม่บอกนางก็ไม่รู้เลย ว่าท่านอารองจะคิดแทนนางเสียขนาดนี้ นี่คิดไปถึงวันข้างหน้าแล้วด้วย"เจ้าตอนนี้อยู่กับอาเสวียน ก็ถือว่าพึ่งพาอาเสวียนอยู่ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าตอนนี้ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่น จะไม่คิดแทนพวกเจ้าได้อย่างไรกัน? คุณชายน้อยขอผิงเหอกงคนนี้ ถ้าพูดเรื่องตัวตนฐานะก็ถือว่าสูงส่งอยู่ ตอนนี้หมอใหญ่ตั้งมากมายก็ยังรักษาเขาไม่ได้ นี่เป็นโอกาสของเจ้าแล้ว""ถ้าเจ้าตอนนี้รักษาองค์ชายได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่สามารถได้ทั้งชื่อเ
ท่านอารองเสิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปในพริบตาหลานชายสองคนของเขานั้นมีพรสวรรค์อยู่ แต่เพราะการเรียนแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาให้หมอฉงคอยสอนพวกเขา แล้วยังเตรียมจะหาหมอมีชื่อคนอื่นให้พวกเขาอีกด้วยก็นั่นล่ะ งานประชุมหมอใหญ่ครั้งนี้ เขาเองก็คิดจะพาหลานสองคนนี้ไปเข้าร่วมอยู่ ถ้าถึงเวลาแล้วสามารถถูกหมอมีชื่อในงานประชุมหมอใหญ่รับเป็นศิษย์ได้ด้วย นั่นก็จะแตกต่างไปทันทีหลังจากนั้นค่อยไปหาพวกหนังสือสะสมบางส่วนของบ้านตระกูลเสิ่น จะต้องมีอยู่หลายเล่มที่เป็นคัมภีร์ยาที่ไม่เคยปรากฏในโลกมาก่อนเเป็นแน่ จากนั้นก็ให้พวกเขาค้นคว้าสักสองปี บานของเขาก็จะมีหมอเลื่องชื่อปรากฎขึ้นสองคนแล้ว!หมอเลื่องชื่อที่อายุยังน้อย อนาคตจะสดใสเสียขนาดไหนกัน!แต่ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เอ่ยถึงหลานชายสองคนนี้ขึ้นมา แล้วจะให้พวกเขาไปยุ่งกับการรักษาโรคประหลาดของลูกชายผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่อีก แล้วถ้าหากรักษาไม่ได้ขึ้นมา อาจจะถูกองค์หญิงใหญ่สังหารทิ้งก็ได้นี่!"ฟู่จาวหนิง เรื่องนี้เอามาพูดตลกกันได้ด้วยหรือ? เจ้าเป็นหมอ พวกเขายังไม่ใช่เสียหน่อย..."ท่านอารองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ตัดบทเขาขึ้นมา "ยังไม่ใช่หมอแต่แค่เรียนมาก
"เจ้าๆๆ! เสิ่นเสวียน! เจ้าพาใครมากันนี่ นางๆๆ กล้าสาปแช่งข้า!" ท่านอารองเสิ่นโมโหจนหน้ากลายเป็นสีตับหมูไปแล้ว ชี้มาทางฟู่จาวหนิง กระทั่งมือยังสั่นเทา"ท่านอารอง ท่านพูดอะไรกัน? จาวหนิงไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย นางเป็นคนที่ว่าง่ายรู้เรื่องมาโดยตลอด"เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"เจ้าไม่ได้ยินหรือ?""ไม่นี่ ข้าได้ยินแต่นางบอกว่าจะแบ่งโอกาสครึ่งหนึ่งให้กับลูกพี่ลูกน้องสองคน ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ถ้าจาวหนิงไปที่จวนผิงเหอกง ข้าจะพาลูกพี่ลูกน้องสองคนนั่นส่งไปด้วย ควรจะให้โอกาสพวกเขาเสียหน่อย จะไม่ให้ไม่ได้"เสิ่นเสวียนพูดจบก็บอกพวกของหลิวหั่ว "ส่งแขก เรือนนี้เล็กเกินไป คนมาอยู่เยอะไม่ได้"เขาพาฟู่จาวหนิงหันกลับเข้าประตูไป ไม่สนใจท่านอารองเสิ่นอีก"เสิ่นเสวียน! เจ้าถูกนางล่อลวงสติสตังไปแล้วใช่ไหม? เจ้าทำไมถึงเป็นแบบนี้กับนาง? เจ้าทำไมถึงกล้าไล่ข้าเพื่อนางกัน? เสิ่นเสวียน ในใจเจ้ามีความกตัญญูอยู่บ้างไหม?""ซ่า!"น้ำเย็นถังหนึ่งสาดเข้ามา สาดลงไปบนตัวเขา จนลูกตาเลอะไปหมดแล้วในวันฤดูใบไม้ร่วงแก่ๆ ใกล้เข้าฤดูหนาวแบบนี้ น้ำถังหนึ่งพอสาดเข้ามาก็เย็นวาบไปถึงหัวใจเลยท่านอารองเสิ่นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที"
"อ๊า! เจ็บๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว!"ท่านอารองเสิ่นคิดจะกอดเข่า แต่มือพอแตะโดนก็ยิ่งเจ็บ เขาเจ็บจนร้องออกมาอย่างเวทนาคนขับรถไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป จึงรีบพาเขาตรงไปที่พัก ที่นั่นมีคนจากบ้านสองของตระกูลเสิ่นอยู่หลายคนพวกเขาล้วนรอข่าวดีที่ท่านอารองจะนำกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าที่รออยู่กลับเป็นคนที่สลบไสลไปแล้ว"เกิดอะไรขึ้น?""คุณท่านสลบไปแล้ว! เหงื่อแตกไปทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมดเลย!"พอเห็นสภาพท่านอารองเสิ่นที่ถูกบีบคั้น คนของบ้านสองก็หน้าถอดสีกันหมด"เร็ว รีบไปเชิญหมอมา!"แต่หมอใหญ่ที่วิชาแพทย์ดีที่สุดในสมองพวกเขาคือฟู่จาวหนิงท่านผู้เฒ่าบ้านสองรีบกระชากเสื้อคนขับรถ "เกิดอะไรขึ้น? เล่ามาให้ละเอียด!"รอจนคนขับรถเล่าเรื่องราวออกมาตะกุกตะกักจนหมด สีหน้าของคนบ้านสองก็ดำเหมือนหมึกขึ้นมา"มีหลักการแบบนี้ด้วยหรือ! ฟู่จาวหนิงช่างกล้านัก!""เสิ่นเสวียนยังปกป้องนางอีกด้วย ยอมให้ผู้ติดตามของนางลงมือทำร้ายผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่นขนาดนี้?""ดูท่า เสิ่นเสวียนจะสงสัยพวกเราเข้าแล้ว ไม่ได้มีจิตใจเช่นเดียวกับพวกเรา"สีหน้าคนบ้านสองซับซ้อนขึ้นมา มองหน้ากันไปมา"ฟู่จาวหนิงดูท่าจะโหดเหี้ยมเอา
หลังจากนี้เขาจะรู้สึกได้ถึงสุขภาพแข็งแรงของคนทั่วไปเป็นครั้งแรกแล้วว่าเป็นแบบไหนพอคิดถึงจุดนี้นางก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาหน่อยๆหลายปีมานี้ใช้ชีวิตมาไม่ง่ายเลยจริงๆ"หนิงหนิง ขอบคุณเจ้ามาก"น้ำเสียงเซียวหลันยวนติดสะอื้นหน่อยๆฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "หลังจากนี้ก็ดีกับข้าหน่อยล่ะ""แน่นอน""ยินดีด้วยอ๋องเจวี้ยน" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นมาแล้ว เลิกกอดกันเสียทีได้ไหม?เซียวหลันยวนตอนนี้จึงปล่อยตัวฟู่จาวหนิง เขาหมุนตัวไปทางเสิ่นเสวียน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ท่านลุงอย่าได้ห่างเหินนักเลย เรียกข้าว่าอายวนก็พอแล้ว"ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้เลย?แต่เสิ่นเสวียนก็ไม่เกรงใจเช่นกัน "เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าอายวน""ขอรับ ท่านลุง""มาพูดเรื่องของผิงเหอกงหน่อย" เสิ่นเสวียนนวนคิ้ว "ตอนนี้ที่ลำบากสุดก็คือการที่ฝ่าบาทจะรับมือกับตระกูลเสิ่น ฟุ่จาวหนิงอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นมาตลอด ผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ทั้งสองคนถึงเวลาเกรงว่าจะทำไม่ดีกับนาง"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นอย่างสงบ"ดังนั้น หนิงหนิงจึงไม่ต้องไปด้วยตัวตนฐานะของบ้านตระกูลเสิ่น""อื๋อ?"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงมอง
ฟู่จาวหนิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ยังตัดสินใจว่าจะไปอยู่หนึ่งคือนางเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอาการป่วยของลูกชายผิงเหอกงจริงๆ สองคือ ถ้าหากอีกฝ่ายบุกเข้ามาเชิญจริงๆ ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ซ้ำยังกำลังเป็นช่วงสำคัญที่สุดในการรักษาใบหน้าด้วย นางไม่อยากให้เรื่องมาบานปลายใหญ่โต ถึงตอนนั้นจะดึงเขาลำบากไปด้วย"แล้วก็ เพื่อเสิ่นเสวียนด้วย"ตระกูลเสิ่นตอนนี้กำลังลำบาก เสิ่นเสวียนเองก็ยิ่งลำบากองค์จักรพรรดิต้าชื่อคอยรับมือกับตระกูลเสิ่นอยู่เช่นนี้ หลังจากนี้เกรงว่าคงจะไม่เหลือเส้นทางไว้ให้ครอบครัวของเสิ่นเสวียนอีกแล้วนอกจากตัวเสิ่นเสวียนเองที่พยายามต่อต้าน จุดที่นางช่วยได้ก็ต้องทำให้เต็มที่แล้วก็พฤติกรรมสังหารหมอที่รักษาลูกชายไม่ได้ขององค์หญิงใหญ่ ครอบครัวนั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร แต่ ถ้าหากนางรักษาคุณชายน้อยได้ล่ะ อย่างน้อยก็คือว่าบีบผิงเหอกงกับองค์หญิงใหญ่ไว้ได้แล้ว หลังจากนี้อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศัตรูกันยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถยืมจุดนี้สร้างชื่อได้ ถึงตอนนั้นก็เป็นไปได้มากว่าจะสามารถใช้เส้นสายที่นางชิงมาได้ในต้าชื่อเข้าสนับสนุนเสิ่นเสวียนในเมื่อคิดจะไปยังจวน
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ