ระหว่างที่ควบม้าพาซู่หลิงเถียนออกจากวังหลวงมานั้น นางก็สิ้นลมหายใจเมื่อทนพิษของบาดแผลที่หลังไม่ไหว อ๋องใหญ่รีบควบม้ากลับจวนสิบสี่ พอมาถึงก็อุ้มร่างไร้วิญญาณของนางไปยังห้องส่วนตัว ด้วยรู้ดีว่าในห้องนั้นจะมีกระจกนำพาร่างของนางกลับไปยังโลกของนางได้ พอเข้ามาในห้องก็เกิดแสงสว่างขึ้นอีกครั้งที่หน้ากระจกพร้อมกับร่างเปื้อนเลือดของนางถูกดูดหายเข้าไปในกระจกที่ตั้งอยู่ “หากข้ากลับไปได้ ข้าจะไปตามหาเจ้าเถียนเถียน” เขาพึมพำทั้งน้ำตาแล้วมองไปยังกระจกที่แสงสว่างดับลงกลับไปเป็นกระจกเงาปกติ “ข้ารักเจ้า...เถียนเถียน” เขาพึมพำบอกรักกับคนที่จากไปทั้งน้ำตาแล้วเดินไปทรุดตัวนั่งลงกับเตียงพร้อมกับดึงปิ่นปักผมหยกที่นางซื้อให้บนหัวออกมาจูบเบาๆ “ข้าหวังว่าเจ้าจะรอข้ากลับไป” จ้าวซ่านลู่น้ำตาคลอกอดปิ่นปักผมหยกในมือแน่นณ เวลาปัจจุบัน ซู่หลิงเถียนขยับตัวไล่ความเมื่อยล้าแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาปรับการมองเห็นรับกับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในห้อง เธอยกมือขึ้นเช็ดหางตาที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ เธองงว่าเธอร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร และทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้ มือเล็กคว้าโทรศัพท์โต๊ะข้างหัว
ณ ห้วงเวลาปัจจุบันที่ห้องพักฟื้น ตอนนี้ร่างที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราได้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับใหลไปนานหนึ่งอาทิตย์ เปลือกตาหนาขยับลืมตาขึ้นพร้อมปรับการมองเห็นให้คุ้นชินกับแสงไฟบนเพดานห้องสีขาวของโรงพยาบาล มือใหญ่ขยับไปมา“น้ำ...”ตื่นมาก็ถามหาน้ำดื่มทันที แล้วพยาบาลพิเศษที่มาคอยดูแลเขาก็รีบลุกขึ้นรินน้ำใส่แก้วแล้วนำหลอดให้เขาดูดดื่มน้ำทันที พร้อมกดกริ่งเรียกคุณหมอว่าให้เข้ามาดูอาการของผู้ป่วยที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลไปนานเป็นอาทิตย์“ขอบคุณครับ”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขอบคุณพยาบาลที่ดูแลตัวเองพร้อมกับมองไปรอบๆ ห้อง แล้วประตูห้องก็เปิดกว้างออกพร้อมกับหมอเข้ามาตรวจดูอาการของเขา“คุณจ้าวจำทุกอย่างได้ไหมครับ”“ผมจำได้ทุกอย่าง แล้วผมหลับไปนานแค่ไหนครับ” เขานั่งพิงหัวเตียงถามคุณหมอเจ้าของไข้“หนึ่งอาทิตย์ครับ ครอบครัวคุณจ้าวกังวลมาก กลัวว่าการผ่าตัดสมองครั้งนี้ คุณจ้าวจะไม่ฟื้นกลับมา”“ครับ”“แต่แปลกมาก คุณจ้าวฟื้นตัวได้เร็วมาก แถมแผลที่ผ่าตัดก็สมานกันเร็วมาก แปลกจริงๆ ครับ” หมอเจ้าของไข้เองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะฟื้นตัวได้เร็วแบบนี้“ครับ”“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ และหมอจะแจ้งทางครอบครัวของคุณ
งานแต่งงานของประธานหนุ่มกับแฟนสาวลึกลับ ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาทำให้เป็นข่าวดังไปทั่วสื่อ ที่ประธานหนุ่มไฟแรงอย่างจ้าวซ่านลู่ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบ และยิ่งไปกว่านั้น พ่อกับแม่ของเขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ที่ลูกชายมีแฟนสาวและมาบอกว่าจะแต่งงาน ตอนนี้บาทหลวงกำลังทำหน้าที่ถามคู่บ่าวสาวที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ตรงหน้าตัวเอง “จ้าวซ่านลู่จะยอมรับซู่หลิงเถียนเป็นภรรยาหรือไม่” “ผมยอมรับครับ ผมจะเป็นสามีที่ดีของเธอ และเป็นคนรักที่ดีของเธอ จะดูแลเธอตลอดชีวิตที่เหลือของผมครับท่านพ่อ” “แล้วซู่หลิงเถียนล่ะ จะยอมรับจ้าวซ่านลู่เป็นสามีหรือไม่” “ยอมรับค่ะ ฉันจะรักและซื่อสัตย์กับเขาจนกว่าจะหมดลมหายใจของฉันค่ะ” “งั้นก็สวมแหวนได้” เสี่ยวถังนำแหวนออกมาให้เจ้าบ่าว ฮวาซุนก็นำแหวนออกมาให้เจ้าสาวสวมให้เจ้าบ่าวเช่นกัน เมื่อคู่บ่าวสาวสวมแหวนให้กันแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธีในวันนี้ “ผมรักคุณ...เถียนเถียน” “ฉันก็รักนาย...ลู่ลู่”แล้วเจ้าบ่าวก็โน้มลงมาหาเจ้าสาวที่เขย่งเท้าขึ้นรอรับจูบดูดดื่มของเขา และเสียงแขกที่มาร่วมงานแต่งงานก็พากันส่งเสียงแซวและร้องแสดงความยิ
ณ จวนอ๋องตู้ เสียงครวญครางดังลอดออกมานอกประตูห้อง ทำให้ทหารเวรยามต่างพากันหันมายิ้มให้กันกรุ้มกริ่มด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องของพวกตนกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนด้านในห้องกำลังเคลื่อนไหวโยกกับนางรำที่เพิ่งหิ้วมาจากโรงน้ำชาด้านนอก แม่นางเสี่ยวเล้งคือแม่นางที่เป็นที่โปรดปรานของอ๋องตู้ ยามศึกอ๋องตู้จะโหดเหี้ยม แต่ยามพักศึกจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่ายิ่งเวลาอยู่บนเตียง และความโหดเหี้ยมของท่านนี่แหละที่ทำเหล่าสตรีหลงใหลจนอยากปรนนิบัติท่านอ๋องของพวกมัน “อ่า...อื้ม” เสียงครางของทั้งคู่ที่กำลังประกอบร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยเพลิงราคะรัญจวนเสน่หา ทั้งสองร้องครางต่ำสลับกันขึ้นลงพร้อมกับที่ร่างน้อยของแม่นางเสี่ยวเล้งขยับโยกไหวแอ่นเด้งเร่าตอบสนองท่านอ๋องของนางที่กำลังสอดเร่ากระแทกเนื้อกายอุ่นร้อนใหญ่โตราวเหล็กกล้าเข้าออกในความเป็นสตรีของนาง “อ่า...อืม เจ้าช่างอ่อนหวานนักเสี่ยวเล้งของข้า อืม...เจ้าไม่เคยทำให้ข้าต้องผิดหวังเลยเสี่ยวเล้ง อืม...” ปากหนาครวญครางพึมพำพร้อมกับดูดเร่าสองเต้าอวบใหญ่ล้นมือของแม่นางเสี่ยวเล้งคนงามจากหออี้หรู “อือ...ท่านอ๋องตู้ก็ไม่เคยทำให้เสี่ยวเล้งแห้งเหือดเช่
เหล่ากงกงโค้งคำนับท่านอ๋องพร้อมกับเอ่ยถึงงานของตนที่ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้มาทันที“ทูลท่านอ๋องตู้”“ว่ามากงกง เสด็จพ่อมีรับสั่งอะไรถึงให้เจ้ามาหาเราถึงจวนนี่ได้?”น้ำเสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้และรินน้ำชาขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายทั้งๆ ที่ในอกนั้นร้อนรุ่มด้วยไฟโทสะที่โดนศัตรูลอบเข้ามาทำร้ายในจวนก่อนหน้านี้“ฮ่องเต้ได้รับสั่งให้กระหม่อมมาทูลถามท่านอ๋องตู้เรื่องแต่งตั้งพระชายาพระเจ้าค่ะ” เหล่ากงกงเอ่ยบอกทันที“ข้าได้ทูลเสด็จพ่อไปแล้วว่าข้ายังไม่อยากแต่งพระชายา แล้วทำไมเสด็จพ่อถึงต้องมาเร่งข้าด้วยเล่า” มือใหญ่กำถ้วยน้ำชาใบเล็กในมือแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าเรียบขรึมปกติ“ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ยต่อพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเร็วๆ ออกจากห้องโถงไปทันที ส่วนเหล่ากงกงก็ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยรู้ถึงอารมณ์ของท่านอ๋องดีว่าเป็นเช่นไรแม่ทัพชู่เว่ยถูกเรียกเข้าวังหลวงมาพบฮ่องเต้โดยไม่รู้สาเหตุว่าด้วยเรื่องอันใดถึงได้เรียกพบด่วนเช่นนี้ และแถมได้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวอีกด้วยยิ่งทำให้แม่ทัพชู่เว่ยมึนงงไม่เข้าใจในความประสงค์ของฝ่าบาทตนเ
ชู่เอ๋อแทบล้มทั้งยืนเมื่อบิดาได้บอกถึงกำหนดอภิเษกสมรสของตัวเองกับตู้เหลียงเฉิง นางเคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยเจอ ถึงแม้จะเป็นศิษย์รักของบิดาตัวเอง ตอนนี้นางได้แต่เดินวนไปวนมาในห้องนอน อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่ได้เมื่อหน้าประตูห้องเต็มไปด้วยทหารยาม พรุ่งนี้แล้วที่ต้องเข้าพิธีอภิเษก ถ้าคิดหนีคนที่จะลำบากคือบิดาของนาง ด้วยงานอภิเษกครั้งนี้เป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้จึงไม่อาจหนีและหลีกเลี่ยงได้ เฮ้อ! “ข้าจะทำยังไงดีหลันหลง ข้าไม่อยากเป็นพระชายาของอ๋องตู้ผู้ใจเหี้ยมโหดคนนั้น” นางเคยได้ยินมาตลอดว่าตู้เหลียงเฉิงคือชายเลือดเย็นและไร้หัวใจ “บางทีสิ่งที่ได้ยินมากับความเป็นจริงอาจต่างกันก็ได้นะคุณหนู” หลันหลงเอ่ย “ไม่หรอกหลันหลง มันคือความจริง ถ้าไม่มีมูลจะมีคนเล่าได้ยังไง เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนแล้ว” “ท่านแม่ทัพให้หลันหลงมานอนเป็นเพื่อนคุณหนูค่ะคืนนี้” “เราไม่หนีหรอกน่า...เรารู้ว่าถ้าเราหนี คนที่จะลำบากคือท่านพ่อ ถึงเราจะดื้อ แต่เราก็รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรตอนนี้ ไปเถอะ เราอยากอยู่คนเดียวหลันหลง” ชู่เอ๋อสั่งสาวใช้แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงตัวเอง ส่วนหลันหลงก็เดิ
“ขะ...ข้าไม่อยากรู้แล้ว” นางขยับตัวถอยหนีทันทีเมื่อคนตรงหน้าได้เปลี่ยนมานั่งเบียดบนเตียง หึหึ “แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ชู่เอ๋อ ข้าอยากแสดงให้เจ้าดูว่าหน้าที่แท้จริงของชายานั้นต้องทำเยี่ยงไร” เขาเอ่ยพลางมือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกช้าๆ “หม่อมฉันไม่อยากรู้แล้วท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันง่วง อ่า...”นางพูดพร้อมยกมือปิดปากหาว เพราะรู้ถึงความหมายของคำพูดของตู้เหลียงเฉิง แม้นางจะซุกซน แต่ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าชายหญิงยามอยู่ด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง “แต่เรายังไม่ง่วงชู่เอ๋อ คืนนี้คือคืนของเรา ยังไงเสียเจ้าก็ต้องปรนนิบัติข้าในฐานะเมีย!” ท้ายประโยคตู้เหลียงเฉิงเอ่ยเน้นให้นางเข้าใจเป็นพิเศษ “ตะ...แต่หม่อมฉันยังไม่พร้อมท่านอ๋อง เป็นวันอื่นได้ไหมเจ้าคะ?” นางต่อรอง “ช่างเจรจาเหลือเกิน เจ้ารู้ไหมว่าการแต่งเข้าจวนของอ๋องตู้ต้องเจอกับอะไรบ้าง” “ก็เจอกับท่านอ๋องตู้” นางตอบซื่อ “นั่นก็ถูก และรู้อะไรไหมว่ายามกลางคืนเจ้าต้องเจอเพลงดาบของข้าที่ได้ร่ำเรียนสะสมมานานตลอดหลายปี” “ท่านจะฆ่าหม่อมฉัน?” “เปล่าชายาข้า ดาบของข้ามันไม่ได้มีไว้เพื่อฆ่า
เมื่อจัดการกับอาภรณ์ที่เหลือติดตัวไม่กี่ชิ้นออกก็โน้มตัวคร่อมทับพระชายาคนงามอีกครั้ง และครั้งนี้ตู้เหลียงเฉิงกดแนบเบียดท่อนเนื้อมังกรที่แข็งดุจเหล็กกล้าบดเบียดความเป็นสาวของนางที่อวบอูมฉ่ำน้ำหวานรอท่าให้ตัวเองทแยงเข้าหา แต่ยังก่อน อ๋องตู้ยังคงบดเบียดถูไถอยู่หน้าสวนไม่ได้เปิดปากสวนเข้าไป “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน อ่า...”นางร้องครางกระสับกระส่ายร้อนรุ่มบิดตัวไปมาอยู่ใต้ร่างใหญ่ สองมือเล็กถูกจับรวบตรึงไปคล้องกอดที่ลำคอหนาของบุรุษ ตอนนี้นางอายเหลือเกินยิ่งสายตากรุ้มกริ่มของบุรุษเหนือร่างที่กำลังมองจ้องสองเต้าของนาง และมือสากกร้านก็กอบกุมบีบเคล้นคลึงให้ความรู้สึกยิ่งทำให้นางเขินอายและเจ็บแน่นอกบวกกับร้อนรุ่มเรือนร่างราวถูกไฟรนก็มิปาน “อ่า...ว่าอย่างไรชู่เอ๋อของข้า เจ้าจะพูดอะไรฮึ แต่ข้าอยากบอกเจ้าว่าเจ้างามนักชายาของข้า ค่ำคืนนี้เจ้าจักเป็นของข้าทั้งตัวแล้วยอดหญิงงามของข้า” หัวใจอ๋องหนุ่มเต้นแรงผิดจังหวะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีหญิงงามคนใดทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นประหม่าได้เหมือนชู่เอ๋อ นางช่างงดงามและน่าค้นหาเสียจริงสำหรับเขา แม้จักผ่านสตรีมามากมาย แต่เมื่อเทียบกับพระชา
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้