ญาตาวีหันไปมองตามที่เขาบอก บนโต๊ะอาหารมีพิซซ่าและเคเอฟซีจัดใส่จานเอาไว้อยู่ ญาตาวีก็อดทำหน้าตาแปลกใจไม่ได้แต่ก็ขอบคุณไปเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครเอาพิซซ่ากับไก่เคเอฟซีออกจากกล่อง ใคร ๆ เขาก็ต้องหยิบกินออกจากในกล่องกันทั้งนั้น
“ขอบคุณนะคะพี่หมอวีร์ ถึงว่านะสิมัดหมี่มันถึงรักพี่หมอวีร์มาก” ญาตาวีได้ทีรีบชงให้เพื่อนทันที หมอวีร์ก็ได้แต่หันไปยิ้มน้อย ๆ ให้กับมัดหมี่ภรรยาของเขา
“พูดอะไรนะญา กินไปเลย” มัดหมี่ดึงพิซซ่าไปใส่ปากเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม โดยเอาอาหารข้ามหน้าอย่างไร้มารยาททำให้หมอวีร์ส่งสายตาดุมา แต่มัดหมี่ก็ทำเป็นมองไม่เห็นและแอบชิมพิซซ่าที่ติดนิ้วมือของตนเอง เขาทำตาดุก็จริงทว่าไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ดุออกไป ไม่ใช่เพราะเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้วยทว่าท่าทางที่แอบดูดนิ้วของตัวเองเขาก็เห็นแต่ทำเป็นไม่เห็น ท่าทางดูดนิ้วแบบนั้นทำไมในหัวใจของเขารู้สึกเอ็นดู ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าเห็นทำแบบนี้เขาจะดุทันทีโดยไม่สนว่าตรงนั้นจะมีใครอยู่ด้วยหรือไม่
“ทำเป็นเขิน” ญาตาวีแซวแล้วก็กัดพิซซ่าคำโตยั่วยวนมัดหมี่ที่ไม่ได้กินพิซซ่าแบบเธอ มัดหมี่ก็มองเพื่อนกินรู้สึกน้ำลายไหล อยากจะกินด้วยมากเลย
“มาเลิกเขินได้แล้วครับ” เขาตัดสเต๊กเนื้อริบอายพร้อมซอสสูตรลับของเชฟร้านประจำไปป้อนที่ปากของมัดหมี่
“อุ้ย มีป้อนกันด้วย เกรงใจคนโสดบ้างนะคะ” ญาตาวีเอามือปิดไปที่แก้มทำท่าทางเอียงอายแต่ส่งสายตาแซวไปให้เพื่อน
“พี่วีร์เพื่อนอยู่ด้วยค่ะ” เธอเขินหนักกว่าเดิมพร้อมกับดันมือของเขาให้ออกห่างจากปากของเธอเบา ๆ
“กินสิครับ เพื่อนไม่เห็นหรอก” พอเห็นมัดหมี่ทำหน้าตาเขินแล้วน่ารัก เขาจึงจงใจแกล้งอีก
“ใช่ค่ะ ญาไม่เห็นเลย” ญาตาวีเอามือมาปิดตาทว่าก็แอบส่องตามล่องนิ้วแอบดูแล้วอมยิ้ม มัดหมี่จึงต้องรีบกินที่เขาป้อนจะได้จบ ๆ ไปเสียที
เขาทำท่าจะป้อนเธออีก จนมัดหมี่ต้องบอกให้พอแล้ว อายเพื่อน เขาถึงยอมหยุดแกล้ง หมอวีร์ตักสเต๊กเนื้อริบอายแบบที่ป้อนมัดหมี่มาใส่จานญาตาวี
“เนื้อนี้อร่อยมากเลยนะครับ ร้านประจำของมัดหมี่เลยนะครับญา ลองกินดูสิครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่หมอวีร์” ญาตาวียกมือไหว้แล้วกินสเต๊กเนื้อริบอายใส่ปาก
“เป็นไงอร่อยไหมครับ”
ญาตาวีทำตาโตก่อนตอบ “หืม อร่อยมากเลยค่ะ”
“สเต็กเนื้อแกะก็ของโปรดมัดหมี่ด้วยนะ” เขาพูดให้ฟังอีกพร้อมตัดเนื้อแกะให้ทั้งสองสาวทำหน้าที่บริกรเป็นอย่างดี
“เป็นไงอร่อยใช่ไหม” หมอวีร์หันไปถามความคิดเห็นของญาตาวีเพื่อนของมัดหมี่
“อร่อยมากเลยค่ะ เป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี่ย ญาไม่เคยได้กินอะไรแบบนี้เลย”
“เดี๋ยววันหลังจะพาไปกินที่ร้านประจำที่มัดหมี่ชอบกิน รับลองได้เลยว่าอร่อยมาก แล้วญาจะติดใจมากเลยครับ” เขายังอวดให้ฟังไม่เลิก แถมยังชวนญาตาวีไปกินที่ร้านประจำด้วยกันอีก
“ได้เลยค่ะ ญาอยากจะลองกินทุกอย่างที่มัดหมี่ชอบเลยค่ะ”
“งั้นต้องลองกินอันนี้ด้วย นี่เลยครับกุ้งแม่น้ำมันเยิ้ม ๆ ของโปรดมัดหมี่” เขาตักกุ้งแม่น้ำใส่จานของสาว ๆ ให้กันคนล่ะตัว
“กุ้งแม่น้ำของโปรดมันหมี่เหรอคะ” ญาตาวีย้อนถามพร้อมมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา
“ใช่ครับของโปรดมัดหมี่” เขาว่าแล้วก็แกะกุ้งออกจากเปลือกให้มัดหมี่ แล้วก็เอาข้าวมาคลุกกับมันกุ้งพร้อมกับที่ใส่น้ำพริกเกลือลงไปให้
“แต่มัดหมี่มัน...” ยังพูดไม่ทันจบญาตาวีก็โดนมัดหมี่กระแทกเข้ามาที่เท้าใต้โต๊ะทำให้ญาตาวีต้องหยุดพูด
“มัดหมี่อะไรหรือครับ” หมอวีร์หันมาทำหน้าสงสัยในขณะที่มัดหมี่ส่งซิกให้ว่าห้ามพูดอะไรออกมาเด็ดขาด
“อ้อ จะบอกว่าอิจฉามัดหมี่นะคะที่มีคนแกะกุ้งให้กิน”
“แหม...คนโสดก็ต้องลำบากหน่อยนะ” มัดหมี่รีบพูดแทรกขิงเพื่อนขึ้นมาทันทีเพื่อให้ดูไม่ให้ผิดสังเกต
“จ้า...ยอมเป็นคนโสดที่ลำบากดีกว่า ดีกว่าไม่โสดแล้วลำบักลำบาก” ญาตาวีพูดเสียงยาวทำหน้าประชดเพื่อนแล้วจัดการแกะกุ้งกินเอง ญาตาวีเข้าใจแล้วว่าทำไมมัดหมี่ถึงต้องกินยาแก้แพ้ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะว่ามัดหมี่แพ้กุ้งแม่น้ำ ถึงได้ต้องกิน
ญาตาวีแกะกุ้งไปกินกุ้งไปด้วยก็ได้แต่คิดว่าขอเป็นคนโสดเสียดีกว่า ดีกว่าที่จะมีคู่แล้วต้องมานั่งเป็นตัวแทนของคนอื่น โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้มีวันเป็นตัวจริงตอนไหน ญาตาวีเป็นห่วงเพื่อนมากเลยกินกุ้งแม้น้ำทั้งหมดหลายตัวที่หมอวีร์เป็นคนซื้อมาเพราะไม่อยากเห็นเพื่อนตายก่อนที่จะสมหวังในความรัก
“ดูญาก็ชอบกินกุ้งแม่น้ำเหมือนมัดหมี่เลยนะครับ” เขาอดที่จะแซวไม่ได้เพราะตอนนี้เปลือกกุ้งสูงมากเลย
“ใช่ค่ะ ของโปรดญามากเลย ยิ่งกุ้งตัวใหญ่ ๆ มันเยิ้ม ๆ ออกมาญายิ่งชอบค่ะ ส่วนคนที่ไม่ชอบเขาก็จะไม่ฝืนกินหรอกนะคะพี่หมอวีร์” ญาตาวีพูดเป็นนัยให้หมอวีร์ได้คิดทว่าเพื่อนสาวก็กลัวว่าสามีของตนเองจะคิดมาก จึงต้องรีบพูดแทรกขึ้น
“เดี๋ยวหมี่ไปหาถุงมาใส่เปลือกให้นะคะ ดูสิเปลือกกองในจานญาเต็มเลย”
“มัดหมี่ไม่ต้องครับ เดี๋ยวพี่ไปหาให้เอง” เขาว่าแล้วรีบลุกขึ้นทันที ทันใดนั้นเองมัดหมี่ไม่รอช้ารีบจัดการหยิบซอสมะเขือเทศมาฉีกใส่พิซซ่าแล้วจากนั้นก็รีบยกขึ้นมากินอย่างมูมมาม
“ค่อย ๆ กินสิ” ญาตาวีก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ที่เพื่อนของตัวเองรีบอุดพิซซ่าในปากใหญ่เลย แถมมืออีกข้างก็ถือไก่เคเอฟซีวิ้งแซ่บเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่ากัดพิซซ่าคำหนึ่งแล้วก็หันไปกัดไก่คำหนึ่ง พอได้ยินเสียงหมอวีร์กำลังจะออกมา มัดหมี่ก็เอาทุกอย่างโยนไปใส่ที่จานของญาตาวีเอาไว้ทั้งหมด
มัดหมี่รีบดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากเช็ดมือทันที แล้วรีบยกแก้วน้ำขึ้นมากินเพื่อไม่ให้ตนเองติดคอ
ญาตาวีก็ได้แต่ทำหน้าเห็นใจเพื่อน เพื่อความรักแล้วมันจะต้องพยายามมากขนาดนี้เลยเหรอ ญาตาวีไม่เข้าใจเสียจริง ได้แต่ทำหน้าให้กำลังใจเพื่อนแล้วจัดการกุ้งแม่น้ำต่อไป แม้ว่าญาตาวีจะดูเป็นคนกินเก่งในสายตาของหมอวีร์ก็ตาม ญาตาวีก็ไม่สนขอเพียงกำจัดกุ้งแม่น้ำให้หมดไปได้ก็พอ
เช้าอีกวันหนึ่งมัดหมี่กับญาตาวีก็ออกไปหาบ้านพักกันอีกหลังจากที่เมื่อวานยังไม่ถูกใจบ้านพักเลยสักทีหนึ่ง ในตอนกลางวันทั้งสองก็ไปหาอะไรกินกัน ซึ่งมัดหมี่เป็นคนเลือกร้านอาหารเป็นร้านอาหารธรรมดา ๆ เท่านั้น ที่เป็นร้านประจำสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เธอจัดการสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ เรียกได้ว่าทำราวกับไม่ได้กินอาหารร้านนี้มาเป็นชาติหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะแต่งงานมาได้สามเดือนเท่านั้นเอง
“สั่งอะไรเยอะแยะจะกินหมดไหม” ญาตาวีเอ่ยถาม
“กินหมดสิ นี่ไม่ได้กินมาสามเดือนแล้วนะ”
ญาตาวีถอนหายใจออกมา “แค่แต่งงานแค่นี้ มันต้องขนาดนั้นเลยหรือไง ทั้งการแต่งตัว การกินก็ต้องเปลี่ยนใหม่หมด น่าอึดอัดชะมัด”
“เอาเถอะนะ”
“แค่ส้มตำยังไม่ได้กินเลย คิดดูสิว่าหมี่จะต้องทนขนาดไหนกับคำว่ารักเนี่ย”
“เอาน่า ๆ กินดีกว่านะ” มัดหมี่ไม่อยากพูดเรื่องที่ทำให้ตัวเองเจ็บช้ำ พอส้มตำเริ่มทยอยเข้ามาเสิร์ฟแล้วมัดหมี่ก็ชวนกินทันที
“ถามจริงเถอะจะทนไปอีกนานแค่ไหน” ญาตาวียังไม่ยอมกินยังต้องการคำตอบของเพื่อนอยู่ “หรือต้องรอให้ตัวเองแพ้กุ้งตายไปก่อน” พูดขนาดนี้มัดหมี่ก็ทำเป็นไม่สนใจกินส้มตำหน้าตาเอร็ดอร่อย ญาตาวีเลยถอดใจไม่พูดอะไรต่อไปนั่งกินตำซั่วปูปลาร้าของโปรดตัวเองบ้าง
เมนูส้มตำปูปลาร้าเป็นอะไรที่มัดหมี่โปรดปรานมากและเมนูอื่น ๆ อีก เช่น ตำหมี่กรอบกุ้งสด ถึงแม้ว่าเธอจะแพ้กุ้งแม่น้ำแต่กุ้งขาวที่ใส่ในส้มตำเธอไม่แพ้ ยิ่งได้กินเหลาทะเลด้วยมัดหมี่ยิ่งชื่นใจเป็นที่สุด นี่แหละคือตัวตนของเธอเอง พอได้กินของอร่อย ๆ ที่ตัวเองโปรดปรานเข้าไปแล้วเหมือนมัดหมี่จะคิดอะไร เธอจึงได้แต่นั่งร้องไห้ไปและกินไปด้วย
“เป็นอะไรไป” ญาตาวีพยายามถามแต่มัดหมี่ก็ได้แต่ร้องไห้ไปแล้วกินสำตำที่ตัวเองชอบต่อไป ดูดเนื้อปูไปอย่างมีความสุขแต่นำตาก็ไหลเป็นทาง
ญาตาวีเป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่เธอไม่ตอบเลยทำได้แต่กินไปเป็นห่วงเพื่อนไป จนเพื่อนเริ่มพูดออกมาเอง
“ทำไมหมี่จะต้องทน ต่อไปนี้หมี่จะไม่ทนแล้วญา หมี่จะต้องเป็นตัวของตัวเอง ชอบกินอะไรก็กิน ไม่ชอบก็จะไม่กิน”
“อืม ดีมากมัดหมี่ ญาเห็นด้วย สู้เขาโว้ย” ญาตาวีพูดให้กำลังใจเพื่อน จากนั้นก็นั่งกินส้มตำกันต่อยาว ๆ
หลังจากหาที่อยู่ให้กับญาตาวีได้แล้ว ในตอนนั้นที่นั่งกินส้มตำกันแล้วเธอคิดได้ว่าจะไม่ทนแล้ว จะกลับมาเป็นตัวเอง จะแต่งตัวจะกินอะไรก็จะเป็นตัวเองให้เต็มที่จะไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดตัวแทนของใครอีก ทว่าพออยู่ต่อหน้าหมอวีร์จริง ๆ จากที่จะเป็นตัวเอง เธอก็ยอมเป็นใครไม่รู้เพื่อเขาต่อไป เพียงแค่เขาทำดี ทะนุถนอมดูแลเธอดีทุกอย่าง สิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ก็ทำไม่ได้สักที จวบจนเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน มัดหมี่ก็ยังไม่เป็นตัวเองเสียที ยังคงเป็นตัวแทนของแฟนเก่าของเขา
“ช่วงนี้พี่วีร์ไม่ว่างเลยหรือคะ” เธอเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลัง หลังจากเขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ “ขอโทษทีนะมัดหมี่ช่วงนี้พี่งานยุ่งนะ” เขาว่าแล้วจับมือของมัดหมี่ออก แล้วเดินไปแต่งตัวโดยไม่สนใจมัดหมี่เลยสักนิด ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขางานยุ่งมาก กลับบ้านดึก ๆ ทุกวัน แถมวันอาทิตย์ที่ไม่ต้องเข้าคลินิกถึงตอนเย็น เขาก็ยังกลับบ้านดึก อ้างว่างานยุ่งอยู่ตลอดเวลา ช่วงนี้เธอก็ได้แต่กินของโปรดของตัวเอง กินได้โดยที่เขาไม่ได้มาสนใจแถมเสื้อผ้าที่เธอใส่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มาสนใจอีก เธอใส่เพียงเสื้อยืดตามตลาดธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตามแบรนด์แบบที่เขาต้องการให้ใส่ “วันอาทิตย์นี้เราไปเที่ยวกันไหมคะ” เธอเดินมาดักหน้าของเขา “ช่วงนี้พี่ไม่ว่างจริง ๆ เอาไว้ว่างเมื่อไร พี่จะบอกนะมัดหมี่”
สองสัปดาห์ต่อมา ให้เป็นตัวแทนของแฟนเก่าเธอก็ทนได้ ถึงจะรู้ว่าหมอวีร์ไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม แต่ขอเพียงมัดหมี่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาในแต่ล่ะวันถึงจะรู้สึกว่าเขาใจร้ายมาก ที่ไม่เคยให้โอกาสให้เธอได้เป็นตัวเองเลยสักครั้ง แต่เธอก็ยอมทนทุกอย่างเพราะว่าเธอรักเขา ถึงแม้ว่าการทนต่อไปก็ไม่สามารถได้หัวใจของเขามาเลยก็ตามทว่าความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อเขากำลังจะกลับไปหาคนรักเก่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง “นี่จัดบ้านอะไร” เขากลับบ้านมาถึงก็เริ่มโวยวายทันทีเพราะมัดหมี่ใช้บัตรเคดิตของเขารูดซื้อของใช้ต่าง ๆ มาตบแต่งบ้านใหม่ทั้งหลังเลย จากที่เรียบหรูคุมโทนสีขาว ดำ เท่า ตอนนี้ทั้งบ้านเต็มไปด้วยสีสดใสทั้งนั้น “ทำไมคะ ทำไมหมี่จะจัดบ้านใหม่ไม่ได้ บ้านนี้ก็เป็นของหมี่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน” เขาถอนหายใจออกมา “มัดหมี่เป็นอะไรครับ แล้วดูแต่งตัวอะไร” เธอกลับมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนขาสั้นธรรมดา เขาว่าจะไม่ทักเรื่องเสื้อผ้าแล้วทว่าวันนี้เขาสุดจะทนหลังจากเกือบเดือนที่ผ่านมาเธอเริ่มใส่ชุดที่เขาไม่ได้ซื้อให้ใส่ “ก็แต่งตัวเป็นมัดหม
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขารีบร้อนออกไปแถมในคืนนั้นเธอก็อ้วกออกมาจนหมดเรี่ยวแรง โทรไปหาเขาแต่เขาไม่เลือกเธอ เขาเป็นฝ่ายเลือกแฟนเก่า มาวันนี้เธอก็ขอเป็นฝ่ายเลือกตัวเองและลูกให้อยู่กันแค่สองคนพอ เขาที่เป็นพ่อเธอไม่ต้องการอีกต่อไป และตั้งแต่วันเกิดเรื่องมัดหมี่รู้อยู่แล้วว่าผลมันจะเป็นแบบนี้เพราะตอนเช้าเขาบอกว่าจะชื้อของโปรดของเธอเข้ามาให้กิน ทั้งที่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาหมอวีร์ไม่ได้มาใส่ใจว่าเธอจะกินอะไร จะแต่งตัวแบบไหน มัดหมี่เลยจัดการตบแต่งบ้านใหม่ทั้งหมดโดยใช้บัตรเครดิตของเขารูดซื้อและเสื้อผ้าก็ใส่แบบที่เป็นตัวเอง แถมเธอยังโทรเรียกญาตาวีมาด้วยเพราะเธอรู้ว่าเธอจะต้องกินกุ้งที่เขาซื้อมา จนต้องแพ้เข้าโรงพยาบาลและเธอยังสั่งญาตาวีเรื่องลูกในท้องเอาไว้อย่าให้เขาได้รู้เรื่อง ตอนนี้มัดหมี่ได้ขอหย่ากับหมอวีร์เรียบร้อย เธอแจ้งเรื่องนี้ให้แม่วิไลลักษณ์แม่ของเขาให้รู้เรื่องด้วยทว่าแม่วิไลลักษณ์ขอเอาไว้ก่อน เธอกับเขาจึงยังไม่ได้หย่ากัน ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มัดหมี่ไม่ได้อยู่กับเขาที่บ้านแล้ว เธอย้ายกลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่ แม่วิไลลักษณ์ทำงานมีหน้ามีตาเป็นถึงหัวหน้าผู้บริหา
วันนั้นพอกลับมาจากบ้านของคิริน ชายหนุ่มก็เดินทางไปหาแม่ของเขาทันที ที่บ้านของแม่กับพ่อ โดยที่ไม่มีความคิดที่จะสับสนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าในหัวใจของเขานั้นรักใครกันแน่ระหว่างพิพิมกับมัดหมี่ ซึ่งสามารถตอบได้ทันทีเลยว่าเขารักมัดหมี่อย่างแน่นอนและจะไม่มีวันสับสนและลังเลอีก หมอวีร์จอดรถยนต์ได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหาแม่ทันที “แม่บ้านของมัดหมี่อยู่ที่ไหนหรือครับ” ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ถามแม่ทันทีโดยไม่รอช้า “จะถามไปทำไม ต้องการไปลากมัดหมี่มาหย่าด้วยหรือไงกัน” วิไลลักษณ์ขึ้นเสียงใส่ “ไม่ใช่แบบนั้นครับ” เขาว่าแล้วเข้าไปนั่งใกล้แม่ วิไลลักษณ์มองหน้าลูกชายอย่างจับผิด “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วต้องการอะไร” &n
เช้าวันต่อมาหมอวีร์เดินทางไปหาเพื่อนรักที่เป็นหมอเหมือนกันแต่รายนี้เป็นหมอกุมารแพทย์ เขาลงทุนถึงขนาดไม่ไปทำงานที่คลินิกที่ตนเองรัก ปล่อยให้หมออีกสองคนเข้าไปดูแลคลินิกแทนเพื่อที่เขาจะไปปรึกษาเพื่อนว่าตอนนี้เขากำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่ เขารู้สึกไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไร มันใช่เรียกว่ารักหรือเปล่า แต่อีกใจมันก็แย้งขึ้นมาว่าไม่ได้รักคนที่รักอย่างแท้จริงเป็นพิพิม เขาจึงสับสนในตัวเองไปหมดว่าตกลงเขารักใครกันแน่ ระหว่างพิพิมกับมัดหมี่ “พี่คินคะ พี่หมอวีร์มาหาค่ะ ตอนนี้รออยู่ในสวนข้างบ้านเราแล้ว” เพียงฝันภรรยาสาวสวยเดินเข้ามาบอกสามีในห้องนั่งเล่น “ไอ้วีร์มันมาทำไมของมัน นี่วันอาทิตย์นะ มันไม่เข้าคลินิกที่มันรักหรือไง” หมอคิรินได้แต่ครุ่นคิด “ท่าทางพี่หมอวีร์ดูร้อนใจมากเลยนะคะ พี่คินรีบออกไปสิคะ เดี๋ยวเพียงฝันจะเอาน้ำเอาขนมไปเสิร์ฟ”
สองคนแม่ลูกเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้นก็มาถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย รถยนต์ที่เช่าเอาไว้ก็มาบริการเขาถึงที่ หมอวีร์รีบขับรถยนต์ไปที่บ้านไร่ธาราทันที โดยระหว่างทางเขากังวลเป็นอย่างมากลัวว่ามัดหมี่จะไม่ให้อภัยคนอย่างเขาที่ได้ทำผิดพลาดไปอย่างร้ายแรง ภายในครึ่งชั่วโมงเขาก็ขับรถยนต์มาถึงไร่ธาราที่มีพื้นที่เป็นพัน ๆ ไร่ตามที่แม่วิไลลักษณ์บอกเขาเอาไว้ พอมาถึงในไร่ทุกคนต่างตกใจที่มาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อนแต่ก็ถูกต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนบ้านไร่ธารา ยกเว้นมัดหมี่ที่ทำหน้าบึ้งแต่ยังต้องทนนั่งต้อนรับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าสบตากับหมอวีร์เลยสักนิด ยิ่งเห็นหน้ายิ่งรู้สึกเหม็นขี้หน้าที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งยิ้มแย้มแม้ว่ามัดหมี่จะทำหน้าไม่ค่อยต้อนรับเขาก็ตามทว่าคนในบ้านไร่ธาราก็ต้อนรับเขาอย่างดี ทั้งพ่อและแม่ ซึ่งชื่อไร่ธาราก็มาจากชื่อของพ่อมัดหมี่ที่เป็นคนก่อตั้งแห่งไร่นี้มา มัดหมี่มีพี่ชายชื่อมัดไม้แต่รายนี้แยกบ้านไปอยู่อีกหลังไม่ใ
“ครับแม่” วีร์เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปหาเธอทันที โชคดีที่เธอท้องได้เกือบห้าเดือนแล้วเลยเดินไม่ค่อยเร็วมาก เขาเลยไปดันประตูห้องของเธอที่กำลังจะปิดลงได้ทัน “อย่ามาดันประตูนะ เอามือออกไป!” เธอตวาดเขาเสียงดัง “คุยกับพี่ก่อน” “ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้ว ไว้เรื่องหย่าหมี่จะสั่งทนายให้จัดการให้” มัดหมี่ดันประตูออกแรงเต็มที่ทว่าก็สู้แรงเขาไม่ได้จนเขาเข้ามาอยู่ในห้องได้แล้ว “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” เธอชี้นิ้วไล่เขาออกจากห้อง “พี่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดพี่ผิด พี่ยอมรับผิดทั้งหมด มัดหมี่พี่ขอโทษยกโทษให้พี่ได้ไหม” เขาพูดไปก็เอามือของเธอมากุมเอาไว้ด้วยแต่มัดหมี่สะบัดมือของเขาออกอย่างไร้เยื่อใย “พี่วีร์พูดง่ายดีเนอะ แค่ขอโทษแล้วมันก็จบเหรอ” “พี่รู้ว่า
“ทุกคนเอาแต่บอกว่าให้หมี่ให้อภัยยกโทษให้ แล้วใครเคยรู้บ้างว่ามัดหมี่โดนอะไรมานัก ดูสิ ดูคนในไลฟ์สิเอาแต่สงสารพี่วีร์ แล้วมีใครสงสารหมี่บ้างไหม ที่เป็นคนถูกกระทำ หรือจะบอกว่ามัดหมี่ไปรักพี่เขาเองอย่างนั้นเหรอ” “มัดหมี่ก็อย่าไปอ่านคอมเม้นสิลูก ดูที่ความจริงใจของพี่วีร์ ไม่ต้องไปสนใจคอมเม้นว่าใครจะพูดอะไร สนใจแค่คนที่ยืนบอกรักมัดหมี่ตรงนี้ดีกว่าไหม มัดหมี่ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่นเลย สนใจแต่ผู้ชายคนนี้ สนใจแต่คนที่มัดหมี่รักดีกว่า” ธาราเป็นฝ่ายพูดสอนลูกสาวบ้างพร้อมกับชี้ให้ดูแต่ผู้ชายที่รักมัดหมี่เพียงคนเดียว โดยไม่ต้องไปสนใจคนอื่นว่าจะพูดอะไร “ใช่แม่ก็เห็นด้วยกับคำพูดพ่อของมัดหมี่ แม่ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะไม่อยากให้มัดหมี่เห็นว่าแม่เข้าข้างลูกชายของตัวเอง แต่ครั้งนี้แม่ได้เห็นความจริงใจของวีร์จริง ๆ เห็นว่าในแววตาคู่นี้ของวีร์ลืมรักเก่าได้หมดสนิทแล้ว ตอ
หลังจากบอกรักท่ามกลางสักขีพยานมากมาย ทุกคนก็พากันกลับไปกินข้าวที่ร้านอาหารฉลองที่ทั้งสองกับมาคืนดีกันและฉลองให้กับที่พวกเขาจะมีหลาน ยิ่งรู้ว่าจะมีหลานชายเป็นคนแรกด้วยแล้ว ทั้งตายายทั้งผู้เป็นย่ายิ่งตื่นเต้น ตื่นเต้นเสียจนลูกคนแรกยังไม่ทันจะคลอดลูกออกมาเลย พวกท่านก็วางแผนให้เธอมีคนที่สองต่อเลยแถมยังขอคนที่สองเป็นผู้หญิงเสียด้วย การให้โอกาสเขาคราวนี้ หมอวีร์ใส่ใจเธอมากขึ้น คอยถามว่าเธอชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรและคอยถามอีกว่าเธอแพ้อะไรอีกไหมนอกจากกุ้งแม่น้ำเพราะเขากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ครั้งนี้เขาจึงถามและใส่ใจทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับเธอ คราวนี้เขาจะไม่พลาดเป็นครั้งที่สองแน่ ในคืนนี้เธอกับเขาก็กลับมาปรับความเข้าใจกันอีกเยอะ นอนคุยกันยาวในทุก ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องที่เขารู้สึกสับสนจนแทบจะเป็นบ้า จนได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่าเขาขาดมัดหมี่ไปไม่ได้อีกแล้ว
“ทุกคนเอาแต่บอกว่าให้หมี่ให้อภัยยกโทษให้ แล้วใครเคยรู้บ้างว่ามัดหมี่โดนอะไรมานัก ดูสิ ดูคนในไลฟ์สิเอาแต่สงสารพี่วีร์ แล้วมีใครสงสารหมี่บ้างไหม ที่เป็นคนถูกกระทำ หรือจะบอกว่ามัดหมี่ไปรักพี่เขาเองอย่างนั้นเหรอ” “มัดหมี่ก็อย่าไปอ่านคอมเม้นสิลูก ดูที่ความจริงใจของพี่วีร์ ไม่ต้องไปสนใจคอมเม้นว่าใครจะพูดอะไร สนใจแค่คนที่ยืนบอกรักมัดหมี่ตรงนี้ดีกว่าไหม มัดหมี่ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่นเลย สนใจแต่ผู้ชายคนนี้ สนใจแต่คนที่มัดหมี่รักดีกว่า” ธาราเป็นฝ่ายพูดสอนลูกสาวบ้างพร้อมกับชี้ให้ดูแต่ผู้ชายที่รักมัดหมี่เพียงคนเดียว โดยไม่ต้องไปสนใจคนอื่นว่าจะพูดอะไร “ใช่แม่ก็เห็นด้วยกับคำพูดพ่อของมัดหมี่ แม่ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะไม่อยากให้มัดหมี่เห็นว่าแม่เข้าข้างลูกชายของตัวเอง แต่ครั้งนี้แม่ได้เห็นความจริงใจของวีร์จริง ๆ เห็นว่าในแววตาคู่นี้ของวีร์ลืมรักเก่าได้หมดสนิทแล้ว ตอ
“ครับแม่” วีร์เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปหาเธอทันที โชคดีที่เธอท้องได้เกือบห้าเดือนแล้วเลยเดินไม่ค่อยเร็วมาก เขาเลยไปดันประตูห้องของเธอที่กำลังจะปิดลงได้ทัน “อย่ามาดันประตูนะ เอามือออกไป!” เธอตวาดเขาเสียงดัง “คุยกับพี่ก่อน” “ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้ว ไว้เรื่องหย่าหมี่จะสั่งทนายให้จัดการให้” มัดหมี่ดันประตูออกแรงเต็มที่ทว่าก็สู้แรงเขาไม่ได้จนเขาเข้ามาอยู่ในห้องได้แล้ว “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” เธอชี้นิ้วไล่เขาออกจากห้อง “พี่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดพี่ผิด พี่ยอมรับผิดทั้งหมด มัดหมี่พี่ขอโทษยกโทษให้พี่ได้ไหม” เขาพูดไปก็เอามือของเธอมากุมเอาไว้ด้วยแต่มัดหมี่สะบัดมือของเขาออกอย่างไร้เยื่อใย “พี่วีร์พูดง่ายดีเนอะ แค่ขอโทษแล้วมันก็จบเหรอ” “พี่รู้ว่า
สองคนแม่ลูกเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้นก็มาถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย รถยนต์ที่เช่าเอาไว้ก็มาบริการเขาถึงที่ หมอวีร์รีบขับรถยนต์ไปที่บ้านไร่ธาราทันที โดยระหว่างทางเขากังวลเป็นอย่างมากลัวว่ามัดหมี่จะไม่ให้อภัยคนอย่างเขาที่ได้ทำผิดพลาดไปอย่างร้ายแรง ภายในครึ่งชั่วโมงเขาก็ขับรถยนต์มาถึงไร่ธาราที่มีพื้นที่เป็นพัน ๆ ไร่ตามที่แม่วิไลลักษณ์บอกเขาเอาไว้ พอมาถึงในไร่ทุกคนต่างตกใจที่มาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อนแต่ก็ถูกต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนบ้านไร่ธารา ยกเว้นมัดหมี่ที่ทำหน้าบึ้งแต่ยังต้องทนนั่งต้อนรับ ไม่แม้แต่จะมองหน้าสบตากับหมอวีร์เลยสักนิด ยิ่งเห็นหน้ายิ่งรู้สึกเหม็นขี้หน้าที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งยิ้มแย้มแม้ว่ามัดหมี่จะทำหน้าไม่ค่อยต้อนรับเขาก็ตามทว่าคนในบ้านไร่ธาราก็ต้อนรับเขาอย่างดี ทั้งพ่อและแม่ ซึ่งชื่อไร่ธาราก็มาจากชื่อของพ่อมัดหมี่ที่เป็นคนก่อตั้งแห่งไร่นี้มา มัดหมี่มีพี่ชายชื่อมัดไม้แต่รายนี้แยกบ้านไปอยู่อีกหลังไม่ใ
เช้าวันต่อมาหมอวีร์เดินทางไปหาเพื่อนรักที่เป็นหมอเหมือนกันแต่รายนี้เป็นหมอกุมารแพทย์ เขาลงทุนถึงขนาดไม่ไปทำงานที่คลินิกที่ตนเองรัก ปล่อยให้หมออีกสองคนเข้าไปดูแลคลินิกแทนเพื่อที่เขาจะไปปรึกษาเพื่อนว่าตอนนี้เขากำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่ เขารู้สึกไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไร มันใช่เรียกว่ารักหรือเปล่า แต่อีกใจมันก็แย้งขึ้นมาว่าไม่ได้รักคนที่รักอย่างแท้จริงเป็นพิพิม เขาจึงสับสนในตัวเองไปหมดว่าตกลงเขารักใครกันแน่ ระหว่างพิพิมกับมัดหมี่ “พี่คินคะ พี่หมอวีร์มาหาค่ะ ตอนนี้รออยู่ในสวนข้างบ้านเราแล้ว” เพียงฝันภรรยาสาวสวยเดินเข้ามาบอกสามีในห้องนั่งเล่น “ไอ้วีร์มันมาทำไมของมัน นี่วันอาทิตย์นะ มันไม่เข้าคลินิกที่มันรักหรือไง” หมอคิรินได้แต่ครุ่นคิด “ท่าทางพี่หมอวีร์ดูร้อนใจมากเลยนะคะ พี่คินรีบออกไปสิคะ เดี๋ยวเพียงฝันจะเอาน้ำเอาขนมไปเสิร์ฟ”
วันนั้นพอกลับมาจากบ้านของคิริน ชายหนุ่มก็เดินทางไปหาแม่ของเขาทันที ที่บ้านของแม่กับพ่อ โดยที่ไม่มีความคิดที่จะสับสนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าในหัวใจของเขานั้นรักใครกันแน่ระหว่างพิพิมกับมัดหมี่ ซึ่งสามารถตอบได้ทันทีเลยว่าเขารักมัดหมี่อย่างแน่นอนและจะไม่มีวันสับสนและลังเลอีก หมอวีร์จอดรถยนต์ได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหาแม่ทันที “แม่บ้านของมัดหมี่อยู่ที่ไหนหรือครับ” ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ถามแม่ทันทีโดยไม่รอช้า “จะถามไปทำไม ต้องการไปลากมัดหมี่มาหย่าด้วยหรือไงกัน” วิไลลักษณ์ขึ้นเสียงใส่ “ไม่ใช่แบบนั้นครับ” เขาว่าแล้วเข้าไปนั่งใกล้แม่ วิไลลักษณ์มองหน้าลูกชายอย่างจับผิด “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วต้องการอะไร” &n
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขารีบร้อนออกไปแถมในคืนนั้นเธอก็อ้วกออกมาจนหมดเรี่ยวแรง โทรไปหาเขาแต่เขาไม่เลือกเธอ เขาเป็นฝ่ายเลือกแฟนเก่า มาวันนี้เธอก็ขอเป็นฝ่ายเลือกตัวเองและลูกให้อยู่กันแค่สองคนพอ เขาที่เป็นพ่อเธอไม่ต้องการอีกต่อไป และตั้งแต่วันเกิดเรื่องมัดหมี่รู้อยู่แล้วว่าผลมันจะเป็นแบบนี้เพราะตอนเช้าเขาบอกว่าจะชื้อของโปรดของเธอเข้ามาให้กิน ทั้งที่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาหมอวีร์ไม่ได้มาใส่ใจว่าเธอจะกินอะไร จะแต่งตัวแบบไหน มัดหมี่เลยจัดการตบแต่งบ้านใหม่ทั้งหมดโดยใช้บัตรเครดิตของเขารูดซื้อและเสื้อผ้าก็ใส่แบบที่เป็นตัวเอง แถมเธอยังโทรเรียกญาตาวีมาด้วยเพราะเธอรู้ว่าเธอจะต้องกินกุ้งที่เขาซื้อมา จนต้องแพ้เข้าโรงพยาบาลและเธอยังสั่งญาตาวีเรื่องลูกในท้องเอาไว้อย่าให้เขาได้รู้เรื่อง ตอนนี้มัดหมี่ได้ขอหย่ากับหมอวีร์เรียบร้อย เธอแจ้งเรื่องนี้ให้แม่วิไลลักษณ์แม่ของเขาให้รู้เรื่องด้วยทว่าแม่วิไลลักษณ์ขอเอาไว้ก่อน เธอกับเขาจึงยังไม่ได้หย่ากัน ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มัดหมี่ไม่ได้อยู่กับเขาที่บ้านแล้ว เธอย้ายกลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่ แม่วิไลลักษณ์ทำงานมีหน้ามีตาเป็นถึงหัวหน้าผู้บริหา
สองสัปดาห์ต่อมา ให้เป็นตัวแทนของแฟนเก่าเธอก็ทนได้ ถึงจะรู้ว่าหมอวีร์ไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม แต่ขอเพียงมัดหมี่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาในแต่ล่ะวันถึงจะรู้สึกว่าเขาใจร้ายมาก ที่ไม่เคยให้โอกาสให้เธอได้เป็นตัวเองเลยสักครั้ง แต่เธอก็ยอมทนทุกอย่างเพราะว่าเธอรักเขา ถึงแม้ว่าการทนต่อไปก็ไม่สามารถได้หัวใจของเขามาเลยก็ตามทว่าความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อเขากำลังจะกลับไปหาคนรักเก่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง “นี่จัดบ้านอะไร” เขากลับบ้านมาถึงก็เริ่มโวยวายทันทีเพราะมัดหมี่ใช้บัตรเคดิตของเขารูดซื้อของใช้ต่าง ๆ มาตบแต่งบ้านใหม่ทั้งหลังเลย จากที่เรียบหรูคุมโทนสีขาว ดำ เท่า ตอนนี้ทั้งบ้านเต็มไปด้วยสีสดใสทั้งนั้น “ทำไมคะ ทำไมหมี่จะจัดบ้านใหม่ไม่ได้ บ้านนี้ก็เป็นของหมี่ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน” เขาถอนหายใจออกมา “มัดหมี่เป็นอะไรครับ แล้วดูแต่งตัวอะไร” เธอกลับมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนขาสั้นธรรมดา เขาว่าจะไม่ทักเรื่องเสื้อผ้าแล้วทว่าวันนี้เขาสุดจะทนหลังจากเกือบเดือนที่ผ่านมาเธอเริ่มใส่ชุดที่เขาไม่ได้ซื้อให้ใส่ “ก็แต่งตัวเป็นมัดหม
“ช่วงนี้พี่วีร์ไม่ว่างเลยหรือคะ” เธอเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลัง หลังจากเขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ “ขอโทษทีนะมัดหมี่ช่วงนี้พี่งานยุ่งนะ” เขาว่าแล้วจับมือของมัดหมี่ออก แล้วเดินไปแต่งตัวโดยไม่สนใจมัดหมี่เลยสักนิด ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขางานยุ่งมาก กลับบ้านดึก ๆ ทุกวัน แถมวันอาทิตย์ที่ไม่ต้องเข้าคลินิกถึงตอนเย็น เขาก็ยังกลับบ้านดึก อ้างว่างานยุ่งอยู่ตลอดเวลา ช่วงนี้เธอก็ได้แต่กินของโปรดของตัวเอง กินได้โดยที่เขาไม่ได้มาสนใจแถมเสื้อผ้าที่เธอใส่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มาสนใจอีก เธอใส่เพียงเสื้อยืดตามตลาดธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตามแบรนด์แบบที่เขาต้องการให้ใส่ “วันอาทิตย์นี้เราไปเที่ยวกันไหมคะ” เธอเดินมาดักหน้าของเขา “ช่วงนี้พี่ไม่ว่างจริง ๆ เอาไว้ว่างเมื่อไร พี่จะบอกนะมัดหมี่”