ร่างสูงกำยำของแม่ทัพเหวินซูยืนอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ไม้ใบพุ่มหนาอายุหลายร้อยปีช่วยพรางกายปกปิดอย่างดี เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีน้ำตาลสลับดำ สายตาคมดุจ้องมองไปยังภาพความอบอุ่นหน้าเรือนหลีฮวา
ลี่ชิงคลอดบุตรฝาแฝดทารกชายหญิง เหวินซูใช้สายตาคมกริบมองจากระยะไกลเห็นเด็กน้อยทั้งสองกำลังนอนหลับตาพริ้มในวงแขนสาวใช้ ลี่ชิงแต่งกายด้วยอาภรณ์สีชมพูอ่อนมัดผมสบายๆ ขึ้นครึ่งศีรษะ มือเรียวตักขนมเนื้อนุ่มป้อนใส่ปากให้เฉินเซียวหลาง คุณชายเฉินใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นาง
ลี่ชิงรินชาให้สามี นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปอุ้มทารกเพศชายส่งให้เฉินเซียวหลางอุ้ม นางอุ้มทารกหญิง เด็กน้อยลืมตาขึ้นมามองผู้เป็นบิดามารดา
เหวินซูได้ยินเสียงร้องอ้อแอ้ ระดับพลังแข็งแกร่งของเขาได้ยินแม้เสียงแผ่วเบาหรือมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล
ร่างสูงกำมือแน่น เขารู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อนึกถึงลี่ชิง เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมในคืนนั้น คืนที่เขาและนางถูกพิษกำหนัด นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะตาลปัตรกลายเป็นเช่นนี้
เมื่อเขากลับมาจากหัวเมืองทางเหนือ เฉินเซียวหลางกับลี่ชิงกลายเป็นครอบครัวไปเสียแล้ว ความสงสัยในใจยังโหมกระหน่ำในห้วงอารมณ์ แม่ทัพเหวินซูได้แต่ยืนมองภาพครอบครัวของผู้อื่นด้วยใจร้อนรุ่ม เฉินเซียวหลางเปลี่ยนใจนางได้อย่างไร
เหตุใดเรื่องทั้งหมดจึงกลายเป็นเช่นนี้
แม่ทัพเหวินซูสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับสติอารมณ์ เขาบอกตัวเองให้ใจเย็นลงก่อนจะทำการอันใดบุ่มบ่าม แม่ทัพหนุ่มจ้องมองทารกชายหญิง มองลี่ชิงกำลังยิ้ม ท่าทีของนางเปลี่ยนไปดูอ่อนโยนน่ารักขึ้นอีกหลายเท่า รูปโฉมยิ่งงดงามกว่าเมื่อสิบเดือนก่อน ผิวพรรณอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ปากอิ่มแดงยิ้มให้เฉินเซียวหลาง ยิ้มละไมเมื่อมองทารกในอ้อมกอด
เหวินซูเห็นทั้งสองอุ้มทารก มือข้างหนึ่งของเฉินเซียวหลางเอื้อมไปแตะเอวลี่ชิง ร่างบางขยับกายเข้าหาอ้อมกอดของสามี ภาพสามีภรรยา ภาพเด็กทารกสมบูรณ์แข็งแรง ภาพเสียงหัวเราะและภาพนั้น
ภาพครอบครัวอันแสนสุข
แม่ทัพไร้พ่ายเร้นกายออกจากต้นไม้ใหญ่ ใช้วิชาตัวเบาสะกิดปลายเท้าลงมายืนข้างรั้ว เขาควบม้าตัวใหญ่สีเทามุ่งหน้ากลับไปจวนแม่ทัพ ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปอยู่ในห้วงความคิด ม้าตัวใหญ่มุ่งหน้าด้วยความเร็วเต็มฝีเท้าผ่านเข้าซุ้มประตูหน้าจวน ทหารยามออกมาต้อนรับท่านแม่ทัพ เขาควบม้าพุ่งเข้าประตูไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ใบหน้าหล่อคม ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแต่งกายด้วยชุดลำลอง มิได้แต่งกายด้วยชุดเกราะอ่อนอย่างเคย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มรับกับคิ้วดาบพาดเฉียง ผิวพรรณเนียนละเอียดคร้ามแดดเล็กน้อย ผิวไม่ขาวจัดเช่นพวกบัณฑิตแต่หล่อเหลาร้ายกาจ ดวงตาดุดันอย่างพญาอินทรีย์บนใบหน้าเรียบเฉย
แม่ทัพเหวินซูจัดว่าหล่อเหลาละลายใจสตรีทั้งสาวทั้งแก่ทั่วเมืองหลวง ปีนี้เขาอายุ 27 ปีแล้ว ยังไม่ได้ตบแต่งฮูหยินเอกเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีสาวใช้อุ่นเตียง เมื่อมีความต้องการก็ไปหอนางโลมบางครั้งคราว
จนเขาได้เจอกับลี่ชิงตอนที่นางถูกขายเข้าหอนางโลมเมื่อสิบเดือนก่อน
ทหารยามกับพ่อบ้านจวนแม่ทัพรีบรี่เข้ามาต้อนรับผู้เป็นนาย เหวินซูกระโดดลงจากม้า เดินเข้าไปในจวน
"ท่านแม่ทัพกลับมาเร็วกว่ากำหนด พวกข้าคิดว่าท่านจะกลับมาอีกราวสองสัปดาห์ข้างหน้า"
"ข้าปราบกบฏหัวเมืองเหนือได้สำเร็จลุล่วง เมืองซางเจี่ยนปลอดภัยแล้ว"
"เชิญท่านแม่ทัพด้านในก่อนขอรับ"
"ยังไม่ต้องบอกใครว่าข้ากลับมาแล้ว" แม่ทัพเหวินซูสั่งการ
"ขอรับ" พ่อบ้านฮงซื่อถงได้แต่กลอกตาไปมา มีแต่ผู้อยากประกาศตนฉลองชัยเมื่อรบศึกชนะ เหตุใดท่านแม่ทัพจึงซ่อนเร้นปิดบังว่าตนกลับมาแล้ว
เหวินซูเดินเข้าอาบน้ำ ในอ่างใบใหญ่กรุ่นกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า สาวใช้ยืนรอปรนนิบัติอยู่ด้านนอก ทุกนางต่างอยากเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของแม่ทัพเหวินซู เพียงได้อุ่นเตียงให้ท่านแม่ทัพก็นับว่าเป็นวาสนา แต่ผู้เป็นนายไม่แม้แต่ชายตาแลสาวใช้นางใด
เป็นเรื่องเล่าปากต่อปากว่าแม่ทัพเคยเลี้ยงดูสตรีผู้หนึ่ง
แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นใคร จนป่านนี้ท่านแม่ทัพยังไม่ตกลงปลงใจแต่งฮูหยินเอก สาวใช้ในจวนต่างรอคอยด้วยความหวัง แม้มีหวังเพียงเล็กน้อยดั่งพบบ่อน้ำในทะเลทราย พวกนางยังหวังว่าจะได้ขึ้นเตียงแม่ทัพสักวันหนึ่ง
"ออกไปให้หมด" เสียงกร้าวกระด้างไล่สาวใช้ผู้ยืนทำหน้าระริกระรี้อยู่หลังฉากอาบน้ำ
"เจ้าค่ะ" สาวใช้ต่างลนลานออกไปยืนรอรับใช้อยู่ด้านนอก
เหวินซูนั่งแช่น้ำในอ่าง คิดเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเดือนก่อน
'เขาคิดถึงลี่ชิง'
กายแกร่งลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ร่างเปลือยหนั่นแน่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อก้าวเท้าขึ้นจากอ่าง เขามองตัวเองในกระจก มองรอยแผลเป็นตามร่างกายอันเกิดจากการรบ รอยจารึกจากศึกสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมือง ปกป้องประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุข
ทุกครั้งที่กลับมาที่จวนหรือเรียกว่าบ้าน
ไม่มีใครรอเขากลับบ้าน
แม้จวนจะใหญ่โตหรูหราเพียงใดก็ยังเงียบเหงาอยู่เช่นเดิม
เหวินซูแตะไปบนซอกคอด้านซ้าย ครั้งหนึ่งมันเคยมีรอยประทับสีดอกเหมยซึ่งเกิดจากริมฝีปากของหญิงสาว
รอยรักที่ลี่ชิงเคยฝากไว้บนซอกคอเขามันเลือนหายไปนานแล้ว แต่สิบเดือนที่ผ่านมาเขาไม่เคยลืมนางแม้สักวัน
ภาพลี่ชิงโผเข้ากอดเฉินเซียวหลาง กลิ่นขนมอบลอยกรุ่นตามสายลมยามเย็น ภาพเด็กทารกในอ้อมกอดบิดามารดา
เขารู้สึกบางอย่างกับภาพนั้น
'อิจฉา'
ยามห้าย ดึกสงัดได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องระงม
เหวินซูรินสุราทั้งกาลงคอ มัดรวบผมสยายขึ้นสูง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำสนิท เขาสวมผ้าพรางหน้าเหมือนจอมโจร แม่ทัพผู้แต่งกายดั่งโจรป่าเร้นกายออกทางหน้าต่าง สะกิดปลายเท้าด้วยวิชาตัวเบาไปตามหลังคาเรือน ทิศที่เขามุ่งหน้าไปคือเรือนหลีฮวาของลี่ชิง
เหวินซูสะกิดปลายเท้าด้วยวิชาตัวเบามาจนถึงบริเวณจวนสกุลเฉิน ร่างสูงเร้นกายกระโดดลงไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างเรือนหลีฮวา บานหน้าต่างเปิดแง้มอยู่เขามองลอดบานหน้าต่างเห็นลี่ชิงกำลังกล่อมบุตรเข้านอน นางสวมอาภรณ์สีขาว คลุมด้วยชุดคลุมลายดอกมู่ตาน ปล่อยผมสยายยาวสลวยลงถึงกลางหลัง ดวงหน้าหวานกำลังยิ้มเมื่อมองทารก สายตามารดารักใคร่หลงใหลทารกทั้งสองอย่างเต็มเปี่ยม ป้าสมหญิงทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับทารก ทั้งกอดทั้งหอมบุตร สูดดมกลิ่นเด็กปนกลิ่นน้ำนมช่างหอมชื่นใจ"ลูกแม่น่ารักที่สุด เฉินซีน้อย โตขึ้นอยากเป็นอะไรครับ" นางพูดกับทารกชายที่กำลังหลับคอพับ ลี่ชิงสมหญิงยังหอมลูกและพูดเสียงสองอย่างต่อเนื่องนางวางทารกชายลงบนเตียงทารก อุ้มทารกหญิงขึ้นมา พูดเสียงสองอีกเช่นเคย"เฉินเมี่ยวหลาน คนสวยของแม่ ตาสวยมากลูก ฟันก็สวยมาก" ลี่ชิงมโนว่าลูกสาวต้องมีฟันสวยเหมือนพวกดาราทำฟันแบบวีเนียร์ ลี่ชิงแหวกปากของลูกดูเหงือกสีชมพู ดูว่าฟันลูกขึ้นรึยัง เป็นผู้หญิงต้องฟันเงางามเรียงสวย คนยังไม่เคยมีลูก ย่อมเห่อลูกหนักเป็นธรรมดาเหวินซูยืนอมยิ้มมองนางหยอกล้อทารก ลี่ชิงส่งทารกเข้านอนในห้องเล็กด้านข้าง มีเสี่ยวหยุนกับสาวใช้อี
ลี่ชิงแต่งกายทะมัดทะแมงด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม ยืนรอเฉินเซียวหลางอยู่ด้านนอก เกือบสองเดือนแล้วที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา เฉินเซียวหลางดีกับนางมาก คอยหาของบำรุงมาให้มิได้ขาดคุณชายเฉินกลับมาจากร้านค้าก่อนเวลาเพื่อพาลี่ชิงไปดูที่ดินมรดก นางจ้างคนไปแผ้วถางที่ดินผืนนั้น เงินติดตัวนางมีไม่มากนัก เงินส่วนใหญ่ที่ใช้พลิกฟื้นผืนดินมรดกเน่า ลี่ชิงหยิบยืมจากเฉินเซียวหลางมาก่อนราวหนึ่งพันตำลึง"เหตุใดต้องหักโหมมากมาย มีพี่คอยดูแลเจ้ากับลูกอยู่ทั้งคน"เขาสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำ นั่งผูกเชือกรองเท้าขี่ม้าทรงสูงอยู่หน้าเรือนพัก เรือนพักของเฉินเซียวหลางคือเรือนซือเฟย เรือนขนาดใหญ่รองจากเรือนฮูหยินใหญ่ อยู่บริเวณเดียวกันในจวนสกุลเฉิน ลี่ชิงนั่งลงผูกเชือกรองเท้าให้สามี เขาถึงขั้นชะงักเพราะความแปลกใจ "ข้าช่วยนะเจ้าคะ" นางเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวาน ดวงตากลมโตจ้องมองสามีด้วยความหลงใหลในความหล่อ 'หล่อระดับนี้มันดาราซีรี่ส์จีนชัดๆ งือออออ ชั้นรักเค้า ชั้นจะเอา ๆๆ ๆ' ลี่ชิงได้แต่เปรียบเทียบความหล่อของสามีกับดาราซีรีส์ยุคปัจจุบัน"ขอบใจมาก แต่ไม่ต้องลำบากก็ได้ เป็นพี่เองควรดูแลเจ้า" เฉินเซียวหลางเหม่อมองรอยยิ้มแสนน่ารัก เขาเพ
แม่ทัพเหวินซูแต่งกายด้วยชุดลำลองอย่างชาวบ้าน เสื้อผ้าเนื้อหยาบสีดำสนิท สวมปลอกแขนทำจากผ้าเนื้อนุ่ม สวมรองเท้าเช่นชนชั้นแรงงาน พ่อบ้านจวนแม่ทัพได้แต่กลอกตาไปมาเมื่อเห็นผู้เป็นนายแต่งกายเช่นนั้นแม่ทัพเหวินซูออกมาจิบชา รับประทานอาหารเช้าอยู่หน้าเรือนใหญ่ เรือนย่อยว่างเปล่าอีกห้าเรือนล้วนถูกทำความสะอาดอย่างดี บ่าวไพร่สาวใช้ไม่มากไม่น้อยราวยี่สิบคนช่วยดูแลจวนใหญ่ขนาดหกเรือนนอนได้อย่างสะอาดเอี่ยมพ่อบ้านฮงซื่อถงลอบมองแม่ทัพตั้งแต่หัวจรดเท้า"ท่านแม่ทัพจะไปที่ใดรึขอรับ เหตุใดจึงแต่งกายเช่นนี้""ข้าจะไปโรงเลื่อย""ท่านจะไปทำอะไร" พ่อบ้านถามไปอย่างนั้น พ่อบ้านฮงรู้อยู่แล้วว่าแม่ทัพจะไปทำอะไร เขาเองเป็นคนขับรถม้าพาแม่ทัพเหวินซูไปแอบดูสามีภรรยาหยอกเย้ากันถึงที่ดินรกร้างของลี่ชิง"ข้าจะไปเอาไม้ที่เฉินเซียวหลางสั่งเลื่อยไว้ ไปช่วยลี่ชิงสร้างเรือนพัก""เอ่อ...ได้ข่าวว่านางสูญเสียความทรงจำ แล้วท่านจะไปในฐานะอะไรขอรับ นางคงจำท่านไม่ได้" พ่อบ้านฮงขยับไปอีกสองก้าวเมื่อกล่าวประโยคนี้ เกรงว่าผู้เป็นนายจะฟาดหลังมือใส่บนกบาล"ก็ไปในฐานะหัวหน้าคนงานอย่างไรเล่า"พ่อบ้านถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง พ่อบ้านวัยหกสิบป
ลี่ชิงยืนมองแรงงานราวสามสิบคนกำลังสร้างเรือนพักอย่างขะมักเขม้น แรงงานชายเหล่านี้ล้วนสูงใหญ่กำยำ ร่างกายเหมือนพวกนักรบ ไม่เหมือนชนชั้นแรงงานอดมื้อกินมื้อ พวกเขาถลกแขนเสื้อขึ้นทำงานกลางแดด เผยให้เห็นมัดกล้ามหนั่นแน่น เมื่อแสงแดดตกกระทบยามเหงื่อออกมัดกล้ามแขนเงาวาวเหมือนพวกประกวดเพาะกายในโทรทัศน์'เหอะๆ นี่มันดงกล้าม อู้ยยยย ยืนงงในดงกล้ามปู' วิญญาณสาวใหญ่มีความเพลิดเพลินระดับสิบเมื่อมองเหล่าชายฉกรรจ์ บุรุษร่างล่ำตากแดดทำงานอย่างตั้งใจนางเรียกหัวหน้าคนงานเข้ามา ลี่ชิงกวักมือเรียกเขา แม่ทัพใหญ่ได้แต่เดินเข้าไปหานาง'ฮึ! เลือกตำแหน่งหัวหน้าคนงาน ตำแหน่งนี้เลือกด้วยตนเองเชียวนะ อย่าได้ปริปาก' เหวินซูเดินเข้าไปหานางแบบจำยอม"เจ้าชื่ออะไร ทำงานให้ข้ามาตั้งหลายวันแล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย""เหวินซู" เขาตอบ "โอ๊ะ ชื่อเหมือนแม่ทัพเหวินซูเลย""คนชื่อเหมือนกัน ซ้ำกันได้ไม่เห็นแปลก" แม่ทัพเหวินซูเอ่ยชื่อของเขา เผื่อนางฉุกคิดอะไรได้บ้าง"เจ้ารู้จักแม่ทัพหรือไม่" ลี่ชิงเอ่ยถาม"รู้เพียงว่าเขาเป็นแม่ทัพ""เขาหน้าตาเป็นอย่างไร คงหล่อเหลากว่าเจ้ามากโข ได้ยินว่าเขาหล่อเหลาละลายใจสตรีสาวน้อยสาวใหญ่
ยามพักกลางวันอากาศเย็นสบาย แสงแดดไม่แผดจ้าเช่นในยุคปัจจุบันที่ชาวนาทำงานบนเตาปิ้งย่าง แดดในยุคโบราณนี้แม้เป็นตอนเที่ยงวันก็ไม่ร้อนมาก ลี่ชิงยืนเอามือป้องหน้าแหงนมองท้องฟ้าเห็นหมู่นกสีขาวบินผ่านไป หากเป็นยุค 2021 ที่ป้าจากมา พนันได้เลยว่านกเหล่านี้ต้องกลายเป็นนกย่าง เมื่อคิดถึงภาพนกย่างบินได้ นางหัวเราะออกมาคนเดียวภาพนางหัวเราะคนเดียวอย่างไม่ได้ระวังกิริยา ทำให้แม่ทัพเหวินซูผู้กำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้วถึงกับหัวเราะตาม 'เป็นสตรีเช่นไรกัน ถึงไม่รู้จักระวังกิริยา' เขาได้แต่คิดในใจลี่ชิงหันมาสบตาแม่ทัพพอดี เป็นจังหวะสโลโมชั่นแบบเขิน ๆ นางทำหน้าเก้อกระดากเล็กน้อย คิดถึงซีนพระเอกกับนางเอกในซีรีย์จีน หันหน้ามาป๊ะกัน ป๊ะโช๊ะเด๊ะสายตา หรือเรียกว่าซั่มกันทางสายตา ซึ่งคำนี้มันเป็นการเรียกและคิดค้นของป้าสมหญิงเองเวลาจิ้น ship พระเอกนางเอกคนไหนมาก ๆ อยากให้เค้าได้กัน เขินตัวบิดแทนเค้าอยู่หน้าจอ เวลาเค้ามองตากันตัวเองก็จิกหมอน มโนว่าตัวเองเป็นนางเอก 'ฮึ่ย! ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว หยุดนะ หยุด ท่องไว้ ท่องไว้ มีผัวแล้ว มีผัวแล้ว'ลี่ชิงสมหญิงท่องแค่สามคำเท่านั้นคือ มีผัวแล้ว"มองอันใดกันเล่าเหวินซู ถ
เรือนพักของลี่ชิงเสร็จสมบูรณ์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการก่อสร้าง ลี่ชิงนำสุราอาหาร พร้อมหมูย่างมาเลี้ยงเหวินซูและเหล่าคนงานจำเป็นซึ่งคือบรรดาเหล่านายกองของเหวินซูกลิ่นวัวย่าง หมูย่าง ไก่ย่าง หมักสมุนไพรส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ กลิ่นเครื่องเทศคลุกเคล้ากับเนื้อหมักไว้ข้ามคืนส่งกลิ่นหอมกระจายไปตามสายลมจนชาวบ้านผู้ผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดูว่าที่ดินผืนนี้มีงานเลี้ยงอะไรกันวัวตัวขนาดพอเหมาะ กับหมูขนาดกลางถูกย่างหมุนไปหมุนมาอยู่บนถ่านไม้ชั้นดี สุรานารีแดงรสเลิศถูกรินจากกาสุราจอกแล้วจอกเล่าท่ามกลางเสียงหัวเราะของเหล่าคนงานทั้งหลาย ทั้งรินสุราชั้นดีและเอ่ยชมเรือนพักรูปร่างแปลกตา เอ่ยชมฝีมือการทำอาหารของลี่ชิงตลอดสามวันที่ผ่านมา เรือนพักนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีจั่วยื่นออกมาด้านหน้า มีชานที่ลี่ชิงสั่งไว้พร้อมซุ้มด้านบนที่นางอยากปลูกดอกไม้และเถาองุ่นเลื้อยขึ้นด้านบน ในเรือนพักจัดเป็นสัดส่วน มีห้องสุขาไว้ด้านใน ซึ่งนางจะทำโถส้วมมาติดอีกครั้งภายหลัง ห้องนอนมีสองห้องแยกกับห้องครัวด้านในเรือนพักและห้องพักผ่อน เรือนไม้ขนาดกลางไม่เล็กมากเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงเจ็ดวันเหวินซูยืนเอามือไพล่หลังมองดูเรือนพ
เสียงหวีดหวิวของบางสิ่งแหวกอากาศเข้ามาที่ลำคอแม่ทัพเหวินซู ดวงตาคมดุดั่งพญาอินทรีย์ปรายตามองกระตุกยิ้มมุมปาก สิ่งที่แหวกอากาศเข้ามายังคอหอยของแม่ทัพคือกระบวนท่ากรงเล็บพยัคฆ์อันคุ้นเคย กระบวนท่าพิฆาตของสำนักเฟยหลัว เฉพาะศิษย์ไม่ถึงห้าคนที่ได้รับถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชานี้เหวินซูยิ้มหยันเบี่ยงกายหลบกรงเล็บพยัคฆ์อันดุดัน เขาปัดข้อมือแกร่งด้วยมือด้านซ้าย กรงเล็บพยัคฆ์ของชายปริศนาง้างขึ้นหมายขยุ้มลงบนหลังคอแม่ทัพอีกครา เขาเบี่ยงกายหลบกรงเล็บด้วยความรวดเร็วชายชุดดำสวมผ้าคลุมหน้าควบม้าสีดำตัวใหญ่เข้ามาเคียงคู่แม่ทัพ ถีบฝ่าเท้าเข้าสีข้างเหวินซูเต็มแรง แรงถีบคือหมายให้เหวินซูตกลงจากม้า เขาเกร็งกายต้านด้วยปราณในร่าง ร่างของเหวินซูไม่ขยับแม้แต่น้อยเหวินซูสะบัดแขนกางกรงเล็บตอบกลับด้วยกรงเล็บพยัคฆ์แบบเดียวกัน ชายทั้งสองควบม้าเคียงกัน มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม้า มืออีกข้างซัดกันเต็มแรงด้วยกระบวนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ ชายชุดดำฉวยจังหวะช่องว่างคว้าคอเสื้อด้านหลังของแม่ทัพเหวินซูกระชากแม่ทัพขึ้นกลางอากาศ เหวินซูปัดมือหนาใหญ่ออกอย่างแรง ทั้งสองลอยขึ้นบนอากาศสูงราวสองจั้ง ต่างถีบยอดอกอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยฝ่าเท้า
เฉินเซียวหลางควบม้ากลับจวนสกุลเฉินด้วยใจร้อนรุ่ม พ่อบ้านจวนสกุลเฉินได้รับค่าจ้างพิเศษห้าตำลึงให้คอยจับตาดูฮูหยินน้อยในช่วงที่คุณชายเฉินไปตรวจร้านสาขายังต่างเมือง พ่อบ้านสั่งการคนขับรถม้าแอบสืบความเป็นไปของฮูหยินน้อยเมื่อยามไปสร้างเรือนพักในที่ดินมรดกพ่อบ้านสืบความได้ว่าหัวหน้าคนงานนามว่าเหวินซูมาคอยช่วยเหลือดูแลการสร้างเรือนพักของฮูหยินน้อย ยังไม่ทันได้สืบความเคลื่อนไหวอันใดต่อ พ่อบ้านส่งสาส์นไปแจ้งข่าวแก่คุณชายเฉินเพียงเท่านี้ เฉินเซียวหลางเพียงได้อ่านข้อความในสาส์นจากปลอกขาวิหคลมกรด เขาเร่งตรวจกิจการสาขา เร่งเดินทางกลับมาอย่างรวดเร็ว'เหวินซูกลับมาแล้ว'เรื่องนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้เฉินเซียวหลางปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สีหน้าอ่อนโยนเจือรอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตรหน้าหยก ร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ทะมัดทะแมงสีดำสนิทควบม้าเข้าไปในจวนสกุลเฉิน เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับอยู่หน้าลาน เฉินเซียวหลางลงจากม้า บ่าวชายต่างออกมารับม้าจากนายท่าน จูงไปเก็บคอกม้าด้านหลังกวาดสายตามองรอบบริเวณ หน้าเรือนพักของลี่ชิงมีไม้ดอกปลูกเรียงรายสีขาวแดงส่งกลิ่นหอมสดชื่น หน้าเรือนพักของเขามีกระถางต้นไม้ดินเผาบรรจ
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที
ลี่ชิงมองทองก้อนมูลค่าสูงกับโฉนดที่ดินย่านการค้าที่เหวินซูมอบให้ กำลังคิดว่าจะทำมาหากินอะไรต่อดี มีผู้ชายดูแลก็ดีอยู่หรอก แต่การยืนด้วยขาของตนเองมันคงจะดีกว่า ลี่ชิงขี่ม้าออกไปที่ร้านค้า สอบถามคนแถวนั้นว่าโฉนดที่ดินอยู่ตรงไหน ลี่ชิงขี่ม้าตัวเล็กสีขาวชื่อจูจูออกไปพร้อมกับบ่าวชายอีกสองคน วันนี้ลี่ชิงไม่ได้เอาลูกหมูมาด้วย ฝากให้ฮูหยินใหญ่ดูแลอยู่ที่จวน พิกัดร้านค้าตามโฉนดอยู่บริเวณใจกลางแหล่งการค้า ไม่ไกลจากร้านช่างหลวงของแม่ทัพเหวินซู ลี่ชิงควบม้าสีขาวตัวเล็กออกไปที่ร้านเหวินซู เห็นเขากำลังง่วนอยู่ในร้านพอดี ร้านไม้ช่างหลวงเทียนหลง ร้านนี้เป็นร้านของสายตระกูลฝั่งมารดา ผู้ก่อตั้งคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ ลี่ชิงผูกม้าไว้หน้าร้าน ก่อนเดินเข้าไปในร้านช่างไม้ขนาดใหญ่ ฝีมือการสร้างโต๊ะ ตู้ เตียง เครื่องเรือนทุกชนิดล้วนแต่เป็นฝีมือช่างฝีมือระดับช่างหลวงหรือใกล้เคียง เรียกได้ว่าเป็นหัตกรรมงานไม้ชั้นสูง รับทำตามแบบเฉพาะของพวกคนมีเงินหรือพวกเชื้อพระวงศ์ เมื่อเหวินซูว่างเว้นจากการศึก เขามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว มี
เสด็จอาหญิงเรียกแม่ทัพเหวินซูมาเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ พระองค์ประทับอยู่กับเสด็จอาหญิงที่ตำหนักซูเหวียน “ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ “ไม่ต้องมากพิธี เจิ้นเพียงอยากมอบทองคำ แพรพรรณ สินทรัพย์โฉนดที่ดินเล็กน้อยให้เป็นรางวัลทำศึก” “ท่านมอบให้หลานชายข้าอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อหน้าเหล่าขุนนางในท้องพระโรง ยังต้องให้สิ่งใดอีก” พระสนมเฟยฉางคลอเคลียใบหน้างามไปบนไหล่องค์ฮ่องเต้ ท่วงท่าออดอ้อนราวกับแมวน้อย “เพียงทรัพย์สินเล็กน้อย กับโฉนดร้านค้าในย่านค้าขาย ลี่ชิงว่าที่ฮูหยินเจ้าชอบค้าขายไม่ใช่รึ ขนมประหลาดที่เรียกว่าขนมเค้กนั่นก็รสเลิศยิ่งนัก สมควรขยายร้านค้าให้นางเสียหน่อย” องค์ฮ่องเต้กล่าวอย่างอารมณ์ดี พระองค์ทรงแต่งกายชุดลำลองสีดำปักดิ้นทองคำลายมังกร มือหนาเรียวยื่นของพระราชทานให้กับแม่ทัพเหวินซู “ขอบพระทัยฝ่าบาท” “สัปดาห์หน้าจะมีการพิสูจน์เลือดบุตรของเหวินซู ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ หากเด็กทั้งสองเป็นบุตรเหวินซู ย่อมหมายถึงข่าวดีต่อตระกูลหม่อมฉันด้วย” พระสนมเฟยฉางลุกขึ้นคารวะองค์ฮ่องเต้
แม่ทัพเหวินซูก้าวเดินอย่างองอาจเข้ามาในจวนเจ้ากรมพิธีการ ดวงตาคมกล้ามีกลิ่นอายฆ่าล้างอย่างเทพสงคราม ร่างสูงกำยำแต่งกายเต็มศักดิ์แม่ทัพอย่างน่าเกรงขาม ไม่ใช่เพียงตำแหน่งของเขา แต่รัศมีบางอย่างแผ่ออกจากกายของเหวินซู ทำให้ผู้ไม่คุ้นชินต้องหลบตาอย่างลนลาน “คารวะท่านแม่ทัพ มีธุระอันใดกับกรมพิธีการรึขอรับ” ทหารยามหน้าจวนเจ้ากรมพิธีการคารวะแม่ทัพเหวินซูตามศักดิ์ “ข้าจะมาพูดคุยกับท่านเจ้ากรมพิธีการเรื่องราชโองการที่องค์ฮ่องเต้ประทานให้ข้า” “รอสักครู่ ข้าจะเข้าไปแจ้งเจ้ากรมก่อนนะขอรับ” ทหารยามเข้าไปแจ้งเรื่องที่แม่ทัพเหวินซูมาพบเจ้ากรมพิธีการ “เชิญท่านแม่ทัพด้านในขอรับ” เหวินซูเข้ามาในห้องโถงกลางในจวนขนาดใหญ่ ท่านเจ้ากรมได้รับแจ้งเรียบร้อยเกี่ยวกับเรื่องการพิสูจน์เลือดบุตรของแม่ทัพเหวินซู “ท่านแม่ทัพมาหาข้ามีธุระอันใด” เจ้ากรมพิธีการเดินออกมาต้อนรับในชุดลำลอง “ข้าเพียงอยากให้ท่านเร่งเวลาตรวจพิสูจน์เลือดบุตร ให้เร็วขึ้นอีกสักนิดได้หรือไม่” “ข้าพอจะช่วยให้เร็วขึ้นได้ที่สุดคงเป็นสัปดาห์หน้า”