Share

บทที่ 12 ที่พักใจ

Author: Mochi Sa
last update Last Updated: 2024-12-18 14:35:23

แม่ทัพเหวินซูแต่งกายด้วยชุดลำลองอย่างชาวบ้าน เสื้อผ้าเนื้อหยาบสีดำสนิท สวมปลอกแขนทำจากผ้าเนื้อนุ่ม สวมรองเท้าเช่นชนชั้นแรงงาน พ่อบ้านจวนแม่ทัพได้แต่กลอกตาไปมาเมื่อเห็นผู้เป็นนายแต่งกายเช่นนั้น

แม่ทัพเหวินซูออกมาจิบชา รับประทานอาหารเช้าอยู่หน้าเรือนใหญ่ เรือนย่อยว่างเปล่าอีกห้าเรือนล้วนถูกทำความสะอาดอย่างดี บ่าวไพร่สาวใช้ไม่มากไม่น้อยราวยี่สิบคนช่วยดูแลจวนใหญ่ขนาดหกเรือนนอนได้อย่างสะอาดเอี่ยม

พ่อบ้านฮงซื่อถงลอบมองแม่ทัพตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ท่านแม่ทัพจะไปที่ใดรึขอรับ เหตุใดจึงแต่งกายเช่นนี้"

"ข้าจะไปโรงเลื่อย"

"ท่านจะไปทำอะไร" พ่อบ้านถามไปอย่างนั้น พ่อบ้านฮงรู้อยู่แล้วว่าแม่ทัพจะไปทำอะไร เขาเองเป็นคนขับรถม้าพาแม่ทัพเหวินซูไปแอบดูสามีภรรยาหยอกเย้ากันถึงที่ดินรกร้างของลี่ชิง

"ข้าจะไปเอาไม้ที่เฉินเซียวหลางสั่งเลื่อยไว้ ไปช่วยลี่ชิงสร้างเรือนพัก"

"เอ่อ...ได้ข่าวว่านางสูญเสียความทรงจำ แล้วท่านจะไปในฐานะอะไรขอรับ นางคงจำท่านไม่ได้" พ่อบ้านฮงขยับไปอีกสองก้าวเมื่อกล่าวประโยคนี้ เกรงว่าผู้เป็นนายจะฟาดหลังมือใส่บนกบาล

"ก็ไปในฐานะหัวหน้าคนงานอย่างไรเล่า"

พ่อบ้านถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง พ่อบ้านวัยหกสิบปีส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำอันซับซ้อนของแม่ทัพ เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นหัวหน้าคนงาน ไม่เดินเข้าไปบอกลี่ชิงตามตรง เรื่องราวระหว่างแม่ทัพเหวินซูกับลี่ชิง พ่อบ้านฮงรู้ดียิ่งกว่าใคร เขาให้ความช่วยเหลือแม่ทัพเรื่องดูแลนางเมื่อครั้งบาดเจ็บจากหอนางโลม

ฮงซื่อถงหยิบตั๋วเงินออกมาจากกล่องไม้แกะสลักราวสิบใบ

"นี่เป็นตั๋วเงินที่ท่านแม่ทัพมอบหมายให้ข้านำไปให้นางใช้จ่ายทุกเดือน ระหว่างท่านไปรบหัวเมืองซางเจี่ยน"

"เหตุใดนางจึงไม่รับไว้"

"หลังจากท่านไปรบได้สองเดือน ไม่ทราบนางตัดสินใจอย่างไรจึงย้ายไปอยู่ในจวนสกุลเฉิน"

"เจ้าไม่ได้ไปพบนางตามที่ข้าสั่งหรอกรึ"

"ข้าไปขอพบนาง แต่เฉินเซียวหลางไม่ให้ข้าเข้าพบ บอกว่านางกำลังตั้งครรภ์ สุขภาพครรภ์อ่อนแอ ไม่สะดวกออกมาพบ"

เหวินซูกระตุกยิ้มมุมปาก นึกไปถึงบุรุษนามว่าเฉินเซียวหลาง เขารู้จักเฉินเซียวหลางดียิ่งกว่าใคร 

"ยามนี้เฉินเซียวหลางไม่อยู่ที่ตระกูลเฉิน อีกหลายวันกว่าจะกลับ" เหวินซูให้หน่วยเหยี่ยวเงินสืบข่าวความเคลื่อนไหวของสกุลเฉิน รู้มาว่าเฉินเซียวหลางออกไปตรวจสาขาร้านค้าทางภาคกลาง ใช้เวลาเดินทางไปกลับราวหกวัน 

"ขอรับ วันนี้แม่นางลี่ชิงจะออกไปดูการปลูกเรือนพักตามแบบที่นางร่างไว้"

"ดี ดียิ่ง ข้าจะออกไปช่วยนางคุมงานทำเรือนพัก"

"เหตุใดท่านจึงไม่พูดกับนางตามตรง"

"พ่อบ้านฮงบอกข้าเองใช่หรือไม่ว่านางความจำเสื่อม จะพูดกับนางให้มันได้อันใดขึ้นมาเล่า"

".........." ฮงซื่อถงไร้คำจะกล่าว สิ่งที่แม่ทัพทำอยู่ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน

'บางครั้งหัวใจก็สั่งให้ผู้คนทำการอันโง่เขลา และไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร'

เหวินซูกำตั๋วเงินจำนวนหนึ่งใส่ในอกเสื้อ เงินจำนวนมากพอจะซื้อไม้สร้างเรือนให้คนทั้งหมู่บ้าน เขากระโดดขึ้นม้าควบออกไปทางโรงเลื่อย

เมื่อถึงโรงเลื่อย แม่ทัพใหญ่สั่งการให้เกวียนเทียมม้าเข้ามาจอดรออยู่ห้าคัน เหล่าทหารที่แต่งกายเช่นแรงงานก่อสร้างต่างช่วยกันขนไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยขึ้นรถ

เหวินซูมองแผ่นไม้ที่ลี่ชิงสั่งให้เลื่อยแบบพิเศษพร้อมขัดเงาไม้หลี่ทุกแผ่น รูปแบบแผ่นไม้ช่างประหลาดตายิ่งนัก

"ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง คงเพียงพอสำหรับไม้เหล่านี้" เขายื่นตัวเงินให้เจ้าของโรงเลื่อย

"ไม้หลี่เหล่านี้เป็นของคุณชายเฉิน"

"ข้าเป็นสหายกับคุณชายเฉิน ไม้เหล่านี้จะนำไปสร้างเรือนพักบนที่ดินของลี่ชิง ถูกต้องหรือไม่"

"อย่างนั้นเองรึ เชิญคุณชายขนไม้เหล่านี้ไปได้เลย หากคุณชายเฉินกลับมาให้บอกว่าอย่างไร หากมีผู้จ่ายเงินซื้อแผ่นไม้ไปล่วงหน้าก่อนเช่นนี้"

"ไม่ต้องบอกอะไร บอกเพียงสหายของคุณชายเฉินซื้อไปก็พอแล้ว"

"ขอรับ"

เจ้าของโรงเลื่อยรับตั๋วเงินจำนวนมากมาถือไว้ในมือ ตามองเกวียนเทียมม้าลากแผ่นไม้หลี่เหล่านั้นไปทางที่ดินของฮูหยินน้อยตระกูลเฉิน เงินจำนวนมากขนาดนี้สามารถซื้อไม้หลี่จำนวนเท่ากันได้อีกสามเท่า กำไรเห็น ๆ หากเฉินเซียวหลางโวยวาย เจ้าของโรงเลื่อยคิดแผนการไว้แล้วว่าจะนำไม้หลี่ในโรงเลื่อยทดแทนให้เพียงเท่านี้ก็ได้กำไรอีกมากโข

แม่ทัพเหวินซูในอาภรณ์เช่นชาวบ้านควบม้านำหน้าขบวนเกวียนขนแผ่นไม้ไปทางแผ่นดินของลี่ชิง ยิ่งใกล้ถึงที่ดินของนาง หัวใจของเขายิ่งเต้นกระหน่ำจนผิดจังหวะ เกือบหนึ่งปีที่เขาไม่ได้กอดนางในอ้อมแขน กลับมาครานี้ยิ่งดูเหมือนอ้อมกอดของนางยิ่งลอยห่างไปสุดสายตา

ลี่ชิงพร้อมสาวใช้เสี่ยวหยุนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เหลือไว้เพียงต้นเดียวเพื่อทำเป็นร่มเงา นางยืนมองขบวนรถลากแล่นเข้ามาในบริเวณที่ดินของนางจนฝุ่นตลบ สายตาของลี่ชิงจับจ้องอยู่ที่ชายร่างสูงแกร่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อหยาบสีดำ เขารวบผมขึ้นผูกผมด้วยผ้าสีเดียวกัน ใบหน้าหล่อเหลาเนียนละเอียด ดวงตาดุดันคมกล้าอย่างดวงตาอินทรีย์ ท่าทีองอาจห้าวหาญมีรัศมีผู้นำ มีกลิ่นไอฆ่าล้างอำมหิตเจืออยู่ในแววตาคมดุคู่นั้น เขาควบม้าเข้ามาหยุดตรงหน้านางห่างไปเพียงสามจั้ง ร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้า เดินเข้ามาหาลี่ชิงกับเสี่ยวหยุน

"เจ้าคงเป็นแม่นางลี่ชิง"

"ข้าเอง" ลี่ชิงมองสำรวจบุรุษผู้สง่างามตรงหน้า

'โอยยยย โคตรหล่อเลย ทำไมบุรุษยุคโบราณนี่มีแต่คนหล่อๆ หล่อลากวัวตาย ลากควายล้ม หล่อแบบไม่บันยะบันยัง ' 

เหวินซูมองสำรวจใบหน้าและเรือนร่างของหญิงสาว มองดวงตากลมโตที่ไร้แววห่วงหาอาทรดังเดิม นางจ้องมองหน้าเขาเหมือนเห็น 'คนอื่น'

ลี่ชิงยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง 'ยิ้มให้คนหล่อถือว่าไม่ผิด' 

เหวินซูเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย แม้คิดถึงรอยยิ้มนั้นแทบบ้า

"ข้าเป็นหัวหน้าคนงาน ข้าขนไม้หลี่ที่เลื่อยเสร็จมาช่วยเจ้าสร้างเรือนพัก"

"สามีของข้าสั่งไว้ใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้าได้รับจดหมายตั้งแต่เมื่อวานยามเซินว่าจะมีผู้มาช่วยสร้างเรือนพักเป็นพวกเจ้าเองรึ"

"สายแล้วรีบลงมือเถิด ขอข้าดูแบบแปลนที่เจ้าวาดได้หรือไม่" เขาไม่ตอบรับว่าผู้ใดสั่งการมา เหวินซูปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินลี่ชิงเรียกเฉินเซียวหลางว่าสามี

ลี่ชิงเดินเข้ามาใกล้ ยื่นแบบแปลนบ้านไม้ทรงโมเดิร์นในกระดาษให้เหวินซู 

"แบบเรือนพักอาจดูประหลาดไปบ้าง แต่ง่ายต่อการก่อสร้าง สามารถสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์"

"เจ้ามีความรู้ด้านการก่อสร้างด้วยรึ"

"อ่อ พอมี แต่ข้ามีความรู้ด้านการเพาะปลูกมากกว่า"

ป้าสมหญิงคุมการก่อสร้างบ้านหลังเล็กของตนในภพก่อนตามประสาคนไม่มีผัว หินกี่คิว ปูนกี่คิว ไม้ฝาหนาบาง ตะปูกี่ตัวแทบจดจำได้ขึ้นใจ เพราะงกเค็มคุมช่างเองเสร็จสรรพ ชาตินี้จึงมีความรู้ติดตัวมาบ้าง นางสั่งให้เลื่อยไม้ตามแบบที่ต้องการ

"ท่านเป็นหัวหน้าคนงานที่หล่อมาก" นางเอ่ยชมเขา

"เจ้าก็งดงามมาก" แม่ทัพเหวินซูหน้าแดงก่ำ 

"ที่ข้าชมเจ้าเพราะเจ้าต้องช่วยข้าทำงานหนักทั้งวัน ทำงานให้ข้าดี ๆ ด้วยเล่า" ลี่ชิงเดินไปกลางแดด มองคนงานเริ่มขุดหลุมฝังเสาเรือน

"แล้วลูกๆ สบายดีหรือ" เหวินซูเอ่ยถาม

"หมายถึงลูก ๆ ของข้าน่ะรึ" ลี่ชิงเอ่ยตอบด้วยสายตาเป็นประกาย ยังไม่ได้ฉุกคิดว่าเหตุใดหัวหน้าคนงานจึงรู้เรื่องของนางมากขนาดนี้

"ใช่ ข้าหมายถึงลูกทั้งสองคน"

"เจ้าก้อนแป้งยักษ์น่ารักมาก ลูกข้าน่ารักที่สุด ข้ารอวันที่ลูกเรียกพ่อกับแม่ได้" นางคุยไปเรื่อยเปื่อย

"......" เหวินซูทำหน้าครุ่นคิดบางสิ่ง

"หลุมให้ขุดกว้างและลึกกว่านี้หน่อย ข้าจะให้ก่ออิฐเผาด้วย ทั้งเสาทั้งคานต้องรับน้ำหนักได้ดี" ลี่ชิงเอ่ยสั่งการ

"เจ้าไปพักเถิด อธิบายแบบแปลนที่เจ้าต้องการให้ข้าฟัง ข้าจะคุมงานต่อให้เอง"

ลี่ชิงอธิบายสิ่งที่อยู่ในกระดาษให้แม่ทัพเหวินซูฟัง แม่ทัพผู้กลายเป็นหัวหน้าคนงานชั่วคราวฟังรอบเดียวก็สามารถจดจำได้ เขามองแบบเรือนพักที่นางวาด มองกองอิฐกับรูปแบบไม้หลี่ ลี่ชิงเดินเข้าไปนับก้อนอิฐ เดินตรวจตราดูจำนวนแผ่นไม้

เขารู้สึกได้ว่านางไม่เหมือนเดิม

ร่างสูงสง่าคุมงานก่อสร้างกลางแดดแทนนาง เรือนพัก (ใจ) อย่างน้อยเมื่อนางมาพักที่เรือนนี้คราใดอาจนึกถึงคนช่วยสร้างมันขึ้นมา

ลี่ชิงหันมายิ้มหวานพร้อมส่งแก้วน้ำเปล่าให้แก้วหนึ่ง คุณป้าลี่ชิงสมหญิงยกนิ้วโป้งธัมบ์อัพ สื่อความหมายว่าเยี่ยมมาก ทำให้เหวินซูถึงกับงงเล็กน้อย

"มันหมายความว่าดีมาก" ลี่ชิงอธิบาย

"....."

คนตัวสูงไม่ตอบสิ่งใดเพียงแต่ลอบมองหน้าหวานนวล บนกรอบหน้าของนางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้า 

เหวินซูทำหน้าเฉยชาเช่นเดิม ทั้งที่ใจอยากเอื้อมมือไปใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้านาง

เขาได้แต่มองลี่ชิง..เพียงได้แค่มองเท่านั้น...

Related chapters

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 13 เป็นรูปเป็นร่าง

    ลี่ชิงยืนมองแรงงานราวสามสิบคนกำลังสร้างเรือนพักอย่างขะมักเขม้น แรงงานชายเหล่านี้ล้วนสูงใหญ่กำยำ ร่างกายเหมือนพวกนักรบ ไม่เหมือนชนชั้นแรงงานอดมื้อกินมื้อ พวกเขาถลกแขนเสื้อขึ้นทำงานกลางแดด เผยให้เห็นมัดกล้ามหนั่นแน่น เมื่อแสงแดดตกกระทบยามเหงื่อออกมัดกล้ามแขนเงาวาวเหมือนพวกประกวดเพาะกายในโทรทัศน์'เหอะๆ นี่มันดงกล้าม อู้ยยยย ยืนงงในดงกล้ามปู' วิญญาณสาวใหญ่มีความเพลิดเพลินระดับสิบเมื่อมองเหล่าชายฉกรรจ์ บุรุษร่างล่ำตากแดดทำงานอย่างตั้งใจนางเรียกหัวหน้าคนงานเข้ามา ลี่ชิงกวักมือเรียกเขา แม่ทัพใหญ่ได้แต่เดินเข้าไปหานาง'ฮึ! เลือกตำแหน่งหัวหน้าคนงาน ตำแหน่งนี้เลือกด้วยตนเองเชียวนะ อย่าได้ปริปาก' เหวินซูเดินเข้าไปหานางแบบจำยอม"เจ้าชื่ออะไร ทำงานให้ข้ามาตั้งหลายวันแล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย""เหวินซู" เขาตอบ "โอ๊ะ ชื่อเหมือนแม่ทัพเหวินซูเลย""คนชื่อเหมือนกัน ซ้ำกันได้ไม่เห็นแปลก" แม่ทัพเหวินซูเอ่ยชื่อของเขา เผื่อนางฉุกคิดอะไรได้บ้าง"เจ้ารู้จักแม่ทัพหรือไม่" ลี่ชิงเอ่ยถาม"รู้เพียงว่าเขาเป็นแม่ทัพ""เขาหน้าตาเป็นอย่างไร คงหล่อเหลากว่าเจ้ามากโข ได้ยินว่าเขาหล่อเหลาละลายใจสตรีสาวน้อยสาวใหญ่

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 14 ของหวง

    ยามพักกลางวันอากาศเย็นสบาย แสงแดดไม่แผดจ้าเช่นในยุคปัจจุบันที่ชาวนาทำงานบนเตาปิ้งย่าง แดดในยุคโบราณนี้แม้เป็นตอนเที่ยงวันก็ไม่ร้อนมาก ลี่ชิงยืนเอามือป้องหน้าแหงนมองท้องฟ้าเห็นหมู่นกสีขาวบินผ่านไป หากเป็นยุค 2021 ที่ป้าจากมา พนันได้เลยว่านกเหล่านี้ต้องกลายเป็นนกย่าง เมื่อคิดถึงภาพนกย่างบินได้ นางหัวเราะออกมาคนเดียวภาพนางหัวเราะคนเดียวอย่างไม่ได้ระวังกิริยา ทำให้แม่ทัพเหวินซูผู้กำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้วถึงกับหัวเราะตาม 'เป็นสตรีเช่นไรกัน ถึงไม่รู้จักระวังกิริยา' เขาได้แต่คิดในใจลี่ชิงหันมาสบตาแม่ทัพพอดี เป็นจังหวะสโลโมชั่นแบบเขิน ๆ นางทำหน้าเก้อกระดากเล็กน้อย คิดถึงซีนพระเอกกับนางเอกในซีรีย์จีน หันหน้ามาป๊ะกัน ป๊ะโช๊ะเด๊ะสายตา หรือเรียกว่าซั่มกันทางสายตา ซึ่งคำนี้มันเป็นการเรียกและคิดค้นของป้าสมหญิงเองเวลาจิ้น ship พระเอกนางเอกคนไหนมาก ๆ อยากให้เค้าได้กัน เขินตัวบิดแทนเค้าอยู่หน้าจอ เวลาเค้ามองตากันตัวเองก็จิกหมอน มโนว่าตัวเองเป็นนางเอก 'ฮึ่ย! ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว หยุดนะ หยุด ท่องไว้ ท่องไว้ มีผัวแล้ว มีผัวแล้ว'ลี่ชิงสมหญิงท่องแค่สามคำเท่านั้นคือ มีผัวแล้ว"มองอันใดกันเล่าเหวินซู ถ

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 15 สัมพันธ์สวาท

    เรือนพักของลี่ชิงเสร็จสมบูรณ์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการก่อสร้าง ลี่ชิงนำสุราอาหาร พร้อมหมูย่างมาเลี้ยงเหวินซูและเหล่าคนงานจำเป็นซึ่งคือบรรดาเหล่านายกองของเหวินซูกลิ่นวัวย่าง หมูย่าง ไก่ย่าง หมักสมุนไพรส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ กลิ่นเครื่องเทศคลุกเคล้ากับเนื้อหมักไว้ข้ามคืนส่งกลิ่นหอมกระจายไปตามสายลมจนชาวบ้านผู้ผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดูว่าที่ดินผืนนี้มีงานเลี้ยงอะไรกันวัวตัวขนาดพอเหมาะ กับหมูขนาดกลางถูกย่างหมุนไปหมุนมาอยู่บนถ่านไม้ชั้นดี สุรานารีแดงรสเลิศถูกรินจากกาสุราจอกแล้วจอกเล่าท่ามกลางเสียงหัวเราะของเหล่าคนงานทั้งหลาย ทั้งรินสุราชั้นดีและเอ่ยชมเรือนพักรูปร่างแปลกตา เอ่ยชมฝีมือการทำอาหารของลี่ชิงตลอดสามวันที่ผ่านมา เรือนพักนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีจั่วยื่นออกมาด้านหน้า มีชานที่ลี่ชิงสั่งไว้พร้อมซุ้มด้านบนที่นางอยากปลูกดอกไม้และเถาองุ่นเลื้อยขึ้นด้านบน ในเรือนพักจัดเป็นสัดส่วน มีห้องสุขาไว้ด้านใน ซึ่งนางจะทำโถส้วมมาติดอีกครั้งภายหลัง ห้องนอนมีสองห้องแยกกับห้องครัวด้านในเรือนพักและห้องพักผ่อน เรือนไม้ขนาดกลางไม่เล็กมากเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงเจ็ดวันเหวินซูยืนเอามือไพล่หลังมองดูเรือนพ

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 16 กรงเล็บพยัคฆ์

    เสียงหวีดหวิวของบางสิ่งแหวกอากาศเข้ามาที่ลำคอแม่ทัพเหวินซู ดวงตาคมดุดั่งพญาอินทรีย์ปรายตามองกระตุกยิ้มมุมปาก สิ่งที่แหวกอากาศเข้ามายังคอหอยของแม่ทัพคือกระบวนท่ากรงเล็บพยัคฆ์อันคุ้นเคย กระบวนท่าพิฆาตของสำนักเฟยหลัว เฉพาะศิษย์ไม่ถึงห้าคนที่ได้รับถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชานี้เหวินซูยิ้มหยันเบี่ยงกายหลบกรงเล็บพยัคฆ์อันดุดัน เขาปัดข้อมือแกร่งด้วยมือด้านซ้าย กรงเล็บพยัคฆ์ของชายปริศนาง้างขึ้นหมายขยุ้มลงบนหลังคอแม่ทัพอีกครา เขาเบี่ยงกายหลบกรงเล็บด้วยความรวดเร็วชายชุดดำสวมผ้าคลุมหน้าควบม้าสีดำตัวใหญ่เข้ามาเคียงคู่แม่ทัพ ถีบฝ่าเท้าเข้าสีข้างเหวินซูเต็มแรง แรงถีบคือหมายให้เหวินซูตกลงจากม้า เขาเกร็งกายต้านด้วยปราณในร่าง ร่างของเหวินซูไม่ขยับแม้แต่น้อยเหวินซูสะบัดแขนกางกรงเล็บตอบกลับด้วยกรงเล็บพยัคฆ์แบบเดียวกัน ชายทั้งสองควบม้าเคียงกัน มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม้า มืออีกข้างซัดกันเต็มแรงด้วยกระบวนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ ชายชุดดำฉวยจังหวะช่องว่างคว้าคอเสื้อด้านหลังของแม่ทัพเหวินซูกระชากแม่ทัพขึ้นกลางอากาศ เหวินซูปัดมือหนาใหญ่ออกอย่างแรง ทั้งสองลอยขึ้นบนอากาศสูงราวสองจั้ง ต่างถีบยอดอกอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยฝ่าเท้า

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 17 พี่กลับมาแล้ว

    เฉินเซียวหลางควบม้ากลับจวนสกุลเฉินด้วยใจร้อนรุ่ม พ่อบ้านจวนสกุลเฉินได้รับค่าจ้างพิเศษห้าตำลึงให้คอยจับตาดูฮูหยินน้อยในช่วงที่คุณชายเฉินไปตรวจร้านสาขายังต่างเมือง พ่อบ้านสั่งการคนขับรถม้าแอบสืบความเป็นไปของฮูหยินน้อยเมื่อยามไปสร้างเรือนพักในที่ดินมรดกพ่อบ้านสืบความได้ว่าหัวหน้าคนงานนามว่าเหวินซูมาคอยช่วยเหลือดูแลการสร้างเรือนพักของฮูหยินน้อย ยังไม่ทันได้สืบความเคลื่อนไหวอันใดต่อ พ่อบ้านส่งสาส์นไปแจ้งข่าวแก่คุณชายเฉินเพียงเท่านี้ เฉินเซียวหลางเพียงได้อ่านข้อความในสาส์นจากปลอกขาวิหคลมกรด เขาเร่งตรวจกิจการสาขา เร่งเดินทางกลับมาอย่างรวดเร็ว'เหวินซูกลับมาแล้ว'เรื่องนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้เฉินเซียวหลางปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สีหน้าอ่อนโยนเจือรอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตรหน้าหยก ร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ทะมัดทะแมงสีดำสนิทควบม้าเข้าไปในจวนสกุลเฉิน เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับอยู่หน้าลาน เฉินเซียวหลางลงจากม้า บ่าวชายต่างออกมารับม้าจากนายท่าน จูงไปเก็บคอกม้าด้านหลังกวาดสายตามองรอบบริเวณ หน้าเรือนพักของลี่ชิงมีไม้ดอกปลูกเรียงรายสีขาวแดงส่งกลิ่นหอมสดชื่น หน้าเรือนพักของเขามีกระถางต้นไม้ดินเผาบรรจ

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 18 ขนมเค้ก

    แม่ทัพเหวินซูแต่งกายเต็มศักดิ์แม่ทัพใหญ่ ควบม้าอาชาโลหิต ม้าพระราชทานตามศักดิ์ฐานะแม่ทัพผู้เกรียงไกร ฉายาแม่ทัพไร้พ่ายของเขาไม่ได้คว้ามาเพราะโชคช่วย ศึกเล็กใหญ่เพียงใดเหวินซูไม่เคยหวั่นในฐานะหลานชายของราชครูอี้ชวน เขาฉลาดปราดเปรื่องเรื่องกลศึก ในฐานะหนึ่งในศิษย์เอกของสำนักเฟยหลัว เขากล้าแกร่งดั่งเหล็กไหล พลังยุทธในกายไม่เป็นรองผู้ใดเหวินซูสวมเกราะอ่อนรมดำ รวบผมขึ้นสูงสวมกวานทองคำประดับนิลกาฬ ควบม้านำหน้าขบวนทหารเข้าไปในเมืองหลวง เขาส่งคนไปปล่อยข่าวในโรงน้ำชาว่าตนกลับมาแล้ว หลังจากเก็บตัวอยู่นานราวสองสัปดาห์เพื่อสืบความเป็นไปของลี่ชิง สืบดูเหตุการณ์เบื้องต้นประกอบกับคำบอกเล่าจากปากพ่อบ้านจวนแม่ทัพ ไม่ว่าการศึกหรือเรื่องอื่นใด เหวินซูคิดอ่านทำการรอบคอบเสมอ ในครานี้เขาอยากเปิดตัวอย่างเอิกเกริกเสียหน่อยให้สมกับการกลับมาของแม่ทัพไร้พ่ายผู้เกรียงไกร สายตาคมกล้าดั่งพญาอินทรีย์มีแววยินดี เมื่อเห็นผู้คนมากมายรายล้อมสองฝั่งถนน ร่างสูงใหญ่กำยำสง่างามบนหลังม้าอาชาโลหิตดึงดูดทุกสายตาให้มองมาบนใบหน้าหล่อเหลามีกลิ่นอายฆ่าล้างอย่างพญาปีศาจจำแลง สีหน้าเรียบเฉยเจือแววตาคมดุของเหวินซูดึงดูดสตรีทุกผ

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 19 เรียนไม่จบ

    ลี่ชิงเปิดร้านทำขนมเค้ก ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในภพก่อนป้าสมหญิงเป็นคนชอบกินเรียกว่าเป็นนักชิมตัวยง ร้านเค้กไหนอร่อย คาเฟ่ไหนว่าเด็ด ทุกวันหยุดป้าต้องไปชิมไปถ่ายรูปกับบรรดาเพื่อนวัยเดียวกันถึงวัย 48 ปีจะเป็นวัยหมดประจำเดือน แต่ป้าไม่เคยเหวี่ยงวีนเหมือนสาววัยทองคนอื่น ใช้ชีวิตให้มีความสุข ดื่มด่ำกับซีรี่ส์ คาเฟ่ อาหาร สัตว์เลี้ยง การทำงาน และดื่มด่ำวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างปรีเปรมสิ่งเดียวที่ป้าขาดในชาติก่อนคือสามี ถามว่าสามีสำคัญมั้ย ...ไม่รู้สิตอบไม่ได้ ในชีวิตของป้านั้นไม่ค่อยมีคนมาจีบ เคยมีมาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็จีบอยู่ได้แค่สองสัปดาห์แล้วก็หาย (หัว) ไปกับสาวน้อยร่างบางผิวขาว ทิ้งให้คนอ้วน ล่ำ ดำ ถึก ยืนเศร้า แบบยังไม่มีโอกาสตอบรับรักความอดทนของผู้ชายมักจะต่ำเมื่อจีบผู้หญิงไม่สวย..ป้าซึ้งสัจธรรม..แต่! ในชาตินี้สิ หึ ๆ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ไอด้อนท์แคร์ ออกเสียงสำเนียงอังกฤษให้เหมือนดีไซน์เนอร์ที่ชื่อวทานิกา สาวคนนี้เป็นไอดอลของป้าสมหญิง เรื่องความหรู ความเก่ง ความล้ำ ความโชว์ชุดว่ายน้ำแบบไร้ขนสาหร่าย ป้าสมหญิงชอบเลียนเสียงภาษาอังกฤษของคุณแพร(รี่) ถ้าเกิดชาติใหม่อยากจะสวยเก่ง

    Last Updated : 2024-12-18
  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 20 กล่องแห่งความลับ

    เจ้าสองซาลาเปาอายุเกือบสามเดือนแล้ว กำลังนั่งยิ้มจนเห็นเหงือกสีชมพู ร้องอ้อแอ้อยู่ในรถเข็น ลี่ชิงทำรถเข็นให้สองแฝด นางมีบุตรเป็นเด็กยักษ์ถึงสองคน หันไปมองสาวใช้รึก็มีแต่นางแน่งน้อยอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี จะให้อุ้มเจ้าสองหมูทั้งวันคงเมื่อยแขนแย่ลี่ชิงวาดภาพรถเข็นเด็กแฝด ซึ่งคือรถเข็นเด็กสองคันเชื่อมต่อกันด้วยสลักทายางไม้ เข็นรถไปที่ใดก็มีแต่คนมองแล้วเข้ามาถามไถ่ ลี่ชิงคิดแผนการค้าอย่างหนึ่งขึ้นในหัว นั่นคือการขายรถเข็นเด็กอีกอย่างหนึ่ง มาอยู่ในยุคโบราณนี่ก็ดีเหมือนกัน สิ่งที่มีในโลกปัจจุบันล้วนยังไม่มีที่นี่ ร้านขนมเค้กก็เช่นกัน มีคนมาซื้อไม่ขาดสาย อบกันไม่ได้หยุดหย่อน ร้านเค้กของลี่ชิงเป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองหลวงภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนป้าสมหญิงนั้นชอบกิน ตอนนี้ต้องขอบคุณความชอบกินของตัวเองแล้วแหละ กินจนได้ดี กินจนมีอาชีพลี่ชิงเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นเด็กแฝด ฮูหยินใหญ่เลิกคิ้วสูงทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่มีลักษะคล้ายตะกร้าติดล้อ มีที่บังแดด มีมือจับสำหรับเข็น"นั่นอะไร""รถบรรทุกเด็กเจ้าค่ะท่านแม่""ราวกับจะบรรทุกหมูบรรทุกไก่ หลานข้าตัวเล็กเพียงเท่านี้ต้องใส่รถเข็นเชียวรึ" ฮูหยิน

    Last Updated : 2024-12-18

Latest chapter

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 34  Fairy Tale Ending

    ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 33 จบปัญหา

    ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 32 ทั้งแม่ทั้งลูก

    ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 31 สายโลหิต

    องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 30 พิสูจน์เลือดบุตร 2

    รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 29 พิสูจน์เลือดบุตร 1

    ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 28 ทำมาหากิน

    ลี่ชิงมองทองก้อนมูลค่าสูงกับโฉนดที่ดินย่านการค้าที่เหวินซูมอบให้ กำลังคิดว่าจะทำมาหากินอะไรต่อดี มีผู้ชายดูแลก็ดีอยู่หรอก แต่การยืนด้วยขาของตนเองมันคงจะดีกว่า ลี่ชิงขี่ม้าออกไปที่ร้านค้า สอบถามคนแถวนั้นว่าโฉนดที่ดินอยู่ตรงไหน ลี่ชิงขี่ม้าตัวเล็กสีขาวชื่อจูจูออกไปพร้อมกับบ่าวชายอีกสองคน วันนี้ลี่ชิงไม่ได้เอาลูกหมูมาด้วย ฝากให้ฮูหยินใหญ่ดูแลอยู่ที่จวน พิกัดร้านค้าตามโฉนดอยู่บริเวณใจกลางแหล่งการค้า ไม่ไกลจากร้านช่างหลวงของแม่ทัพเหวินซู ลี่ชิงควบม้าสีขาวตัวเล็กออกไปที่ร้านเหวินซู เห็นเขากำลังง่วนอยู่ในร้านพอดี ร้านไม้ช่างหลวงเทียนหลง ร้านนี้เป็นร้านของสายตระกูลฝั่งมารดา ผู้ก่อตั้งคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ ลี่ชิงผูกม้าไว้หน้าร้าน ก่อนเดินเข้าไปในร้านช่างไม้ขนาดใหญ่ ฝีมือการสร้างโต๊ะ ตู้ เตียง เครื่องเรือนทุกชนิดล้วนแต่เป็นฝีมือช่างฝีมือระดับช่างหลวงหรือใกล้เคียง เรียกได้ว่าเป็นหัตกรรมงานไม้ชั้นสูง รับทำตามแบบเฉพาะของพวกคนมีเงินหรือพวกเชื้อพระวงศ์ เมื่อเหวินซูว่างเว้นจากการศึก เขามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว มี

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 27 ขอดูแล

    เสด็จอาหญิงเรียกแม่ทัพเหวินซูมาเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ พระองค์ประทับอยู่กับเสด็จอาหญิงที่ตำหนักซูเหวียน “ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ “ไม่ต้องมากพิธี เจิ้นเพียงอยากมอบทองคำ แพรพรรณ สินทรัพย์โฉนดที่ดินเล็กน้อยให้เป็นรางวัลทำศึก” “ท่านมอบให้หลานชายข้าอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อหน้าเหล่าขุนนางในท้องพระโรง ยังต้องให้สิ่งใดอีก” พระสนมเฟยฉางคลอเคลียใบหน้างามไปบนไหล่องค์ฮ่องเต้ ท่วงท่าออดอ้อนราวกับแมวน้อย “เพียงทรัพย์สินเล็กน้อย กับโฉนดร้านค้าในย่านค้าขาย ลี่ชิงว่าที่ฮูหยินเจ้าชอบค้าขายไม่ใช่รึ ขนมประหลาดที่เรียกว่าขนมเค้กนั่นก็รสเลิศยิ่งนัก สมควรขยายร้านค้าให้นางเสียหน่อย” องค์ฮ่องเต้กล่าวอย่างอารมณ์ดี พระองค์ทรงแต่งกายชุดลำลองสีดำปักดิ้นทองคำลายมังกร มือหนาเรียวยื่นของพระราชทานให้กับแม่ทัพเหวินซู “ขอบพระทัยฝ่าบาท” “สัปดาห์หน้าจะมีการพิสูจน์เลือดบุตรของเหวินซู ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ หากเด็กทั้งสองเป็นบุตรเหวินซู ย่อมหมายถึงข่าวดีต่อตระกูลหม่อมฉันด้วย” พระสนมเฟยฉางลุกขึ้นคารวะองค์ฮ่องเต้

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 26 ไม่อยากรู้

    แม่ทัพเหวินซูก้าวเดินอย่างองอาจเข้ามาในจวนเจ้ากรมพิธีการ ดวงตาคมกล้ามีกลิ่นอายฆ่าล้างอย่างเทพสงคราม ร่างสูงกำยำแต่งกายเต็มศักดิ์แม่ทัพอย่างน่าเกรงขาม ไม่ใช่เพียงตำแหน่งของเขา แต่รัศมีบางอย่างแผ่ออกจากกายของเหวินซู ทำให้ผู้ไม่คุ้นชินต้องหลบตาอย่างลนลาน “คารวะท่านแม่ทัพ มีธุระอันใดกับกรมพิธีการรึขอรับ” ทหารยามหน้าจวนเจ้ากรมพิธีการคารวะแม่ทัพเหวินซูตามศักดิ์ “ข้าจะมาพูดคุยกับท่านเจ้ากรมพิธีการเรื่องราชโองการที่องค์ฮ่องเต้ประทานให้ข้า” “รอสักครู่ ข้าจะเข้าไปแจ้งเจ้ากรมก่อนนะขอรับ” ทหารยามเข้าไปแจ้งเรื่องที่แม่ทัพเหวินซูมาพบเจ้ากรมพิธีการ “เชิญท่านแม่ทัพด้านในขอรับ” เหวินซูเข้ามาในห้องโถงกลางในจวนขนาดใหญ่ ท่านเจ้ากรมได้รับแจ้งเรียบร้อยเกี่ยวกับเรื่องการพิสูจน์เลือดบุตรของแม่ทัพเหวินซู “ท่านแม่ทัพมาหาข้ามีธุระอันใด” เจ้ากรมพิธีการเดินออกมาต้อนรับในชุดลำลอง “ข้าเพียงอยากให้ท่านเร่งเวลาตรวจพิสูจน์เลือดบุตร ให้เร็วขึ้นอีกสักนิดได้หรือไม่” “ข้าพอจะช่วยให้เร็วขึ้นได้ที่สุดคงเป็นสัปดาห์หน้า”

DMCA.com Protection Status