มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะ
หรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!
จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก
“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้
“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
หรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ
“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้าย! อา...”
ปากอิ่มสวยขมุบขมิบท่องคาถาเดียวที่เธอนึกออกอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะถูกผีลามกโจมตีป้อมปราการที่เธอหวงแหนถี่รัว จนหัวใจเต้นกระหน่ำ
“จงเป็นสุขเป็นสะ...สุขเถิด อึ้ยยย” ใบหน้านวลใสบิดเบ้เพื่อถูกขบย้ำหยอกเอินที่ปลายยอดทรวงสล้างราวกับแกล้ง
ไม่ไหวแล้ว ขืนเป็นแบบนี้เธอคงเป็นทุกข์เพราะความเสียวซ่านตายเสียก่อนแน่ๆ
“ไอ้ผีบ้า ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะแช่งไม่ให้ได้ผุดได้เกินนะ ไปสิ”
“หึๆ”
หูแว่วได้ยินเสียงแว่วมา นั่นไอ้ผีสัปดนหัวเราะเยาะเธอหรือ แทนที่จะฟังคราวนี้ผีตัวร้ายกลับเหิมเกริมโจมตีจุดอ่อนช่วงล่างของเธอแทน
“โอ๊ย! เจ็บ! ออกไปนะ” นาทีนี้ความกลัวผีกระเจิงหายหมด เมื่อกลีบกายสาวที่ไม่เคยผ่านการใช้งานถูกชำแรกด้วยสิ่งแปลกปลอมที่ขนาดใหญ่โตจนคับแน่นเหมือนจะฉีกกายเธอออกเป็นเสี่ยงๆ
“ออกไป บอกว่าเจ็บ โอ๊ย!”
“บ้าชิบ! ยังซิงเหรอเนี่ย”
“เออสิโว้ย ฮือๆ เจ็บนะ...”
“เวรเอ๊ย!”
คำนั้นทำให้หญิงสาวกลั้นใจลืมตาสู้ผีตัวแสบอย่างลืมกลัว แต่แล้วเมื่อจักษุสัมผัสกับใบหน้าที่ลอยเด่นตรงหน้า หัวใจเธอก็คล้ายจะโดนกระชากออกจากอก
คุณพระ! ผีอะไรวะหล่อชิบเป๋ง เอ๊ย! ไม่ใช่สิ พอมองดีๆ หน้าคุ้นๆ จังแฮะ หน้าหล่อๆ แบบนี้เคยเห็นที่ไหนวะ สมองมึนๆ พยายามประมวลผล แต่มันก็ยากเหลือเกินเมื่อกายส่วนที่บอบบางที่สุดถูกตอกตรึงด้วยเสาโรมันยักษ์ฉึกๆ
“เจ็บ...เอาออกไป ฮือ...” หญิงสาวตีแขนเขาปับๆ น้ำตาไหลพราก
“ผมขอโทษ แต่ผมถอยตอนนี้ไม่ได้”
คนหล่อกัดฟันเอ่ย ใช่แต่เธอที่ปวดร้าว สีหน้าเหยเกของคนตรงหน้าบ่งบอกว่าเขาคงทรมานไม่น้อย เพราะขนาดที่แตกต่างกัน อีกทั้งร่างกายของเธอยังไม่พร้อมที่จะรับตัวตนของเขา
แต่นาทีนี้ร่างกายเขามันร้อนไปหมดและไม่อาจห้ามตัวเองได้ จะเดินหน้าก็ติด จะถอยหลังก็ไม่ได้ แม้แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มาจากความรัก แต่มาจากบางสิ่งในกายที่ถูกกระตุ้นให้เตลิดจนควบคุมไม่อยู่ แม้เขาจะพยายามแช่ความใหญ่โตนิ่งในกายบอบบางอุ่นนุ่มเพื่อให้เธอได้ปรับตัวให้คุ้นชินกับลูกชายสุดที่รักของเขา และผลิน้ำหวานในกายสาวออกมาช่วยให้การสอดผสานราบรื่นขึ้น แต่การต้องค้างๆ คาๆ แบบนี้ก็ทรมานไม่หยอกเลย
“ไม่ไหว ผมต้องขยับแล้ว” เสียงแตกพร่ากระเส่ากระซิบบอก พร้อมกับแนบริมฝีปากไปคลึงเคล้ากลีบปากนุ่ม
มือทั้งสองฟอนเฟ้นดอกบัวตูมเต่งปลุกกระตุ้นอารมณ์หวามของเธอไปพร้อมๆ กัน จนสาวซิงชักจะเคลิบเคลิ้ม จากต่อต้าน ก็กลายเป็นมึนงง และคล้อยตามบทเรียนที่อีกฝ่ายป้อนให้ ใจกลางร่างสาวค่อยๆ ขับน้ำหวานออกมาช่วยผ่อนคลายความคับตึงและโอบกระชับต้อนรับผู้มาเยือนตัวโตอย่างลืมตัว
“อ๊ะ อร๊าย...” หญิงสาวกรีดร้องลั่น เมื่อถูกอีกฝ่ายดึงดันฝ่าด่านฉีกปราการความบริสุทธิ์เข้ามาจนเต็มลำเสียงดังฉึกร้าวก้องในหู พร้อมกับสมองที่ไม่ได้เรื่องของเธอเกิดทำงานขึ้นมาในนาทีนั้น
นึกออกแล้วว่าเธอเคยเห็นหน้าหล่อๆ แบบนี้ที่ไหน
“ธิ...ธิม ธิเบศ!”
“ครับ”
อีกฝ่ายผละใบหน้าจากทรวงสล้างที่กำลังคลุกเคล้าอย่างเมามันขึ้นตอบรับคำเธอด้วยเสียงเซ็กซี่
จารุพัชรเบิกตาค้างมองใบหน้าคมคายที่แสนจะหล่อเหลามีเสน่ห์
โอ้มายก๊อด! เธอกำลังฝันไปใช่ไหม คงเพราะหมกมุ่นถึงพ่อพระเอกซุปตาร์ขวัญใจน้องสาวมากไปจนเก็บมาฝันเพ้อว่ามีอะไรกับเขาอย่างเร่าร้อนแบบนี้
แต่เดี๋ยวนะ! ฝันอะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้ เหมือนจริง เจ็บจริง และเสียวจริงๆ แบบนี้ไม่ใช่ฝันแล้ว นี่มันตาธิม-ธิเบศตัวเป็นๆ เลยนี่หว่า
แล้วนี่เธอควรทำไง ระหว่างถีบเขาตกเตียงฐานที่มาตอกเสาฉึกๆ ในเขตป่าสงวนโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของป่าก่อน หรือว่าควรปล่อยเลยตามเลย เพราะฝีมือการตอกเสาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ตรงข้ามถึงมันจะเจ็บในทีแรก แต่ตอนนี้ความเจ็บถูกแทนที่ด้วยความวาบหวิวรัญจวนใจจนเธอลืมตัวเผลอยกสะโพกขึ้นรับตามจังหวะกายที่สอดประสานลงมาอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่ทว่าเหมือนเขาจะยั้งๆ จังหวะจนเธอเริ่มจะชินและต้องการอะไรที่มากกว่า หญิงสาวกัดฟันเอ่ยอย่างลืมอาย
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค
จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอกหากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะพอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเ
จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งท
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะหรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งท
จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอกหากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะพอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเ
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค