จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...
รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’
แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก
‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’
ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!
ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย
“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”
หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้นพร้อมปล่อยโฮอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตั้งแต่พ่อและแม่เสียไป เธอก็ไม่เคยร้องไห้หนักๆ อีกเลย ต่อให้เหนื่อยหรือทุกข์ยากแสนสาหัสแค่ไหน นั่นเพราะเธอมีน้องสาวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ต้องเข้มแข็งและสู้ทุกปัญหา
แต่นี่มันหนักเกินไปจริงๆ เธอควรทำยังไงดี ปาฏิหาริย์ที่หมอว่าหากมันมีขายก็ดีสิ เธอจะรีบไปหาซื้อมาให้น้องรัก ต่อให้แพงแค่ไหนก็จะซื้อมาให้ได้ หรือไม่หากแลกกันได้เธอขอยอมเจ็บแทนน้อง
“คุณคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ” เสียงพยาบาลเวรบอกเบาๆ ทำให้คนที่ตกในภวังค์เศร้าได้สติอีกครั้ง
ร่างเพรียวกัดฟันลุกขึ้น พลางหันไปมองที่ช่องกระจกอีกครั้ง ร่างคนป่วยยังคงแน่นิ่ง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด สิ่งเดียวที่บ่งบอกให้รู้ว่าน้องสาวเธอยังอยู่คือจอภาพแสดงคลื่นหัวใจที่เต้นแผ่วเบา แต่ก็ยังคงเต้น
เธอไม่อยากทิ้งน้องไว้ในสภาพนี้เลย แต่ก็จนใจด้วยเป็นกฏระเบียบของโรงพยาบาล
“ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหมคะ วันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวฉัน ฉันยังไม่ได้ร้องเพลงวันเกิดให้น้องเลย” พยาบาลสาวถึงกับอึ้งกับคำขอร้องนั้น แม้จะพบเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ของคนไข้มาไม่น้อย
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่อย่านานนักนะคะ เดี๋ยวฉันจะโดนหัวหน้าดุเอา”
จารุพัชรพยักหน้า พลางเดินเข้าไปที่กระจก และแนบใบหน้าใกล้กระจกประตูห้องไอซียู ก่อนที่เริ่มต้นร้องเพลงที่เธอควรร้องด้วยเสียงอันสั่นเครือขาดเป็นห้วงๆ ด้วยแรงสะอื้น นัยน์ตาสวยมีน้ำขังคลอเต็มเบ้า
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู... สุขสันต์วันเกิดนะน้องรักของพี่ ปาฏิหาริย์ที่ว่าพี่จะหามาให้เธอให้ได้ ต่อให้ยากลำบากแค่ไหนก็จะทำให้ได้ พี่ขอสัญญา!”
จารุพัชรเดินคอตกออกจากห้องไอซียูด้วยความอ่อนล้า หัวใจเธอแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเต้นต่อ ภาพน้องรักนอนนิ่งเป็นผักยังคงติดตา เธอจะกลับไปที่ห้องพักได้ยังไง คืนนี้เธอจะอยู่ยังไง เพียงคิดก็หมดแรง จึงได้เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโถงรับแขกของโรงพยาบาล พลันหูก็แว่วได้ยินเสียงบางอย่างลอยลมมาจากหน้าจอโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ให้ญาติคนป่วยที่มารอได้ดู ซึ่งตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่นั่งอยู่
“คุณเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ไหม...สำหรับผมชีวิตของเราก็คือปาฏิหาริย์ เพียงแค่คุณเชื่อ และศรัทธามากพอ ทุกอย่างก็สามารถเกิดปาฏิหาริย์ได้...”
จารุพัชรจ้องใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับรูปสลักจากฝีมือช่างชั้นยอดอย่างไร้ที่ติ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสังเกตเลยว่าเขาจะหล่อได้ขนาดนี้ ใบหน้าคมคายที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าที่โดดเด่นทั้งคิ้วเข้ม และดวงตาเรียวยาวทั้งใหญ่และคมกริบทอประกายพราวระยับ จมูกโด่งได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ หากเสน่ห์ของเขากลับอยู่ที่รอยยิ้มที่มีลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสอง เพียงแค่เขายิ้มก็ทำให้โลกดูสดใสในพริบตา
ทั้งน้องสาวเธอ ไหนจะคนที่ออฟฟิศต่างหลงใหลในรูปลักษณ์อันเลอค่านี่ ส่วนเธอก็เออออไปกับน้องสาวตามเรื่องเพราะไม่เคยสนใจสิ่งได้มากไปกว่าปากท้องและการทำมาหากินไปวันๆ
หญิงสาวมองสบตากับคนที่อยู่ในจอโทรทัศน์ เขากำลังส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์มาให้
จริงหรือที่เขาบอกว่าโลกนี้มีปาฏิหาริย์ ที่ผ่านมาเธอไม่รู้หรอกว่าไอ้ปาฏิหาริย์ที่เขาบอกมันหน้าตาเป็นยังไง แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจะหาปาฏิหาริย์จากไหนให้น้องสาวสุดที่รัก
0.01% ที่หมอบอกอาจจะดูไกลเกินเอื้อม แต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ต่อให้ต้องลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเธอก็จะขอทำหน้าที่พี่สาวที่ดีให้น้องสาวสักครั้ง ด้วยการทำให้จิราภาสมหวังได้พบดาราในดวงใจตัวจริงสักครั้ง อย่างน้อยเขาก็อาจเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นกับน้องสาวเธอก็เป็นได้ นาทีนี้ไม่ว่าอะไรเธอก็ยอมทั้งนั้น
ยัยจิ๊บน้องรัก รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปพาเขามาหาเธอให้ได้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป เธอต้องฟื้นมาเจอพี่ธิมของเธอให้ได้นะ!
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะหรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค
จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอกหากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะพอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเ
มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะหรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งท
จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอกหากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะพอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเ
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค