จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอ
ก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้
หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอก
หากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะ
พอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเตอร์โฆษณาต่างๆ ข้างทาง ในทีวี หรือแม้แต่หน้าจอตู้เอทีเอ็มตอนที่เธอไปกดเงิน ก็ต้องพบหน้าเขาโผล่มาทักทาย
จะบ้าตาย!
หญิงสาวถอนหายใจ พลางจ้องมองสบตากับบุรุษรูปงามในภาพโปสเตอร์ตรงหน้า พาให้หวนคิดถึงดวงชะตาผีผลักที่ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นแม่คนในวันนี้
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อราวๆ สองเดือนก่อนหน้า โดยที่เธอเองก็ไม่คาดคิดเตรียมใจมาก่อน และเธอก็จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
วันนั้นเป็นวันเกิดของจิราภา หรือน้องจิ๊บ น้องสาวสุดที่รักของเธอ จำได้ว่าวันนั้นเธอต้องทำงานยุ่งทั้งวันแต่ก็ยังวางแผนจะซื้อเค้กไปฉลองวันเกิดกับน้องสาวสองคนพี่น้องเหมือนปีก่อนๆ แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำตามแผน เธอก็กลับได้รับข่าวร้ายจากโรงเรียนว่าน้องสาวเธอถูกรถชนจนบาดเจ็บสาหัส
“น้องสาวของคุณมีอาการเลือดคั่งในสมองจากการที่ศีรษะกระแทกกับฟุตบาทอย่างแรงครับ”
ประโยคนั้นน็อคคนฟังจนชาไปทั้งตัว หูอื้อไปชั่วขณะ
“แล้ว...แล้วอาการที่ว่าคุณหมอสามารถรักษาได้ใช่ไหมคะ”
“สามารถรักษาได้ครับ แต่...” คำว่าแต่ของนายแพทย์วัยกลางคนทำให้คนรอฟังหายใจไม่ทั่วท้อง
“แต่อะไรคะหมอ หรือว่าเป็นเรื่องค่ารักษา”
“เปล่าครับ เรื่องนั้นเห็นคุณครูที่มาส่งน้องแจ้งว่าคู่กรณียินดีรับผิดชอบให้เต็มที่ แต่น้องสาวคุณเป็น เอ่อ...” สีหน้าคนพูดหนักใจที่จะบอก
“เป็นอะไรคะ”
“เป็นเนื้องอกในสมอง ตรงใกล้กับส่วนที่มีเลือดคั่งพอดี...”
จารุพัชรถึงกับผงะ ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“อะ...อะไรนะ เนื้องอกในสมองเนี่ยนะคะ”
“ครับ หากเราผ่าตัดคนไข้ตอนนี้ก็จะมีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงสูงมากที่จะเสียชีวิต หรือหากผ่าสำเร็จร่างกายก็อาจกลับมาไม่เต็มร้อย หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต”
“จะ...เจ้าหญิงนิทราเหรอคะ” หญิงสาวถามปากสั่น หูอื้ออึง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสะเทือนใจ เมื่อคิดถึงสภาพน้องสาวที่ต้องนอนแน่นิ่งเป็นผัก หรืออาจต้องเสียชีวิตไปเธอจะทนได้ยังไง
“แล้วไม่มีโอกาสจะรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้เลยเหรอคะหมอ”
“มีครับ แต่น้อยมาก 0.01% หมอไม่อยากใช้คำว่าปาฏิหาริย์”
“แล้วฉันควรเลือกทางไหนดีคะหมอ ผ่าหรือไม่ผ่าดีกว่ากัน”
หญิงสาวร้อนใจมากแต่ก็พยายามตั้งสติข่มน้ำเสียงให้ไม่สั่นแต่ก็ยากเต็มที สิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังไม่ทรุดไปกองที่พื้นเสียก่อนคือความหวัง หวังให้น้องสาวกลับมา หวังเพียงว่านี่คือความฝัน และอีกเดี๋ยวเธอก็จะตกใจตื่นขึ้น และพบว่าน้องสาวสุดที่รักไม่ได้เป็นอะไร จิราภาจะยืนส่งยิ้มสดใสมาให้เธอเหมือนทุกครั้ง
“ต้องดูสภาพร่างกายของคนไข้อีกทีครับว่าไหวแค่ไหน แต่เราก็มีเวลาไม่มาก และคงต้องรีบตัดสินใจ”
ตัดสินใจอะไรล่ะ เธอจะตัดสินใจอะไรได้ ถ้าไม่ผ่าก็ไม่รอดแน่นอน แต่ถ้าผ่าก็เสี่ยงอีก และยัยจิ๊บอาจเป็นเจ้าหญิงนิทรา น้องสาวที่อยู่ในวัยน่ารักสดใสของเธอ อนาคตและความหวังทั้งหมดที่เธอทุ่มเทให้ต้องมาจบที่การนอนเป็นผักไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ดูจะโหดร้ายไปหมด
“ฉันมีเวลาแค่ไหนคะในการตัดสินใจ”
“อย่างช้าสุดก็ไม่เกินสองวันครับ หรือหากร่างกายคนไข้ไม่ไหวก็ต้องเร็วกว่านั้น”
“สองวันงั้นเหรอคะ ไม่ยุติธรรมเลย” หญิงสาวเอ่ยเสียงระโหยอ่อนล้า ทำนบน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้พังทลายอย่างสุดจะกลั้นได้ต่อไป
“วันนี้เป็นวันเกิดของยัยจิ๊บ แต่ทำไมน้องสาวฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ไม่ยุติธรรมเลย...”
“หมอเสียใจครับ แต่หมอเชื่อว่าเรายังพอมีหวัง อ้อ! จริงสิ...” คุณหมออุทาน ก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมายื่นให้เธอ “เราพบมันในมือคนไข้ตอนที่ถูกพามาส่งโรงพยาบาล เธอกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลยครับ ได้ยินคุณครูและเพื่อนๆ น้องเล่าว่าเพราะตั้งใจจะวิ่งไปเก็บสิ่งนี้เลยทำให้โดนรถชนครับ”
จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งท
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะหรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค
มันรู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนจะฝัน แต่สัมผัสที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างเธอมันก็เหมือนจริงเสียจนแยกไม่ออก หูแว่วได้ยินเสียงหอบกระเส่าที่ฟังแล้วแสนจะเซ็กซี่แต่ก็ชวนให้หัวใจวาบหวาม แรงกดแรงบีบเคล้น หรือแม้แต่การลูบไล้ที่ชวนให้กายสาวร้อนวูบวาบ แต่ก็หนาวเหน็บไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่นะหรือว่าเธอจะ...ฝันลามกอยู่!จารุพัชรพยายามยกเปลือกตาขึ้นเพื่อหาคำตอบนั้น แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก“ที่ไหนวะเนี่ย” หญิงสาวขยับปากงึมงำ เมื่อเห็นเพดานสีแปลกตา ไม่ใช่ห้องเช่าของเธอแน่ แต่ที่ไหนไม่รู้“อ๊ะ...” เพียงคิดจะขยับ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ และรู้สึกแปลกประหลาดโดยเฉพาะบริเวณปลายยอดทรวงอวบอิ่มที่เหมือนจะเปียกชื้นมีแรงดูดดึงจนซ่านสยิว หรือแม้แต่หว่างกลางขาที่ถูกเสียดสีด้วยวัตถุแปลกปลอมที่แสนจะร้อนฉ่าชวนให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวหรือเธอจะโดนผีอำ ผีบ้าลามกสมัยนี้ช่างสรรหาวิธีการอำได้สัปดนชวนขนลุกเสียจริง แต่ก็เสียวแปลกๆ แฮะ“สะ...สะ...สัพเพสัตตา สะ…เสียว เอ๊ย! ไม่ใช่! สัตว์ทั้งหลายที่เป็นพะ...เพื่อนทุกข์ อร้
จารุพัชรไม่รู้หรอกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยากเพียงใด แต่เดาเอาว่ามันคงจะยากพอๆ กับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำในตอนนั้น การตามล่าตัวซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการอย่าง ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ พระเอกขวัญใจมหาชนเธอควรตั้งต้นจากจุดไหนดีล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ที่อยู่ของเขา ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาควรจะอยู่ที่ไหน เธอไม่ใช่ติ่งกับเขาเสียด้วยแล้วถึงรู้คำตอบที่ว่า ปัญหาต่อมาก็คือจะทำยังไงที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมาพบน้องสาวเธอสักครั้ง นี่มันบ้าระห่ำชัดๆ หากเป็นติ่งแบบยัยจิ๊บก็ดีสิ อย่างน้อยเธอก็คงมีข้อมูลต่างๆ ของเขาบ้าง หรือไม่ก็คงรู้ว่าตอนนี้จะไปตามตัวเขาได้ที่ไหนโอ๊ย...จะบ้าตาย ตาทึ่มเอ๊ย! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนวะเนี่ย หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดเหมือนหนทางชีวิตของเธอในตอนนี้ ทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บที่สุด แม้มีแสงไฟนีออนและแสงสว่างจากจอทีวีที่ติดหน้าโรงพยาบาลก็เถอะหากแล้วทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ลอยแว่วมาเข้าหู“รางวัลสุดยอดขวัญใจมหาชนประจำปีนี้ ได้แก่...คุณธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์ ครับ!”ชื่อนั้นทำให้จารุพัชรหันขวับทันใด จอโทรทัศน์ที่ติดไว้บริการความบันเทิงให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารอใช้บริการ ปรากฏภาพชายหนุ่
จารุพัชรรับกระดาษยับย่นนั่นมาจากมือหมออย่างงุนงง หากพอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาวก็น้ำตาตกทันใด เพราะมันคือ...รูปพระเอกซุปตาร์ขวัญใจของน้องสาว ‘ธิม-ธิเบศ ดิฐวัฒน์’แม้หมอจะขอตัวไปดูแลคนไข้นานแล้ว แต่จารุพัชรยังคงนั่งนิ่งใจลอยคอยที่หน้าห้องไอซียูที่เดิม ในมือของหญิงสาวมีรูปถ่ายของพระเอกหนุ่มหล่อที่ส่งยิ้มมาให้ หูแว่วได้ยินเสียงใสๆ ของน้องรัก‘จิ๊บอยากเจอพี่ธิมตัวจริงบ้างจัง อย่างน้อยก็อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ สักครั้งก่อนตายก็ยังดี’ใครจะคิดว่าคำพูดนั่นคือลางบอกเหตุ!ร่างเพรียวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่มีช่องกระจกเพื่อส่องดูคนที่นอนนิ่งหายใจรวยรินในห้อง เวลานี้เธอควรได้เป่าเค้กช็อกโกแลตสุดโปรดกับน้องสาวสุดที่รัก พร้อมกับดูละครหลังข่าวที่พระเอกขวัญใจจิราภาแสดงด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาพี่น้อง แต่ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย“ยัยจิ๊บ พี่รักเธอนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ เธอต้องฟื้นนะ ฟื้นขึ้นมาหาพี่อีกครั้ง แล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปดูพี่ธิมขวัญใจเธอตัวเป็นๆ ให้ได้ เราจะไปด้วยกัน ฟื้นให้ได้นะน้องรัก ฟื้นสิ ฮือๆ ...”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางทรุดตัวลงไปนั่งท
จารุพัชรเดินลากขาออกจากคลินิกแม่และเด็กแห่งนั้นด้วยสมองที่มึนชา ในมือมีถุงยาบำรุงสารพัด และคู่มือสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทางคลินิกจัดให้ ในใจเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแม่คนถ้าหากไม่เห็นภาพจากจออัลตร้าซาวน์ของหมอก็แหม...สามีรึก็ไม่มี แฟนก็ไม่เคยมีสักคน ชีวิตนี้นอกจากหาเงินงกๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกหลังจากพ่อกับแม่ด่วนจากไป ความรักถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็ว่าได้หากทว่าสวรรค์คงเห็นชีวิตเธอขาดสีสันเกินไปสินะถึงส่งบททดสอบชีวิตที่แสนจะท้าทายมาให้ แล้วนี่เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนักอกหากผู้ชายที่เสกกุมารเข้าท้องเธอได้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องลูกของเขา หมอนั่นจะทำหน้ายังไงนะพอเจ้าคะนึงถึงไก่ ไก่ก็มา จารุพัชรเงยหน้ามองแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดหน้าร้านสะดวกซื้อที่เธอเดินผ่านหราเป็นรูปคนที่กำลังคิดถึงซึ่งยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาพราวอย่างมีเสน่ห์ล่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ ครั้นพอจะมองไปทางอื่นก็ยังไม่วายเห็นรูปพ่อพระเอกหน้ามนตามหลอกหลอนไปทุกที ทั้งป้ายโปสเ
“ยินดีด้วยค่ะ คุณตั้งครรภ์ได้เกือบแปดสัปดาห์แล้วค่ะ”คำนั้นทำให้คนฟังชาวูบไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“คะ...คุณหมอว่าไงนะคะ” ดวงตากลมโตเบิ่งกว้าง ปากอ้าค้างอย่างเหวอๆ ของอีกฝ่ายทำให้แพทย์หญิงวันดีผู้เป็นเจ้าของ ‘คลินิกแม่และเด็กหมอหนูดี’ อดขันปนเอ็นดูไม่ได้แม้จะดูเหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าหรือชื่อในประวัติที่เธอแจ้งไว้ จารุพัชร พิมลธร กับวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปี แต่ดูจากสายตาแล้วใบหน้าใสๆ ดูอ่อนวัยเหมือนเพิ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นานนัก ทั้งที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นไปรับบทบาทเป็นคุณแม่คนใหม่“เกือบแปดสัปดาห์ ก็เท่ากับสองเดือนสินะ” ริมฝีปากสีซีดขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงเดี๋ยวซีดสลับกับแดงก่ำเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนและบุคคลที่มอบสถานะใหม่ให้เธอโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจและคงไม่คาดคิดเหมือนกันเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีเล่า จะให้อุ้มท้องต่อไปโดยไม่มีพ่อแบบนี้ หรือว่าควรตัดไฟแต่ต้นลมดี...“คุณต้องการจะฝากครรภ์เลยไหมคะ”ฝากครรภ์เหรอ...หญิงสาวทวนคำในใจ ตอนนี้สมองเธอทำงานช้าไปหมดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นคุณแม่ค