บานประตูในแล็ปถูกเปิดออกร่างสูงด้วยเสื้อผ้าที่แพงระยับก้าวขาเข้ามาข้างใน มีคนติดตามอีกหนึ่งคนที่ถือร่างสัญญา มาด้วย ถงไฉ่รีบลุกมาต้อนรับ เหรินเหมยก้มหน้ามองมือตัวเองตื่นเต้นจนรู้สึกว่าหัวใจจะทะลุออกจากอกเอาเข้าจริงๆก็ประหม่าไม่น้อยก็คุณเฉิงซีหยวนเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดได้รับการจัดอันดับหนุ่มหล่อที่มีสาวๆหมายปองที่สุดอันดับหนึ่งทั้งฐานะทางการเงิน ครอบครัว และหน้าตาไม่มีใครสู้ได้ แต่ตอนนี้เขากลับมีภรรยาขี้โรคที่รักกันตั้งแต่เรียนมหาลัย
เขาเดินเลยถงไฉ่ที่ยิ้มกว้างโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเลยมาที่เหรินเหมยมองคนตัวเล็กที่สูงได้แค่ลิ้นปี่ของเขา ยกมือขึ้นจับที่คางของเหรินเหมยให้เงยหน้าขึ้นจีเหรินเหมยกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
“นี่หรือ ผู้หญิงที่จะอุ้มท้องลูกของผมกับซูจ๋าย”บิดมือที่คางมนให้สบตา เหรินเหมยหลบตาแล้วเผลอยกมือขึ้นปัดมืออีกคนที่ยิ้มบางๆ
“ครับจีเหรินเหมย ตอนนี้ผม เอ่อหมอจัดการฝังไข่ของคุณซูจ๋ายที่ผสมสเปิ์รมของคุณเฉิงไปที่มดลูกของจีเหรินเหมยแล้วครับ อาการแพ้ท้องคงจะเกิดขึ้นอีกไม่เกินสองสามสัปดาห์นี้”ร่างสูงจ้องมองเหรินเหมยแบบสำรวจตรวจตราทำเอาเหรินเหมยตัวชาไปเลยทีเดียวก็เขามองสำรวจขนาดนี้ราวกับว่า เหรินเหมยโป้อยู่อย่างนั้น
“เอาอะไรมาวัดว่าต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ เธอผ่านการคัดเลือกมาได้อย่าง
ไร ผมอยากรู้เหตุผลของคุณหมอ”
“คือฉันถนัดหลายอย่างนะคะ”จีเหรินเหมยพยายามขาย ก็เงินที่กำลังจะได้ช่วยให้แม่มีค่ารักษา
“อ่อพวกไม่มีจุดยืนสินะ”พูดขึ้นลอยๆ
“แล้วฉันก็เคยดูแลเด็กอ่อนมาก่อนฉันทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในเนิร์สเซอรรี่มาก่อนฉันคิดว่าคุณสมบัตินี้พอไหวไหมค่ะ”ยิ้มกว้างสดใส พยายามใจเย็นอย่างที่สุดแม้สายตาของอีกคนจะดูถูกดูแคลนแค่ไหนก็ตาม
“ผมไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงเด็กเพราะคุณจะไม่สิทธิ์ได้เลี้ยงเขา ผมหมายถึงลูกของผมที่คุณคลอดออกมา แค่เพียงสามวันหลังจากคลอดแล้วก็ไปทันที เราต้องการความรักความผูกพันธ์กลับลูกของเราเสมือนว่าซูจ๋ายคลอดเอง ฉนั้น พี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นแต่คนที่จำเป็นคือคนที่เป็นแม่พันธ์ุที่ดี คุณหมอถงคอนเฟริ์มใช่ไหมว่าคือลูกแฝด ซูจ๋ายเขาอยากมีลูกแฝดชายหญิง แต่ดูผู้หญิงคนนี้สิตัวเล็กนิดเดียว จะตั้งท้องลูกแฝดได้หรือ”
“หา ลูกแฝดเลยหรือ”หันมองถงไฉ่ที่ยิ้มเจื่อนๆ
“จีเหรินเหมยใจเย็นๆ เราคุยกันได้ เอ่อคือ เราตรวจความพร้อมทุกอย่าง
และตรวจร่างกายของคุณจีแล้ว ความจริงแล้วเหรินเหมยเอ่อจีเหรินเหมยเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ผมนึกถึงตอนนี้ และๆผลตรวจสุขภาพและอะไรหลายๆอย่างก็ผ่านเกณฑ์เหรินเหมยเตี้ยไปหน่อยแต่คนที่สูง160ซ.มขึ้นไปก็สามารถทำให้เด็กที่อยู่ในครรภ์มีน้ำหนักตัวได้ถึง3000กรัมได้แล้วครับ อีกอย่างเหรินเหมยเถึงจะผอมไปหน่อยนั่นกลับเป็นข้อดีเพราะคนผอมจะทำให้คลอดได้ง่ายกว่าผู้หญิงที่อวบ”เหรินเหมยส่ายหน้า ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเด็กแฝด
“นี่ฉันต้องทำงานหนักสองเท่าเลยหรือ แบกท้องที่มีเด็กแฝดในนี้”เผลอยกมือขึ้นลูบหน้าท้องด้วยรู้สึกว่ามีบางอย่างในนั้น แต่คำพูดเหมือนกับทุกอย่างคือธุรกิจ
“คุณไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้หรือ เรื่องลูกแฝดของผม”เฉิงซีหยวนขมวดคิ้ว
“จีเหรินเหมย เธอสัญญาแล้วนะ”ถงไฉ่ทวงสัญญาที่ไม่เคยสัญญา สีหน้าไม่สู้ดีกลัวว่าเหรินเหมยจะอาละวาด
“มีปัญหาหรือ ผมยินดีจ่ายสองเท่ากับการตั้งครรภ์ในครั้งนี้เพราะได้เด็กถึงสองคน คุณก็คงไม่ลำบากเท่าไหร่ผมซื้อบ้านที่เชิงเขาวิวทิวทัศน์งดงามและที่สำคัญสงบมากไม่มีแม้กระทั่งเสียงรถยนตร์วิ่งวุ่นวาย คุณจะอยู่ที่นั่นกับคนรับใช้ผู้ชายหนึ่งคนทำหน้าที่ขับรถและคนรับใช้ผู้หญิงสองคนทำหน้าที่ดูแลคุณ แม่บ้านอีกหนึ่งคนสวนอีกสอง และพยาบาลกับคุณหมอถงจะอยู่ที่นั่นดูแลคุณตลอด24ชั่วโมง”
“ได้ได้ได้ไม่เป็นพี่เลี่ยงเด็กก็ได้ ฉันแค่อุ้มท้องของลูกคุณอย่างเดียวๆเลยจริงๆ”
เฉิงซีหยวนยิ้มหยัน
“ดี ทำเพื่อเงินแบบนี้ดี ไม่มีอะไรผูกพันธ์กัน อย่างนั้นเซ็นสัญญาเสีย เงินครึ่งหนึ่งจะโอนเข้าบัญชีของคุณส่วนอีกครึ่งต้องหลังจากที่ผมเห็นหน้าลูกของผมกับซูจ๋าย ส่วนคุณหมอคุณเองระหว่างนี้ก็ต้องอยู่ดูแลคนอุ้มท้องของลูกผม”ถงไฉ่พยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ
“คือทีแรกผมได้ยินว่าคุณกับภรรยาของคุณจะดูแลจีเหรินเหมยด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนใจซื้อบ้านเล่าครับ ความจริงให้จีเหรินเหมยไปอยู่กับพวกคุณก็ได้ พวกคุณจะได้ซึมซับเรื่อง ความยากลำบากของการตั้งครรภ์และยิ่งจะได้ผูกพันธ์กับเด็กในท้อง”
“ชิ”จีเหรินเหมยทำเสียชิแล้วส่ายหน้าระอาใจ หมอถงนะหมอถงเอาเข้าจริงก็เชื่อเรื่องที่โบราณว่าไว้ คิดว่าเป็นนกกาเหว่าหรือไรจึงจะไม่เลี้ยงลูกในท้องนี่ก็ลูกของพวกเขาอย่างไรก็ต้องรักแหละว้าาา และคนรวยที่อยากได้ลูกขนาดนี้พอได้มาจะต้องรักยิ่งกว่าคนจนๆที่บังเอิญตั้งครรภ์
“ที่แรกตั้งใจแบบนั้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ซูจ๋าย อยู่สบายที่บ้านไม่เหมาะดูแลใครฉันจึงจ้างเด็กรับใช้ไว้ดูแลคนอุ้มท้อง และก็อยากจะเซอร์ไฟร์ส ซูจ๋ายวันที่พบหน้าลูกครั้งแรก”
“อ่อเข้าใจแล้วครับ”เรื่องของเรื่องคือไม่อยากให้เมียลำบากอยากมีชีวิตส่วนตัวสองคนผัวเมีย จีเหรินเหมยยิ้ม
“ฉันพร้อมแล้วต้องการเซ็นสัญญาเดี๋ยวนี้เลย” จะต้องกังวลอะไรไม่อยู่กับเขาสิดีจะได้ลัลลาแล้วยังได้ทำตามใจ แค่ตั้งท้องมันจะแค่ไหนเชียวแล้วอีกอย่างเงินที่ได้พาคุณแม่ของเหรินเหมยไปรักษาต่อที่อเมริกานั่นต่างหากคือสิ่งที่เหรินเหมยรู้สึกหัวใจพองโต
คนติดตามเปิดกระเป๋าหยิบสัญญาที่มีนับสิบแผ่นขึ้นมา ยื่นให้เหรินเหมยที่คว้าปากกามาจรดปากกาเซ็นสัญญาทันที“ไม่อ่านก่อนหรือ”ถงไฉ่ถาม เหรินเหมยส่ายหน้า ยิ้มกว้างถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยดีใจที่จะได้พาแม่ไปรักษาตัวจึงไม่ลังเลที่จะเซ็นสัญญาเฉิงซีหยวนทำสีหน้าเรียบเฉย“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม สัญญานี้จะเก็บไว้ที่ฉันหนึ่งฉบับกับเธออีกหนึ่งฉบับ อยากจะอ่านเมื่อไหร่ค่อยมาอ่าน อ่อลืมถามไปเสียได้ ยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า แต่ความจริงไม่ถามก็น่าจะได้คำตอบใช่ไหม ผู้หญิงสมัยนี้ยิ่งสวยๆอย่างเธอ หาคนที่บริสุทธิ์สะอาดยาก แบบนี้ก็ดี ก็จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากับตรงนั้นว่าทำให้ไม่ประทับใจของสามีตอนที่เข้าหอเพราะฉันอยากให้คลอดแบบวิธีธรรมชาติไม่มีการผ่าตัดเอาเด็กออกมาจากท้อง” เหรินเหมยถอนหายใจยาวนี่ไปหาข้อมูลมาหมดเลยหรือเรื่องการคลอดลูก คนอะไรก่อน แล้วนอกจากเมียคงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนในด้านดีดีแน่“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณนี่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแต่แรกอยู่แล้ว และฉันขอเปลี่ยนเงื่อนไขข้อนี้ฉันต้องการผ่าเอาเด็กออก ไม่อยากคลอดเองตามธรรมชาติเพราะอย่างที่คุณพูดฉันไม่อยากให้สามีที่ฉันรักหรือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยไม่ประทับใ
“เหรินเหมยเขาเอาเงินที่ได้ไปทุ่มกับการรักษาคุณแม่ที่ป่วย คุณยอมให้เธอทำงานจึงถือว่าทำบุญ”เฉิงซีหยวนไม่ได้พูดว่าอะไรถงไฉ่ถอนหายใจยาวหนักใจไม่น้อยกับความสัมพันธ์ปรามเหรินเหมยว่าให้ยอมๆคุณเฉิงเขาหน่อยเพราเขาก็เท่ากับนายจ้าง เหรินเหมยรับปากมั่นเหมาะแต่ถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยเป็นคนที่ชอบความยุติธรรมไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ควรเหรินเหมยไม่มีทางยอม เดินตามเฉิงซีหยวนไปติดๆเหรินเหมยโบกมือลาแม่หยอยๆเขาอนุญาตให้มาส่งได้แค่นี้เพราห่วงความปลอดภัยของครรภ์ที่ยังไม่แข็งแรง กลัวว่าจะแท้ง เพราะเป็นการฝังตัวอ่อนด้วยมือหมอไม่ได้ใช้วิธีธรรมชาติที่ถงไฉ่ใช้คำว่าเด็กจะหัวแข็งกว่าวิธีที่หมอทำ ฉะนั้นจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจคนอุ้มท้องให้ดี“ไปกันได้แล้ว”เสียงสั่งเบาๆข้างหลัง เหรินเหมยรีบปาดน้ำตา“หยุดร้องได้แล้วนะ คนอุ้มท้องถ้าเอาแต่เศร้าโศก จะทำให้ลูกของผมในท้องกลายเป็นเด็กที่ร้องไห้โยเยและไม่ร่าเริง”จีเหรินเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆยิ้มกว้างสดใส“ตกลงค่ะ”ถือกระเป๋าก้าวเดินนำแต่คนติดตามคุณเฉิงคนนั้นรีบมาแย่งกระเป๋าในมือไปถือเสียเอง“คราวหลังจำไว้ห้ามใช้แรง คุณหมอถงต้งอาศัยคุณช่วยอธิบายกับคนอ
แกะมือเฉิงซีหยวนออกจากเอวรู้สึกร้อนๆหนาวๆรถแล่นยาว ไม่จอดพัก จีเหรินเหมยสลึมสะลือก่อนจะเอนกายหลับไปบนเบาะรถยนต์ ตื่นขึ้ันมาอีกทีก็มีหมอนมารองที่ต้นคอให้ หันมองเฉิงซีหยวนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแล้วก็เลยหลับตาลงอีกทีจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉิงซีหยวน เขาบอกว่าตอนท้อเราเกลียดคนไหนลูกเราจะมีใบหน้าเหมือนคนนั้น แบบนี้จีเหรินเหมยคงต้องพูดเรื่องนี้กับหมอถงจริงจัง คิดอะไรเพลินๆจนเผลอหลับไปอีกที หยงซือขับรถด้วยความระมัดระวังมาตลอดทางจนถึงเนินเขาเตี้ยๆนอกตัวเมืองห่างไกล “ตื่นได้แล้ว”เสียงดังประกาศิต จีเหรินเหมยลืมตาขึ้นช้าๆ คุณเฉิงคนนั้นยังนั่งกอดอกนิ่งด้านหลังรถของคนสนิทคนเมื่อวานที่จีเหรินเหมยเพิ่งจะได้ยิมหมอถงบอกว่าเขาแซ่หลี่ขับตามมาติดๆ ในรถมีพยาบาลที่ชื่อคุณเหวินพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ จีเหรินเหมยกลับคิดว่าคนรวยนี่เขาทำอะไรให้วุ่นวายไปเสียทุกเรื่องทุ่มเงินมากมายเกินความจำเป็น รถคันหรูเลี้ยวขึ้นเนินเขาไปยังจนสุดเนินเขามีบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้และต้นดอกเหมยสีชมพูที่ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้านหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี คนสวนผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันกับหญิงกลางคนคนเมื่อกี้และเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับ
บ้านเฉิง “ซูจ๋าย นอนพักอยู่ชั้นบนลูกควรจะหาเวลาพักผ่อนบ้าง ซูจ๋ายก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรซูจ๋ายนอนพักก็ดีแล้วแต่คนที่ควรพักจริงๆควรเป็นลูกนะเฉิงซีหยวน”เฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าๆ“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงผม”“วันนี้กลับมาก็ต้องเข้าไปคอยเอาใจซูจ๋ายคอยป้อนข้าวป้อนนำลูกไม่อยู่เธอก็ไม่ยอมกินยา เด็กรับใช้ในบ้านมากมายหาที่รู้ใจซูจ๋ายสักคนคอยป้อนข้าวป้อนยา ลำพังกิจการของอวิ๋นเฉิงกรุ๊ปก็หัวหมุนพอแล้ว”“ผมค่ไม่อยากให้ซูจ๋ายรู้สึกว่าผมไม่ใส่ใจเขาเรื่องแบบนี้เป็นผมที่ทำให้เขาจะดีกว่าให้คนอื่นทำ”คุณเสวียเต่อส่ายหน้าไปมา“แล้วเรื่องฝากไข่ไปถึงไหนแล้วแน่ใจหรือว่าพอมีลูกอาการของซูจ๋ายจะดีขึ้น แม่ว่าจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่คนป่วยอย่างไรจะเลี้ยงดูทารกได้”“ครับ ผมตั้งใจเซอร์ไฟรส์ซูจ๋ายสองสามอาทิตย์ก่อนพาเขาไปพบคุณหมอ และจัดการหลายเรื่องเรียบร้อยไปแล้วครับ เรื่องเลี้ยงทารกคงต้องหาทางออกอีกที”“ยินดีด้วย แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้หรืออาจจะเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วซูจ๋ายร้่างกายไม่ค้่อยแข็งแรงดีที่ยังตกไข่ให้มีทายาท”เฉิงซีหยวนยิ้ม“คุณหมอถงเก่งครับ หากงานนี้สำเร้จตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของอวิ๋นเฉิงคงต้องยกให้คุณหมอถงอย่างเสี
“ซูจ๋ายเองก็กำลังจะเป็นแม่คน เรากำลังจะมีลูกแฝด ทุกอย่างกำลังจะลงตัวคุณจะต้องเข้มแข็งกินยาพักผ่อน พอหาคนอุ้มท้องได้ อีกไม่นานซูจ๋ายกับเฉิงซีหยวนตัวน้อยจะมาวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านตระกูลเฉิง”ซูจ๋ายกระชับอ้อมกอดน้ำตาไหลพราก อีกคนพร่ำจูบซับน้ตาให้อย่างอ่อนโยน“ความจริงแล้วซูจิงก็เหมาะที่จะอุ้มท้องลูกของเรา”เฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ“คุณคิดอย่างนั้นหรือ”“อย่างไรก็ดีกว่าต้องพึ่งพาคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องซูจิงเขาเองก็ภูมิใจในตัวพี่เขยไม่น้อย ตอนนี้เขาดูแลซูจ๋ายดีมากหากจะเป็นใครสักคน ซูจ๋ายยินดีให้เป็นน้อง”บ้านบนเขา“ไม่มีอะไรน่าห่วง ธรรมดาก็กินได้ทุกอย่างนะคนท้องมักจะหิวบ่อยและเวลาหิวก็จะหิวมากกว่าคนอื่นจึงมองหาแต่ของกินนู่นนี่นั่น คุณก็ต้องพยายามปรับตัว เสี่ยวจี้กับเสี่ยวหยูเขาคอยรับคำสั่งของคุณอยู่แล้วนี่อยากจะกินอะไร เขาก็มีหน้าที่หามาให้คุณ”พยาบาลกู้ พูดขึ้นหลังจากที่ตรวจจับชีพจรและตรวจครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ในปัสาวะ เหรินเหมยพยักหน้า“ต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์ คุณจะมีอาการแพ้ท้องหรืออาจไจะไม่แพ้ท้องเลยก็ได้ แต่เราจะอัลตร้าซาวด์ หมุนตัวหน่อย”คุณพยาบาลกู้จับตัวเหรินเหมยหมุนไปมา“อืมมม ค
“ได้ยินแล้วกำลังจะรีบไป”เฉิงซีหยวนรับโทรศัพท์พร้อมกับรอยยิ้ม“หลี่ตงเอารถออก”สาวเท้ายาวๆพร้อมกับออกคำสั่ง ใบหน้าแย้มยิ้มจนหลี่ตงอดสงสัยไม่ได้ ซูจ๋ายที่มองร่างสูงท่าทีเร่งรีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับแล้วรถก็พุ่งตัวออกจากคฤหาสน์บ้านเฉิงอย่างรวดเร็ว“พี่เขยเขารีบไปไหนค่ะพี่สาว”ซูจิงถามยิ้มๆ“คงมีงานด่วนหรืออาจกำลังมีโปรเจคใหม่จึงทำเขาดีใจขนาดนี้”“ดีจังนะคะมีสามีที่เอาใจใส่ดีขนาดนี้แล้วยังขยันทำงานเพื่อให้พี่อยู่สบาย”ซูจ๋ายยิ้มน้อยๆ“ทุกอย่างต้องมีต้นทุนกว่าพี่จะมีวันนี้ได้กว่าจะรักกันได้ขนาดนี้ไม่ได้อาศัยโชคหากแต่สิ่งที่ทำให้กับซีหยวนเป็นความริงใจทั้งสิ้นเขาเองก็รับรู้ได้เราสองคนจึงนับว่าโชคดี ที่มีใจตรงกันและซีหยวนไม่เคยมีคนอื่นหรือนอกใจ”ซูจิงห่มผ้าให้ซูจ๋ายนั่งลงหยิบ โทรศัพท์ขึ้นลมาเลื่อนดูข่าวสารในโซเซียล“พี่เขยเขาได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งของผู้ชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตอนนี้แล้วยังอยู่อันดับหนึ่งของผู้ชายในฝัน มีแต่คนอิจฉาพี่นะคะทำไมไม่ออกสื่อให้คนได้เห็นหน้าให้คนเขารู้ว่าพี่เขยมีเจ้าของแล้ว”“แค่นี้หลายคนก็รู้แล้วไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ และซีหยวนเขาก็ให้เกียรติพี่เสมอม
“ครับ”หมอถงรับคำกล่าวตามเฉิงซีหยวนออกมาข้างนอก“ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยให้ความฝันของผมกับซูจ๋ายเป็นความจริงเสียที”หมอถงเลิกคิ้วสูงคิดไม่ถึงว่าท่านประธานอวิ๋นเฉิงกรุ๊ปจะกล่าวคำขอบคุณออกมา“ครับ ไม่เป็นไรครับ คุณจ่ายผมมาไม่น้อยเรื่องนี้อย่างไรก็ต้องตั้งใจอย่างที่สุดเพื่อความสำเร็จ ดีใจที่คุณสมหวังสักทีครับ”หมอถงยื่นมือจับมือเฉิงซีหยวนแสดงความยินดีเสี่ยวหยูที่เดินเข้ามาพร้อมกับสับปะรดปอกสีเหลืองฉ่ำอีกจาน“ได้แต่ผลไม้ครับระหว่างนี้แต่ไม่ต้องกังวลผลไม้ที่มีน้ำมากจะทำให้อาการแพ้ท้องลดลงความเครียดก็มีส่วนเหรินเหรินเป็นคุณแม่มือใหม่ และการตั้งครรภ์ก็มาจากมือหมอ ก็จะกังวลแลยทำให้อาการแพ้ท้องรุนแรงกว่าคนทั่วไปตอนนี้กินอะไรได้ก็ควรจะปล่อยไปก่อนครับใช้วิตามินและแคลเซียมช่วยเสริม พอหายจากอาการแพ้ท้องค่อยบำรุงกันอีกที”เฉิงซีหยวนพยักหน้าขึ้นลง“คุณจี ผมหมายถึงคนอุ้มท้องก็คงลำบากไม่น้อยทั้งรับมือกับอาการแพ้ท้องและผลกระทบหลายๆอย่างฝากคุณหมออีกทีระหว่านี้ต้องการอะไรให้บอกผมได้ผมยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้คุณจีแข็งแรง”“ครับพอเริ่มเข้าสัปาห์ที่5-6 อาการอาจดีขึ้นครับ ตอนนี้ผมกับทุกๆคนก็ช่วยกันดูแลจีเหรินเหมยอ
เฉิงซีหยวนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่แขนพาดเสื้อนอกสีเข้ม ก้าวเดินเข้าปในห้องของซูจ๋ายที่นอนเอนตัวมองกระต่ายน้อยเกือบสิบตัวกินแครอทเหมือนทุกๆวัน“คุณมาแล้วหรือ”เฉิงซีหยิวนโน้มตัวลงกดริมฝีปากกับแก้มและหน้าผากซีดขาวซูจ๋ายยิ้มเศร้าๆ“วันนี้จะค้างที่นั่น แล้วพรุ่งนี้เช้าจะมาที่นี่มาค้างกับคุณ ตกลงไหม”ยิ้มบางๆ“ไปแต่เช้าเลยหรือค่ะนี่เพิ่งจะหกโมงเช้า”ยิ้มสดใสเพื่อกลบเกลื่อนเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะกังวลว่าเหรินเหมยจะเป็นอะไรหรือเปล่าหญิงสาวที่อายุไม่เท่าไหร่จะอดทนต่ออาการแพ้ท้องได้นานแค่ไหนกัน“พอดีมีงานด่วน มีปัญหานิดหน่อยเลยกลัวว่าถ้ารอเวลาจะยิ่งเกิดปัญหาใหญ่ตามมา”“คุณลำบากจะต้องวิ่งไปกลับ ความจริงแล้วซูจ๋ายอยู่ที่บ้านนี้กับคุณแม่คุณแล้วก็ซูจิง ไมไ่ด้ลำบากอะไรคุณค้างที่นั่นหลายๆวันหน่อยจะได้ไม่ต้องลำบากวิ่งไปวิ่งกลับ”“ไม่ ผมสัญญาจะต้องมาราตรีสวัสดิ์คุณวันเว้นวัน และจะต้องตื่นนอนมาพบหน้าคุณวันว้นวัน ไม่นานหรอกซูจ๋ายแค่ไม่กี่เดือนรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยผมจะอยู่ที่นี่กับคุณทุกวันทุกคืน”ซูจ๋ายยิ้มเศร้าๆ“ไว้ซูจ๋ายดีขึ้นจะไปที่นั่นกับคุณดีไหมค่ะ”เฉิงซีหยวนยิ้ม“คุณอยากจะได้อะไรที่นั่นไหม
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ
สายวันนั้นเสียงฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ เฉิงซีหยวนยืนอยู่กลางห้องรับแขก สีหน้าเรียบเย็นเยือก เขาสวมเสื้อเข้ารูปสีเข้มอย่างไม่เป็นทางการ แต่ดวงตานั้นทอประกายมุ่งมั่นยิ่งกว่าสายฟ้านอกหน้าต่างคุณเสวียเตอ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบข้างเขา สายตาเฉียบขาดไม่แพ้กันไม่กี่นาทีถัดมา คุณนายจางก็เดินเข้ามา สีหน้ากังวลแต่พยายามยิ้มรับ“อา...คุณเสวียเตอ คุณเฉิงขอโทษที่ให้รอ” เดินอ้อมมาเพื่อนั่งลงตรงหน้าคนททั้งสองที่โซฟาหลุยส์เฉิงซีหยวนลุกขึ้นนิดๆ แสดงความเคารพก่อนจะนั่งลงหลังจากที่คุณซีหยินนั่งลงก่อนแล้วคุณเสวียเตอเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ผมกับคุณแม่ตั้งใจมาที่นี่ จึงไม่กังวลว่าจะต้องรอหากคุณจางจะออกมาคุยกับเราสักนิด” เสียงเฉิงซีหยวนดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค ไม่เหลือความลังเล “เอ่อ ขอโทษจริงๆ ที่ซูจิงมาพบพวกคุณไม่ได้ ทั้งๆ ที่คู่หมั้นมาถึงบ้าน” สีหน้ากังวลจนไม่อาจปกปิดได้อีก“เราสองคนที่นี่เพื่อเรื่องสำคัญ” คุณเสวียเตอช่วยเสริมทั้งอึดอัดและเหมือนถูกกดดัน คุณจางยิ้มแห้งๆ“เรื่องสำคัญอะไรหรือคะหรือว่าพวกคุณ เองก็มีเรื่องที่อยากจะพูดและตกลงกัน”คุณเสวียเตอมองสบตากับเฉิงซีหยวน“ฉันจำต้อ
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียง คลิก ของกลอนประตูเหมือนตัดโลกภายนอกออกไป เหลือแค่สองคนในห้องเงียบสงบ เหริยเหมยกลับรู้สึกว่าหายใจไม่ออกอึดอัดและมือชื้นเหงื่อเฉิงซีหยวนหันกลับมามองเหรินเหมยที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเฉิงซีหยวนก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ ...จนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จับมือเหรินเหมยมากุมไว้“กลัวหรือ”เสียงเขาเบานุ่มเหมือนสายลมยามค่ำเหรินเหมยก้มหน้า“ไม่ต้องกลัว...” เขาพูด น้ำเสียงแฝงความสั่นไหวแต่หนักแน่น “ผมจะปกป้องคุณเอง... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”เหรินเหมยไม่ได้ตอบอะไร เธอยังยืนนิ่งเหมือนกำลังประมวลผล แต่ภายในใจกลับร้อนวูบขึ้นมาทีละน้อย ความเจ็บ ความอัดอั้น และความรู้สึกที่เธอเคยพยายามกลั้นไว้เหมือนถูกคลายล็อกทั้งหมดเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาเฉิงซีหยวน“คุณ จะโกรธไหมถ้าฉันจะบอกว่าก่อนที่จะอุ้มท้องเด็กแฝดทั้งสองฉัน..ฉันเคยโพสน์แอบปลื้มคุณในโซเซียล.” น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“อย่างนั้นหรือ เคยชอบฉันแล้วอย่างไร”“เคยชอบแล้ว คราวนี้คู่ขาของคุณผู้หญิงของคุณหรืออะไรก็แล้วแต่ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเขาเลยจะใช้ความผิดพลาดนี้ของฉันเพื่อที่จะทำให้คุณโกรธ ว่าฉันชอบคุณเลยตั้งใจรับงานนี้เพื่อ
ชาไช้…“หนีออกมาเดินเล่นคนเดียวแบบนี้ ถ้าหลงฉันจะหาเธอเจอได้ยังไง”เสียงเขาแหย่เบาๆ แต่แววตาที่มองเธอนั้นกลับไม่ได้ขำซูจิงหัวเราะในลำคอ หันกลับไปสบตาเขา “นายก็หาจนเจอนี่”“ฉันหาเธอเจอตลอดแหละ...ความจริงแล้วตั้งใจเที่ยวรอบโลกเสียก่อนค่อยหลับมาทำงานแต่ได้ยินว่าซูจิงกลับมาบ้านเฉิงเพื่อดูแลพี่สสะใภ้ฉันเลยรีบกลับบ้านเฉิงบ้างอย่างไรเล่า เฮ้อแต่เธอไม่เคยหันมามอง”ประโยคที่ออกจากปากเขาทำให้หัวใจเธอสะดุดไปชั่ววูบลมทะเลพัดแรงขึ้นจนเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ เขายื่นมือออกมา กางแขนโอบเธอไว้แน่นในอ้อมอก“รู้ไหม...ฉันเคยคิดว่าถ้าได้จูบเธอตรงนี้ บนหาดทรายที่มีแค่เรา ฉันคงไม่มีอะไรต้องเสียดายในชีวิตนี้อีกเลย”ซูจิงเงยหน้ามองเขาช้าๆ ดวงตาเธอสะท้อนแสงจันทร์และแววตาอ่อนโยนที่เขามีให้“งั้นจูบฉันสิ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”คำพูดของเธอเหมือนหยุดเวลาไว้ทั้งโลก ชาไช้ไม่รอให้เธอพูดซ้ำ มือเขาประคองใบหน้าเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงริมฝีปากของเขาสัมผัสเธออย่างแผ่วเบาในตอนแรก เหมือนกำลังถามว่า ‘เธอแน่ใจนะ’ แต่เมื่อเธอตอบกลับด้วยจูบเดียวกัน จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่ไม่เคยพูด มันก็ลึกซึ้งขึ้น ช
รถเคลื่อนผ่านถนนสายเลียบทะเล แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกค่อยๆ ซัดผ่านกระจกรถเป็นสีส้มแดง เปลวแดดอุ่นสาดกระทบใบหน้าของซูจิงที่นั่งพิงเบาะในท่าสบายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เหม่อมองคลื่นทะเลซัดฝั่งไม่หยุดเหมือนกับสนุกเสียเต็มที่ มือเธอแตะกับขอบกระจกอย่างเหม่อลอย ขณะที่หัวใจเต้นสับสนในความเงียบที่ล้อมรอบชาไช้ขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง เขาไม่ใช่คนพูดมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่หัวใจยังสั่นไหวเหมือนตอนนี้ …สงสาร“คุณยังไม่หายเสียใจเหรอ?” เสียงเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่น กับเพลงเบาๆ ที่คลออยู่ในรถซูจิงหันมาหาเขา “ไม่รู้สิ...อาจจะยังไม่หาย...ไม่รู้สิฉันสับสนความจริงกว่าว่าต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่จะตามมามากกว่า”เธอยิ้มบาง แต่เป็นยิ้มเศร้าพูดเบาๆ“มันเหมือนกับว่า...ฉันเสียเวลากับคนที่ไม่เคยมองเห็นฉัน ความจริงแล้วพี่ซีหยวนก้ไม่เคยมองเห็นฉันอยู่แล้วฉันก็แค่คำสัญญาและคำขอร้องของพี่ซูจ๋ายที่พี่ซีหยวนต้องยอมจำนน”ชาไช้ถอนหายใจ“ซูจิง” เขาเรียกชื่อซูจิงเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เอ่ยโดยไม่มีคำล้อหรือเล่นสนุกซูจิงเองก็ใจเต้นตึกตักแต่ก็รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไร“เมื่อห้าปีก่อน...วันนั้นที่คุณทำขนมช็อกโกแลตลาวามาให้
จูดี้หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดวงตาคู่นั้นเปล่งแสงวาบเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง “ก็ข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่น่ะค่ะ... ข่าวที่บอกว่าซีหยวนยกเลิกงานแต่งงานกับน้องเมียเก่าหรือคุณซูจิงเพราะคุณ เก่งจังนะคะทำพี่เขาตตายแล้วยังมีความสามรถทำให้เขายกเลิกงานแต่งงานได้เพราะคุณ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะทำสำเร็จจนได้”คำพูดของจูดี้ทำให้เหรินเหมยรู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงจากมีดคม เหรินเหมยคุมสติ กลั้นความร้อนรุ่มในอกไว้ “คุณหมายความว่าอย่างไร?”จูดี้ยิ้มขำอย่างมีเลศนัย ท่าทางเหมือนรู้จักทุกอย่างดีเกินไป “เอาเถอะค่ะ… ฉันแค่จะบอกคุณว่า ความจริงมีแค่หนึ่งเดียว... คุณเคยบอกกับเฉิงซีหยวนไหมคะว่า...เหตุผลที่คุณยอมอุ้มบุญให้ซีหยวนมันไม่ใช่แค่เพราะความสงสาร กับเรื่องเงินที่ต้องเอาไปรักษาแม่ของคุณแต่ยังมีบางสิ่งที่คุณไม่เคยบอกใคร” เธอหยุดพูดชั่วขณะแล้วมองเหรินเหมยอย่างเจาะจง “มันคือความรู้สึกที่คุณมีต่อเขา... คุณแอบรักเขาอยู่ใช่ไหมคะ?”เหรินเหมยรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทำร้ายด้วยคำพูดเหล่านั้น แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “คุณพูดอะไรน่ะ?”จูดี้ยิ้มเย็นชา เธอลุกขึ้นและก้าวเข้าใกล้เหรินเหมยอีกนิด ก่อนจะพูดเสียงเบา แต่เจา
“เย้จุนลุงจะพาพวกเราไปเที่ยว!” เชียวอู่ร้องเสียงใส ดวงตากลมโตส่องประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น เด็กชายตัวน้อยยิ้มกว้างราวกับโลกทั้งใบเป็นของเขาในวันนี้เหรินเหมยยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล มองภาพเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น เด็กแฝดของเธอหัวเราะคิกคักในอ้อมแขนของชายคนเดียวกับที่เหรินเหมยเคยอยากจะหนีไปให้พ้นเฉิงซีหยวนเขา... ผู้ชายคนนั้น เขา... ที่ทำให้เธอไร้หนทางเขาที่เธอจำฝังใจ แต่วันนี้ เขากลับกลายเป็นเหมือนร่มเงาอบอุ่นที่เด็กทั้งสองยอมให้เข้าใกล้เชียวอู่กอดรอบคอของเฉิงซีหยวนแน่นตลอดการเดินเล่นในสวน ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป รอยยิ้มของเด็กน้อยนั้นทั้งซื่อบริสุทธิ์และเปี่ยมความหวัง มันช่างทรงพลังจนทำให้หัวใจของเหรินเหมยปั่นป่วนเหมือนคลื่นลมในฤดูพายุทุกอย่างดูเหมือนฉากในฝัน... แต่ในใจของเหรินเหมยกลับมีคำถามที่ไร้คำตอบ“เขาคือคนเดิม... หรือคนใหม่ที่ฉันไม่รู้จัก?”เฉิงซีหยวนที่เธอเคยชื่นชมเมื่อครั้งซูจ่ายยังอยู่... เฉิงซีหยวนที่เปี่ยมความรับผิดชอบและอ่อนโยน วันนี้เขากลับมาแล้วจริงหรือ? หรือเป็นแค่ภาพลวงตาที่เกิดจากความหวังของเด็ก ๆ?ยามเย็น เมื่อกลับถึงบ้าน แสงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าทอดเงาอบอุ
ค่ำแล้วอาหารเย็นผ่านไปด้วยรอยยิ้มของอันอันและเชียวอู่ส่วนเหรินเหมยนอกจากยอมจำนนแล้วก็กลายเป็นนิ่งเฉยแสงจันทร์สาดลอดม่านบางเข้ามา เงาร่างบางยืนพิงระเบียงห้องนอนของเด็กๆ ที่หลับไปแล้ว เขาทุ่มเงินสร้างห้องสำหรับเด็กๆ ขึ้นมาตอนไหนนะ เหรินเหมยแค่คิดว่าเขาเตรียมการนานแค่ไหน ห้องนี้ต่อออกมาจากห้องที่เหรนเหมยเคยมาพักพิงเมื่อตอนอุ้มท้องห้องจัดได้สบายตาและน่ารักในแบบของเด็กวันปฐมของใช้ทุกชิ้นล้วนราคาสูงลิบเสี่ยวจี้บอกว่าเฉิงซีหยวนเป็นคนเลือกซื้อของพวกนี้ด้วยตัวเองและพูดกับคนที่บ้านนี้ว่าคุณจีกำลังจะกลับมา ลมเย็นพัดเบาๆ กระทบใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มเสมอแต่ยามนี้กลับเงียบงัน เหรินเหมยเงยหน้ามองฟ้า ดวงจันทร์กลมโตคล้ายกำลังมองเธอด้วยความสงสารหรือเปล่านะหรือว่ากำลังสมน้ำหน้า เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเข้ามาใกล้ เธอไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็รู้ว่าเป็นเขา คนที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง แล้วก็ทำให้มันพังยับเยินในเวลาเดียวกันเฉิงซีหยวนยืนอยู่ข้างหลังเธอ แค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถเอื้อมมือคว้าร่างเธอไว้ได้ แต่เขาไม่กล้า เพราะรู้ดีว่า…เขาไม่อยากทำร้ายเหรินเหมยอีกแล้วทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นต่อจากนี้เขาไม่อยากทำมันพัง ทั้งที่อย