เช้าสดใสเหรินเหมยลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วอาการหลับสบายนี้คงมาจากฤทธิ์ของยา บิดขี้เกียจบนเตียงอุ่นหันซ้ายหันขวา ร่างสูงของเฉิงซีหยวน นั่งไขว้ห้างพร้อมกับน้ำร้อนในถว้ยกระเบื้องควันลอยอ้อยอิ่ง“ทำไมไม่กินกาแฟตอนเช้า”รู้คำตอบดีว่าอีกคนกัลวว่าเหรินเหมยจะได้กลิ่นกาแฟเขาเลยมาจิบน้ำร้อนอาการของติดกาแฟสินะ“ดีขึ้นไหม”ไม่ตอบคำถามแต่ถามขึ้นเบาๆเหรินเหมยพยักหน้ารัวเร็ว“สบายมากๆเลยนอนเต็มอิ่มด้วยคุณไม่ต้องห่วง”“ดีแล้ว วันพรุ่งนี้เช้าเจอกัน”ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวเดินออกจากห้องไปเหรินเหมยสปริงตัวลุกขึ้นแต่เหมือนโลกหมุนติ้วร่างเล็กของเหรินเหมยร่วงไปกองกับพื้นสติดับวูบในทันที“โครม”ก่อนล้มยังพยายามคว้าเอาของบนสตูวหัวเตียงร่วงกระจาย เฉิงซีหยวนชะงักฝีเท้าที่เร่งรีบตั้งใจจะไปถึงบ้านเฉิงก่อนที่ซูจ๋ายจะตื่นเพื่อกล่าวคำสวัสดีตอนเช้าวิ่งกลับเข้ามาที่ร่างไร้สติของเหรินเหมย แล้ววิ่งออกจากห้องปยังรถที่ติดเครื่องไว้โดยหลี่ตงเพื่อจะได้กลับไปที่บ้านเฉิง“ไปโรงพยาบาล”เฉิงซีหยวนออกคำสั่งอย่างเร่งรีบ หมอถงกับคุณพยาบาลกู้วิ่งมาที่รถ“คุณเฉิงครับ ผมจะตรวจดูอาการของเหรินเหมยด้วยตัวเอง อาการอาจไม่ได้หนักถึงกลับต้องส่งตั
ซูจ๋ายที่เอนกายลงบนเตียงนอนนุ่มกว้างเพียงลำพัง กวาดตามองเตียงนอนที่ว่างเปล่าไรเฉิงซีหยวนเคียงข้างมาหลายเดือนแล้ว เขาแยกไปนอนห้องข้างๆกันกับห้องของซูจ่ายบอกลาตรีสวัสดิ์แล้วก็ไปเหมือนเช่นทุกวันหลับตาที่มีน้ำตาปริ่มขอบตาลงช้าๆ จสะอื้นหรืจะแค่ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินก็พอแล้ว“ทานกลางวันหรือยัง”ร่างสูงของเฉิงซีหยวนก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ ซูจ๋ายรีบหันหน้าหนีเสีย กระนั้นหยาดน้ำตาก็ยังเปรอะที่หมอนสีขาวเป็นด่างดวง“คุณหิวแล้วใช่ไหมลืมไปเลยว่าคุณกินนอนตรงเวลาเสมอ”หันมายิ้มสดใส ยิ้มที่พยายามให้สดใสเฉิงซีหยวนดึงมือซีดมากุมไว้“โกรธผมใช่ไหมไม่ต้องเก็บมันไว้คุณต่อว่าผมได้เลย”นั่งลงข้างเตียง ซูจ๋ายดึงมือของเฉิงซีหยวนมาแนบที่แก้มซีด เย็นเฉียบ“ไม่มีทางไม่มีทางจะโกรธคุณไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางจะโกรธคุณ”ๆไมีปัยหาที่ทำงานนิดหน่อย แต่ผมก็รีบมากลับมาแล้วทิ้งที่นั่นให้ให้เป็นปัญหาของวันพรุ่งนี้วันนี้ขอแค่ได้กลับมาหาคุณก่อน”ทอดเสียงอ่อนโยนอย่าที่สุด เสมอต้นเสมอปลายตลอดมาแต่เขากลับคิดว่าก่อนหน้านั้นที่เห็นเหรินเหมยนอนหมดสติอยู่ทำไมเขาลืมทุกอย่างแม้กระทั่งต้องมาอรุณสวัสดิ์ซูจ๋าย“วันนี้ไมไ่ด้มาอรุณสวัสดิ์คุณอย่า
บ้านบนเขา“ดีขึ้นไหม”หมอถงทรุดกายลงนั่งบนเตียงกว้างของเหรินเหมย วางแก้วน้ำสับปะรดบนดต๊ะหัวเตียง“สบายตัวขึ้น”ยิ้มพยายามทำให้สดใส“น้ำผลไม้กับน้ำหวานพวกนี้ช่วยได้มาก จะดื่มเลยไหม”เหรินเหมยพยักหน้ายิ้มๆหมอถงส่งแก้วเครื่องดื่มให้“ฉันเกรงใจคุณหมอจัง ทำให้คุณหมอถูกคุณเฉิงตำหนิ เราวางแผนกันไหมว่าไม่ต้องให้เขามาที่นี่จะเป็นจะตายก็เรื่องของฉันเอาแค่ลูกเขารอดดีไหม เรามารวมหัวกันไม่ให้เขาเห็นว่าฉันลำบากตอนตั้งท้อง”หมอถงยิ้มบางๆ“เหรินเหมยตัวปลอมหรือเปล่าหรือเพราะกำลังตั้งครรภ์เด็กที่จิตใจดีเลยทำให้คนตั้งครรภ์เปลี่ยนนิสัยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่เคยเห็นใจฉันด้วยหรือ”เหรินเหมยเบ้ปาก“ฉันกลัวเขานะท่าทีของเขาจริงจังจนน่ากลัวความจริงแล้วไอ้ที่เป็นอยู่มันไม่ได้สาหัสอะไรฉันยังเดินได้กินได้นอนได้ แค่…เขาห่วงจนน่ารำคาญ”“ไม่เคลิ้มเหรอคนหล่ออะนะ แล้วยังดูดีที่สุดมาคอยเอาใจขนาดนี้เธอไม่เคลิ้มบ้างหรือปกติแล้วก็ไม่เคยเห็นว่ามีหนุ่มๆมาชอบทำไมถึงไม่รู้สึกว่ามันจั๊กจี๋หัวใจบ้างเลยหรือ”พยายามถามเพื่อความมั่นใจเพราะเท่าที่เห็น เฉิงซีหยวนแสดงออกชัดเจนว่าห่วงใยเหรินเหมยจนออกนอกหน้ากล้วเหลือเกินว่าเหรินเหมยจะเ
บ้านบนเขา เช้าวันต่อมารถยนต์ส่วนบุคคลของเฉิงซีหยวนขับโดยหลี่ตงมุ่งหน้าไปจอดที่ลานกว้างหบ้าบ้านหลังใหญ่“คุณชาไช้มาแล้ว”ป้าจูวิ่งออกจากครัวพุ่งตรงไปยังชาไช้ที่ก้าวลงจากรถ“คิดถึงจังครับ”ชาไช้กอดป้าจูไว้แน่น เหรินเหมยมองผ่านหน้าต่างกระจกด้วยความสงสัยคนที่มาใหม่ร่างสูงพอๆกับเฉิงซีหยวนแต่ผอมบางกว่าหุ่นแบบนี้น่าจะไปเป็นนายแบบ แต่ความหล่อนี่สูสีกันเลยทีเดียว พอจะเดาได้ทันทีว่านี่คงเป็นน้องชายของเฉิงซีหยวน“ป้าจูเดินนำเข้าไปในบ้านคุณหมอถงกับพยายาบาลกู้ยืนรอต้อนรับทุกคนรู้ว่าชาไช้จะมาแทนเฉิงซีหยวนมีเพียงเหรินเหมยเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเขาจะมา“ยินดีที่ได้พบครับ ผมหมอถงและนี่คุณพยาบาลกู้เหวิน”หมอถงส่งมือให้ชาไช้สัมผัสเบาๆ “อ่อครับพอจะได้ยินพี่ซีหยวนพูดถึงพวกคุณ ยินดีที่ได้เจอเช่นกันครับ เอว่าแต่ผมมาตั้งนานแล้วทำไมไม่เห็นคนอุ้มท้องลูกของพี่ซีหยวน”ถามหาเหรินเหมยในทันทีหมอถงยิ้มบางๆ“อาการวิงเวียนของคุณจีเหรินเหมยเพิ่งจะหายผมจึงไม่อยากให้ออกมามาเดิน ตอนนี้ยังนอนอยฺู่ที่ห้องด้านในครับ”“ผมเข้าไปได้ไหมครับ ผมเข้าไปได้เลยใช่ไหม”พูดขออนุญาต หมอถงยิ้มน้อยๆ“แน่นอนครับคุณเฉิงโทรมากำชับว่าคุณจะมาและให้อำ
บ้านเฉิงเฉิงซีหยวนสวมเสื้อผ้าแบบสบายๆเดินขยี้ผมที่เพิ่งสระมาใหม่ๆทำเอาใบหน้าหล่อเหลายิ่งหล่อกว่าเดิมหลายเท่ากลิ่นสบู่และชมพูดอ่อนๆหอมฟุ้งไปทั้งตัว“คุณมาแล้วหรือ”ซูจ๋ายเอ่ยปากเมื่อได้ยินเสียงฝีท้าของสามีปรือตามองร่างสูง“ผมยังไม่ได้ไปไหนวันนี้อยู่กับคุณ”“คุณไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นไปทำงานของคุณเถอะค่ะซูจิงจะดูแลฉันเอง”“ผมโอนเงินเข้าบัญชีซูจิงแล้ว ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่มาดูแบคุณตอนผมไม่อยู่”ซูจ๋ายยิ้มบางๆ“พี่น้องที่สนิทกัน อย่างฉันกับซูจิงเรากันแค่สองคนคราวนี้หากไม่มีซูจิงก็คิดไม่ออกว่าควรจะเป็นใคร ถ้าฉันไม่อยู่แล้วฝากซูจิงไว้กับคุณจะได้ไหม”เฉิงซีหยวนก้มหน้า“ไม่รับฝากไม่ให้คุณไป จ๋ายจ๋ายคุณอย่าพูดแบบนี้ผมไม่มีทางให้คุณไปไหน และไม่ยอมผมจะทำทุกวิถีทาง”ซูจ๋ายกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“สองปีที่เราการปลูกถ่ายหัวใจจนตอนนี้ร่างกายฉันยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ อยากเดินยังเดินไม่ได้ คุณควรปล่อยมือได้แล้ว”เฉิงซีหยวนก้มหน้า“ไม่ ปล่อยมืออะไรกัน คุณต้องรอรอจนกว่าจะมีการปลูกถ่ายหัวใจ เราแค่รอ คุณจะอยู่สบายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นรอว่าจะได้ปลูกถ่ายหัวใจคุณรอเพื่อผมไม่ได้หรือ”“ฉัน บางที่ก็คิดว่ากำลังจะไม่ไหว”กลื
คุณหมอฟานลี่ชิงพยักหน้าขึ้นลง“ก็ถูกต้องแล้ว ไม่มีอะไรผิดสังเกต อาจจะมีไข่หลายใบจนมีตัวเลือกก็ได้ คุณไม่ควรระแวงเรื่องนี้หากมีอะไรผิดพลาดเท่ากับใส่ร้ายหมอถง”หมอผู้ช่วยถอนหายใจ“ผมไม่ได้ มีเจตนาแบบนั้นแต่ถ้าจะเป็นแบบที่คิดไว้ในตอนแรก คุณหมอฟานคุณหมอไม่สงสัยหรือว่า ตัวอ่อนแฝดกับไข่ที่ไม่แข็งแรงต้องทำแบบไหนหรือว่าไข่ไม่แข็งแรงสองใบเสปริ์มที่แข็งแรงสองตัว ซึ่งมันน่าสงสัยจริงๆ เพราะคุณนายเฉิงคนนั่นเคยมาที่นี่ แค่ครั้งสองครั้ง”“คุณอย่าเพิ่งกังวลไปหากเป็นแบบนั้นจริงผมคนหนึ่งที่จะไม่มีทางยอมให้คุณหมอถงทำเรื่องผิดจรรยาบรรณและหลอกลวงท่านประธานอวิ๋นเฉิงอย่างแน่นอน”“เข้าใจแล้วครับความจริงแล้วถ้าจะสืบหาความจริงก็ไม่ยากครับ” คุณหมอฟานลี่ชิงพยักหน้าขึ้นลง“ดีแล้วเรื่องที่สงสัยนี้ไม่ควรให้แพร่ออกไป ควรให้ความเป็นธรรมคุณหมอถง”“ผมกำลังคิดว่าจะลองถามคุณนายเฉิงดูจะดีไหมว่าเขามาฝากไข่ไว้ที่นี่กี่ใบกันแน่”คุณหมอฟานถอนใจ“จะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่าครับ คุณเฉิงทราบเรื่องนี้ก็จะไม่พอใจเอาได้ เอาเป็นว่าหมอจะลองสอบถามคุณหมอถงดูสักครั้ง เผื่อว่าจะได้คำตอบในเรื่องที่เราสงสัย” คุณหมอผู้ช่วยหลุบตามองพ
ซูจ๋ายสะอื้นอย่างหนัก“ ได้โปรดอย่าพูดเรื่องนี้อีกได้ไหมขอร้องล่ะให้พี่อยู่ในโลกที่พี่คิดว่ามันสวยงามแบบนี้ก็ดีแล้วให้พี่คิดว่าซีหยวนยังมีพี่ซีหยวนไม่เคยนอกใจพี่ก็พอแล้วไม่ต้องหาข้อมูลหลักฐานอะไรพี่ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งนั้นไม่ต้องการรู้ความจริงไม่อยากทำใจและไม่อยากจะต้องยอมรับเรื่อที่ทำให้่เจ็บปวดใจอีกแล้วแค่อยู่ในที่ของพี่และซีหยวนยังดีกับพี่ก็พอแล้ว”ซูจิงถอนหายใจ“พี่ ซูจิงขอโทษต่อไปเราจะไม่พูดกันเรื่องนี้อีกแล้วแล้วพี่น่ะนะเลิกยัดเยียดฉันให้กับพี่เขยได้แล้วเขาอึดอัดใจ ฉันตั้งใจว่าอีกไม่นานจะออกหางานทำแล้วเพราะตอนนี้พร้อมมาบ้างแล้วก่อนหน้านั้นไม่อยากอยู่ที่บ้านให้คุณแม่บ่นว่าเรียนจบแล้วไม่หางานทำ เมื่อวานพี่เขยโอนเงินเข้าไปในบัญชีฉันไม่น้อยเลยทีเดียวฉันจึงตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับคุณแม่แล้วใช่เงินนั่นทำทุนในการออกหางานพี่ว่าดีไหม แล้วพี่เองก็จะได้มีเวลาส่วนตัวกับพี่เขยมากกว่านี้”ซูจ๋ายยิ้มเศร้าๆ“พี่แม้แต่แรงเดินยังไม่มีเลยตอนนี้คนที่พี่ห่วงมีแต่เธอกับซีหยวนส่วนคุณแม่มีสามีใหม่ดูแลแล้ว เราสองคนพี่น้องไม่เคยทอดทิ้งกันพี่จึงอยากให้เธออยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะไม่ไหวดีไหมต่อไปพี่ไม่
“ฉันหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นต่อไปก็ยังจะแวะมาบ่อยๆ ฝากนายด้วยละกันชาไช้ฉันเองตอนนี้สับสนไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรในเมื่อทุกอย่างรุมเร้าเหลือเกินเรื่องลูกของฉันในท้องคุณจีบางทีก็ทำให้ท้อ” ชาไช้ถอนาหยใจ“นายครับ คุณหมอฟานลี่ชิงบอกว่าอยากจะคุยกับนายครับ” หมอถงขมวดคิ้วรู้สึกใจหล่นไปที่ตาตุ่ม“คุณหมอฟานมีธุระอะไรกันหรือว่าที่โรงพยาบาลมีปัญหาอะไร” หมอถงถามหลี่ตงเบาๆ“ไม่ทราบครับแต่บอกว่าตั้งการคุยกับนายท่าน” หมอถงถอนหายใจ เริ่มกระวนกระวายใจเฉิงซีหยวนคว้าโทรศัพท์แล้วออกไปข้างนอกหมอถงก็เดินตามออกไป ชาไช้ลุกขึ้นหยิบผ้าห่มผ้าให้เหรินเหมยที่ลืมตาขึ้นตาใสแป๋ว“นึกแล้วว่าต้องไม่หลับแกล้งหลับตาสินะคอยฟังว่าคนอื่นพูดถึงตัวเองอย่างไร”“มันเคยตัวนะสิเมื่อก่อนพ่อกับแม่ตอนที่พ่อยังอยู่กับเราพ่อจะนินทาฉันกับแม่ในทุกเช้าของวันใหม่ฉันจะแกล้งว่าตัวฉันยังนอนอยู่คอยฟังว่าเขาสองจะพูดถึงฉันว่าอย่างไร”“ขอโทษแทนพี่ซีหยวน”“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรนะที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงนี่ ฉันหรือเขาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าการตั้งครรภ์เด็กสักคนหรือสองคนจะลำบากและจะต้องมีช่วงเวลาที่ต้องข้ามผ่านฉันไม่โกรธเขาหรอก ซ้อมไว้อย่างไรเล
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ
สายวันนั้นเสียงฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ เฉิงซีหยวนยืนอยู่กลางห้องรับแขก สีหน้าเรียบเย็นเยือก เขาสวมเสื้อเข้ารูปสีเข้มอย่างไม่เป็นทางการ แต่ดวงตานั้นทอประกายมุ่งมั่นยิ่งกว่าสายฟ้านอกหน้าต่างคุณเสวียเตอ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบข้างเขา สายตาเฉียบขาดไม่แพ้กันไม่กี่นาทีถัดมา คุณนายจางก็เดินเข้ามา สีหน้ากังวลแต่พยายามยิ้มรับ“อา...คุณเสวียเตอ คุณเฉิงขอโทษที่ให้รอ” เดินอ้อมมาเพื่อนั่งลงตรงหน้าคนททั้งสองที่โซฟาหลุยส์เฉิงซีหยวนลุกขึ้นนิดๆ แสดงความเคารพก่อนจะนั่งลงหลังจากที่คุณซีหยินนั่งลงก่อนแล้วคุณเสวียเตอเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ผมกับคุณแม่ตั้งใจมาที่นี่ จึงไม่กังวลว่าจะต้องรอหากคุณจางจะออกมาคุยกับเราสักนิด” เสียงเฉิงซีหยวนดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค ไม่เหลือความลังเล “เอ่อ ขอโทษจริงๆ ที่ซูจิงมาพบพวกคุณไม่ได้ ทั้งๆ ที่คู่หมั้นมาถึงบ้าน” สีหน้ากังวลจนไม่อาจปกปิดได้อีก“เราสองคนที่นี่เพื่อเรื่องสำคัญ” คุณเสวียเตอช่วยเสริมทั้งอึดอัดและเหมือนถูกกดดัน คุณจางยิ้มแห้งๆ“เรื่องสำคัญอะไรหรือคะหรือว่าพวกคุณ เองก็มีเรื่องที่อยากจะพูดและตกลงกัน”คุณเสวียเตอมองสบตากับเฉิงซีหยวน“ฉันจำต้อ
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียง คลิก ของกลอนประตูเหมือนตัดโลกภายนอกออกไป เหลือแค่สองคนในห้องเงียบสงบ เหริยเหมยกลับรู้สึกว่าหายใจไม่ออกอึดอัดและมือชื้นเหงื่อเฉิงซีหยวนหันกลับมามองเหรินเหมยที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเฉิงซีหยวนก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ ...จนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จับมือเหรินเหมยมากุมไว้“กลัวหรือ”เสียงเขาเบานุ่มเหมือนสายลมยามค่ำเหรินเหมยก้มหน้า“ไม่ต้องกลัว...” เขาพูด น้ำเสียงแฝงความสั่นไหวแต่หนักแน่น “ผมจะปกป้องคุณเอง... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”เหรินเหมยไม่ได้ตอบอะไร เธอยังยืนนิ่งเหมือนกำลังประมวลผล แต่ภายในใจกลับร้อนวูบขึ้นมาทีละน้อย ความเจ็บ ความอัดอั้น และความรู้สึกที่เธอเคยพยายามกลั้นไว้เหมือนถูกคลายล็อกทั้งหมดเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาเฉิงซีหยวน“คุณ จะโกรธไหมถ้าฉันจะบอกว่าก่อนที่จะอุ้มท้องเด็กแฝดทั้งสองฉัน..ฉันเคยโพสน์แอบปลื้มคุณในโซเซียล.” น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“อย่างนั้นหรือ เคยชอบฉันแล้วอย่างไร”“เคยชอบแล้ว คราวนี้คู่ขาของคุณผู้หญิงของคุณหรืออะไรก็แล้วแต่ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเขาเลยจะใช้ความผิดพลาดนี้ของฉันเพื่อที่จะทำให้คุณโกรธ ว่าฉันชอบคุณเลยตั้งใจรับงานนี้เพื่อ
ชาไช้…“หนีออกมาเดินเล่นคนเดียวแบบนี้ ถ้าหลงฉันจะหาเธอเจอได้ยังไง”เสียงเขาแหย่เบาๆ แต่แววตาที่มองเธอนั้นกลับไม่ได้ขำซูจิงหัวเราะในลำคอ หันกลับไปสบตาเขา “นายก็หาจนเจอนี่”“ฉันหาเธอเจอตลอดแหละ...ความจริงแล้วตั้งใจเที่ยวรอบโลกเสียก่อนค่อยหลับมาทำงานแต่ได้ยินว่าซูจิงกลับมาบ้านเฉิงเพื่อดูแลพี่สสะใภ้ฉันเลยรีบกลับบ้านเฉิงบ้างอย่างไรเล่า เฮ้อแต่เธอไม่เคยหันมามอง”ประโยคที่ออกจากปากเขาทำให้หัวใจเธอสะดุดไปชั่ววูบลมทะเลพัดแรงขึ้นจนเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ เขายื่นมือออกมา กางแขนโอบเธอไว้แน่นในอ้อมอก“รู้ไหม...ฉันเคยคิดว่าถ้าได้จูบเธอตรงนี้ บนหาดทรายที่มีแค่เรา ฉันคงไม่มีอะไรต้องเสียดายในชีวิตนี้อีกเลย”ซูจิงเงยหน้ามองเขาช้าๆ ดวงตาเธอสะท้อนแสงจันทร์และแววตาอ่อนโยนที่เขามีให้“งั้นจูบฉันสิ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”คำพูดของเธอเหมือนหยุดเวลาไว้ทั้งโลก ชาไช้ไม่รอให้เธอพูดซ้ำ มือเขาประคองใบหน้าเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงริมฝีปากของเขาสัมผัสเธออย่างแผ่วเบาในตอนแรก เหมือนกำลังถามว่า ‘เธอแน่ใจนะ’ แต่เมื่อเธอตอบกลับด้วยจูบเดียวกัน จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่ไม่เคยพูด มันก็ลึกซึ้งขึ้น ช
รถเคลื่อนผ่านถนนสายเลียบทะเล แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกค่อยๆ ซัดผ่านกระจกรถเป็นสีส้มแดง เปลวแดดอุ่นสาดกระทบใบหน้าของซูจิงที่นั่งพิงเบาะในท่าสบายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เหม่อมองคลื่นทะเลซัดฝั่งไม่หยุดเหมือนกับสนุกเสียเต็มที่ มือเธอแตะกับขอบกระจกอย่างเหม่อลอย ขณะที่หัวใจเต้นสับสนในความเงียบที่ล้อมรอบชาไช้ขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง เขาไม่ใช่คนพูดมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่หัวใจยังสั่นไหวเหมือนตอนนี้ …สงสาร“คุณยังไม่หายเสียใจเหรอ?” เสียงเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่น กับเพลงเบาๆ ที่คลออยู่ในรถซูจิงหันมาหาเขา “ไม่รู้สิ...อาจจะยังไม่หาย...ไม่รู้สิฉันสับสนความจริงกว่าว่าต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่จะตามมามากกว่า”เธอยิ้มบาง แต่เป็นยิ้มเศร้าพูดเบาๆ“มันเหมือนกับว่า...ฉันเสียเวลากับคนที่ไม่เคยมองเห็นฉัน ความจริงแล้วพี่ซีหยวนก้ไม่เคยมองเห็นฉันอยู่แล้วฉันก็แค่คำสัญญาและคำขอร้องของพี่ซูจ๋ายที่พี่ซีหยวนต้องยอมจำนน”ชาไช้ถอนหายใจ“ซูจิง” เขาเรียกชื่อซูจิงเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เอ่ยโดยไม่มีคำล้อหรือเล่นสนุกซูจิงเองก็ใจเต้นตึกตักแต่ก็รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไร“เมื่อห้าปีก่อน...วันนั้นที่คุณทำขนมช็อกโกแลตลาวามาให้
จูดี้หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดวงตาคู่นั้นเปล่งแสงวาบเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง “ก็ข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่น่ะค่ะ... ข่าวที่บอกว่าซีหยวนยกเลิกงานแต่งงานกับน้องเมียเก่าหรือคุณซูจิงเพราะคุณ เก่งจังนะคะทำพี่เขาตตายแล้วยังมีความสามรถทำให้เขายกเลิกงานแต่งงานได้เพราะคุณ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะทำสำเร็จจนได้”คำพูดของจูดี้ทำให้เหรินเหมยรู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงจากมีดคม เหรินเหมยคุมสติ กลั้นความร้อนรุ่มในอกไว้ “คุณหมายความว่าอย่างไร?”จูดี้ยิ้มขำอย่างมีเลศนัย ท่าทางเหมือนรู้จักทุกอย่างดีเกินไป “เอาเถอะค่ะ… ฉันแค่จะบอกคุณว่า ความจริงมีแค่หนึ่งเดียว... คุณเคยบอกกับเฉิงซีหยวนไหมคะว่า...เหตุผลที่คุณยอมอุ้มบุญให้ซีหยวนมันไม่ใช่แค่เพราะความสงสาร กับเรื่องเงินที่ต้องเอาไปรักษาแม่ของคุณแต่ยังมีบางสิ่งที่คุณไม่เคยบอกใคร” เธอหยุดพูดชั่วขณะแล้วมองเหรินเหมยอย่างเจาะจง “มันคือความรู้สึกที่คุณมีต่อเขา... คุณแอบรักเขาอยู่ใช่ไหมคะ?”เหรินเหมยรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทำร้ายด้วยคำพูดเหล่านั้น แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “คุณพูดอะไรน่ะ?”จูดี้ยิ้มเย็นชา เธอลุกขึ้นและก้าวเข้าใกล้เหรินเหมยอีกนิด ก่อนจะพูดเสียงเบา แต่เจา