“ฉันหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นต่อไปก็ยังจะแวะมาบ่อยๆ ฝากนายด้วยละกันชาไช้ฉันเองตอนนี้สับสนไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรในเมื่อทุกอย่างรุมเร้าเหลือเกินเรื่องลูกของฉันในท้องคุณจีบางทีก็ทำให้ท้อ” ชาไช้ถอนาหยใจ“นายครับ คุณหมอฟานลี่ชิงบอกว่าอยากจะคุยกับนายครับ” หมอถงขมวดคิ้วรู้สึกใจหล่นไปที่ตาตุ่ม“คุณหมอฟานมีธุระอะไรกันหรือว่าที่โรงพยาบาลมีปัญหาอะไร” หมอถงถามหลี่ตงเบาๆ“ไม่ทราบครับแต่บอกว่าตั้งการคุยกับนายท่าน” หมอถงถอนหายใจ เริ่มกระวนกระวายใจเฉิงซีหยวนคว้าโทรศัพท์แล้วออกไปข้างนอกหมอถงก็เดินตามออกไป ชาไช้ลุกขึ้นหยิบผ้าห่มผ้าให้เหรินเหมยที่ลืมตาขึ้นตาใสแป๋ว“นึกแล้วว่าต้องไม่หลับแกล้งหลับตาสินะคอยฟังว่าคนอื่นพูดถึงตัวเองอย่างไร”“มันเคยตัวนะสิเมื่อก่อนพ่อกับแม่ตอนที่พ่อยังอยู่กับเราพ่อจะนินทาฉันกับแม่ในทุกเช้าของวันใหม่ฉันจะแกล้งว่าตัวฉันยังนอนอยู่คอยฟังว่าเขาสองจะพูดถึงฉันว่าอย่างไร”“ขอโทษแทนพี่ซีหยวน”“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรนะที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงนี่ ฉันหรือเขาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าการตั้งครรภ์เด็กสักคนหรือสองคนจะลำบากและจะต้องมีช่วงเวลาที่ต้องข้ามผ่านฉันไม่โกรธเขาหรอก ซ้อมไว้อย่างไรเล
“ได้ยินไหมเหรินเหมยหยุดร้องได้แล้ว”เหรินเหมยสะอื้นเบาๆชาไช้ยกมือขึ้นลูบหลังให้เบาๆ “ผมเองก็ผิดที่ไปจุดประเด็นขึ้นมา ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”เหรินเหมยพยักหน้าขึ้นลง ทิ้งตัวลงนอนตะแคงไม่อยากจะพูดจะคุยกับใคร“เชิยคุณทั้งสองทางนี้ครับ”หมอถงผายมือเชิญสองหนุ่มออกมาข้างนอก เสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูเดินเข้าไปอยู่ในห้องกับเหรินเหมย“คุณหมอคุณว่าเราควรยุติการตั้งครรภ์ไหมผมกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้คนอุ้มท้องต้องลำบากไปกว่านี้“ผมไม่ถึงขนาดนั้นครับ เราคงต้องหาวิธีที่จะทำให้เหรินเหมยเลิกเครียดและกังวลกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่บางที่อาจพอช่วยได้”เฉิงซีหยวนพยักหน้าขึ้นลงให้กับคุณหมอถง“เอ่อ คุณเแิงครับไม่ทราบว่าคุณหมอฟาน เอ่อผมหมายถึงคุณหมอผู้อำนวยการโทรมาหาคุณไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไรครับ”เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ผม เพิ่งโทรหาหมอฟานก่อนจะมาที่นี่เรื่องที่คนอุ้มท้องลุกของผมเขาแพ้ท้องอละมีอาากรครรภ์เป็นพิษ แต่ตอนนั้นคุณหมอฟานยบังอยู่ในห้องผ่าตัด พอออกมากจห้องผ่าตัดเลยติดต่อกลับมา คุณหมอฟาน แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนปพฤติกรรม”หมอถงเผลอถอนหายใจ“คุณพยาบาลกู้ อีกสองวันจึงจะกลับมาที่นี่หลังจากที่ลากลับบ้าน ความจริงแล้วกู้
“คุณหมอเรียกกู้เหวินมีอะไรสำคัญหรือเปล่าค่ะ”คุณพยาบาลกู้เหวินเดินถือเอกสารที่รวบรวมเพื่อส่งไปให้กับหมถงที่บ้านบนเขารวบเอกสารทั้งหมดใส่กระเป็าเอกสารเหน็บไว้ข้างเอวเดินมาหยุดยืนที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของคุณหมอฟานลี่ชิงด้วยอาการสงบหมอฟานเงยหน้าขึนมองกู้เหวินที่ยืนนิ่งไม่กล่าวทักทายเขาก่อนตามทำเนียมปฏิบัติ“อืมมม เกือบจะลืมไปว่าผมเป็นต้นสังกัดของคุณสินะคุณพยาบาลกู้ พอไม่เจอกันนานๆก็ชักจะลืมลำดับขั้น”ตำหนิซึ่งๆหน้าซึ่งกู้เหวินเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกฟานลีชิงตำหนิจริงจัง“ต้องขอโทษด้วยค่ะพอดีฉันรีบเดินทางและได้ยินว่าคุณหมอฟานเรียกฉันก็เลยรีบมาทันที ฉันตั้งใจจะมาเก็บเอกสารบางส่วนที่คุณหมอถงไหว้วานว่าหากฉันได้ผ่านมาทางนี้ให้แวะเข้ามาเก็บเอกสารสำคัญบางส่วนไปให้หมอถงอีกที”หมอฟานยิ้มมุมปาก“คุณกู้ คุณกับหมอถงความสัมพันธ์ยังดีอยู่สินะผมกำลังคิดว่าถามอะไรคุณก็คงไม่ได้ความ ฝากคำถามไปถึงหมอถงด้วยก็แล้วกัน”กู้เหวินกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“คุณหมอฟานมีอะไรก็บอกกู้เหวินได้ค่ะถึงจะบอกว่ากู้เหวินกับหมอถงสนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับฟังคนอื่น”“ดีเลย ปีนี้ผมเกษียณเลยคิดว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยา
“แล้วจะให้ดีกับใครในท้องคุณมีลูกของผม” “ก็ได้ๆๆ แต่เราอะนะ ก็แค่รักษาผลประโยชน์ฉันขอบคุณที่คุณดีกับฉัน” ซีหยวนเบือนหน้าหนีเสีย“วางใจได้ต่อไปเหรินเหมยจะตั้งใจปฏิบัติภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นคุณก็แค่คอยดูแลอยู่ห่างๆ ดีไหม”“พูดเหมือนกับว่า ที่ทำไปเพราะอยากทำ คุณอารมณ์ดีลูกของผมก็จะอารมณ์ดีไปด้วย”“เอาตามจริงนะหมอถงบอกฉันว่าฉันนะน่ะอารมณ์อ่อนไหวมาก แล้วๆๆ ถ้าคุณเข้าใกล้และเอาใจฉันขนาดนี้ฮ่าาาากลัวว่าไอ้เจ้าอารมณ์อ่อนไหวของฉันนี่แหละจะเล่นงานฉัน” เฉิงซีหยวนเลิกคิ้ว จีเหรินเหมยก้มหน้าบ่นงึมงำ“ทำไมผมไม่เข้าใจ คุณจะร้องไห้อีกหรือ” เหรินเหมยเงยหน้าสบตาเฉิงซีหยวนตาก้มบ็อก“ไม่ต้องรู้หรอกฉันแค่กลัวเอาเป็นว่าต่อไปเราสองคนห่างๆ กันไว้ ฉันอาจจะแพ้ท้องอีกก็ได้ถ้าเข้าใกล้คุณ” เฉิงซีหยวนรีบก้มดมที่ซอกแขน“ผมเปลี่ยนน้ำหอมแล้วนะคุณไม่ชอบกลิ่นนี้หรือก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้แพ้ท้องเพราะกลิ่นนี้อีกนี่กลิ่นเก่าผมเลิกใช้มาหลายวันแล้ว” ดมใหญ่เลย เหรินเหมยยิ้มถอนหายใจ“ไม่รู้สึกอะไรหรอกกับไอ้น้ำหอมนี่ ความจริงมันก็หอมดีนะ เผลอก้มลงดมที่อกเสื้อของเฉิงซีหยวนสูดกลิ่นน้ำหอมเข้าไปเต็มเปา“หอมจัง” หน้าสวยริมฝีปากอวบอิ่
“แย่แล้วคุณหมอถง คุณหมอฟานเหมือนจะระแคะระคายเรื่องการตั้งครรภ์ของคุณจี คุณควรหาวิธีทำอะไรสักอย่างได้แล้ว” พยาบาลกู้เหวินพูดขึ้นเบาๆ ราวกระซิบกับหมอถงในห้องพักส่วนตัว“อย่าเพิ่งตื่นตูมไปความจริงแล้วไม่มีหลักฐานอะไรนี่” หมอถงพูดยิ้มๆ“ก็ไข่ที่คุณนายเฉิงฝากไว้ที่แล็ปยังอยู่ที่นั่นคุณจะตอบคำถามเรื่องไข่ที่นำมาฝากไว้ในท้องของเหรินหเมยว่าอย่างไร”“ผมเชิญคุณนายเฉิงมาที่โรงพยาบาลก่อนหน้าตั้งสองสามครั้งไม่ได้บอกนี่ว่าฝากไข่ไว้กี่ใบจะต้องมีอะไรสงสัยอีก การมาพบหมอแทบทุกครั้งก็ทำเหมือนๆ กันคือตรวจภายใน วันไหนรับไข่แทบไม่มีใครรู้” กู้เหวินถอนหายใจ“ถ้าคุณหมอฟานตั้งใจจะสอบสวนจริงๆ คุณหมอคิดว่าจะทำอย่างไรในเมื่อตอนนี้เรายังเพิ่งมาไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ” หมอถงถอนหายใจ“อย่ากังวลไปน่าไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำ เขามีหลักฐานอะไรในมือนอกจากการสันนิษฐาน”“แล้วถ้า เด็กออกมาแล้วเขาตรวจดีเอ็นเอล่ะคะ” กู้เหวินคิดไปไกลถึงจุดจบ“นั่นมันเรื่องของอนาคตถ้าเขาจะตรวจจะต้องมีข้อสงสัยแต่ถ้าเราทำให้เขาหายสงสัยเขาก้จะไม่มีทางไปตรวจและถึงจะตรวจก็เราสองคนไปถึงไหนถึงไหนแล้ว”“แต่คุณหมอ เหรินเหมยเขาไว้ใจคุณหมอมากนะคะ คุณหมอหลอกเขาแ
เฉิงซีหยวนก้าวขายาวๆเข้ามาในห้องซูจ๋ายยิ้มสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที“คุณมาแล้ว”ยิ้มบางๆแต่ดวงตาโศกสลด ซูจิงรีบถอยออกมายืนข้างๆ“พี่เขยพี่สาวอาการไม่ค่อยดีพาส่งโรงพยาบาลหรือจะให้คณหมอฟานมาที่นี่”เฉิงซีหยวนรีบถลาเข้าไปกุมมือซูจ๋าย“เป็นอย่างไรบ้างคุณรู้สึกไม่ดีหรือ”ซูจ๋ายยิ้มบางๆดึงมือเฉิงซีหยวนไปแนบแก้มเย็นเฉียบขาวซีด“แค่รู้สึกอ่อนเพลียและไม่อยากอาหารก็เท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยคุณทานอะไรมาหรือยัง ซูจิงบอกป้าแม่บ้านให้ตั้งโต๊ะให้คุณเฉิงด้วย”เฉิงซีหยวนถอนหายใจคว้ามือซูจ๋ายมาบีบเบาๆ"ทำไมไม่ให้ใครโทรตามผมคุณรู้สึกไม่ดีทำไม ไม่ตามผม"ซูจ๋ายส่ายหน้ายิ้มๆ"อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ"“ผมโทรให้หมอฟานมาตรวจอาการของคุณดีกว่า”ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรแล้วกรอกเสียงลงไปกลับมากุมมือซูจ๋ายดังเดิม“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”ซูจ๋ายน้ำตาปริ่มขอบตา“ตั้งแต่พี่เขยไปที่นั่นพี่สาวสองเวลาอาหรแล้วที่ไม่ยอมกินอะไร พี่ควรจะให้เวลาพี่ซูจ๋ายมากกว่านี้พี่สาวเขามีแต่พี่เขยนะคะ”“ผมทำอาหารที่คุณชอบดีไหม แล้วผมจะมาป้อนคุณ”ซูจ่ายส่ายหน้า“พี่เขยควรจะเอาเวลาที่ไปที่นั่นมาใส่ใจะี่สาวนะคะ”“ซูจ
“ดีขึ้นมากทีเดียวใช่ไหมดีใจด้วยจริงๆ คราวนี้ก็แค่นอนรอเวลาที่จะคลอดเด็กแฝดสองคนออกมาสินะ”ชาไช้ยิ้มนั่งลงข้างหน้าเหรินเหมยที่เริ่มจะมองเห็นหน้าท้องที่ป่องนูนออกมาเกือบสองเดือนแล้วสิหลังจากวันนั้นวันที่เฉิงซีหยวนขอให้เขามาพักที่นี่ถาวรเพื่อดูและคอยสันทนาการเหรินเหมยแต่เหรินเหมยกลับกลายเป็นคนพูดน้อยลงเรื่อยๆ วันนี้ดีหน่อยที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใส อาการแพ้ท้องหายไปเกือบสนิทแล้วเหลือเพียงความกินเก่งกับง่วงบ่อย“อึดอัดไหม” ชวนคุย“นิดหน่อยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างข้างในนี้คุณพยาบาลกู้บอกว่าอีกไม่นานจะรู้สึกได้ถงการที่เด็กดิ้นฉันคงต้องตื่นเต้นแน่ๆ ที่มีชีวิตเล็กๆ สองชีวิตมาอยู่ในท้องของฉัน แต่ก็กลัวเหมือนกันนะว่าเขาจะไม่แข็งแรง” ชาไช้ยิ้ม“ต้องแข็งแรงสิก็เราดูแลดีขนาดนี้จะกินจะนอนก็ตรงเวลาแล้วช่วงหลังมาเธอก็ไม่ได้เครียดอะไรนี่” เหรินเหมยยิ้ม“เครียดสิกลัวเรื่องที่จะต้องคลอด เด็กทั้งสองออกมาฉันก็คนนะกลัวเป็นเหมือนกัน” ชาไช้คว้ามือไปกุมไว้แน่น“คนน่ารักคนที่เห็นใจคนอื่นอย่างเธอจะต้องไม่โชคร้ายจริงไหม พี่ซีหยวนเตรียมทั้งหมอทั้งพยาบาลและเครื่องมือที่ทันสมัยฉันรับรองว่าเธอจะไม่ทันได้เจ็บด้วยซ้ำถึงเจ็บก็
“จริงด้วยพวกเขาคงรู้ว่าคุณมาเลยอยากเจอคุณ ต่อไปก็คงดิ้นให้รู้สึกตลอดคุณหมอถงบอกว่าเขาจะเริ่มตอดตุ๊บๆ แล้วก็ดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ และต่อไปก็จะขยับตัว”เหรินเหมยท่องสิ่งที่หมอถงและพยาบาลกู้พูดบ่อยๆ“ผมอยากได้ฟิล์มอัลต้าซาวด์ เพื่อไปให้ซูจ๋ายได้เห็นลูกของเขา” เหริยนเหมยยิ้มตาหยี“คุณต้องคุยกับหมอถงแล้วค่ะเรื่องนี้ฉันไม่มีอะไรขัดข้อง” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ผมอยากให้ซูจ๋ายได้รับรู้สัมผัสนี้เสียจริง ตอนที่เด็กๆ ดิ้นในท้องของคุณ” ดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวังจีเหรินเหมยเองก็ยิ้มบางๆ“ขอบคุณ” อยู่ๆ ประโยคที่คาดไม่ถึงก็ออกมาจากปากของเฉิงซีหยวนจีเหรินเหมยถอนหายใจยกมือขึ้นโอบรอบหน้าท้องป่องนูน รู้สึกดี พอๆ กับรู้สึกประหลาดกับการดิ้นของทารกในท้องมีความรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตตัวเป็นๆ ในตัวของเหรินเหมยเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเฉิงซีหยวนรีบหันหลังก้าวเดินไปรับโทรศัพท์เสียอีกทางเหรินเหมยถอนหายใจเลิกใส่ใจว่าเขาคุยกับใครพอดีกับที่เสี่ยวจี้กับเสี่ยวหรูยกอาหารกลางวันมาวางตรงหน้า“พิเศษค่ะคุณจี” เสี่ยวจี้กระซิบเบาๆ เหรินเหมยมองบะหมี่ฮกเกี้ยนที่จัดเต็มทั้งหมูและกุ้งตัวใหญ่ผมต้องไปแล้วคุณทานกลางวันเสียไว้ว่างเมื่อไ
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ
“วันนี้ผมมีประชุมด่วนความจริงแล้วตั้งใจพาคุณกับลูกๆ ไปพบคุณนายเสวียเตอ ซึ่งป่านมนี้หมอนั่นผมหมาถึง ชาไช้คงไปที่นั่นเพื่อที่จะขอให้คุณแม่หาฤกษ์ดีดีให้เขากับซูจิงแล้วล่ะ คุณอดใจรออีกหน่อยได้ไหมบางที่อาจเป็นวันพรุ่งนี้” เฉิงซีหยวนพูดในขณะที่อาบน้ำสะอาด และกำลังแต่งตัวกลิ่นสบู่หอมอ่อนกับน้ำยาโกนหนวดหากเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นเหรินเหมยคงใจเต้นตึกตักแต่ตอนนี้มีเส้นบางๆ ที่กางกั้นไว้จนเหรินเหมยเองก็กลัวเฉิงซีหยวนเดินมาใกล้ๆ ก้มลงกดจมูกกับหน้าผาก กลิ่นสบู่ยอมผ่อนคลาย“คุณโกรธอีกแล้วหรือ” เหรินเหมยส่ายหน้ายิ้มบาง“ฉันกำลังคิดว่างานแต่งของเราควรเลื่อนไปก่อนในเมื่อ ในเมื่อจูดี้…ฉันหมายถึงเรื่องของจูดี้ยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรที่หนักอึ้ง“คุณจะว่าอะไรไหมหากผมจะพาคุณไปที่บ้านคุณหมอฟานเราจะคุยเรื่องี้กับจูดี้กับข้อเสนอหลายๆ อย่างจนกว่าจูดี้จะพอใจ” เหรินเหมยถอนกายใจ“แล้วถ้าสิ่งที่จูดี้ต้องการก็คือการที่ ได้เป็นภรรยาของคุณเพียงคนเดียวหรือต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาเล่าคุณจะทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนยิ้มรวบร่างเล็กมากอดไว้“ผมก็จะกอดคุณแบบนี้จูบคุณแบบนี้” ก้มลงจูบเหริยนเหมยอย่างกับคนที่หิวกระหายไ
“ผมป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับจูดี้ และมันแค่สองครั้งสองครั้งจริงๆ” น้ำเสียงหนักแน่นหากแต่ไม่มั่นใจ มีครั้งหนึ่งที่จูดี้มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และเขากับจูดี้ก็ดื่มจนเมาทั้งคู่ คืนนั้นจึงเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี้ยง“ผมเชื่อ” คุณหมอฟานพูดเร็ว ราบเรียบแต่หนักแน่น “ผมรู้จักลูกตัวเองดีพอ จูดี้... ผมตามใจเธอมาตลอด” หยุดคำพูดไว้ตรงนั้นทั้งที่อยากจะพูดว่า ผมให้เธอเรียนหมอ ให้เธอเลือกเส้นทางและเธอก็เดินทางเดียวกับที่ผมเดิน แต่ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้สายตาของเขามองไปที่เหรินเหมย ราวกับจะขอโทษแทนลูกสาวของตน“ผมแค่อยากให้รู้ว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ขอแค่อย่าปล่อยให้ความสุขของพวกคุณพังทลายเพราะใครคนเดียว”เฉิงซีหยวนลุกขึ้นมายืนข้างเหรินเหมยทันที แล้วกุมมือเธอไว้แน่น“ไม่มีใครพรากเราไปจากกันได้อีกแล้วครับคุณลุง... ผมขอสัญญา”เหรินเหมยหันไปสบตาสามี ดวงตาแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในขณะที่คุณหมอฟานพยักหน้าเบาๆ“นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมอยากได้ยินที่สุด แต่รู้ไหมจูดี้เองก็มีลูกของคุณในท้องซึ่งผมอยากจะมาเพื่อบอกและการันตีว่าจะดูแลเด็กในท้องของจูดี้ด้วยตัวเองแต่ในใจก็ย
ยามสายของวันใหม่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วลอดออกมาจากสวนหลังบ้านอันอันกับเชียวอู่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูอย่างสนุกสนาน“คุณหนูทั้งสองคนวิ่งช้าๆ หน่อย” เสียงเสี่ยวจี้ดังมาแต่ไกล บ้านไม้สีอ่อนริมเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยแสงแดดอ่อนและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า เฉิงซีหยวนนั่งมองอันอันหัวเราะคิกคัก ส่วน “เชียวอู่” กำลังปีนขึ้นหลังเหรินเหมยหนีการจับตัวจากเสี่ยจวจี้ อย่างสนุกสนาน“พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณกับลูกๆ ไปที่บ้านเฉิงเพื่อพบคุณแม่สักครั้งแล้วไม่นานท่านก็จะหาฤกษ์ดีดีให้เราสองคนเพื่อแต่งงาน” เหรินเหมยยิ้มก้มหน้าอายๆ“ไม่ต้องแต่งได้ไหม”“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะต้องแต่งเพราะผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคุณ”“จุนแม่ฮับ ผมจะขี่หลังเป็นม้าละนะ” เชียวอู่ที่กระโดดขึ้นไปบนหลังของเหรินเหมยตะโกนดังๆ“ถ้าตกลงมานี่ม้าจะไม่รับผิดชอบเลยนะเจ้าคะ” เหรินเหมยหัวเราะ พลางหันไปยิ้มกับเฉิงซีหยวนเฉิงซีหยวนยิ้มบางๆ เดินเข้ามาจูบที่หน้าผากเชียวอู่“ลงมาได้แล้วครับ” อุ้มเชียวอู่ไว้กับอ้อมแขนเสียงรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงผ้าลินินเบาสบายก็เปิดประตูลงมา ใบหน้าค
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง