“ฉันหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นต่อไปก็ยังจะแวะมาบ่อยๆ ฝากนายด้วยละกันชาไช้ฉันเองตอนนี้สับสนไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรในเมื่อทุกอย่างรุมเร้าเหลือเกินเรื่องลูกของฉันในท้องคุณจีบางทีก็ทำให้ท้อ” ชาไช้ถอนาหยใจ“นายครับ คุณหมอฟานลี่ชิงบอกว่าอยากจะคุยกับนายครับ” หมอถงขมวดคิ้วรู้สึกใจหล่นไปที่ตาตุ่ม“คุณหมอฟานมีธุระอะไรกันหรือว่าที่โรงพยาบาลมีปัญหาอะไร” หมอถงถามหลี่ตงเบาๆ“ไม่ทราบครับแต่บอกว่าตั้งการคุยกับนายท่าน” หมอถงถอนหายใจ เริ่มกระวนกระวายใจเฉิงซีหยวนคว้าโทรศัพท์แล้วออกไปข้างนอกหมอถงก็เดินตามออกไป ชาไช้ลุกขึ้นหยิบผ้าห่มผ้าให้เหรินเหมยที่ลืมตาขึ้นตาใสแป๋ว“นึกแล้วว่าต้องไม่หลับแกล้งหลับตาสินะคอยฟังว่าคนอื่นพูดถึงตัวเองอย่างไร”“มันเคยตัวนะสิเมื่อก่อนพ่อกับแม่ตอนที่พ่อยังอยู่กับเราพ่อจะนินทาฉันกับแม่ในทุกเช้าของวันใหม่ฉันจะแกล้งว่าตัวฉันยังนอนอยู่คอยฟังว่าเขาสองจะพูดถึงฉันว่าอย่างไร”“ขอโทษแทนพี่ซีหยวน”“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรนะที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงนี่ ฉันหรือเขาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าการตั้งครรภ์เด็กสักคนหรือสองคนจะลำบากและจะต้องมีช่วงเวลาที่ต้องข้ามผ่านฉันไม่โกรธเขาหรอก ซ้อมไว้อย่างไรเ
“ได้ยินไหมเหรินเหมยหยุดร้องได้แล้ว”เหรินเหมยสะอื้นเบาๆชาไช้ยกมือขึ้นลูบหลังให้เบาๆ “ผมเองก็ผิดที่ไปจุดประเด็นขึ้นมา ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”เหรินเหมยพยักหน้าขึ้นลง ทิ้งตัวลงนอนตะแคงไม่อยากจะพูดจะคุยกับใคร“เชิยคุณทั้งสองทางนี้ครับ”หมอถงผายมือเชิญสองหนุ่มออกมาข้างนอก เสี่ยวจี้และเสี่ยวหยูเดินเข้าไปอยู่ในห้องกับเหรินเหมย“คุณหมอคุณว่าเราควรยุติการตั้งครรภ์ไหมผมกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้คนอุ้มท้องต้องลำบากไปกว่านี้“ผมไม่ถึงขนาดนั้นครับ เราคงต้องหาวิธีที่จะทำให้เหรินเหมยเลิกเครียดและกังวลกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่บางที่อาจพอช่วยได้”เฉิงซีหยวนพยักหน้าขึ้นลงให้กับคุณหมอถง“เอ่อ คุณเแิงครับไม่ทราบว่าคุณหมอฟาน เอ่อผมหมายถึงคุณหมอผู้อำนวยการโทรมาหาคุณไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไรครับ”เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ผม เพิ่งโทรหาหมอฟานก่อนจะมาที่นี่เรื่องที่คนอุ้มท้องลุกของผมเขาแพ้ท้องอละมีอาากรครรภ์เป็นพิษ แต่ตอนนั้นคุณหมอฟานยบังอยู่ในห้องผ่าตัด พอออกมากจห้องผ่าตัดเลยติดต่อกลับมา คุณหมอฟาน แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนปพฤติกรรม”หมอถงเผลอถอนหายใจ“คุณพยาบาลกู้ อีกสองวันจึงจะกลับมาที่นี่หลังจากที่ลากลับบ้าน ความจริงแล้วกู้
“คุณหมอเรียกกู้เหวินมีอะไรสำคัญหรือเปล่าค่ะ”คุณพยาบาลกู้เหวินเดินถือเอกสารที่รวบรวมเพื่อส่งไปให้กับหมถงที่บ้านบนเขารวบเอกสารทั้งหมดใส่กระเป็าเอกสารเหน็บไว้ข้างเอวเดินมาหยุดยืนที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของคุณหมอฟานลี่ชิงด้วยอาการสงบหมอฟานเงยหน้าขึนมองกู้เหวินที่ยืนนิ่งไม่กล่าวทักทายเขาก่อนตามทำเนียมปฏิบัติ“อืมมม เกือบจะลืมไปว่าผมเป็นต้นสังกัดของคุณสินะคุณพยาบาลกู้ พอไม่เจอกันนานๆก็ชักจะลืมลำดับขั้น”ตำหนิซึ่งๆหน้าซึ่งกู้เหวินเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกฟานลีชิงตำหนิจริงจัง“ต้องขอโทษด้วยค่ะพอดีฉันรีบเดินทางและได้ยินว่าคุณหมอฟานเรียกฉันก็เลยรีบมาทันที ฉันตั้งใจจะมาเก็บเอกสารบางส่วนที่คุณหมอถงไหว้วานว่าหากฉันได้ผ่านมาทางนี้ให้แวะเข้ามาเก็บเอกสารสำคัญบางส่วนไปให้หมอถงอีกที”หมอฟานยิ้มมุมปาก“คุณกู้ คุณกับหมอถงความสัมพันธ์ยังดีอยู่สินะผมกำลังคิดว่าถามอะไรคุณก็คงไม่ได้ความ ฝากคำถามไปถึงหมอถงด้วยก็แล้วกัน”กู้เหวินกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“คุณหมอฟานมีอะไรก็บอกกู้เหวินได้ค่ะถึงจะบอกว่ากู้เหวินกับหมอถงสนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับฟังคนอื่น”“ดีเลย ปีนี้ผมเกษียณเลยคิดว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยา
“แล้วจะให้ดีกับใครในท้องคุณมีลูกของผม” “ก็ได้ๆๆ แต่เราอะนะ ก็แค่รักษาผลประโยชน์ฉันขอบคุณที่คุณดีกับฉัน” ซีหยวนเบือนหน้าหนีเสีย“วางใจได้ต่อไปเหรินเหมยจะตั้งใจปฏิบัติภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้นคุณก็แค่คอยดูแลอยู่ห่างๆ ดีไหม”“พูดเหมือนกับว่า ที่ทำไปเพราะอยากทำ คุณอารมณ์ดีลูกของผมก็จะอารมณ์ดีไปด้วย”“เอาตามจริงนะหมอถงบอกฉันว่าฉันนะน่ะอารมณ์อ่อนไหวมาก แล้วๆๆ ถ้าคุณเข้าใกล้และเอาใจฉันขนาดนี้ฮ่าาาากลัวว่าไอ้เจ้าอารมณ์อ่อนไหวของฉันนี่แหละจะเล่นงานฉัน” เฉิงซีหยวนเลิกคิ้ว จีเหรินเหมยก้มหน้าบ่นงึมงำ“ทำไมผมไม่เข้าใจ คุณจะร้องไห้อีกหรือ” เหรินเหมยเงยหน้าสบตาเฉิงซีหยวนตาก้มบ็อก“ไม่ต้องรู้หรอกฉันแค่กลัวเอาเป็นว่าต่อไปเราสองคนห่างๆ กันไว้ ฉันอาจจะแพ้ท้องอีกก็ได้ถ้าเข้าใกล้คุณ” เฉิงซีหยวนรีบก้มดมที่ซอกแขน“ผมเปลี่ยนน้ำหอมแล้วนะคุณไม่ชอบกลิ่นนี้หรือก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้แพ้ท้องเพราะกลิ่นนี้อีกนี่กลิ่นเก่าผมเลิกใช้มาหลายวันแล้ว” ดมใหญ่เลย เหรินเหมยยิ้มถอนหายใจ“ไม่รู้สึกอะไรหรอกกับไอ้น้ำหอมนี่ ความจริงมันก็หอมดีนะ เผลอก้มลงดมที่อกเสื้อของเฉิงซีหยวนสูดกลิ่นน้ำหอมเข้าไปเต็มเปา“หอมจัง” หน้าสวยริมฝีปากอวบอิ่
“แย่แล้วคุณหมอถง คุณหมอฟานเหมือนจะระแคะระคายเรื่องการตั้งครรภ์ของคุณจี คุณควรหาวิธีทำอะไรสักอย่างได้แล้ว” พยาบาลกู้เหวินพูดขึ้นเบาๆ ราวกระซิบกับหมอถงในห้องพักส่วนตัว“อย่าเพิ่งตื่นตูมไปความจริงแล้วไม่มีหลักฐานอะไรนี่” หมอถงพูดยิ้มๆ“ก็ไข่ที่คุณนายเฉิงฝากไว้ที่แล็ปยังอยู่ที่นั่นคุณจะตอบคำถามเรื่องไข่ที่นำมาฝากไว้ในท้องของเหรินหเมยว่าอย่างไร”“ผมเชิญคุณนายเฉิงมาที่โรงพยาบาลก่อนหน้าตั้งสองสามครั้งไม่ได้บอกนี่ว่าฝากไข่ไว้กี่ใบจะต้องมีอะไรสงสัยอีก การมาพบหมอแทบทุกครั้งก็ทำเหมือนๆ กันคือตรวจภายใน วันไหนรับไข่แทบไม่มีใครรู้” กู้เหวินถอนหายใจ“ถ้าคุณหมอฟานตั้งใจจะสอบสวนจริงๆ คุณหมอคิดว่าจะทำอย่างไรในเมื่อตอนนี้เรายังเพิ่งมาไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ” หมอถงถอนหายใจ“อย่ากังวลไปน่าไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำ เขามีหลักฐานอะไรในมือนอกจากการสันนิษฐาน”“แล้วถ้า เด็กออกมาแล้วเขาตรวจดีเอ็นเอล่ะคะ” กู้เหวินคิดไปไกลถึงจุดจบ“นั่นมันเรื่องของอนาคตถ้าเขาจะตรวจจะต้องมีข้อสงสัยแต่ถ้าเราทำให้เขาหายสงสัยเขาก้จะไม่มีทางไปตรวจและถึงจะตรวจก็เราสองคนไปถึงไหนถึงไหนแล้ว”“แต่คุณหมอ เหรินเหมยเขาไว้ใจคุณหมอมากนะคะ คุณหมอหลอกเขาแ
เฉิงซีหยวนก้าวขายาวๆเข้ามาในห้องซูจ๋ายยิ้มสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที“คุณมาแล้ว”ยิ้มบางๆแต่ดวงตาโศกสลด ซูจิงรีบถอยออกมายืนข้างๆ“พี่เขยพี่สาวอาการไม่ค่อยดีพาส่งโรงพยาบาลหรือจะให้คณหมอฟานมาที่นี่”เฉิงซีหยวนรีบถลาเข้าไปกุมมือซูจ๋าย“เป็นอย่างไรบ้างคุณรู้สึกไม่ดีหรือ”ซูจ๋ายยิ้มบางๆดึงมือเฉิงซีหยวนไปแนบแก้มเย็นเฉียบขาวซีด“แค่รู้สึกอ่อนเพลียและไม่อยากอาหารก็เท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยคุณทานอะไรมาหรือยัง ซูจิงบอกป้าแม่บ้านให้ตั้งโต๊ะให้คุณเฉิงด้วย”เฉิงซีหยวนถอนหายใจคว้ามือซูจ๋ายมาบีบเบาๆ"ทำไมไม่ให้ใครโทรตามผมคุณรู้สึกไม่ดีทำไม ไม่ตามผม"ซูจ๋ายส่ายหน้ายิ้มๆ"อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ"“ผมโทรให้หมอฟานมาตรวจอาการของคุณดีกว่า”ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรแล้วกรอกเสียงลงไปกลับมากุมมือซูจ๋ายดังเดิม“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”ซูจ๋ายน้ำตาปริ่มขอบตา“ตั้งแต่พี่เขยไปที่นั่นพี่สาวสองเวลาอาหรแล้วที่ไม่ยอมกินอะไร พี่ควรจะให้เวลาพี่ซูจ๋ายมากกว่านี้พี่สาวเขามีแต่พี่เขยนะคะ”“ผมทำอาหารที่คุณชอบดีไหม แล้วผมจะมาป้อนคุณ”ซูจ่ายส่ายหน้า“พี่เขยควรจะเอาเวลาที่ไปที่นั่นมาใส่ใจะี่สาวนะคะ”“ซูจ
“ดีขึ้นมากทีเดียวใช่ไหมดีใจด้วยจริงๆ คราวนี้ก็แค่นอนรอเวลาที่จะคลอดเด็กแฝดสองคนออกมาสินะ”ชาไช้ยิ้มนั่งลงข้างหน้าเหรินเหมยที่เริ่มจะมองเห็นหน้าท้องที่ป่องนูนออกมาเกือบสองเดือนแล้วสิหลังจากวันนั้นวันที่เฉิงซีหยวนขอให้เขามาพักที่นี่ถาวรเพื่อดูและคอยสันทนาการเหรินเหมยแต่เหรินเหมยกลับกลายเป็นคนพูดน้อยลงเรื่อยๆ วันนี้ดีหน่อยที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใส อาการแพ้ท้องหายไปเกือบสนิทแล้วเหลือเพียงความกินเก่งกับง่วงบ่อย“อึดอัดไหม” ชวนคุย“นิดหน่อยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างข้างในนี้คุณพยาบาลกู้บอกว่าอีกไม่นานจะรู้สึกได้ถงการที่เด็กดิ้นฉันคงต้องตื่นเต้นแน่ๆ ที่มีชีวิตเล็กๆ สองชีวิตมาอยู่ในท้องของฉัน แต่ก็กลัวเหมือนกันนะว่าเขาจะไม่แข็งแรง” ชาไช้ยิ้ม“ต้องแข็งแรงสิก็เราดูแลดีขนาดนี้จะกินจะนอนก็ตรงเวลาแล้วช่วงหลังมาเธอก็ไม่ได้เครียดอะไรนี่” เหรินเหมยยิ้ม“เครียดสิกลัวเรื่องที่จะต้องคลอด เด็กทั้งสองออกมาฉันก็คนนะกลัวเป็นเหมือนกัน” ชาไช้คว้ามือไปกุมไว้แน่น“คนน่ารักคนที่เห็นใจคนอื่นอย่างเธอจะต้องไม่โชคร้ายจริงไหม พี่ซีหยวนเตรียมทั้งหมอทั้งพยาบาลและเครื่องมือที่ทันสมัยฉันรับรองว่าเธอจะไม่ทันได้เจ็บด้วยซ้ำถึงเจ็บก็
“จริงด้วยพวกเขาคงรู้ว่าคุณมาเลยอยากเจอคุณ ต่อไปก็คงดิ้นให้รู้สึกตลอดคุณหมอถงบอกว่าเขาจะเริ่มตอดตุ๊บๆ แล้วก็ดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ และต่อไปก็จะขยับตัว”เหรินเหมยท่องสิ่งที่หมอถงและพยาบาลกู้พูดบ่อยๆ“ผมอยากได้ฟิล์มอัลต้าซาวด์ เพื่อไปให้ซูจ๋ายได้เห็นลูกของเขา” เหริยนเหมยยิ้มตาหยี“คุณต้องคุยกับหมอถงแล้วค่ะเรื่องนี้ฉันไม่มีอะไรขัดข้อง” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ผมอยากให้ซูจ๋ายได้รับรู้สัมผัสนี้เสียจริง ตอนที่เด็กๆ ดิ้นในท้องของคุณ” ดวงตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวังจีเหรินเหมยเองก็ยิ้มบางๆ“ขอบคุณ” อยู่ๆ ประโยคที่คาดไม่ถึงก็ออกมาจากปากของเฉิงซีหยวนจีเหรินเหมยถอนหายใจยกมือขึ้นโอบรอบหน้าท้องป่องนูน รู้สึกดี พอๆ กับรู้สึกประหลาดกับการดิ้นของทารกในท้องมีความรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตตัวเป็นๆ ในตัวของเหรินเหมยเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเฉิงซีหยวนรีบหันหลังก้าวเดินไปรับโทรศัพท์เสียอีกทางเหรินเหมยถอนหายใจเลิกใส่ใจว่าเขาคุยกับใครพอดีกับที่เสี่ยวจี้กับเสี่ยวหรูยกอาหารกลางวันมาวางตรงหน้า“พิเศษค่ะคุณจี” เสี่ยวจี้กระซิบเบาๆ เหรินเหมยมองบะหมี่ฮกเกี้ยนที่จัดเต็มทั้งหมูและกุ้งตัวใหญ่ผมต้องไปแล้วคุณทานกลางวันเสียไว้ว่างเมื่อไ
“นอนได้แล้วครับที่รักของแม่” เหรินเหมยจุ๊บแก้มเชียวอู่แล้วกันมาจุ๊บแก้มอันอัน“จุนแม่ขาจุนแม่มีรูปของจุนพ่อไหมคะอันอันอยากจะเห็นหน้าจุนพ่อ” เชียวอู่ตัวน้อยที่เดินมาที่เขย่าแขนเหรินเหมยอีกคน“เพื่อนๆ ที่โรเรียนเขากห้บอกว่าอยากเห็นว่าจุนพ่อของเราหล่อไหมจุนแม่บอกว่าจุนพ่อตายแล้วทำไมไม่มีรูปจุนพ่อละครับ”เหรินเหมยกอดลูกไว้ในอ้อมกอดแนบแน่น“ไว้ แม่ว่างแม่จะหาให้นะคะตอนนี้ดึกแล้วนอนเสียพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียน” เชียวอู่ประคองใบหน้าของเหรินเหมยไว้ในมืออ้วน“เราสองคนรอได้ฮับ ไม่กดดันจุนแม่ฮับ ไม่กดดันจริงจริ้งงงงง” เหรินเหมยยิ้ม“หลับได้แล้วคนดีของแม่” จุ๊บที่แก้มของสองแฝดอีกครั้งเฉิงซีหยวนยืนเอามือล้วงกระเป๋าฟังสามคนแม่ลูกคุยกันอยู่ด้านล่างของหน้าต่างตัวบ้านบนรถระหว่างทางซูจิงนั่งตัวแข็งข้างๆ ชาไช้ที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่เหมือนไม่ยอมเหยียบคันเร่งยังปล่อยให่รถแล่นไปช้าๆ“เด็กๆ น่ารักจังนะคะ คุณเหรินเหมยดูแลเด็กๆ ได้ดีมากๆ” ชาไช้ถอนหายใจถ้าหากซูจิงรู้ว่าเหรินเหมยคือต้นเหตุที่ทำให้ซูจ๋ายตายไปจะยังพูดแบบนี้ไหม“คุณส่งฉันแค่ปากซอยก็ได้ฉันเดินเข้าไปนิดหน่อยไม่อยากให้คุณแม่ถามว่าใครมาส่ง เพราะก
“ดินเนอร์กันไหมค่ะ” ซูจิงพูดขึ้นหลังจากที่ถ่ายแบบพรีเวดดิ้งเรียบร้อยไปแล้ว“วันนี้ไม่ว่าง” เดินออกจากตรงนั้นมุ่งหน้าไปที่รถของหลี่ตงที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว“ไว้พบกันพรุ่งนี้อีกทีค่ะคุณ” จือหรานมาส่งซูจิงที่ยืนหันหน้าหันหลัง“กลับอย่างไรคะคุณซูจิงให้ฉันเรียกรถให้ดีไหมคะ” จือหรานอดห่วงไม่ได้“ไม่เป็นไรค่ะตั้งใจแวะเดินเล่นก่อนกลับ คุณจอหรานไปด้วยกันไหม” จือหรายยิ้มแบบเกรงใจ“วันนี้ฉันมีนัดอะค่ะ” ป้องปาก ซูจิงพยักหน้ายิ้มๆ“ไม่กวนแล้วค่ะรถที่รักมาแล้วค่ะ” เดินไปรถที่เรัยกให้มารับจือหรานส่ายหน้าไปมา“พี่ครับ แบบนี้จะอยู่กันยืดไหม ไอ้แบบนี้ผู้ชายก็รวยแล้วยังไม่สนใจใน ความรู้สึกอีกคน”“เรื่องของเขาหรือเปล่าไปกินเหล้ากันดีกว่า ฉันละเปรี้ยวปากเหนื่อยมาทั้งวันแล้วไปพักผ่อนกันฉันเลี้ยงเอง” จือหรานยมือกอดรอบไหล่ของรุ่นน้องในจีคอเปอเรชั่นยิ้มกว้างพาเดินออกจากตึก“จุนแม่ฮับบบบบ” เชียวอู่วิ่งเข้ามากอดเหรินเหมยอันอันเดินเข้ามาเมียงมองเหรินเหมยรีบอ้าแขนออกโอบรอบตัวของทั้งสองคน“จุนลุงบอกว่าจะพาไปกินไอศกรีม แต่เพื่อนๆ ของเชียวอู่บอกว่าคนที่พาไปกินไอกรีมจะต้องเป็นคุณพ่อ” ชาไช้ยิ้ม นั่งลงพูดกับเชียวอู่“คุณ
“ปล่อยนะ” เหรินเหมยผลักร่างสูงที่ไม่ทันระวังเซถลาไปกระทบผนังอีกด้านจือหรานถือวิสาสะเปิดม่านพุ่งเข้ามาข้างใน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก“เอ่อเกิดอะไรขึ้นในนี้คะ” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ออกไปให้หมดไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เหรินเหมยถอนหายใจจือหรานรีบดึงมือเหรินเหมยออกจากห้องเปลี่ยนชุด“คุณจีเขาทำอะไรคุณจีไหม” เหรินเหมยส่ายหน้าเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง“ไม่” โกหก“อยู่ห่างๆ เขาดีกว่าค่ะดูเขาจะเป็นไบโพล่านะคะน่ากลัวเชียว แล้วไอ้ที่เห็นก็ไม่ได้รักเจ้าสาวสักนิดดูเหมือนทำอะไรก็ขัดใจไปเสียหมดแบบนี้จะแต่งกันทำไม”“อย่านินทาเขาคนอื่นที่มาไม่เห็นว่าจือหรานจะนินทาใคร”“ก็เขาไม่มีอะไรให้นินทานี่คะมีแต่ทำให้อิจฉา รักกันหวานฉ่ำทุกคู่ยกเว้นคู่นี้” เหรินเหมยยิ้มน้อยๆ“ทำงาน ทำงาน”เหรินเหมยแกล้งปรบมือรัวๆกระตุ้นจือหรานเฉิงซีหยวนเดินออกมาในชุดกี่เพ้าของผู้ชายที่ติดกระดุมไม่หมดเหลือไว้สองสามเม็ดซูจิงออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดมองซีหยวนเพียงแวบเดียวแล้วรีบเดินตรงเข้ามาติดกระดุมให้ทันที เหรินเหมยรีบเบือนหน้าหนีเสีย“ฝากด้วยนะจือหราน ฉันต้องไปรับลูกที่โรงเรียน แล้วจะเข้าบ้านเลยมีอะไรโทรมาได้เลยนะบางทีฉันอาจกลับ
“ปล่อยนะ” จีเหรินเหมยเค้นเสียงพูด อีกคนปล่อยมือออกจากเอวส่งผลทำให้เหรินเหมยร่วงลงไปกองกับพื้น“อุ๊ป” ช่างภาพรีบมาประคองเหรินเหมยที่มีสีหน้าเหยเก เฉิงซีหยวนปัดมือเบาๆ ยิ้มหยันที่เหรินเหมยยอมให้ช่างภาพแตะตัว แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เนื้อหอมสินะ“สำออยถอยไปได้แล้วฉันจะถ่ายแบบแล้ว” จือหรานขมวดคิ้วจีเหรินเหมยรีบเดินหลบออกมาลูบที่ศอกของตัวเองปอยๆ“พี่เขยคุณพบกับคุณจีครั้งแรกคุณก็ ทำร้ายเธอเลยหรือ มีปมอะไรหรือเปล่า” ซูจิงถามมืออยู่ในท่าโพสน์เตรียมถ่ายแบบ“ไม่นี่คิดว่าต้องมีด้วยหรือเธอคิดมากไปเองฉันก็แค่รู้สึกว่าเขาไม่ให้เกียรติเราเลยแกล้งเขานิดหน่อย” ซูจิงพยักหน้าขึ้นลง“คุณจีเธอน่ารักนะคะพี่ไม่ชอบคนน่ารักหรือ เธอเหมือนพี่ซูจ๋ายตอนที่ยังวัยรุ่นตอนยังไม่ป่วย” เฉิงซีหยวนชะงักงัน“พร้อมหรือยังครับ” ช่างภาพตะโกนถามดังๆ จือหรานวิ่งไปหยิบยานวดบรรเทาปวดมานวดที่ข้อศอกให้กับเหรินเหมย“พร้อมนะครับหนึ่ง..สอง…สาม ดีครับสวยครับ ผ่านแล้วครับ” ซูจิงยิ้มหันมองเหรินเหมยที่จือหรานกำลังทายาให้“พี่ซีหยวนพี่จะไม่ขอโทษคุณจีเขาหน่อยหรือ” อีกคนยิ้มยียวน“ไม่จำเป็น เขารู้ดีว่าไม่จำเป็น” ซูจิงถอนหายใจ“ปกติพี่ชอบผู้หญิ
เปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอ“นี่เธอใช่ไหมคนประสานงานจือหรานยิ้มกว้าง“จือหรานค่ะ”“อ่อ ไม่ต้องบอกชื่อฉันแค่สงสัยว่าซูจิงเขาจ่ายเงินมหาศาลเพื่อมาถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอเนี๊ยะนะ”“เอ่อคือความจริงเราคุยกันแล้วค่ะเราเซ็ทฉากขึ้นมาทั้งหมดอยู่แล้วสถานที่จริงไม่มีตรงไหนตรงประเด็นที่คุณซูจิงอยากได้ และคุณซูจิงก็บอกกับทางเราว่าไม่อยากให้ผิวโดนแดดเพราะแต่งงานในอีกไม่กี่วันอุตส่าห์บำรุงผิวมาทั้งเดือน” อยากจะพูดต่อว่าค่าเซ็ทฉากก็เป็นเงินไม่น้อยแล้วจะเอาแบบไหนอีก เฉิงซีหยวนถอนหายใจซูจิงเดินเข้ามาอีกคนจือหรานยิ้มแก้มป่องตัวช่วยมาแล้ว“มาช้าสิบนาที” ซูจิงฝืนยิ้ม“พอดี ยุ่งกับหน้าที่เลขาของพี่นั่นแหละเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ชอบงานนี้นะได้ใส่ใจพี่และได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพี่ซีหยวนที่ทำงาน” ไม่กล้าบอกว่า ชาไช้รั้งไว้ด้วยคำพูดหยามเหยียด“เริ่มเลยไหมค่ะจะได้เรียบร้อยเสียทีตากล้องรอนานแล้ว”“วิสกี้ออนเดอะร็อคของฉันเล่า”“เอ่อ สักครู่นะคะฝ่ายบริการกำลังจัดหามาให้ค่ะคุณสองคนเปลี่ยนชุดแล้วก็แต่งหน้าให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” ซูจิงพยักหน้าขึ้นลงยิ้มๆ“ไม่ ให้ได้ดื่มก่อนจึงจะเริ่ม ตั้งแต่มายังไม่เห็นเจ้าของ จีออแกไนท์…
ถงซือพูดเปรยๆ ขณะขับรถกลับจากไปส่งเหรินเหมยและลูกๆ ที่บ้านของเย็นวันนั้น“คุณว่า เฉิงซีหยวนจะปล่อยมือหรือยัง” กู้เหวินถอนหายใจ“ฉันได้ข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงานกับอดีตน้องเมียน้องสาวคุณซูจ๋ายอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายตั้งห้าถ้าเขาจะจัดการกับพวกเราหรือทำอะไรลงไปก็คงทำไปแล้ว”“ไม่กล้วว่าเขาจะแย่งเอาลูกของเหรินเหมยไปหรือ แบบนั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดคือเหรินเหมยที่ไม่มีปัญญาอะไรไปต่อกรกับเขาศาลจะอ้างทันทีเพราะเฉิงซีหยวนเขารวยล้นฟ้า”“อาจแค่บังเอิญเพราะเจ้าสาวคงไม่รุ้ว่านี่คืแม่อุ้มท้องลุกของคุณเฉิงซีหยวนและจีคอเปอเรชั่นพักหลังๆ มาก็ไปได้ดีไม่น้อยเป็นที่พูดถึงในวงการออแกไนท์ หมอถงพยักหน้าขึ้นลง“เฉิงซีหยวนจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างเช่นการประกาศว่าเป็นพ่อของเด็กใช่ไหมในเมื่อเขากำลังจะแต่งงาน” กู้เหวินยิ้ม“มันควรจะเป็นแบบนั้นหากเขาเกรงใจว่าที่ภรรยาของเขา บางทีคุณอาจแค่ห่วงเหรินเหมยมากไป” หมอถงพยักหน้าขึ้นลง จริงสินะถ้าเลี่ยงไม่พบกันเสียก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความสนุกสนานและวันของครอบครัวผ่านไปแล้ววันนี้สองแฝดต้องไปโรงเรียนอีกแล้ว รถรับส่งวิ่งมาจอดหน้าบ้านอันอันโบกมือให้กับเหรินเหมยหยอยๆ เชียวอู่ทำทีเหมือนตั
“อย่างไงนายร้อนตัวหรือว่าอย่างไรบอกว่าไม่ได้เป็นสามีแล้วร้อนตัวทำไม เชอะหลอกฉันซ้ำซากนี่ก็หลอกว่าเป็นเมียนาย ทำให้ฉันไม่กล้าทำอะไร” ชาไช้ถอนหายใจ“แล้วพี่จะทำอะไรคุณจีเขาดีนะที่เขาไหวตัวทันเอาตัวรอดได้ พี่กำลังจะทำอะไรอย่าบอกนะว่าอยากจนไม่เลือกคน เงินก็มากมายซื้อกินก็ได้แล้วอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับน้องเมียเก่าแสนสวยแล้ว พี่จะสร้างตราบาปให้เขาทำไม” เฉิงซีหยวน ยิ้มหยัน“หวงก้างสินะ เขาก็ไม่ได้ชอบนายไม่ได้เป็นเมียนายแล้วทำไมถึงต้องปกป้องเขาด้วย”“พี่รู้ไหมจีเหรินเหมยเขาต้องบากบั่นเลี้ยงดูอันอันกับเชียวอู่มาคนเดียวตลอดห้าปีถึงผมจะพูดว่าจะช่วยออกค่าใช้จ่ายหรืออะไรที่เขาขัดสนเขาก็ไม่ยอม พี่ซีหยวนพี่คิดดูดีดีผมอยู่ใกล้เขามา5ปีแม้แต่มือเขายังไม่ให้ผมจับแต่พี่พาเขาเข้าห้องตั้งใจรังแกเขาทั้งที่เขาเมาแค่นี้เขาก็เกลียดพี่จะตายอยู่แล้วผมไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่คบกับผมเพราะพี่ เพราะเขากลัวว่าจะต้องมาข้องแวะกับพี่”“ดีพูดได้ดีฉันจะทำให้เขารู้ว่าเกลียดแบบไหนได้แบบนั้น” ซูจิงที่ยืนนิ่งแอบฟังสองพี่น้องคุยกันทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงใครแต่ในใจเจ็บจี๊ด“พอได้แล้วครับผมขอร้อง” ซีหยวนเดินมาจ้องหน้าชาไช้เห
พูดว่าปล่อยอีกคนยิ่งกดริมฝีปากปิดปากเสีย ขาสองข้างตรึงจีเหรินเหมยไว้ใต้ตัวเขาไม่ให้ขยับ มือสองข้าถูกตรึงด้วยมือของเฉิงซีหยวนที่เหนือศีรษะของเหรินเหมยถึงไม่ทำอย่างนั้นคนเมาก็ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ริมฝีปากนุ่มลื่นซอกซอนจนเหรินเหมยร้อนๆ หนาวๆ อ่าาายิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งทำให้บทรักหวาบหวามยิ่งขึ้น“ปล่อยนะฮือออออ อย่าทำแบบนี้ฉะฉะฉันเป็นเมียน้องชายคุณนะ” เฉิงซีหยวนปล่อยมือที่ตรึงมือเหรินหมยไว้ “สกปรก” เหรินเหมยน้ำตาร่วงกราว“ปล่อยฉันไปสิ”“เมาจนเดินแทบไม่ไหว ไปให้พ้นจากห้องของฉัน” เหรินเหมยทั้งอายทั้งเจ็บใจคลานจากที่นอนโซซัดโซเซ“ฉันจะโทรตามชาไช้ให้เอง เธอจะได้ไปให้พ้นๆ จากห้องฉันเสียที” เหรินเหมยถอนหายใตจโล่งอกแทบเอาชีวิตไม่รอดคนอะไร ช่างร้ายกาจเหลือเกินร้อยวันพันปีไม่เคยพบไม่เคยได้เจอกันมาวันนี้ต้องหนักใจเรื่องที่ต้องจัดงานแต่งงานให้เขากับซุจิงแล้วดันมาเจอเขาเข้าอย่างจังอีก สาปส่งไปแล้วทำไมยังเจอกันอีกโลกมันกลมหรือว่าเหริยนเหมยพลาดไปเองวางโทรศัพท์จากชาไช้แต่กดไปหาหลี่ตง“หาผู้หญิงให้ฉันสักคนให้ขึ้นมาได้เลย” เหรินเหมยยกมือขึ้นกุมขมับ ปวดหัวมึนหัวแต่รู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนติ้วไม่
หลี่ตงถอนหายใจ“คุณจะไม่ปล่อยคุณจีไปหรือครับ เขา…เอ่อไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ คุณจีเธอน่ารักนะครับเธอ เหมาะที่จะเป็นคุณแม่แล้วก็เป็นคุณแม่ของลูกของคุณ”“หุบปากยุ่งเสียจริง ทำไมพูดมากแบบนี้ฉันไม่เห็นว่านายจะสนใจอะไร ผู้หญิงคนอื่นก็ผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้ก็ผู้หญิง คนอื่นนายไม่เป็นจะสนใจว่าฉันจะทำกับคนพวกนั้นแบบไหน แล้วทำไมต้องมาสนใจจีเหรินเหมยคนนี้ด้วย” หลี่ตงก้มหน้า“ขับรถไปแล้วไม่ต้องออกความเห็นอะไรฉันตัดสินใจฉันเองได้ถ้าผู้หญิงคนนี้ดีจริงเขาจะรวมหัวกันหลอกฉันทำไมอย่างไรพวกเขาก็ผิดดีแค่ไหนแล้วฉันไม่แจ้งความเรื่องนี้” หลี่ตงหุบปากนิ่งแต่มในใจกลับเถียงไม่หยุดดีที่ไม่แจ้งความแต่ก็ไม่ให้โอกาสทั้งเหรินเหมยและหมอถงเฉิงซีหยวนอุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินขึ้นลิฟต์แบบสบายๆ โดยมีหลี่ตงอำนวยความสะดวกให้ เมื่อถึงห้องเขาก็หันมาพูดกับหลี่ตง“นายกลับไปพักผ่อนที่ห้องนานเสียพรุ่งนี้เช้าค่อยมาที่นี่” หลี่ตงถอนหายใจหวั่นใจกับความปลอดภัยของเหรินเมหยไม่น้อย เฉิงซีหยวนถ้าเป็นเฉิงซีหยวนเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่ซูจ๋ายยังอยู่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่นี่เฉิงซีหยวนคนนี้ จะมีผู้หญิงกี่คนที่รอดไปได้ ยิ่งเมาๆ แบบนี้ด้