ร่างหนาเดินนำเธอมาจนถึงคฤหาสน์ก่อนจะให้สาวใช้พาเธอนั้นขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับทำแผลที่เหลือเพียงความฟกช้ำให้กับเธอ เขาเดินมายังห้องทำงานของตนเองพลางจะนั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ปราสาทพระจันทร์ ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้นมันเหมือนคลายความสงสัยของเขาในคราที่เจอกันครั้งแรก มันเหมือนปลดล็อคความสงสัยที่มีต่อเธอ และการที่เขานั้นเฝ้าดูเธอมาตลอดเวลาร่วมเดือน เธอก็ไม่ได้ทำตัวมีพิรุธหรือทำตัวให้น่าสงสัยแม้แต่น้อย
“นายท่านคะ…ข้าแต่งตัวให้นางเรียบร้อยแล้ว” สาวใช้เดินเข้ามาในห้องทำงานก่อนจะรายงานกับผู้เป็นนาย
“อือ...บอกให้นางขึ้นไปรอข้าที่ดาดฟ้าได้เลย” บาบารัสเอ่ยก่อนจะหยิบเสื้อคลุมตัวโปรดมาถือไว้ในมือ
“ค่ะนายท่าน” สาวใช้รับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบทำให้กรีนถึงกลับหันมามองว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเธอกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะกระจกที่มีเครื่องประทินโฉมประหลาดตาวางอยู่มากมาย บรรดาสาวใช้กำลังประโคมทุกสิ่งอย่างลงบนใบหน้าสวยของเธอ และในห้องที่เธอพักอาศัยอยู่นั้น ไม่ใช่ห้องเดียวกันกับห้องที่เธอฟื้นขึ้นมาในตอนแรก สาวใช้ที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมโบกมือปัดให้สาวใช้คนอื่นถอยห่างออกไปพร้อมกับที่เธอนั้นเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อย
“นี่พวกเจ้า ทำไมถึงแต่งตัวให้นางแบบนี้ ตอนที่ข้าแต่งให้ไม่ใช่ชุดนี้” เสียงของอาการตกใจเพราะมันจะเสียเวลาที่ทำให้นายท่านรอนาน เมื่อเดินกลับมาชุดที่หญิงสาวใส่กลับไม่ใช่ชุดที่ตนเลือกในตอนแรก
“คือนาง…ไปเปลี่ยนชุดเอง” สาวใช้อีกนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ไปเอาชุดที่ข้าเตรียมไว้อีกชุดมาใส่ให้นาง” สาวใช้คนแรกออกคำสั่งให้ไปนำอีกชุดที่เตรียมไว้มาสวมให้กับหญิงสาวผู้นี้
กรีนก้มลงมองชุดที่ตนเองนั้นใส่อยู่มันเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่แหวกลึกลงไป และมันบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าเสื้อแบบนี้มีแต่บุรุษในเมืองนี้เท่านั้นที่จะสวมใส่มัน พร้อมด้วยกางเกงสไตล์อะไรที่เธอไม่อาจรู้ได้แต่มันเป็นกางเกงผ้าที่เป็นเอวสูงถ้าให้เปรียบเทียบกับบนโลกนั้นมันคล้ายกับกางเกงที่คนขี่ม้าเข้าใส่กันเรียกว่าอย่างไรเธอก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
ร่างบางถูกนำตัวมายังหลังฉากกั้นห้องอีกครั้งพร้อมกับสาวใช้ทีกำลังถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้วสวมใส่ชุดกระโปรงสีดำที่ปักด้วยดิ้นสีทองทั้งชุด และเชือกที่ผูกรัดอยู่ช่วงลำตัวมันทำขึ้นจากเถาวัลย์เส้นหนา สีเขียวคล้ำแต่กลับมีประกายที่เด่นออกมาอย่างชัดเจน ผมที่ถูกปล่อยสยายจากการรวบตึงถูกแปรงให้ตรงอย่างรวดเร็ว
“เร็วเข้า ! อย่าให้นายท่านต้องรอนาน เดี่ยวก็ได้โดนลงโทษกันหมดหรอก” สาวใช้คนแรกเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรีบร้อนเพราะจากที่รับคำสั่งของนายท่านมามันก็เลยเวลามามากพอสมควรแล้ว
บรรดาสาวใช้ที่เร่งรีบกับการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับหญิงสาว เพราะพวกเธอนั้นไม่อยากให้นายท่านของตัวเองนั้นเกิดความหงุดหงิดเพราะทุกครั้งที่ผู้เป็นเจ้านายนั้นเกิดความโมโหขึ้นมา พวกนางเอกก็จะเดือดร้อนกันไปหมด เมื่อแต่งตัวให้กับหญิงสาวเรียบร้อยแล้วจึงพาเธอไปที่ที่ทางขึ้นของดาดฟ้าของคฤหาสน์และตอนนี้เองนายท่านก็คงรอนานแล้ว
“เชิญขึ้นไปด้านบนได้เลยค่ะ…นายหญิง”
กรีนเดินขึ้นมาตามที่สาวใช้บอกด้วยท่าทางงุนงง เธอเองไม่เข้าใจการ กระทำที่พวกสาวใช้นั่นกำลังเป็นอยู่พวกเธอนั้นดูเร่งรีบและร้อนรนเหมือนกลัวอะไรบางอย่างสองขาเรียวก้าวเดินขึ้นมาตามบันไดที่เป็นหินสีดำมีประกายของสีทองอยู่เป็นระยะ สองข้างของผนังมีคบเพลิงจุดไฟติดไว้เพื่อให้ความสว่าง เมื่อเดินขึ้นมาจนถึงดาดฟ้า แสงจันทร์ที่ส่องประกายในยามค่ำคืนกำลังสาดส่องไปยังร่างสูงที่ยืนรอเธออยู่ที่ระเบียง แผ่นหลังกว้างที่ดูแล้วน่าเกรงขามน่าสัมผัสนั้นทำให้ใจเธอนั้นแอบสั่นไหวอยู่ลึก ๆ
“กว่าจะมาได้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่สัมผัสได้ว่าหยิงสาวกำลังเดินขึ้นมาเพราะประสาทสัมผัสที่ฉับไวของตนเอง
“แหะ...ขอโทษที ฉันทำให้สาว ๆ พวกนั้นต้องลำบากเปลี่ยนชุดให้” กรีนพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดต่อพวกสาวใช้ที่ตนทำตามใจตัวเอง
“เจ้า...เดินมาตรงนี้” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่หญิงสาวก่อนจะกระดิกนิ้วเพื่อเรียกให้เธอนั้นเดินเข้ามาหา
“อื้อ...” กรีนเดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างช้า ๆ เพราะกลัวโดนทำอะไร แปลก ๆ ใส่อีกจากจูบเมื่อกี้เธอเองก็ยังคงตกใจไม่หาย
กรีนมองไปยังวิวตรงหน้า วิวที่ตนเองนั้นไม่เคยได้เห็นในยามค่ำคืนเช่นนี้มันสวยมากเพราะแสงสว่างจากคบเพลิงที่อยู่เบื้องหน้า มันคือหมู่บ้านที่เหล่าผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตกันอย่างปกติ แสงไฟจากบ้านเรือนทำให้ดูตื่นตาจนตาของเธอนั้นเป็นประกายพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มบนใบ้หน้าจนชายที่อยู่ข้างกายนั้นแอบสงสัยว่ามันมีสิ่งใดที่ทำให้ดูตื่นเต้นได้ขนาดนั้น
“มองอะไรขนาดนั้น” บาบารัสมองหญิงสาวอย่างสงสัยพร้อมกับมองไปยังเบื้องหน้า
“ฉันไม่เคยขึ้นมาบนนี้เลย...สวยดี” ดวงตาสวยหันหลับมามองร่างสูงที่กำลังมองมาที่ตนด้วยความบังเอิญ
“ไม่ได้ให้ขึ้นมาชมวิว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เสียงหนาเอ่ยก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจที่ตอนนี้ร่างบางไม่ได้สนใจเขา
“อ่า...ค่ะ มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ” กรีนมีสีหน้าสลดลงเมื่อตัวเองนั้นถูกดุก่อนจะหันมาสนใจชายตรงหน้านี้แทน
“เรื่องก่อนหน้านี้….” ในใจอยากจะเอ่ยขอโทษแต่ปากมันดันหนักอึ้ง ไม่สามารถพูดออกไปได้
“ถ้าเรื่องจูบ…ไม่เป็นไร...ฉันจะลืม ๆ มันไป” ร่างบางพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาจูบเธอ แต่เขานั้นกลับพูดมันขึ้นมา เขาต้องการอะไรกันแน่
“เจ้าคิดไปถึงไหน ข้าไม่ได้พิศวาสเจ้าถึงขนาดนั้น” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะสิ่งที่เขาจะเอ่ยนั้นมันคนละเรื่องกับที่เธอพูด
“อะ…อ้าว” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับเกาท้ายทอยด้วยความเคอะเขินที่ดันคิดถึงเรื่องนั้น
“หึ…” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อหญิงสาวนั้นเงยหน้าขึ้นมามองตน
เมื่อทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทั้งคู่จึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งต่างคนต่างมองไปยังวิวด้านหน้าที่สวยงามในยามค่ำคืน หากมองออกไปจนสุดสายตาก็สามารถมองเห็นเมืองนี้ได้เกือบทั้งเมือง เพราะคฤหาสน์ของชายหนุ่มนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูง จึงสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งเส้นทางการเดินทาง หมู่บ้าน และธารน้ำ
“แล้วตกลง...มีอะไรจะคุยกับฉัน” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบกันมากนานจนเริ่มเกิดความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน
“เห็นพวกสาวใช้บอกข้าว่า เจ้าไม่ชอบความมืดจริงหรือ” ร่างสูงหันมามองหญิงสาวเพื่อถามหาความจริง
“ใช่ฉันไม่ชอบความมืด” นัยน์ตาสวยสบตาเข้ากับชายหนุ่มเพราะเธอไม่ชอบความมืดยิ่งกว่าสิ่งใด แต่อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีพอแสงสว่างไม่ได้น่ากลัว
“เดี๋ยวข้าจะให้คนไปตั้งตะเกียงเพิ่มให้”
“นายว่าอะไรนะ” กรีนถามออกไปด้วยความสงสัยอย่างไม่เชื่อหู เหมือนกับเขาพยายามดูแลเทคแคร์ตนอย่างผิดปกติ
“ก็ข้าบอกว่าจะให้คนเพิ่มตะเกียงให้” บาบารัสเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับสายตาที่กำลังจ้องมองมาที่ตนอย่างสงสัย
“นายแปลกไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันไม่เข้าใจในการกระทำของนายเลย ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่แกล้งฉัน” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างอัดอั้น แถมตอนนี้เขายังมาทำดีกับเธออีก สายตาที่เกิดความสงสัยยังคงต้องไปที่ร่างสูงเพื่อต้องการคำตอบ
“ข้าแค่...ไปสืบมาแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนของศัตรู”
“แค่นั้นน่ะเหรอ” เมื่อเห็นอีกคนมีท่าทีลังเล จากคนที่เคยมั่นใจกับตอบอย่างไม่เต็มปากทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างออก
“แน่สิ ทำไมข้าต้องโกหกเจ้าด้วย” ชายหนุ่มยืดอกพร้อมเชิดหน้าอย่างมั่นใจว่าตนนั้นพูดความจริง
“แปลก แปลกมาก คนอย่างนายที่เย่อหยิ่งขนาดนั้นทำไมตอนนี้ถึงดูลังเลนักล่ะ” หญิงสาวเดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างช้า ๆ พร้อมสายตาที่กำลังมองเขาด้วยสายตาจับผิด
“เจ้าอย่าพูดให้มันมาก เรื่องไฟเดี๋ยวข้าจะเพิ่มให้ แต่ต้องแลกกับการที่เจ้าต้องมาเรียนการต่อสู้กับข้า” ชายหนุ่มที่เจอหญิงสาวนั้นไล่ต้อนจึงต้องพูดขู่ร่างบางออกไปจาเธอนั้นถึงกับชะงัก
“ว่าไงนะ ! แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ จะตายอยู่แล้วนะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะตอนนี้ตนเองก็เรียนรู้การต่อสู้มาเยอะมากนี่ก็ร่วมเดือนร่างกายตนก็แทบจะไม่ไหว
“เพราะเจ้าเก่ง ข้าเลยเลือกที่จะสอนเองอย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอีกครั้งพร้อมกับกอดอกมองร่างบางที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหนือกว่า
“เอาเถอะ ตายเป็นตาย ตายอยู่ที่นี่นั่นแหละ ส่วนเรื่องไฟไม่ต้องเดี๋ยวไฟไหม้ตายพอดี” กรีนกอดอกพร้อมหันหน้าหนีไปมองวิวสวย ๆ ของเมืองแทนความหงุดหงิดตรงหน้า
“เจ้าคงรู้มาบ้างแล้วว่าที่นี่ไม่เคยมีแสงสว่าง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบพร้อมกับหันไปมองร่างบางที่อยู่ข้าง ๆ
เมืองซิลล์เวอร์วิลล์แห่งนี้เป็นเมืองมืดที่ไม่มีแสงแดดตกถึง แต่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเพราะแสงอาทิตย์จะหวนกลับคืนมาปีละครั้งเท่านั้น และในแต่ละปีนั้นผู้คนในเมืองแห่งนี้จะออกมารับแสงแดดกันอย่าง เปรมปรี พร้อมกับออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดกันอย่างสุขสันต์และสนุกสนาน หากแต่แสงสว่างนั้นอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งวันพวกเขาถึงรีบใช้ชีวิตกันให้มีความสุขที่สุดเมืองแห่งนี้เหมือนถูกต้องคำสาปจากเหล่าบรรพบุรุษที่ต้องการแย่งชิงอำนาจกันและมันไม่สามารถแก้ไขคำสาปนั้นได้อีกแล้วเพราะต้นตระกูลของคำสาปนี้ได้สิ้นชีพกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครที่สืบทอดอำนาจคือแก้ไขคำสาปได้ มันจะไม่มีวันกลับมาสว่างสดใสได้อีก ทำได้เพียงแค่รอวันเวลาที่ดวงอาทิตย์หวนย้อนกลับคืนมาเพียงเท่านั้น แต่หากก็มีผู้คนมากมายที่ย้ายออกไปจากเมืองนี้เพราะไม่ได้อยากอยู่ภายใต้ความมืดนี้ไปตลอดชีวิต และคนเป็นเจ้าเมืองอย่างบาบารัสจึงต้องทำทุกวิถีทางให้ผู้คนนั้นอยู่รอดและมีความสุขที่สุด การที่เขาออกลาดตระเวนเมืองทุกครั้งเขามักจะมองหาพื้นที่ที่จะต้องสร้างเมืองให้มีความเจริญมากขึ้น หรือขยายอำนาจออกไปให้ผู้คนได้มีที่อยู่และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่แล้วไม่กี่ร้อยปี
แสงของดวงจันทร์เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำสาดส่องลงบนใบหน้าหวานของกรีนที่กำลังหลับใหลอย่างสงบ สายลมเย็นพัดโชยมาเบา ๆ พาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ในสวนลอยมาแตะจมูก ทำให้กรีนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ภาพแรกที่เห็นคือห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงนุ่มที่นอนอยู่นั้นอย่างคุ้นเคย เธอลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพความฝันในเมื่อคืนทำให้เธอนั้นมีความขุ่นมัวในใจในตอนนี้แต่เธอก็ได้แต่พยายามจะลืมมัน“นายหญิง ตื่นแล้วหรือคะ” เสียงหวานใสของสาวใช้ประจำตัวดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพกรีนพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สายตาของเธอสอดส่องไปรอบห้องอย่างช้า ๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้ให้เธอเป็นอย่างดี ทั้งชุดนอนที่ถูกพับเรียบร้อยบนเก้าอี้ และน้ำชาอุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“วันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ นายหญิง” สาวใช้ถามขึ้นอีกครั้ง“ก็ดีนะ ขอบใจนะที่ดูแลฉัน” กรีนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลสาวใช้ยิ้มกว้างก่อนจะรีบเข้ามาช่วยกรีนแต่งตัว ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วราวกับเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอหลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กรีนก็เดินออกจากห้องไปยังห้องอาหาร ซึ่งมีอาหา
บาบารัสและกรีนรีบวิ่งไปยังต้นเสียง พวกเขาพบกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ บาบารัสไม่รอช้า เขาใช้พลังวิเศษของเขาโจมตีสัตว์ร้ายจนมันต้องล่าถอยไป หญิงสาวหันมาขอบคุณ บาบารัส และกรีน ก่อนจะแนะนำตัวว่าเธอชื่อเอลฟ์ และเธอเป็นทายาทของผู้วิเศษที่พวกเขากำลังหา บาบารัสและกรีนต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาได้พบกับผู้วิเศษแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็มีความหวังที่จะพากรีนกลับไปยังโลกมนุษย์ได้เสียที เมื่อทุกอย่างเป็นตามที่หวัง ทุกคนต่างพากันเดินทางกลับพร้อมพาตัวผู้วิเศษคนนี้เดินทางกลับที่เมืองด้วย ระหว่างทางกรีนเองก็เล่าเรื่องราวของตนเองให้กับนางฟัง นางถึงกับตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว และการที่จะหาทางกลับไปนั้นมันก็ยากมากเสียจริง ๆ เพราะการเดินทางกลับข้ามเวลานั้นต้องมีผู้ที่เข้าขั้นบรรลุวิชาเวทมนตร์ระดับอาจารย์ถึงจะสามารถทำได้ หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ออกเดินทางสำรวจอาณาจักร บาบารัสพากรีนไปยังสถานที่ ต่าง ๆ มากมาย ทั้งป่าลึก ทะเลสาบ และเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ กรีนได้เรียนรู้วิชาการปกครองจากบาบารัสอย่างใกล้ชิด เธอสามารถพูดค
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดาสาวใช้ที่กำลังอยู่ในห้องครัวดังไม่หยุด ต่อให้จะมีเสียงกระทะกะละมังก็ยังสู้เสียงของพวกเธอไม่ได้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านเจ้าเมืองหรือเจ้านายของพวกเธอนั้นกำลังมีความรักอีกครั้ง แต่การที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนั้นพวกเธอก็ได้แต่ชั่งใจว่าหากความรักครั้งเก่าของผู้เป็นนายกลับมา ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอย่างไร “เธอว่านายท่านของพวกเรามีความรักจริงหรือ” “จากที่พวกข้าดูคิดว่านายท่านกับผู้หญิงคนนั้น น่าจะมีอะไรเหมือนที่พวกเราคิดนะ” บรรดาสาวใช้ต่างพากันออกความเห็นกันอย่างออกรสออกชาติและในขณะเดียวกันหญิงสาวที่ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกำลังออกมาเดินเล่นพักผ่อนก่อนที่จะต้องไปฝึกฝนต่อ และต้องไปคุยกับผู้วิเศษที่พาตัวมา “ถ้ากลับบ้านได้ฉันจะคิดถึงที่นี่ไหมนะ”สองขาเรียวที่กำลังเดินไปในสวนหลังคฤหาสน์ตามทางเดิน เตะหินก้อนเล็กอย่างเหม่อลอย “นายหญิงเข้าไปพักผ่อนด้านในเถอะค่ะ” สาวใช้ประจำตัวเดินมาเรียกให้หญิงสาวกลับเข้าไปพักผ่อนในคฤหาสน์ เพราะเธอได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานานแล้วและด้วยสภาพอากาศที่เย็นอาจจะทำให้เธอไม่สบาย “
ร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด และดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสของเด็กหนุ่มที่ต้องการจะปลุกเธอให้ตื่น เด็กหนุ่มที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาทำเพียงแค่สะกิดเธออยู่อย่างนั้น เขามองไปที่บาดแผลของเธอที่เลือดไหลไม่หยุด “เจ้าฟื้นสิ !” เด็กหนุ่มยังคงเรียกเธอพร้อมกับมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าพี่ชายของตนยังตามมาอยู่หรือไม่ “ข้าจะช่วยเจ้าก่อนแล้วกัน”เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะวางมือทาบลงไปบนที่แขนของเธออย่างช้า ๆ พร้อมกับไล่ไปตามเนินไหล่ของเธอจนมาถึงบริเวณไหปลาร้าที่มีบาดแผลฉกรรจ์ แสงเรืองรองสีทองที่ออกมาจากฝ่ามือของเขา มุ่งเข้าสู่บาดแผลฉกรรจ์ที่ไหปลาร้าของเธอ ดวงตาสีเหลืองทองที่เปล่งประกายขณะร่ายมนตร์ ใบหน้าซีดเซียว กับดวงตาของเธอที่ขยับเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้วถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่บาดแผล ก่อนจะกลับมาปกติอีกครั้งเนื่องจากบาดแผลได้สมานกันดีแล้ว และบริเวณบาดแผลกลายเป็นรอยแผลเป็นและลักษณะคล้ายเกล็ดงู เพราะหากได้ใช้เวทมนตร์ในการรักษาแล้วมันจะกลายเป็นเกล็ดที่คล้ายกับเกล็ดของเจ้าของผู้ที่เป็นคนรักษา “แบบนี้น่าจะพอช่วยได้ แต่ทำไมเจ
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมด ไม่ว่าจะท่านแม่ของเขาที่จบชีวิตตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุและตัวเขาเองที่ถูกรังแกอย่างสาหัส ทำให้บาบารัสต้องลุกขึ้นสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และไม่นานท่านพ่อของเขาก็ได้จากไป เขารู้ได้ทันทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ และมันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง เขาจะเอาพวกมันมาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องท่านพ่อ หรือเรื่องท่านแม่ที่ท่านทั้งสองได้จากไปในเวลาใกล้เคียงกันผ่านไปหลายปีผู้เป็นพี่ชายได้ครองเมืองอย่างบ้าอำนาจและบ้าคลั่ง บาบารัสตัดสินใจว่าจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อไป เขาจะฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะพี่ชายและปกป้องตัวเองได้ “ข้าจะไม่มีวัน ให้เจ้าทำร้ายข้าอีก”เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนจะเริ่มทำการฝึกอย่างจริงจังเสียงหายใจหอบ และหยาดเหงื่อไหลไปตามร่างแกร่ง ร่างกายใหญ่กำยำที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในวัยเพศที่มากขึ้น การฝึกฝนของเขาทุกเช้าค่ำทำให้ร่างกายของเขาแกร่งขึ้นมาก บาบารัสจะตื่นขึ้นมาเพื่อฝึกฝนร่างกายในโรงฝึก เขาเริ่มจากการวิ่งรอบสนามฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ร่างกายของเขาจึงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถสูงใหญ่ได้เท่าก
ความรุ่งเรืองในตอนนี้สร้างความพอใจให้กับประชาชนมานับหลายร้อยปีที่มีผู้นำที่ดีอย่างบาบารัส ถึงเขาจะใช้อำนาจอย่างเอาแต่ใจก็ตาม แต่ทุกอย่างมันทำให้ประชาชนนั้นได้อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็น บาบารัสทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อทำตามคำสาบานและคำปฏิญาณของตนมาตลอดหลายร้อยปี ตอนนี้เขาก็ได้ขยายอาณาจักรได้อย่างภาคภูมิ เสียงของแตรยักษ์ดังขึ้นกลางลานประลอง เหล่าทหารยืนพร้อมเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสายตาจับจ้องไปที่เวที อาจารย์ยืนพร้อมหน้าพร้อมกับอาวุธคู่ใจ นักเวทย์ชูมือขึ้นสูงเพื่อหยุดเสียงแตรและเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับถือตำราเวทย์ขั้นสูง“ผู้จบการศึกษา ณ ที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ จงเปิดใจรับคำอวยพรจากเหล่าอาจารย์ผู้ล่วงลับ” นักเวทเปิดตำราเพื่อเริ่มร่ายคาถาคำอวยพรพร้อมเบิกทางฟ้าดินให้ยินดีบาบารัสนั่งมองพิธีที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ชานระเบียงบนคฤหาสน์ สายตาคมกริบจับจ้องไปที่หญิงสาวที่กำลังเข้าพิธีจบการศึกษา ร่างบางเดินไปตามทางที่กำหนดเพื่อขึ้นไปบนเวทีนายทหารหลายนายมองไปที่ร่างบางอย่างชื่นชม ถึงแม้ว่าเวลาที่ผ่านมาพวกเขานั้นจะไม่ได้ชื่นชอบเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความขยันอดทนและหมั่นเพียรของเธอจนกลายเป็นที่ยอมร
บาบารัสค่อย ๆ เดินเข้าไปหา เฝ้ามองกรีนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาเห็นเธอยืนอยู่ที่ริมระเบียง ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวราวกับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ“สวยมากนะ” บาบารัสเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ใช่ พระจันทร์สวยดีนะ สวยกว่าทุกวันเลย” กรีนหันมาทางเขาเล็กน้อย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า“ข้าหมายถึงเจ้า ข้าชอบเวลาที่เจ้าอยู่คนเดียวแบบนี้ เหมือนกับว่าเจ้าเป็นคนละคนถ้าไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกทหารเหล่านั้นเลย” บาบารัส กล่าวออกมาจากใจจริงและสายตาที่มองหญิงสาวด้วยสายตาแพรวพราว“นายเมาหรือเปล่า อยู่ดี ๆ ก็มาชมฉัน” กรีนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาสบตาบาบารัส ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงลมที่พัดโชยและเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่ดังมาจากระยะไกล บาบารัสรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของกรีน เขาอยากจะเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดกรีนยกแก้วไวน์ที่ถือติดมือมาขึ้นดื่ม แสงไฟจากดวงจันทร์สะท้อนลงบนแก้วไวน์ ทำให้มันดูเหมือนกับคริสตัลที่เปล่งประกาย บาบารัสรู้สึกหลงใหลในภาพตรงหน้า เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยงามและมีเสน่ห์ดึงดูดใจได้มากเท่านี้ม
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ
ร่างกำยำกอดรัดเอวบางแนบชิดตัว สายตาดุดันที่ยากจะกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ สิ่งที่เขาได้ยินสิ่งที่เขาได้เห็นว่าพวกบ้านั่นมันพูดถึงคนที่ตนรักว่าอย่างไร เพียงนึกถึงตอนที่อยู่ในบาร์นั่นเขาก็แบบอยากจะลุกอัดหน้าพวกนั้นให้แหลกคามือ เขามองจ้องไปยังร่างบางอยู่ภายใต้การควบคุมของตนในตอนนี้ เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นระริก “ข้าไม่ชอบ...”เสียงหายใจหอบที่ปนไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว สายตาไล่มองไปตามเรือนร่างอรชร เสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูบางเบาถึงแม้ด้านในจะเป็นผ้าหนาทึบแสงก็ตาม สันจมูกคมดอมดไปตามกรอบหน้าสวยไล่คลอเคลียคอระหงอย่างช้า ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นโครมครามเหมือนกลองรัว “อ๊ะ…บาบารัสอย่านะ” กรีนร้องออกมาพร้อมกับหดคอหนีด้วยความรวดเร็ว“อย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาแต่ใจที่สุด…คนใจร้าย” กรีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับดันอกแกร่งที่ยังคงอยู่เหนือร่างของเธอ“ใจร้ายเหรอ เจ้านั่นแหละที่ใจร้ายกับข้า” “ฉันเนี่ยนะ...”กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ บาบารัสยังคงไม่รู้ความผิดของตัวเอง ทั้
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้องของเธอ ร่างบางจึงหันกลับไปมองแต่ไม่คิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นบาบารัสที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบเซล้มลงไป“ตกใจอะไรขนาดนั้น” อสรพิษหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาจองเธอที่ดูสั่นไหวกลิ่นเครื่องหอมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัวหญิงสาว ทำให้บาบารัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าตัวเธอเข้ามาแนบชิดกายหนาของตนเอง พร้อมกับสูดดมความหอมจากตัวเธอ ยิ่งดมแล้วยิ่งหงุดหงิด ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามคอระหงก่อนจะขบกัดจนเป็นรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าเป็นอะไร” บาบารัสเอ่ยเมื่อถอนริมฝีปากของตนเองออกจากคอของเธอ“นายทำอะไร...ทำแบบนี้ทำไม” กรีนฉวยโอกาสถดตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม“ชุดนี่มันอะไร แล้วกลิ่นเครื่องหอมนี่อีก จะออกไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอออกไปไหนในเวลาแบบนี้ แถมชุดที่เธอใส่นั้นมันดูเย้ายวนสายตาชายอื่นเป็นอย่างมาก หากเป็นเขาเองก็แทบไม่อยากละส
เมื่อกรีนทำตามแผนของมิสไวท์ใจของเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เขานั้นสนใจเธอบ้าง แต่เขากลับเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร จากสีหน้าของเขาเหมือนจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเขาที่กำแน่นเธออยากจะเข้าไปจับมือของเขาเพื่อปลอบโยน แต่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน “เจ้าได้บอกกับบาบารัสไปแล้วใช่หรือไม่” มิสไวท์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกไป“ฉันบอกเขาไปแล้ว…เขาดู…” กรีนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วหลังจากนี้ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” หญิงสาวมองกรีนด้วยสายตามุ่งมั่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ การเดินทางกลับของกรีนจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และได้ถูกบอกต่อกันไปทั่วคฤหาสน์ บรรดาสาวใช้ต่างพากันเศร้าสร้อย เพราะไม่ได้อยากให้หญิงสาวนั้นกลับไป เพราะเธอทั้งใจดี และเป็นกันเองต่างจากคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปอีกวัน นัยน์ตาสีสวยมองตนเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเติมสี ตอนนี้มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับรูปวาด ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ฝ่ามือสวยสัมผัสไปที่ใบหน้าของตนเองอย่างช้าเพื่อชื่นชมความแปลกตาในวันนี้ “เจ้าสวยมากเลยนะกรีน ทำไม