บาบารัสค่อย ๆ เดินเข้าไปหา เฝ้ามองกรีนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาเห็นเธอยืนอยู่ที่ริมระเบียง ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวราวกับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ“สวยมากนะ” บาบารัสเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ใช่ พระจันทร์สวยดีนะ สวยกว่าทุกวันเลย” กรีนหันมาทางเขาเล็กน้อย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า“ข้าหมายถึงเจ้า ข้าชอบเวลาที่เจ้าอยู่คนเดียวแบบนี้ เหมือนกับว่าเจ้าเป็นคนละคนถ้าไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกทหารเหล่านั้นเลย” บาบารัส กล่าวออกมาจากใจจริงและสายตาที่มองหญิงสาวด้วยสายตาแพรวพราว“นายเมาหรือเปล่า อยู่ดี ๆ ก็มาชมฉัน” กรีนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาสบตาบาบารัส ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงลมที่พัดโชยและเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่ดังมาจากระยะไกล บาบารัสรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากตัวของกรีน เขาอยากจะเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดกรีนยกแก้วไวน์ที่ถือติดมือมาขึ้นดื่ม แสงไฟจากดวงจันทร์สะท้อนลงบนแก้วไวน์ ทำให้มันดูเหมือนกับคริสตัลที่เปล่งประกาย บาบารัสรู้สึกหลงใหลในภาพตรงหน้า เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยงามและมีเสน่ห์ดึงดูดใจได้มากเท่านี้ม
แสงจากตะเกียงและเทียนที่ถูกจุดไว้หลังจากที่ทั้งคู่สุขสม เล็ดลอดผ่านม่านโปร่งบาง สะท้อนลงบนร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่พันเกี่ยวกันอยู่บนเตียงนุ่ม กรีนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาคมกริบของบางบารัสที่กำลังจ้องมองเธออยู่บรรยากาศในห้องเงียบสงบราวกับถูกกลืนหายไปในความเงียบเชียบ เสียงของสาวใช้ที่ดังขึ้นอยู่ข้างนอกเป็นระยะ ๆ กลับยิ่งทำให้ความเงียบนั้นดูเด่นชัดขึ้น กรีนพยายามจะขยับตัวออกไป แต่ร่างกายของบาบารัสกลับรั้งเธอเอาไว้ราวกับจะไม่ยอมปล่อย“เจ้า...” เสียงทุ้มต่ำของบาบารัสดังขึ้นเบา ๆ กรีนเงียบ ไม่ตอบอะไรความเงียบยังคงปกคลุมห้องอยู่เช่นเดิม ทั้งคู่ต่างตระหนักดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ความสัมพันธ์ที่เคยราบรื่นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในพริบตา ความรู้สึกผิด ความอึดอัด และความไม่แน่ใจผุดขึ้นมาในใจของทั้งคู่ เพราะบาบารัสเองก็ยังมีคนในใจที่ยังไม่อาจลืมเลือนได้กรีนพยายามจะหลีกเลี่ยงสายตาของบาบารัส เธอหันไปมองที่ประตู ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ บาบารัสยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอเก็บผ้าห่มแล้วเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง สายลมเย็น ๆ พัดเข้ามาในห้อง
แสงไฟจากคบเพลิงสาดสองไปทั่วบริเวณของสวนในคฤหาสน์ ให้ความสว่างไปตามจุดต่าง ๆ แสงจากหิ่งห้อยหลากที่อยู่ตามพื้นที่ประปรายไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูน่ากลัว บาบารัสยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ลิลลี่น้องสาวคนสวยกำลังหัวเราะคิกคักคุยอะไรบางอย่างกับกรีน ทั้งคู่ดูมีความสุข ราวกับเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กภาพตรงหน้ามันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน เหมือนภาพซ้ำ ๆ ที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน ภาพของเขาและคนที่เขารัก กำลังหัวเราะคุยกันอย่างมีความสุขในสวนหลังคฤหาสน์แห่งนี้ ภาพเหล่านั้นกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้งความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย บาบารัสกำมือแน่นจนเล็บแทงลงไปในเนื้อ มืออีกข้างเกาะกิ่งไม้ไว้แน่น ราวกับจะฉีกมันออกจากลำต้นเขานึกถึงวันเวลาที่เคยมีความสุขกับว่าที่คู่หมั้นเขาและเธอเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและกำลังจะได้ครองคู่กัน ภาพความทรงจำต่าง ๆ วิ่งเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่วันที่ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรก จนถึงวันที่เขาไม่ได้แม้แต่จะบอกลาเสียงดนตรีบรรเลงอย่างไพเราะ บรรยากาศในงานหมั้นของบาบารัสเต็มไปด้วยความสุขและรื่นเริง แขกผู้มีเก
แสงจันทร์สีเงินสาดส่องลงมากระทบผืนป่าลึกลับ ทำให้เงาของต้นไม้สูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม ยิ่งเสียงจิ้งหรีดร้องเจื้อยแจ้วก็ยิ่งเพิ่มความเงียบสงัดให้กับสถานที่แห่งนี้ ลิลลี่และกรีนสองสาวเดินลึกเข้าไปในป่า กิ่งไม้และใบไม้ขูดเสียดกันเป็นเสียงเบา ๆ กลิ่นดินและความชื้นคละคลุ้งไปทั่ว“น่ากลัวจัง ลิลลี่ระวังด้วยนะ” กรีนร้องเสียงเบา มือเล็ก ๆ จับมือเรียวเล็กของลิลลี่ “ดูสิ ตรงนั้นมีไม้จันทน์หอมเยอะเลย” ลิลลี่ชี้ไปที่จุดที่มีสิ่งที่ต้องการอยู่ทั้งสองสาวเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ พวกเธอค่อย ๆ เดินสำรวจไปรอบ ๆ ต้นไม้ จนกระทั่งกรีนสังเกตเห็นแสงวาบ ๆ ที่ปลายเท้า“ลิลลี่ ! ดูนั่นสิ” กรีนร้องขึ้นมาด้วยความตกใจลิลลี่หันไปตามเสียงของกรีน แล้วร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเธอคือ อสรพิษยักษ์ตัวใหญ่สีดำ มันมีดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองพวกเธอด้วยความอาฆาตแค้น“วิ่งเร็ว !” ลิลลี่ร้องตะโกน ก่อนจะคว้ามือกรีนแล้ววิ่งหนีอย่างสุดชีวิตอสรพิษยักษ์ไล่ตามทั้งสองสาวอย่างไม่ลดละ มันเลื้อยไปมาอย่างรวดเร็ว พ่นพิษออกมาเป็นทางยาว กรีนและลิลลี่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต“นั่นบาบารัสหรือเปล่า ?” กรีนถามขึ้นม
บรรยากาศในงานที่มีแต่ความเงียบสงบ มีเพียงเขาที่อยู่ในห้องที่มีโลงศพของลิลลี่ตั้งอยู่ บาบารัสกำมือแน่นจนเล็บแทงลงไปในเนื้อ มืออีกข้างเกาะขอบโลงศพไว้แน่น ราวกับจะดึงน้องสาวกลับมาให้มีชีวิตอีกครั้ง แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกผิดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เขาโทษตัวเองที่ดูแลน้องสาวไม่ดีพอ เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้ เขาโทษตัวเองที่ปล่อยให้เธอต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับน้ำตาไหลอาบแก้มของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาพยายามที่จะกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ทำไม่ได้ เขาได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างสุดความสามารถ เสียงของผู้เป็นเจ้าเมืองทำให้บรรดาเหล่าทหารที่อยู่ภายนอกนั้นต้องเดินมาปิดประตูเพื่อให้ผู้เป็นนายนั้นได้มีเวลาส่วนตัวเพราะบาบารัสนั้นจะไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น“ลิลลี่...ทำไมต้องเป็นเธอ...ขอโทษนะที่พี่ดูแลเธอไม่ดีพอ” บาบารัสร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมกับก้มลงไปจูบหน้าผากของลิลลี่เบา ๆ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาสูญเสียคนที่เขารักที่สุดไปแล้ว “นายท่านขอรับ…กรีนฟื้นแล้ว” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องจัดงานเพื่อรายงานผู้เป็นเจ้านาย“อือ…” บาบารัสลุกขึ้นด้วยสายตาที่เปลี่
สภาพจิตใจของกรีนตอนนี้ถ้าหากให้เปรียบกับอะไรสักอย่างก็คงเป็นแก้วใบหนึ่งที่ร่วงหล่นลงจากที่สูงและกระทบพื้นแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี สายตาของบาบารัสที่ดูว่างเปล่าและไร้เยื่อใยเมื่อได้สบตากับเธอ เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป ร่างกายของเธอโรยแรงแทบจะไม่มีแรงเดินยังดีที่มีเหล่าทหารคอยเดินพยุงเธอไว้ มันแตกสลายไปหมด “เจ้าว่านางจะไหวหรือไม่” ทหารสองนายที่เดินอยู่ทางด้านหลังได้แต่ซุบซิบกันอย่างเอาใจช่วยหญิงสาว“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าแต่ทำไมนายท่านถึงเอานางมาไว้ที่นี่ ไหนว่าเป็นคนโปรดกันขนาดนี้ ไม่ถามนางให้แน่ชัด” ทหารอีกนายได้แต่ยักไหล่เหมือนไม่รู้คำตอบเช่นกันและมันก็ยังเป็นที่สงสัยของใครหลายคนตามทางที่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะหลังจากออกมาจากตัวเมืองได้พักใหญ่ทุกอย่างมันทั้งรกทึบและน่ากลัว เสียงสัตว์หลากหลายร้องคำรามกันอย่างน่ากลัว กรีนมองไปรอบ ๆ สีหน้ากรีนไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ภายในใจของเธอมันอัดอั้นจนอยากจะร้องไห้ออกมาเพราะที่แห่งนี้มันทั้งน่ากลัวและมืดมิด ไฟจากคบเพลิงก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้ แถมกลิ่นที่เหม็นอับน่ารังเกียจนั่นอีก น้ำตาที่กำลังจะไหลรื้นออกมาเธอก็พยายามที่จะกลั้นมันไว้ เสียงอาชา
แสงไฟริบหรี่ส่องไปกระทบกับผนังคุกที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนเลือด ทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายและความทารุณที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ค้างคาวตัวใหญ่บินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะ ร้องเสียงดังลั่นราวกับจะเตือนให้รู้ว่านี่คืออาณาเขตของมัน ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่ผู้บุกรุกด้วยความหวาดระแวง“เฮือก…!!” กรีนสะดุ้งเมื่อได้เห็นสัตว์ประหลาดนั้นด้วยตาตัวเองโดยมีทหารสองนายยืนอยู่ด้านข้างของเธอความมืดมิดและความเงียบสงัดถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของสัตว์ประหลาดที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นและใกล้ตัวเข้ามา เรื่อย ๆ ทำให้ผู้ที่อยู่ในคุกรู้สึกถึงความหวาดกลัวและความสิ้นหวังแสงไฟริบหรี่ส่องไปกระทบกับร่างของสัตว์ประหลาดที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ มันมีรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัว ผิวหนังสีดำขลับเต็มไปด้วยหนามแหลม ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองเหยื่อด้วยความโหดเหี้ยมผู้ที่อยู่ในคุกพยายามที่จะหนีเอาชีวิตรอด แต่ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของสัตว์ประหลาด มันกระโจนเข้ามาหาเหยื่อด้วยความเร็วแสง กรงเล็บแหลมคมของมันทิ่มแทงลงบนร่างกายของเหยื่ออย่างไม่ปรานีบรรยากาศในคุกเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ผ
ภายในห้องที่ดูเรียบง่าย แสงไฟจากตะเกียงสว่างไปทั่วทั้งห้อง มาร์ธาร์สตรีสูงวัยผู้เปี่ยมไปด้วยความฉลาดและอำนาจ เธอเงยหน้าขึ้นจากเอกสารกองโตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ“เข้ามาได้” เสียงของมาร์ธาร์เอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย ลูกชายของเธอเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าเคร่งเครียด “ท่านแม่ขอครับ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”สีหน้าของผู้เป็นลูกชายฉายแววจริงจังเมื่อได้รับข่าวมาจากสาวใช้ เขาเห็นทางที่จะเอาตัวหญิงสาวที่ตนหมายปองมาไว้ข้างกาย และท่านแม่ของเขาเองก็น่าจะต้องการตัวเธอเช่นกัน“เกิดอะไรขึ้น” มาร์ธาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววความกังวลลูกชายของเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าได้รับข่าวมาว่า กรีนผู้หญิงของบาบารัสถูกจับตัวไปขังที่คุก แอปดอร์ท ด้วยคำสั่งของมันเอง”“คุกแอปดอร์ท ! ที่แห่งนั้นมันเลวร้ายขนาดไหนกันทุกคนก็รู้ ทำไมมันถึงเอาเมียมันไปไว้ที่นั่น มันต้องการจะทำอะไรกันแน่” สีหน้าของมาร์ธาร์เปลี่ยนไปทันที แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย“ใช่ครับ ท่านแม่ มันเป็นคุกที่เลวร้ายที่สุดในบรรดาคุกของที่นี่ทั้งหมด มีแต่สัตว์ประหลาดและคนที่โหดร้ายอาศัยอยู่”“เราต้องไปเอานาง
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ
ร่างกำยำกอดรัดเอวบางแนบชิดตัว สายตาดุดันที่ยากจะกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ สิ่งที่เขาได้ยินสิ่งที่เขาได้เห็นว่าพวกบ้านั่นมันพูดถึงคนที่ตนรักว่าอย่างไร เพียงนึกถึงตอนที่อยู่ในบาร์นั่นเขาก็แบบอยากจะลุกอัดหน้าพวกนั้นให้แหลกคามือ เขามองจ้องไปยังร่างบางอยู่ภายใต้การควบคุมของตนในตอนนี้ เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นระริก “ข้าไม่ชอบ...”เสียงหายใจหอบที่ปนไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว สายตาไล่มองไปตามเรือนร่างอรชร เสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูบางเบาถึงแม้ด้านในจะเป็นผ้าหนาทึบแสงก็ตาม สันจมูกคมดอมดไปตามกรอบหน้าสวยไล่คลอเคลียคอระหงอย่างช้า ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นโครมครามเหมือนกลองรัว “อ๊ะ…บาบารัสอย่านะ” กรีนร้องออกมาพร้อมกับหดคอหนีด้วยความรวดเร็ว“อย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาแต่ใจที่สุด…คนใจร้าย” กรีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับดันอกแกร่งที่ยังคงอยู่เหนือร่างของเธอ“ใจร้ายเหรอ เจ้านั่นแหละที่ใจร้ายกับข้า” “ฉันเนี่ยนะ...”กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ บาบารัสยังคงไม่รู้ความผิดของตัวเอง ทั้
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้องของเธอ ร่างบางจึงหันกลับไปมองแต่ไม่คิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นบาบารัสที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบเซล้มลงไป“ตกใจอะไรขนาดนั้น” อสรพิษหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาจองเธอที่ดูสั่นไหวกลิ่นเครื่องหอมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัวหญิงสาว ทำให้บาบารัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าตัวเธอเข้ามาแนบชิดกายหนาของตนเอง พร้อมกับสูดดมความหอมจากตัวเธอ ยิ่งดมแล้วยิ่งหงุดหงิด ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามคอระหงก่อนจะขบกัดจนเป็นรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าเป็นอะไร” บาบารัสเอ่ยเมื่อถอนริมฝีปากของตนเองออกจากคอของเธอ“นายทำอะไร...ทำแบบนี้ทำไม” กรีนฉวยโอกาสถดตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม“ชุดนี่มันอะไร แล้วกลิ่นเครื่องหอมนี่อีก จะออกไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอออกไปไหนในเวลาแบบนี้ แถมชุดที่เธอใส่นั้นมันดูเย้ายวนสายตาชายอื่นเป็นอย่างมาก หากเป็นเขาเองก็แทบไม่อยากละส
เมื่อกรีนทำตามแผนของมิสไวท์ใจของเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เขานั้นสนใจเธอบ้าง แต่เขากลับเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร จากสีหน้าของเขาเหมือนจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเขาที่กำแน่นเธออยากจะเข้าไปจับมือของเขาเพื่อปลอบโยน แต่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน “เจ้าได้บอกกับบาบารัสไปแล้วใช่หรือไม่” มิสไวท์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกไป“ฉันบอกเขาไปแล้ว…เขาดู…” กรีนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วหลังจากนี้ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” หญิงสาวมองกรีนด้วยสายตามุ่งมั่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ การเดินทางกลับของกรีนจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และได้ถูกบอกต่อกันไปทั่วคฤหาสน์ บรรดาสาวใช้ต่างพากันเศร้าสร้อย เพราะไม่ได้อยากให้หญิงสาวนั้นกลับไป เพราะเธอทั้งใจดี และเป็นกันเองต่างจากคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปอีกวัน นัยน์ตาสีสวยมองตนเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเติมสี ตอนนี้มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับรูปวาด ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ฝ่ามือสวยสัมผัสไปที่ใบหน้าของตนเองอย่างช้าเพื่อชื่นชมความแปลกตาในวันนี้ “เจ้าสวยมากเลยนะกรีน ทำไม