แสงไฟริบหรี่ส่องไปกระทบกับผนังคุกที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนเลือด ทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายและความทารุณที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ค้างคาวตัวใหญ่บินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะ ร้องเสียงดังลั่นราวกับจะเตือนให้รู้ว่านี่คืออาณาเขตของมัน ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่ผู้บุกรุกด้วยความหวาดระแวง“เฮือก…!!” กรีนสะดุ้งเมื่อได้เห็นสัตว์ประหลาดนั้นด้วยตาตัวเองโดยมีทหารสองนายยืนอยู่ด้านข้างของเธอความมืดมิดและความเงียบสงัดถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของสัตว์ประหลาดที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นและใกล้ตัวเข้ามา เรื่อย ๆ ทำให้ผู้ที่อยู่ในคุกรู้สึกถึงความหวาดกลัวและความสิ้นหวังแสงไฟริบหรี่ส่องไปกระทบกับร่างของสัตว์ประหลาดที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ มันมีรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัว ผิวหนังสีดำขลับเต็มไปด้วยหนามแหลม ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองเหยื่อด้วยความโหดเหี้ยมผู้ที่อยู่ในคุกพยายามที่จะหนีเอาชีวิตรอด แต่ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของสัตว์ประหลาด มันกระโจนเข้ามาหาเหยื่อด้วยความเร็วแสง กรงเล็บแหลมคมของมันทิ่มแทงลงบนร่างกายของเหยื่ออย่างไม่ปรานีบรรยากาศในคุกเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ผ
ภายในห้องที่ดูเรียบง่าย แสงไฟจากตะเกียงสว่างไปทั่วทั้งห้อง มาร์ธาร์สตรีสูงวัยผู้เปี่ยมไปด้วยความฉลาดและอำนาจ เธอเงยหน้าขึ้นจากเอกสารกองโตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ“เข้ามาได้” เสียงของมาร์ธาร์เอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย ลูกชายของเธอเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าเคร่งเครียด “ท่านแม่ขอครับ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”สีหน้าของผู้เป็นลูกชายฉายแววจริงจังเมื่อได้รับข่าวมาจากสาวใช้ เขาเห็นทางที่จะเอาตัวหญิงสาวที่ตนหมายปองมาไว้ข้างกาย และท่านแม่ของเขาเองก็น่าจะต้องการตัวเธอเช่นกัน“เกิดอะไรขึ้น” มาร์ธาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดวงตาของเธอกลับฉายแววความกังวลลูกชายของเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าได้รับข่าวมาว่า กรีนผู้หญิงของบาบารัสถูกจับตัวไปขังที่คุก แอปดอร์ท ด้วยคำสั่งของมันเอง”“คุกแอปดอร์ท ! ที่แห่งนั้นมันเลวร้ายขนาดไหนกันทุกคนก็รู้ ทำไมมันถึงเอาเมียมันไปไว้ที่นั่น มันต้องการจะทำอะไรกันแน่” สีหน้าของมาร์ธาร์เปลี่ยนไปทันที แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย“ใช่ครับ ท่านแม่ มันเป็นคุกที่เลวร้ายที่สุดในบรรดาคุกของที่นี่ทั้งหมด มีแต่สัตว์ประหลาดและคนที่โหดร้ายอาศัยอยู่”“เราต้องไปเอานาง
บรรยากาศภายในบ้านที่ดูเงียบสงบและไม่มีภัย ทำให้กรีนรู้สึกแตกต่างจากคฤหาสน์ที่อยู่กับบาบารัส แม้ว่ามันจะไม่ได้มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อยแต่อยู่ที่นี่กลับสบายใจมากกว่า เสียงขีดเขียนตัวอักษรของป้ามาร์ธาร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง กรีนไม่มั่นใจว่าเธอทำหน้าที่อะไรในเมืองนี้เพราะไม่มีใครเคยบอกเธอเลยหญิงสาวมองไปรอบ ๆ บ้านที่เป็นลักษณะชั้นเดียวพื้นที่ไม่ได้กว้างมาก เหมือนที่แห่งนี้เป็นบ้านพักเพื่อรับรองเอาไว้ยามฉุกเฉิน เสียงบางอย่างที่ดังอยู่ในครัวคล้ายกับเสียงแก้วกระทบกัน กรีนเดินไปยังครัวที่ตอนนี้มาลูกของป้ามาร์ธาร์อยู่ในนั้น เขากำลังชงบางอย่างอยู่ก่อนจะหันมาเจอกับเธอเข้า“เจ้าเข้ามาทำอะไร ข้ากำลังเอาชาออกไปให้พอดี ไปนั่งพักผ่อนเถอะ”“เอ่ยฉันแค่เดินมาตามเสียง” กรีนเอ่ย“เจ้าไปนั่งเถอะเดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเอง” อาร์กอสเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวฝ่ามือสัมผัสที่หลังบางก่อนจะดันตัวเธอให้ไปนั่งที่โซฟามืออีกข้างของเขาถือถ้วยชา“ฉันเดินเองได้ ไม่เป็นไร” กรีนเอี้ยวตัวหลบก่อนจะนั่งลงลงที่โซฟาอาร์กอสโน้มตัวลงมาใกล้หญิงสาวนำถ้วยชาวางไว้ที่โต๊ะตัวเล็กและทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ สายตามองเธออย่างไม่ละสายตา“เจ้าทำตัวต
อาร์กอสสาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวอย่างเชื่องช้า ๆ เขาใช้สายตาร่ายมนตร์สะกดเธอให้หลงใหลไปกับดวงตาคู่สวยของเขา สายตาคมมองเท้าเล็กที่เดินตามแรงดึงดูดของเขา ชายหนุ่มให้เธอนั้นเดินเขามาในห้องนอนก่อนประตูค่อย ๆ ปิดลงอย่างเงียบเชียบ “มาแอบดูข้าแบบนี้…ไม่คิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าหรืออย่างไร”“…..”“เจ้างามมากในสายตาข้า อยากได้เจ้ามาเป็นภรรยาของข้า” มือหนาลูบไล้ไปตามใบหน้าสวยที่กำลังตกอยู่ในมนตร์สะกดของเขา“….”“บาบารัสมันต้องคลั่งตายแน่ ๆ หากเจ้าตกเป็นของข้าในวันนี้”ร่างหนาเคลื่อนตัวเข้าประคองใบหน้าเรียวสวยเข้ามาใกล้ ร่างหนาโน้มหน้าหมายจะสัมผัสริมฝีปากเรียวสวยมือแกร่งสอดประสานไปที่เส้นผมสลวยช้า ๆ ใบหน้าเอียงเอนเข้าหาริมฝีปากบางพลางเดินถอยหลังให้ร่างบางแนบชิดติดกำแพง หญิงสาวต้องมนตร์สะกดอย่างไม่รู้ตัวทำให้เธอนั้นเผลอไผลไปกับร่างหนาตรงหน้า“เหมือนจะมีคนมา...แต่ข้าไม่สนหรอก...ข้าสนใจแค่เจ้า” ริมฝีปากหนากดทาบทับบดเบียดปากบางอย่างนุ่มนวล“…”กรีนหลงไปกับมนตร์สะกดที่อาร์กอสได้ร่ายใส่เธออย่างไม่รู้ตัว ทำให้เธอนั้นไปตามสิ่งที่เขานำพาเสียงสูดดมลำคอขาวดังขึ้นอย่างหลงใหล กลีบปากหนาลากไล้ไปตามคอระหงอย่างเชื่อ
แสงจันทร์สีเงินสาดส่องลงมาบนผืนป่าอันเขียวชอุ่มในยามค่ำคืน กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่โอบล้อมเอาไว้ เสียงใบไม้ไหวพริ้วตามลม เหมือนบทเพลงกล่อมคืนอันเงียบสงบ บนหลังม้าสีดำสนิท บาบารัสมุ่งตรงพาร่างบาง มายังบ้านพักส่วนตัวท่ามกลางป่าลึกที่เขาไว้ใช้ในการพักผ่อนยามที่เขานั้นต้องการอยู่คนเดียว หรือในคืนเดือนสัมพันธ์อกสวยของหญิงสาวแนบชิดแผ่นหลังอันแข็งแรงของบาบารัสเพราะร่างของเธอห้อยอยู่บนบ่าแกร่ง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเริ่มได้สติมองดูความอัศจรรย์รอบกาย ต้นไม้พลิ้วไหวโอนเอนตามสายลม หิ่งห้อยตัวน้อยสล่องลอยไปมาเป็น กลุ่มก้อน ส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ต้นไม้เรืองแสงหลากสีสันเรียงรายอยู่สองข้างทาง “ที่นี่ที่ไหน…” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบา ๆ ในความเงียบสงบแต่ชายบทหลังม้ากลับได้ยินมัน“ได้สติแล้วสินะ” บาบารัสหันไปมองเธอเล็กน้อยพร้อมกับเร่งความเร็วของม้าหลังจากขี่ม้ามาเป็นเวลานาน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักของบาบารัสหวงนักหวงหนาไม่ยอมให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาได้ แต่ในตอนนี้เขากลับพาหญิงสาวมาในเขตแดนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึก สร้างขึ้นจากไม้และหิน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด
บาบารัสมองคนในอ้อมกอดที่สีหน้าเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ พร้อมรอยยิ้มที่ปราฏกขึ้นบนใบหน้าของเขาด้วยความพึงพอใจเขาอยากลงโทษเธอให้หนักสมกับที่เธอทำกับเขา และเธอจะต้องอยู่ในกำมือเขาและหนีไปไหนไม่รอด จะต้องเสียใจกับการกระทำของตนเอง ต้องทุกข์ทรมานในสิ่งที่เขาจะมอบบทลงโทษให้เธอต่อจากนี้ และเธอจะต้องร้องขอชีวิตจากเขาแขนแกร่งรวบเอวบางให้ขึ้นมานั่งที่ขอบบ่อน้ำใบหน้าของเขาอยู่ระดับช่วงอกของเธอ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่รอช้า ริมฝีปากหนาแบบเลียยอดอกเต่งตึงมืออีกข้างเคล้นคลึงอกสวยอย่างรุนแรง เขาได้เสียงหายใจหอบของร่างบางยิ่งทำให้เขานั้นพอใจเป็นอย่างมาก สายตาคมปราบรอบมองร่างบางที่หลับตาพริ้มอย่างสุขสม“ฮะ...อ๊า...อื้อ” มือเรียวสวยจิกไหล่หนาอย่างลืมตัวเชิดหน้าครางเสียงหวานเมื่อลิ้นสากแตะสัมผัสไปทั่วร่างกาย หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างกับจะระเบิดออกมาหยดน้ำเกาะกุมไปทั่วกายสาวเพิ่มความน่าหลงไหลให้กับเธอ ริมฝีปากสวยเผยอเพื่อหายใจด้วยอาการเสียวซ่าน เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อลิ้นหนาลากผ่านผิวเนียนของตัวเอง “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสุขสมหรอกนะ” มือหยาบจับเรียวขาสวยแยกออกจากก่อนไล้ปลายจมูกคมสันไปตามขาเรียวบางสูดดมกลิ่นกายหอมห
เสียงบทรักที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพัก เสียงครางของทั้งสองดังระงมไปทั่วห้อง กายหนาตอกอัดแกนใหญ่อย่างไม่ปรานี ร่างสวยโกงโค้งพร้อมถูกมือหนาช้อนบั้นท้ายสวยรับแรงกระแทกจากด้านหลัง รูสวยบวมแดงเกินกว่าจะต้านไหวเพราะกายหนาไม่ได้เข้ามาแค่ลำเดียว ศรีษะเล็กสั่นคลอนซุกหน้าลงบนเตียงกว้าง “ฮะ...อ๊า…เสียว” เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของหญิงสาวดังสลับกับเสียงครางหวานที่ดังอย่างต่อเนื่อง“อื้มห์…เจ้าทำให้...ข้า...ไม่อยากหยุด” บาบารัสเอ่ยขึ้นเพราะช่องทางที่ตอดรัดแกนกายเขาถี่รวดอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งอยากให้เขาเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น“อ๊ะ...กรี๊ด...ตรงนั้น” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อท่อนแกร่งกระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวของตนอย่างไม่เว้นระยะ ตอนนี้เธอปล่อยร่างกายและอารมณ์เป็นไปตามสัญชาตญาณ แรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านไม่สามารถยับยั้งสิ่งใดได้อีกต่อไป“ร้องแบบนั้น แหละ ข้าชอบ และเจ้าจงจำไว้ให้ดี !!” มือหนาช้อนใบหน้าสวยขึ้นมาสบเข้ากับตนก่อนจะจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา“อ๊ะ...อะไร...อึก” ดวงตาสวยสบเข้ากับร่างสูงที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ในใจของเธอนั้นหวาดหวั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แม้ตอนนี้ร่าง
เสียงอาชาเคลื่อนตัวมายังบ้านพักของผู้เป็นนาย ทุกอย่างเงียบลงเมื่อองครักษ์ทั้งสองลงจากหลังม้า วิลล์และเบลนเดอร์เดินตรงมายังหน้าประตูบ้าน ในใจกลับหวาดหวั่นหากสหายของเขานั้นกำลังทำบางสิ่งอยู่อาจจะโดนลงโทษเป็นได้ แต่ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่เขาต้องบอกนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะรวบรวมความกล้าละตัดสินใจ เคาะประตูเรียกปึก ปึก !เสียงที่ตอบกลับมาดันเป็นความเงียบ องครักษ์ทั้งสองจึงรวบรวมความกล้าอีกครั้ง และเคาะประตูเรียกพร้อมกับแนบหูไปที่ประตู เมื่อใบหูแนบชิดเขาก็ถึงกับตัวชาวาบเมื่อได้ยินเสียงครางหวานของหญิงสาวเล็ดลอดออกมา“เจ้าว่าเราต้องเรียกอีกครั้งไหมวิลล์” เบลนเดอร์หันไปถามความเห็นจากวิลล์ทั้งสองจึงพยักหน้าให้กัน“มันเรื่องด่วน เรียกเถอะ ค่อยไปรับกรรมทีหลังแล้วกัน” วิลล์แตะไปที่ไหล่ของอีกคนก่อนจะพร้อมใจกันเรียกสหายของตนที่กำลังสุขสมกับบทรักด้านใน“นายท่าน ขอรับ !!!!” เสียงของเบลนเดอร์“นายท่านเรื่องด่วนขอรับ” เสียงของวิลล์บทรักที่กำลังดำเนินอย่างมีความสุขแกนกายที่คลั่งค้างอยู่ในโพรงสวยต้องหยุดชะงัก หลังจากที่สุขสมกันมาหลายรอบ มือแกร่งอุ้มร่างสวยลงจากตัวพร้อมกับคลุมผ
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ
ร่างกำยำกอดรัดเอวบางแนบชิดตัว สายตาดุดันที่ยากจะกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ สิ่งที่เขาได้ยินสิ่งที่เขาได้เห็นว่าพวกบ้านั่นมันพูดถึงคนที่ตนรักว่าอย่างไร เพียงนึกถึงตอนที่อยู่ในบาร์นั่นเขาก็แบบอยากจะลุกอัดหน้าพวกนั้นให้แหลกคามือ เขามองจ้องไปยังร่างบางอยู่ภายใต้การควบคุมของตนในตอนนี้ เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นระริก “ข้าไม่ชอบ...”เสียงหายใจหอบที่ปนไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว สายตาไล่มองไปตามเรือนร่างอรชร เสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูบางเบาถึงแม้ด้านในจะเป็นผ้าหนาทึบแสงก็ตาม สันจมูกคมดอมดไปตามกรอบหน้าสวยไล่คลอเคลียคอระหงอย่างช้า ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นโครมครามเหมือนกลองรัว “อ๊ะ…บาบารัสอย่านะ” กรีนร้องออกมาพร้อมกับหดคอหนีด้วยความรวดเร็ว“อย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาแต่ใจที่สุด…คนใจร้าย” กรีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับดันอกแกร่งที่ยังคงอยู่เหนือร่างของเธอ“ใจร้ายเหรอ เจ้านั่นแหละที่ใจร้ายกับข้า” “ฉันเนี่ยนะ...”กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ บาบารัสยังคงไม่รู้ความผิดของตัวเอง ทั้
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้องของเธอ ร่างบางจึงหันกลับไปมองแต่ไม่คิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นบาบารัสที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบเซล้มลงไป“ตกใจอะไรขนาดนั้น” อสรพิษหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาจองเธอที่ดูสั่นไหวกลิ่นเครื่องหอมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัวหญิงสาว ทำให้บาบารัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าตัวเธอเข้ามาแนบชิดกายหนาของตนเอง พร้อมกับสูดดมความหอมจากตัวเธอ ยิ่งดมแล้วยิ่งหงุดหงิด ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามคอระหงก่อนจะขบกัดจนเป็นรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าเป็นอะไร” บาบารัสเอ่ยเมื่อถอนริมฝีปากของตนเองออกจากคอของเธอ“นายทำอะไร...ทำแบบนี้ทำไม” กรีนฉวยโอกาสถดตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม“ชุดนี่มันอะไร แล้วกลิ่นเครื่องหอมนี่อีก จะออกไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอออกไปไหนในเวลาแบบนี้ แถมชุดที่เธอใส่นั้นมันดูเย้ายวนสายตาชายอื่นเป็นอย่างมาก หากเป็นเขาเองก็แทบไม่อยากละส
เมื่อกรีนทำตามแผนของมิสไวท์ใจของเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เขานั้นสนใจเธอบ้าง แต่เขากลับเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร จากสีหน้าของเขาเหมือนจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเขาที่กำแน่นเธออยากจะเข้าไปจับมือของเขาเพื่อปลอบโยน แต่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน “เจ้าได้บอกกับบาบารัสไปแล้วใช่หรือไม่” มิสไวท์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกไป“ฉันบอกเขาไปแล้ว…เขาดู…” กรีนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วหลังจากนี้ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” หญิงสาวมองกรีนด้วยสายตามุ่งมั่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ การเดินทางกลับของกรีนจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และได้ถูกบอกต่อกันไปทั่วคฤหาสน์ บรรดาสาวใช้ต่างพากันเศร้าสร้อย เพราะไม่ได้อยากให้หญิงสาวนั้นกลับไป เพราะเธอทั้งใจดี และเป็นกันเองต่างจากคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปอีกวัน นัยน์ตาสีสวยมองตนเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเติมสี ตอนนี้มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับรูปวาด ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ฝ่ามือสวยสัมผัสไปที่ใบหน้าของตนเองอย่างช้าเพื่อชื่นชมความแปลกตาในวันนี้ “เจ้าสวยมากเลยนะกรีน ทำไม