ภายในที่แห่งนั้นดูเงียบสงบแต่กลับมีหมอกควันจาง ๆ ให้ได้สัมผัสถึงความเย็น แสงจันทร์กระทบส่งผิวน้ำระยิบระยับดูสวยงาม ตรงเบื้องหน้าเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก และมีทางขึ้นลงอยู่เบื้องหน้าเมื่อมองทอดออกไปยังกำแพงอีกฝั่งมีสายน้ำเป็นเหมือนน้ำตกไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีเสียงของสายน้ำทำให้รู้สึกสงบร่มเย็นแม้พื้นที่แห่งนี้จะไร้แสงสว่างก็ตาม เธอเดินตรงเข้ามาสังเกตว่าตรงกลางมีโต๊ะกลมคล้ายโต๊ะอาหารพร้อมกับแจกันสีสวยที่ประดับไปด้วยดอกไม้เรืองแสงสีม่วง มันทำให้เธอประหลาดใจว่าเขานั้นพาเธอมาที่นี่ทำไม
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม” กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเขานั้นหยุดเดินอยู่ที่ขอบทางลงของบ่อน้ำแห่งนั้น
“อย่าพูดมากตามข้ามา” เสียงหนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกับกวักข้อมือเรียกเธอให้เดินตามมายืนอยู่ข้าง ๆ ตน
ร่างที่อ่อนแรงเดินเข้าไปตามคำสั่งอย่างไร้กังขา เมื่อมาอยู่เคียงข้างเขาเธอหันไปมองใบหน้าคมจากด้านข้าง ใบหน้าที่หล่อเหลาเธอไม่เคยได้มองใกล้ขนาดนี้
“ลงไป…” สิ่งราบเรียบแต่ทรงพลังสั่งให้เธอนั้นเดินลงไปในบ่อน้ำ เพราะบ่อน้ำแห่งนี้สามารถรักษาบาดแผลของเธอได้และจะทำให้เธอดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นายว่ายังไงนะจะให้ฉันลงไปในนั้นน่ะหรือ” กรีนถามออกไปด้วยความสงสัยอีกเช่นเคย เพราะไม่แน่เขาอาจจะแกล้งเธออีกก็ได้ เขาอาจจะเหมือนทหารคนอื่นที่ต้องการจะแกล้งเธอ ทำให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้
“พูดมากจริง ๆ” ร่างหนาผลักหญิงสาวให้ตกลงไปในบ่อน้ำ โดยไม่ให้เธอตั้งตัว
“กรี๊ด !!”
ร่างบางร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อตัวได้สัมผัสกับน้ำ เพราะเขานั้นผลักเธอโดยไม่ให้เธอนั้นตั้งตัว แถมยังยืนมองเธอด้วยความสะใจแปลก ๆ ต้องการแกล้งเธอนั่นเองเธอได้แต่คิดแบบนั้น
ร่างบางที่อยู่ในบ่อน้ำแห่งนั้นและก่นด่าเขาในใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เธอรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่สัมผัสกับตัวเธอ เธอมองไปรอบ ๆ ตัวก่อนจะพบกับ เส้นแสงบางอย่างกำลังเรืองแสงอยู่ภายใต้น้ำกำลังห้อมล้อมรอบตัวเธอที่เปียกชุ่ม หมอกควันบางที่เคยปกคลุมอยู่เหนือหัวทางลดต่ำลงและลงมาที่ตัวเธอ ร่างกายของเธอสัมผัสความหนาวเย็นเพิ่มมากขึ้น และสัมผัสได้ว่ามีสิ่งผิดปกตินั้นไหลเข้าสู่ร่างกายของเธอ กระแสความเย็นบางอย่างสัมผัสที่แผลที่เกิดจากการต่อสู้และรอยฟกช้ำที่เธอได้รับมานั้นค่อย ๆ เริ่มจางลง
“อย่าคิดแม้จะเดินขึ้นมา” ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยเสียงน้ำเสียงวางอำนาจ ไม่ให้เธอนั้นขึ้นมาจากน้ำเพราะเห็นท่าทีของเธอที่อยากจะขึ้นมาข้างบนเมื่อตกลงไปในน้ำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแผลของฉัน...มันถึง... ”
หมอกบาง ๆ ที่ห้อมล้อมตัวเธอเริ่มจางลงและความหนาวเย็นที่ปกคลุมเริ่มจางออกไป ความอ่อนล้าที่เคยมีหายไปอย่างปลิดทิ้ง เหลือแต่เพียงความเจ็บและแสบของแผลอยู่ประปราย เธอเงยหน้ามองคนที่อยู่ด้านบนด้วยความสงสัย เขาก็กลับไม่พูดอะไรออกมา จนเวลาผ่านไปสักพัก ร่างกายของเธอที่มีบาดแผลอยู่เต็มตัวตอนนี้กลับกลายเป็นรอยช้ำเล็กน้อยเท่านั้น
“ขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว”
บาบารัสมองไปที่หญิงสาวที่ตอนนี้ตามเนื้อตัวของเธอได้กลับมาเป็นปกติมีเพียงแค่รอยช้ำเล็กน้อยจากบาดแผล เขาสังเกตว่าหมอกเวทมนตร์นั้นได้จางหายไปพร้อมกับกระแสเวทมนตร์ในสายน้ำที่เรืองแสงอยู่รอบตัวเธอเข้าไปรักษาบาดแผลให้หายหายไป
ร่างบางเดินขึ้นจากน้ำ ก่อนจะมองไปที่ร่างสูงเค้าไม่คิดจะช่วยเธอขึ้นมา เธอทำได้เพียงทำสายตาหงุดหงิดให้เกียรติเขาเมื่อขึ้นมาถึงด้านบนได้เรียบร้อยเธอก็สะบัดน้ำอย่างกับหมาตัวน้อยที่ต้องการให้ตัว ตนนั้นแห้งสนิท
“นี่เจ้า !! แกล้งข้ารึไง”
ร่างสูงตวัดสายตาดุร่างบาง ก่อนที่เค้าจะขึ้นเสียงใส่เธอ พร้อมกับจับไปที่แขนของเธอด้วยความรุนแรงพวกเขาไม่ชอบให้ใครมาทำให้เขาต้องเพิ่มคำ
“โอ้ยฉันเจ็บนะ ! ปล่อย ! ” กรีนสะบัดแขนของตัวเองออกจากการเกาะกลุ่มและขึ้นเสียงใส่เขาเช่นกัน
ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่ลดละก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นคนปล่อยเธอให้เป็นอิสระแทนความรู้สึกบางอย่างที่เข้ามาปะทะในหัวใจของเขา ทำให้ใจเขานั้นเต้นผิดปกติเขาเลยจำเป็นต้องปล่อยเธอ ร่างสูงแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า พบเข้ากับเจ้าหิ่งห้อยที่กำลังแข่งกันส่งแสงสว่างอย่างสวยงามเค้าไม่เคยเห็นมันมานานมากแล้ว
“จะพาฉันกลับได้หรือยังฉันหนาวจะแย่อยู่แล้ว” ร่างบางเอ่ยก่อนจะรวบผมขึ้นและเดินออกมาจากเขา แต่กลับถูกเขารั้งเอาไว้
“เดี๋ยว…” เขาพูดพร้อมออกแรงกระชากแขนของเธอที่กำลังจะเดินหนี
กรีนหันขวับไปมองด้วยความไม่พอใจ และเพียงได้สบตากัน บาบารัสกลับมองเห็นภาพความทรงจำบางอย่างที่เกี่ยวกับตนเองผ่านแววตาใสซื่อ มันฉายขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นระรัว สิ่งที่เห็นยังคงเป็นความทรงจำที่ตราตรึงในใจและไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมาเจอกันอีก มันทำให้เขาหวนคิดถึงในช่วงเวลานั้น
ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างสูงก็คว้าท้ายทอยของคนตัวเล็กเข้าหาตนและประทับริมฝีปากลงไปบนอวัยวะเดียว ภายในอกของเขายังคงเต้นระรัวด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาครอบครองริมฝีปากเธอบดขยี้ความอ่อนนุ่มอย่างไม่ทะนุถนอม ก่อนกรีนจะใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักอกคนตัวโตให้ถอยห่างจากตน เสียงหายใจหอบของร่างบางตรงหน้าและส่งสายตาที่ฉายแววความสับสน และตกใจมาให้เขา
“นาย…” กรีนร้องขึ้นด้วยความตกใจและสับสนพลางใช้หลังมือเช็ดปากตน
“อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ฉันจะพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน…แล้วไปพบข้าบนดาดฟ้าของคฤหาสน์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เอ่ยอย่างอย่างเย็นชา และปรายตามองดูร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาราวกับลูกกระต่ายตัวน้อย ๆ ในใจเริ่มคลายความสงสัยที่มี
ร่างหนาเดินนำเธอมาจนถึงคฤหาสน์ก่อนจะให้สาวใช้พาเธอนั้นขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับทำแผลที่เหลือเพียงความฟกช้ำให้กับเธอ เขาเดินมายังห้องทำงานของตนเองพลางจะนั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ปราสาทพระจันทร์ ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้นมันเหมือนคลายความสงสัยของเขาในคราที่เจอกันครั้งแรก มันเหมือนปลดล็อคความสงสัยที่มีต่อเธอ และการที่เขานั้นเฝ้าดูเธอมาตลอดเวลาร่วมเดือน เธอก็ไม่ได้ทำตัวมีพิรุธหรือทำตัวให้น่าสงสัยแม้แต่น้อย “นายท่านคะ…ข้าแต่งตัวให้นางเรียบร้อยแล้ว” สาวใช้เดินเข้ามาในห้องทำงานก่อนจะรายงานกับผู้เป็นนาย “อือ...บอกให้นางขึ้นไปรอข้าที่ดาดฟ้าได้เลย” บาบารัสเอ่ยก่อนจะหยิบเสื้อคลุมตัวโปรดมาถือไว้ในมือ “ค่ะนายท่าน” สาวใช้รับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปอย่างเร่งรีบ เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบทำให้กรีนถึงกลับหันมามองว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเธอกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะกระจกที่มีเครื่องประทินโฉมประหลาดตาวางอยู่มากมาย บรรดาสาวใช้กำลังประโคมทุกสิ่งอย่างลงบนใบหน้าสวยของเธอ และในห้องที่เธอพักอาศัยอยู่นั้น ไม่ใช่ห้องเดียวกันกับห้องที่เธอฟื้นขึ้นมาในตอนแรก สาวใช้ท
เมืองซิลล์เวอร์วิลล์แห่งนี้เป็นเมืองมืดที่ไม่มีแสงแดดตกถึง แต่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเพราะแสงอาทิตย์จะหวนกลับคืนมาปีละครั้งเท่านั้น และในแต่ละปีนั้นผู้คนในเมืองแห่งนี้จะออกมารับแสงแดดกันอย่าง เปรมปรี พร้อมกับออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดกันอย่างสุขสันต์และสนุกสนาน หากแต่แสงสว่างนั้นอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งวันพวกเขาถึงรีบใช้ชีวิตกันให้มีความสุขที่สุดเมืองแห่งนี้เหมือนถูกต้องคำสาปจากเหล่าบรรพบุรุษที่ต้องการแย่งชิงอำนาจกันและมันไม่สามารถแก้ไขคำสาปนั้นได้อีกแล้วเพราะต้นตระกูลของคำสาปนี้ได้สิ้นชีพกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครที่สืบทอดอำนาจคือแก้ไขคำสาปได้ มันจะไม่มีวันกลับมาสว่างสดใสได้อีก ทำได้เพียงแค่รอวันเวลาที่ดวงอาทิตย์หวนย้อนกลับคืนมาเพียงเท่านั้น แต่หากก็มีผู้คนมากมายที่ย้ายออกไปจากเมืองนี้เพราะไม่ได้อยากอยู่ภายใต้ความมืดนี้ไปตลอดชีวิต และคนเป็นเจ้าเมืองอย่างบาบารัสจึงต้องทำทุกวิถีทางให้ผู้คนนั้นอยู่รอดและมีความสุขที่สุด การที่เขาออกลาดตระเวนเมืองทุกครั้งเขามักจะมองหาพื้นที่ที่จะต้องสร้างเมืองให้มีความเจริญมากขึ้น หรือขยายอำนาจออกไปให้ผู้คนได้มีที่อยู่และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่แล้วไม่กี่ร้อยปี
แสงของดวงจันทร์เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำสาดส่องลงบนใบหน้าหวานของกรีนที่กำลังหลับใหลอย่างสงบ สายลมเย็นพัดโชยมาเบา ๆ พาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ในสวนลอยมาแตะจมูก ทำให้กรีนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ภาพแรกที่เห็นคือห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงนุ่มที่นอนอยู่นั้นอย่างคุ้นเคย เธอลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพความฝันในเมื่อคืนทำให้เธอนั้นมีความขุ่นมัวในใจในตอนนี้แต่เธอก็ได้แต่พยายามจะลืมมัน“นายหญิง ตื่นแล้วหรือคะ” เสียงหวานใสของสาวใช้ประจำตัวดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพกรีนพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สายตาของเธอสอดส่องไปรอบห้องอย่างช้า ๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้ให้เธอเป็นอย่างดี ทั้งชุดนอนที่ถูกพับเรียบร้อยบนเก้าอี้ และน้ำชาอุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“วันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ นายหญิง” สาวใช้ถามขึ้นอีกครั้ง“ก็ดีนะ ขอบใจนะที่ดูแลฉัน” กรีนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลสาวใช้ยิ้มกว้างก่อนจะรีบเข้ามาช่วยกรีนแต่งตัว ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วราวกับเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอหลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กรีนก็เดินออกจากห้องไปยังห้องอาหาร ซึ่งมีอาหา
บาบารัสและกรีนรีบวิ่งไปยังต้นเสียง พวกเขาพบกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ บาบารัสไม่รอช้า เขาใช้พลังวิเศษของเขาโจมตีสัตว์ร้ายจนมันต้องล่าถอยไป หญิงสาวหันมาขอบคุณ บาบารัส และกรีน ก่อนจะแนะนำตัวว่าเธอชื่อเอลฟ์ และเธอเป็นทายาทของผู้วิเศษที่พวกเขากำลังหา บาบารัสและกรีนต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาได้พบกับผู้วิเศษแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็มีความหวังที่จะพากรีนกลับไปยังโลกมนุษย์ได้เสียที เมื่อทุกอย่างเป็นตามที่หวัง ทุกคนต่างพากันเดินทางกลับพร้อมพาตัวผู้วิเศษคนนี้เดินทางกลับที่เมืองด้วย ระหว่างทางกรีนเองก็เล่าเรื่องราวของตนเองให้กับนางฟัง นางถึงกับตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว และการที่จะหาทางกลับไปนั้นมันก็ยากมากเสียจริง ๆ เพราะการเดินทางกลับข้ามเวลานั้นต้องมีผู้ที่เข้าขั้นบรรลุวิชาเวทมนตร์ระดับอาจารย์ถึงจะสามารถทำได้ หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ออกเดินทางสำรวจอาณาจักร บาบารัสพากรีนไปยังสถานที่ ต่าง ๆ มากมาย ทั้งป่าลึก ทะเลสาบ และเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ กรีนได้เรียนรู้วิชาการปกครองจากบาบารัสอย่างใกล้ชิด เธอสามารถพูดค
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดาสาวใช้ที่กำลังอยู่ในห้องครัวดังไม่หยุด ต่อให้จะมีเสียงกระทะกะละมังก็ยังสู้เสียงของพวกเธอไม่ได้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านเจ้าเมืองหรือเจ้านายของพวกเธอนั้นกำลังมีความรักอีกครั้ง แต่การที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนั้นพวกเธอก็ได้แต่ชั่งใจว่าหากความรักครั้งเก่าของผู้เป็นนายกลับมา ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอย่างไร “เธอว่านายท่านของพวกเรามีความรักจริงหรือ” “จากที่พวกข้าดูคิดว่านายท่านกับผู้หญิงคนนั้น น่าจะมีอะไรเหมือนที่พวกเราคิดนะ” บรรดาสาวใช้ต่างพากันออกความเห็นกันอย่างออกรสออกชาติและในขณะเดียวกันหญิงสาวที่ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกำลังออกมาเดินเล่นพักผ่อนก่อนที่จะต้องไปฝึกฝนต่อ และต้องไปคุยกับผู้วิเศษที่พาตัวมา “ถ้ากลับบ้านได้ฉันจะคิดถึงที่นี่ไหมนะ”สองขาเรียวที่กำลังเดินไปในสวนหลังคฤหาสน์ตามทางเดิน เตะหินก้อนเล็กอย่างเหม่อลอย “นายหญิงเข้าไปพักผ่อนด้านในเถอะค่ะ” สาวใช้ประจำตัวเดินมาเรียกให้หญิงสาวกลับเข้าไปพักผ่อนในคฤหาสน์ เพราะเธอได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานานแล้วและด้วยสภาพอากาศที่เย็นอาจจะทำให้เธอไม่สบาย “
ร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด และดูเหมือนเธอจะไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสของเด็กหนุ่มที่ต้องการจะปลุกเธอให้ตื่น เด็กหนุ่มที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาทำเพียงแค่สะกิดเธออยู่อย่างนั้น เขามองไปที่บาดแผลของเธอที่เลือดไหลไม่หยุด “เจ้าฟื้นสิ !” เด็กหนุ่มยังคงเรียกเธอพร้อมกับมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าพี่ชายของตนยังตามมาอยู่หรือไม่ “ข้าจะช่วยเจ้าก่อนแล้วกัน”เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะวางมือทาบลงไปบนที่แขนของเธออย่างช้า ๆ พร้อมกับไล่ไปตามเนินไหล่ของเธอจนมาถึงบริเวณไหปลาร้าที่มีบาดแผลฉกรรจ์ แสงเรืองรองสีทองที่ออกมาจากฝ่ามือของเขา มุ่งเข้าสู่บาดแผลฉกรรจ์ที่ไหปลาร้าของเธอ ดวงตาสีเหลืองทองที่เปล่งประกายขณะร่ายมนตร์ ใบหน้าซีดเซียว กับดวงตาของเธอที่ขยับเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้วถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่บาดแผล ก่อนจะกลับมาปกติอีกครั้งเนื่องจากบาดแผลได้สมานกันดีแล้ว และบริเวณบาดแผลกลายเป็นรอยแผลเป็นและลักษณะคล้ายเกล็ดงู เพราะหากได้ใช้เวทมนตร์ในการรักษาแล้วมันจะกลายเป็นเกล็ดที่คล้ายกับเกล็ดของเจ้าของผู้ที่เป็นคนรักษา “แบบนี้น่าจะพอช่วยได้ แต่ทำไมเจ
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมด ไม่ว่าจะท่านแม่ของเขาที่จบชีวิตตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุและตัวเขาเองที่ถูกรังแกอย่างสาหัส ทำให้บาบารัสต้องลุกขึ้นสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และไม่นานท่านพ่อของเขาก็ได้จากไป เขารู้ได้ทันทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ และมันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง เขาจะเอาพวกมันมาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะเรื่องท่านพ่อ หรือเรื่องท่านแม่ที่ท่านทั้งสองได้จากไปในเวลาใกล้เคียงกันผ่านไปหลายปีผู้เป็นพี่ชายได้ครองเมืองอย่างบ้าอำนาจและบ้าคลั่ง บาบารัสตัดสินใจว่าจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อไป เขาจะฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะพี่ชายและปกป้องตัวเองได้ “ข้าจะไม่มีวัน ให้เจ้าทำร้ายข้าอีก”เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนจะเริ่มทำการฝึกอย่างจริงจังเสียงหายใจหอบ และหยาดเหงื่อไหลไปตามร่างแกร่ง ร่างกายใหญ่กำยำที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในวัยเพศที่มากขึ้น การฝึกฝนของเขาทุกเช้าค่ำทำให้ร่างกายของเขาแกร่งขึ้นมาก บาบารัสจะตื่นขึ้นมาเพื่อฝึกฝนร่างกายในโรงฝึก เขาเริ่มจากการวิ่งรอบสนามฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ร่างกายของเขาจึงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถสูงใหญ่ได้เท่าก
ความรุ่งเรืองในตอนนี้สร้างความพอใจให้กับประชาชนมานับหลายร้อยปีที่มีผู้นำที่ดีอย่างบาบารัส ถึงเขาจะใช้อำนาจอย่างเอาแต่ใจก็ตาม แต่ทุกอย่างมันทำให้ประชาชนนั้นได้อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็น บาบารัสทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อทำตามคำสาบานและคำปฏิญาณของตนมาตลอดหลายร้อยปี ตอนนี้เขาก็ได้ขยายอาณาจักรได้อย่างภาคภูมิ เสียงของแตรยักษ์ดังขึ้นกลางลานประลอง เหล่าทหารยืนพร้อมเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสายตาจับจ้องไปที่เวที อาจารย์ยืนพร้อมหน้าพร้อมกับอาวุธคู่ใจ นักเวทย์ชูมือขึ้นสูงเพื่อหยุดเสียงแตรและเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับถือตำราเวทย์ขั้นสูง“ผู้จบการศึกษา ณ ที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ จงเปิดใจรับคำอวยพรจากเหล่าอาจารย์ผู้ล่วงลับ” นักเวทเปิดตำราเพื่อเริ่มร่ายคาถาคำอวยพรพร้อมเบิกทางฟ้าดินให้ยินดีบาบารัสนั่งมองพิธีที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ชานระเบียงบนคฤหาสน์ สายตาคมกริบจับจ้องไปที่หญิงสาวที่กำลังเข้าพิธีจบการศึกษา ร่างบางเดินไปตามทางที่กำหนดเพื่อขึ้นไปบนเวทีนายทหารหลายนายมองไปที่ร่างบางอย่างชื่นชม ถึงแม้ว่าเวลาที่ผ่านมาพวกเขานั้นจะไม่ได้ชื่นชอบเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความขยันอดทนและหมั่นเพียรของเธอจนกลายเป็นที่ยอมร
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ
ร่างกำยำกอดรัดเอวบางแนบชิดตัว สายตาดุดันที่ยากจะกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ สิ่งที่เขาได้ยินสิ่งที่เขาได้เห็นว่าพวกบ้านั่นมันพูดถึงคนที่ตนรักว่าอย่างไร เพียงนึกถึงตอนที่อยู่ในบาร์นั่นเขาก็แบบอยากจะลุกอัดหน้าพวกนั้นให้แหลกคามือ เขามองจ้องไปยังร่างบางอยู่ภายใต้การควบคุมของตนในตอนนี้ เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นระริก “ข้าไม่ชอบ...”เสียงหายใจหอบที่ปนไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว สายตาไล่มองไปตามเรือนร่างอรชร เสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูบางเบาถึงแม้ด้านในจะเป็นผ้าหนาทึบแสงก็ตาม สันจมูกคมดอมดไปตามกรอบหน้าสวยไล่คลอเคลียคอระหงอย่างช้า ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นโครมครามเหมือนกลองรัว “อ๊ะ…บาบารัสอย่านะ” กรีนร้องออกมาพร้อมกับหดคอหนีด้วยความรวดเร็ว“อย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาแต่ใจที่สุด…คนใจร้าย” กรีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับดันอกแกร่งที่ยังคงอยู่เหนือร่างของเธอ“ใจร้ายเหรอ เจ้านั่นแหละที่ใจร้ายกับข้า” “ฉันเนี่ยนะ...”กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ บาบารัสยังคงไม่รู้ความผิดของตัวเอง ทั้
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้องของเธอ ร่างบางจึงหันกลับไปมองแต่ไม่คิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นบาบารัสที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบเซล้มลงไป“ตกใจอะไรขนาดนั้น” อสรพิษหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาจองเธอที่ดูสั่นไหวกลิ่นเครื่องหอมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัวหญิงสาว ทำให้บาบารัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าตัวเธอเข้ามาแนบชิดกายหนาของตนเอง พร้อมกับสูดดมความหอมจากตัวเธอ ยิ่งดมแล้วยิ่งหงุดหงิด ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามคอระหงก่อนจะขบกัดจนเป็นรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าเป็นอะไร” บาบารัสเอ่ยเมื่อถอนริมฝีปากของตนเองออกจากคอของเธอ“นายทำอะไร...ทำแบบนี้ทำไม” กรีนฉวยโอกาสถดตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม“ชุดนี่มันอะไร แล้วกลิ่นเครื่องหอมนี่อีก จะออกไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอออกไปไหนในเวลาแบบนี้ แถมชุดที่เธอใส่นั้นมันดูเย้ายวนสายตาชายอื่นเป็นอย่างมาก หากเป็นเขาเองก็แทบไม่อยากละส
เมื่อกรีนทำตามแผนของมิสไวท์ใจของเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เขานั้นสนใจเธอบ้าง แต่เขากลับเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร จากสีหน้าของเขาเหมือนจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเขาที่กำแน่นเธออยากจะเข้าไปจับมือของเขาเพื่อปลอบโยน แต่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน “เจ้าได้บอกกับบาบารัสไปแล้วใช่หรือไม่” มิสไวท์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกไป“ฉันบอกเขาไปแล้ว…เขาดู…” กรีนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วหลังจากนี้ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” หญิงสาวมองกรีนด้วยสายตามุ่งมั่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ การเดินทางกลับของกรีนจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และได้ถูกบอกต่อกันไปทั่วคฤหาสน์ บรรดาสาวใช้ต่างพากันเศร้าสร้อย เพราะไม่ได้อยากให้หญิงสาวนั้นกลับไป เพราะเธอทั้งใจดี และเป็นกันเองต่างจากคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปอีกวัน นัยน์ตาสีสวยมองตนเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเติมสี ตอนนี้มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับรูปวาด ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ฝ่ามือสวยสัมผัสไปที่ใบหน้าของตนเองอย่างช้าเพื่อชื่นชมความแปลกตาในวันนี้ “เจ้าสวยมากเลยนะกรีน ทำไม