หน้าหลัก / วาย / อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว / ตอนที่6. ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือน

แชร์

ตอนที่6. ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือน

ผู้เขียน: Readed
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-18 23:52:12

ตอนนี้ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือนอีกครั้งหนึ่ง      

[ภารกิจ (เด็ดสมุนไพร)   ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านความจำไม่ดี ต้องการให้ท่านไปที่ดันเจี้ยนถ้ำด้านหลังภูเขา สามารถเข้าดันเจี้ยนได้จากจุดรับส่งด้านตะวันออกของหมู่บ้าน หลังจากที่ท่านปราบสัตว์ประหลาดในถ้ำได้แล้ว จะได้รับสมุนไพรดอกพระจันทร์ครึ่งซีก ขอเตือนด้วยความหวังดี ดันเจี้ยนนี้ต้องตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างน้อยสามคนจึงจะผ่าน กรุณาอย่าฉายเดี่ยว]

ยังไม่ทันได้ฉายเดี่ยว เจียงอันเหอก็เริ่มคิดแล้วว่าจะไปหาอีกสองคนมาจากไหน เฮ้อ ลองไปดูที่ประตูดันเจี้ยนก่อนดีกว่า เผื่อที่ประตูดันเจี้ยนจะยังมีเจ้าเด็กน้อยตะโกนว่า “ตี้เข้าดันเจี้ยนสองขาดหนึ่ง แปดขวบขึ้นไป ทัก”

เนื่องจากตอนนี้เป็นตอนกลางคืนแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไปที่ลานกลางหมู่บ้านกัน ดังนั้นตลอดทางที่เจียงอันเหอเดินมาจึงมีแสงไฟลอดออกมาจากห้องสองแห่ง ส่วนที่อื่นๆ นั้นเงียบสงบ

 “ศิษย์พี่! ข้าอยากออฟไลน์!” 

“ไม่ได้หรอก ศิษย์น้อง ระยะเวลาออนไลน์ของเจ้าในสัปดาห์นี้ยังไม่นานพอ”

“แต่ว่าข้าอยากฝึกบำเพ็ญในโลกความจริงนี่นา"

“เฮ้อ อดทนสักหน่อยเถอะนะ อย่างไรเสียกฎระเบียบที่เหล่าผู้อาวุโสตั้งขึ้นมาพวกเราก็ต้องรักษา ศิษย์พี่ก็เป็นเพื่อนเจ้าอยู่นี่อย่างไรเล่า”

“ศิษย์พี่...”      

เจียงอันเหอ ???      

จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงสนทนามาจากหลังคาบ้าน ทำไมถึงรู้สึกแปลกได้ขนาดนี้นะ 

“ศิษย์พี่ ด้านล่างมีคนแอบฟังพวกเราอยู่!” สิ้นเสียง เงาคนสองเงาก็กระโดดลงมาจากหลังคาบ้าน มาอยู่ตรงหน้าของเจียงอันเหอ

สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่า ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบ คนที่อายุน้อยกว่าดูโกรธขึ้งเล็กน้อย ชี้ไปที่เจียงอันเหอแล้วพูด “เจ้ามาแอบฟังพวกเราสนทนากันได้อย่างไร”       

เจียงอันเหอทำหน้าไม่รู้เรื่อง “...ข้าเปล่า ไม่ใช่นะ ข้าแค่ผ่านมาทางนี้เท่านั้น!” 

“จริงหรือ” เด็กหนุ่มมองเขาอย่างสงสัย หนุ่มที่อยู่ข้างๆ ยิ้มให้ ลูบหัวเขา “เอาละ เสี่ยวซาน อย่าโวยวายไป สหายท่านนี้ ดึกดื่นป่านนี้ เหตุใดจึงมาเดินอยู่แถวนี้”

พวกนายก็กำลังซุบซิบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เจียงอันเหอกลอกตา “ ข้าตั้งใจจะไปดันเจี้ยนหลังภูเขาที่อยู่ด้านตะวันออกของหมู่บ้าน แต่จะว่าไป สหายผู้คุมเกมคนนั้นของเจ้าออกจะเข้มงวดไปหน่อยนะ...”       

สองคนฟังแล้วต่างทำหน้างุนงง ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ...ถ้าเจ้าอยากไปดันเจี้ยน มิสู้พวกเราไปด้วยกัน เสี่ยวซานจะได้เห็นด้วยว่าสัตว์ประหลาดหน้าตาเป็นอย่างไร”

“อย่างนั้นก็ดีเลย ข้ากำลังกลุ้มที่ไม่มีเพื่อนร่วมเดินทางพอดี” เจียงอันเหอเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาอย่างสนุก อย่าเพิ่งพูดถึงเด็กหนุ่มเลย ชายหนุ่มเองก็คงจะฉกาจไม่หยอก  น่าจะเป็นผู้เล่นที่ฝากตัวเข้าสำนักเซียนแล้ว

ทั้งสามออกเดินไปยังประตูสำรอง เดินพลางคุยพลาง ชายหนุ่มมีชื่อว่ามู่ชิง ฝากตัวเข้าสู่สำนักเฉียนหยวนจงเป็นที่เรียบร้อย ฟังจากที่เขาบรรยาย เฉียนหยวนจงเป็นสำนักที่ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกบำเพ็ญเซียน แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงศิษย์นอกสำนัก     

ส่วนเด็กหนุ่มชื่อชางไป๋ซาน เป็นศิษย์น้องของมู่ชิง ที่พวกเขามาปรากฏตัวที่หมู่บ้านมือใหม่ก็เพราะอยากจะให้ชางไป๋ซานทำความคุ้นเคยกับมนตร์คาถา     

เจียงอันเหอฟังเขาบรรยายถึงเรื่องราวต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นในสำนักเฉียนหยวนจง กับทัศนียภาพความงามของบรรพตเซียนที่สำนักเฉียนหยวนจง ก็บังเกิดความรู้สึกขึ้นในใจ ต่อไปเขาก็อยากฝากตัวกับสำนักเซียนที่ยิ่งใหญ่แบบนี้

ชางไป๋ซานเห็นสีหน้าของเจียงอันเหอก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ กำลังจะออกวาจากระทบกระเทียบ ศิษย์พี่ก็ห้ามไว้เสียก่อน จึงได้แต่เบ้ปาก ไม่สนใจ

ในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงดันเจี้ยนด้านหลังภูเขา เจียงอันเหอจึงเห็นว่าที่นี่ไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียว ไม่เหลือภาพคนจำนวนมากดุจทะเลคนตามที่เขาคิดไว้แต่แรก

มู่ชิงราวกับอ่านความสงสัยบนใบหน้าเขาออก จึงอธิบายให้เขาฟังว่า “เกมนี้มีดันเจี้ยนน้อยมาก นอกจากดันเจี้ยนรวมขนาดใหญ่ ก็มีแค่ดันเจี้ยนตามเนื้อเรื่องตัวละครแล้ว ซ้ำดันเจี้ยนเนื้อเรื่องยังมีคนใช้ได้แค่นิดเดียว คนที่เข้าไปได้มีแต่ตัวละครตามที่เนื้อเรื่องกำหนด”

เจียงอันเหอพยักหน้าเข้าใจ ทั้งสามคนจึงเดินไปยังจุดวาร์ป

ราวกับเพียงพริบตา ภาพที่อยู่ตรงหน้าเจียงอันเหอก็กลายเป็นป่าเขามืดครึ้ม  ด้านในมีถ้ำที่มืดสนิทอยู่ถ้ำหนึ่ง มู่ชิงเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีแสงสว่าง จึงร่ายคาถาสองสามคำที่เจียงอันเหอฟังไม่ออกออกมา จากนั้นในมือของเขาก็มีเปลวไฟดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ส่องสว่างไปไกลสักสิบเมตรได้

มู่ชิงกำชับทั้งสองคน “พวกเจ้าเดินตามหลังข้าแล้วกัน อย่าเถลไถลล่ะ” ไม่รู้ว่าเขาชักกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากไหน  จากนั้นจึงพาพวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในถ้ำ

เจียงอันเหอยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คุ้นหูคุ้นตานัก แต่เป็นเพราะมองไม่เห็นในถ้ำทั้งหมด  เขาจึงยืนยันไม่ได้

จนกระทั่งทั้งสามเดินเข้ามาในส่วนลึกของถ้ำ  จึงเห็นบอสดันเจี้ยน เจียงอันเหอถึงได้นึกออกว่าความคุ้นเคยนี้มาจากไหน

บอสที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา มีสามหัว หกขา สามปีก ก็คือวิหคซ่างฟู่นั่นเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่7.ไม่เป็นไรหรอก

    เขาเจอวิหคซ่างฟู่เป็นครั้งที่สามแล้ว เจียงอันเหอจึงไม่ได้หวาดกลัวขนาดนั้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเคยโดนวิหคซ่างฟู่พาบินโฉบไปโฉบมาในตอนกลางวัน ตอนนี้เขาเดินตามหลังมู่ชิง รู้ดีว่าปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองแน่นอน ตอนนี้จึงเริ่มคิดวิเคราะห์หาความแตกต่างของหัววิหคซ่างฟู่ทั้งสามส่วนอีกสองคนหน้าตาดูผ่อนคลาย หลังจากที่มู่ชิงเห็นเงาของวิหคซ่างฟู่อย่างชัดเจนแล้ว จึงเก็บกระบี่ของตนเข้า หันไปกำชับศิษย์น้องว่า “เสี่ยวซาน วิหคซ่างฟู่ตัวนี้รับมือได้ง่ายมาก ครานี้เจ้าขึ้นไปเองแล้วกัน ศิษย์พี่จะดูอยู่ด้านหลังให้”ชางไป๋ซานได้ยินเข้าแม้ว่าจะมีสีหน้าไม่เต็มใจ แต่ก็ยังขึ้นหน้าเผชิญกับวิหคซ่างฟู่ที่ตั้งท่าพร้อมรบเจียงอันเหอมองอึ้งอยู่ด้านข้าง “ช้าก่อน เขาจะตีบอสคนเดียวหรือ” เด็กหนุ่มคนนี้ดูเรี่ยวแรงมัดไก่ยังไม่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขายืนประจันหน้ากับวิหคซ่างฟู่ที่ตัวโตกว่าไม่รู้กี่เท่า ยิ่งทำให้คนดูอกสั่นขวัญแขวน“ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยวซานเก่งกาจมากนะ” มู่ชิงไว้ใจเขามาก หากกลับกลัวว่าเจียงอันเหอจะเป็นฝ่ายเกิดเรื่อง “เจ้ากระเถิบเข้ามาด้านหลังข้าอีกนิด ระวังอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ”เจียงอันเหอเขยิบเข้าไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่8. เกี่ยวกันตรงไหนเล่า

    มู่ชิงเห็นสีหน้าซาบซึ้งขอบคุณของเจียงอันเหอเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาก จึงได้แต่เอ่ยปากแก้ต่างแทนศิษย์น้องของตน “เสี่ยวซานก็นิสัยแบบนี้แหละ ปากคมดุจมีด ใจอ่อนดุจเต้าหู้ เขายินดีช่วยเจ้ามากเลยนะ เพียงแต่ปากร้ายไปหน่อย” เจียงอันเหอมองเขาอย่างสบายอารมณ์ พูดว่า “ศิษย์พี่อย่างท่าน น่าจะไม่ได้เป็นอย่างสบายเท่าไหร่นัก” มู่ชิงก้มหน้ายิ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังแฝงด้วยความไม่เข้าใจบางประการ “ข้าหรือ ได้เป็นศิษย์พี่ของเขานับเป็นวาสนาที่ได้สั่งสมมาหลายชาติ เดิมทีเขาไม่น่าจะได้เข้าสำนักนี้หรอก ล้วนเป็นเพราะข้า...” เขาหยุดพูดกะทันหัน ผินหน้าเข้าหาความมืด “คำพูดพวกนี้เจ้าอย่าไปพูดกับเสี่ยวซานล่ะ คนอย่างเขาลำพองตนง่าย” เกี่ยวกันตรงไหนเล่า เจียงอันเหอพยักหน้าเลื่อนลอย ชางไป๋ซางถือดอกไม้ใบหญ้ากลับมาพอดี “นี่ เจ้าดูสิว่าใช่สิ่งนี้หรือไม่ ศิษย์พี่ พวกท่านพูดอะไรกัน” “พูดว่ากระบวนกระบี่เมื่อครู่ของเจ้าคมแค่ไหน อันเหอบอกว่านับถือเจ้ายิ่งนัก” เจียงอันเหอกำลังรับดอกพระจันทร์ครึ่งซีกมาจากมือชางไป๋ซาง ยังไม่ทันได้พูดตอบโต้ ระบบก็เด้งกรอบคำเตือนว่าเสร็จสิ้นภารกิจขึ้นมา เขาจึงได้แต่กลืนคำพูดที่ติด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่9.ออนไลน์อีกครั้ง

    นอนเร็วตื่นเช้าดีต่อสุขภาพ เจียงอันเหอตื่นก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดังขึ้นสิบนาทีเหมือนเดิม เขาอดชื่นชมนาฬิกาชีวิตที่อยู่ในร่างกายตัวเองไม่ได้ ในตอนที่เบียดกันไปมาในรถไฟใต้ดิน เจียงอันเหอได้ยินคนข้างๆ กำลังคุยกันเรื่อง [บำเพ็ญเซียน OL] คำพูดเต็มไปด้วยความเกลียดชังลึกซึ้งต่อเนื้อเรื่องและนโยบายเกม คาดว่าน่าจะเป็นพวกที่ยังหาเบาะแสในเกมไม่ได้เจียงอันเหออดอุทานออกมาไม่ได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีนัก ดูท่าเย็นนี้หลังจากเลิกงานก็คงต้องพยายามในภารกิจต่อไปอย่างไรเสียจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อเงินเดือนที่สะสมมาสามเดือน! พอออนไลน์อีกครั้ง โลกของเกมก็ดำเนินไปสิบวันแล้ว สถานที่เจียงอันเหอออนไลน์เป็นหน้าประตูบ้านของหนิวเอ้อร์พอดี พอมาถึงเขาก็เห็นหนิวเอ้อร์กำลังซ่อมเกวียนและให้อาหารม้าอยู่ “เฮ้ น้องชาย เหตุใดจึงเพิ่งมา วันนั้นข้ารอเจ้าไม่ไหว จึงไปก่อนล่วงหน้า” หนิวเอ้อร์เห็นเขา ชายหนุ่มผู้เปิดเผยคนนี้จึงถามเขาว่ายังอยากจะไปหมู่บ้านชมจันทร์อีกมั้ย ตอนนี้เขากำลังเตรียมตัวเข้าไปในตัวเมืองเจียงอันเหอรีบขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ ปีนขึ้นรถเกวียนเสียงดังกุกกัก แล้วออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับหนิวเอ้อร์ หนิวเอ้อร์เองก็เค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่10. ว่ากันว่าสองร้อยปีก่อน

    เพิ่งสิ้นเสียง สีหน้าของเขาก็เริ่มแข็งทื่อขึ้นมา เจียงอันเหอรออยู่สักครู่ แต่ไม่ได้รอดู เขาใช้มือวาดไปวาดมาตรงหน้ามนุษย์ประหลาด เห็นมนุษย์ประหลาดไม่มีปฏิกิริยา เดาว่าเขาคงเข้าไปในสถานการณ์บางอย่างแล้ว เหมือนกับวิหคซ่างฟู่ในตอนนั้น เจียงอันเหอจึงตอบออกไปว่าตกลง มนุษย์ประหลาดจึงได้พูดออกมา “หลังจากที่ปิศาจกุ่ยเยวี่ยจุนได้ทิ้งวิญญาณเอาไว้ที่นี่แล้ว ปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนจึงใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทยอยกันมากราบไหว้ไม่หยุดหย่อน หรืออาจจะเรียกว่าหาสมบัติก็ได้ จนทำให้สถานที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยไอปีศาจ พวกที่มาบำเพ็ญเซียนจึงได้สร้างถ้ำไว้ที่นี่ นักบำเพ็ญก่อนยุคจินตานขออยู่ที่นี่เพื่อรักษาการได้ สำนักใหญ่หลายสำนักจะเป็นผู้ดูแลค่าตอบแทน และก็เป็นการปกป้องคนธรรมดาอีกทางหนึ่งด้วยมนุษย์ประหลาดพูดๆ ไปก็ตบปากตัวเอง แล้วลูบคลำแหวนที่อยู่บนมือ หยิบสุราที่บรรจุในน้ำเต้าออกมาดื่ม แล้วเล่าต่อ “ว่ากันว่าสองร้อยปีก่อน ผู้บำเพ็ญเซียนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นผู้บำเพ็ญพเนจรไร้สำนัก เดิมทีก็ไร้อุปสรรคใดๆ อยู่หรอก หากแต่ในกลางดึกของคืนหนึ่ง คนจำนวนมากเห็นว่าแสงพระจันทร์เป็นสีเลือดวงใหญ่ พวกปิศาจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-18
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่11.จัดการอารมณ์ตนเอง

    ฉากตัดย้อนกลับไปที่ถ้ำเก่าทรุดโทรม เจียงอันเหอถอนหายใจยาวออกมา ไม่ว่าอย่างไรฉากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ก็กวนใจเขาไปไม่น้อยเขาจัดการอารมณ์ตนเอง ฉากเมื่อครู่ทำให้เขาสัมผัสถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ในเส้นทางภารกิจของเขาแล้วว่าได้เดินมาในทางบำเพ็ญเซียนแน่แล้ว คิดมาถึงตรงนี้ เจียงอันเหอจึงเปิดระบบขึ้นเตรียมตรวจสอบภารกิจในเวลานี้ ประตูถ้ำที่เปิดอยู่มีเสียงนกประหลาดร้องออกมาเจียงอันเหอมองไปตามเสียง เห็นสัตว์ที่คล้ายนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวหนึ่ง หากแต่เป็นนกสีเขียวที่มีขาเดียวกระโดดโหยงเหยงเข้าไปในถ้ำ นกตัวนั้นก็มองเห็นเจียงอันเหอด้วย มันเอียงหัว แล้วพ่นควันขาวก้อนหนึ่งออกมาจากจะงอยปากมาทางเขาหลังจากที่เจียงอันเหอโดนไล่ล่าจากวิหคซ่างฟู่ เขาก็มีเงามืดเกี่ยวกับนกอยู่ในใจ ในตอนที่เขาเห็นนกตัวนี้ก็เกิดความระแวดระวังขึ้นในใจ จึงรีบหมอบกลิ้งลงไปบนพื้น หลบควันสีขาวก้อนนั้นกลุ่มควันคละคลุ้งอยู่ตามผนังถ้ำ ราวกับว่าก่อเกิดมนตร์คาถาอันใดอันหนึ่งขึ้น ล่องลอยผ่านแสงสว่างวาบแสงหนึ่งไป โดยที่ไม่ได้ทำลายผนังประตูถูกนกเขียวขวางเอาไว้ เจียงอันเหอจึงได้แต่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่12.มุ่งหน้าไปเมืองผิงหนาน

    รอจนหลังเจียงอันเหอเลิกงานแล้วออนไลน์ในวันที่สอง เกมก็ผ่านไปแล้วกว่าเกือบครึ่งเดือนหนิวเอ้อร์กำลังจะขับเกวียนออกจากหมู่บ้านชมจันทร์มุ่งหน้าไปยังเมืองผิงหนานพอดี เห็นเด็กคนที่เขาหาอยู่สองสามวันเมื่อครึ่งเดือนก่อนยืนตะลึงงันอยู่กลางถนน “เฮ้ เด็กคนนั้นน่ะ!” หนิวเอ้อร์คิดอยู่นานจึงรู้สึกว่าดูเหมือนตัวเองจะไม่รู้ชื่อเด็กคนนั้น จึงได้แต่ตะโกนหาสองสามทีพอเจียงอันเหอออนไลน์ก็ได้ยินเสียงท่านพี่หนิวเอ้อร์ จึงอดอุทานออกมาไม่ได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีเหลือเกิน ขานเรียกพลางวิ่งไปหาหนิวเอ้อร์พลางทั้งคู่คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จึงนั่งรถม้าออกไปจากหมู่บ้านด้วยกัน มุ่งหน้าไปเมืองผิงหนานเมืองผิงหนานเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ และก็เป็นสถานีแรกที่ผู้เล่นมือใหม่ส่วนมากมาเยือนหลังออกจากหมู่บ้าน ดังนั้นแม้ว่าเมืองจะเล็กไปหน่อย แต่ตลาดและโรงน้ำชามักจะมีคนแน่นเสมอ ครื้นเครงเป็นที่สุดหนิวเอ้อร์พาเจียงอันเหอมาถึงหน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ช่วยเขาสอบถามข้อมูลเล็กน้อยก็กล่าวอำลา ขับเกวียนที่บรรทุกสินค้าไว้เต็มมุ่งหน้าไปยังตลาดเจียงอันเหอโผล่หน้าไปดูที่หน้าประตูโรงน้ำชา ด้านในมีคนจำนวนมากที่กำลังจิบน้ำชาฟังนิทาน ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 13.เจ้าของกระบี่คือใครกัน

    ด้านหน้าสายตาเจียงอันเหอมืดดำไปหมด พอเขาได้สติ ก็เห็นว่าตัวเองถูกส่งไปยังไม้คาน ไกลออกไปเป็นสิ่งปลูกสร้างสลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ ด้านหลังเป็นป่าไม้เงียบสงบร่มรื่น ใต้เท้าเป็นพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปเขากลืนน้ำลาย กำเชือกที่อยู่บนคานแน่น รู้สึกราวกับว่าคานไม้นี้พร้อมจะหักลงมาได้ทุกเมื่อเจียงอันเหอทำใจอยู่ครู่หนึ่งก็เดินขึ้นหน้าช้าๆ พอเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างใกล้เข้ามาทุกที ถึงได้มองเห็นชัดว่ามันเป็นอาคารสูงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ประหนึ่งครีบปลา กระเบื้องสีแดงชาดส่องสะท้อนภายใต้แสงแดดเป็นประกายจางๆ บนหลังคาแกะสลักรูปอสูรไว้ ดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิตหลังจากที่เดินลงสะพาน ตึกที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่เพียงคืบ เจียงอันเหอเพิ่งจะถอนหายใจ เด็กชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ถือกระบี่สำริดเดินเข้ามา “ผู้ ผู้มาช้าก่อน! ขอถามหน่อย ท่าน ท่าน ท่านมีธุระอะไร” เด็กชายอายจนหน้าแดงก่ำ พูดจาตะกุกตะกัก แม้ว่าน้ำเสียงจะค่อนข้างดุ แต่เจียงอันเหอมองเด็กชายที่สูงกว่าตัวเองไม่มากเท่าไหร่คนนี้ ก็รู้สึกอยากหัวเราะเขาหยิบด้ามกระบี่ออกมา รีบพูดตอนที่เด็กชายชักสีหน้า “ข้าถูกผู้รับช่วงส่งมาที่นี่ เขาบอกว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 14.คงไม่มีผีหรอกมั้ง

    เจียงอันเหอตรวจสอบดูตารางเรียนที่เหอเหนียนทิ้งไว้ให้ ด้านบนระบุไว้ว่าเป็นชั้นเรียนระดับต้น ชั้นเรียนวันแรกใช้เวลาสองชั่วยามในการเรียนเรื่องการกำหนดชีพจรและจุดลมปราณ เริ่มตั้งแต่เวลาเฉินไปจนถึงเวลาอู่ ซึ่งก็คือเริ่มชั้นเรียนตอนเจ็ดโมงเช้าวันนี้เขาออนไลน์เกมตอนบ่าย หลังจากที่วุ่นวายเป็นเวลาเนิ่นนาน ด้านนอกก็เริ่มเป็นเวลาวิกาล ห่างจากเวลาเรียนออกไปสองสามชั่วโมง ตอนนี้จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ ดังนั้นเจียงอันเหอจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นข้างนอก ตราบใดที่อยู่ภายในตึกรังหงส์คงจะปลอดภัยเข้าช่วงกลางคืน เดิมทีลูกศิษย์ที่เดินไปมาอยู่บนถนนประปรายก็ไม่เห็นแม้แต่เงา บนหลังคาของแต่ละอาคารมีโคมไฟแขวนประดับเอาไว้ ดูๆ ไปก็มีเสน่ห์เหมือนกัน แต่ไรมาที่นี่ก็เงียบสนิท ตอนนี้มีแสงไฟจากโคมส่องสว่าง ทำให้เจียงอันเหอรู้สึกไม่คุ้นชินอืม ในฐานะสำนักฝ่ายธรรม คงไม่มีผีหรอกมั้งเจียงอันเหอกำกระบี่ชิงถงในมือไว้แน่น ใช่แล้ว เจ้าสำนักดูเหมือนเซียนที่สูงส่งออกขนาดนั้นต้องเป็นสำนักฝ่ายธรรมะแน่ๆ ในตอนที่เขากำลังปลุกขวัญกำลังใจให้ตนเองอยู่นั้น เงาดำมืดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากมุมแล้วปะทะเข้ากับร่างเขาอย่างจั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21

บทล่าสุด

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 20. ยิ้มมุมปาก

    วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้รวบผมดำขลับที่ปล่อยยาวลงมา และก็ไม่ได้ตวัดพู่กันวาดภาพ หากแต่กลับหยิบขลุ่ยหยกขาวราวหิมะนั่งเป่าเพลงเจียงอันเหอฟังอย่างเคลิบเคลิ้มครู่หนึ่ง รอจนเฉินจื่อเยว่เป่าเพลงจบถึงได้ส่งผลงานภารกิจวันนี้ให้เขาเฉินจื่อเยว่ยังคงยิ้มมุมปากแบบนั้น เป็นปฏิกิริยาปกติที่เจอเจียงอันเหอทำเหมือนกับเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจียงอันเหอคิดชั่วครู่ เป็นแบบนั้นจริงๆ เฉินจื่อเยว่เป็นเพียงแค่ NPC เท่านั้นเอง บางทีเรื่องเมื่อวานอาจจะไม่ได้บันทึกลงไปในสถิติของอีกฝ่ายก็เป็นได้ บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่ผลกระทบเรื่องท่าทีที่เขามีต่อตนเองเท่าไหร่นัก...เอาเป็นว่า ตอนที่เจียงอันเหอได้เจอเขาอีกครั้ง เขาไม่ได้ดูฝืนอย่างที่คิดไว้เขาปลอบใจตนเองด้วยการมองแง่ดี ดูสิ นี่เป็นข้อดีที่ว่าคนที่ชอบเป็น NPCวันเวลาต่อจากนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วราวติดปีกบิน เจียงอันเหอใช้ชีวิตในเกมไปตามกฎระเบียบ ทุกวันหลังจากที่จบชั้นเรียนคาถาก็จะไปเข้าชั้นเรียนตานชิง แน่นอนว่าเขาไม่เคยวาดรูปคนในชั้นเรียนตานชิงเลย หากกลับวาดภาพทิวทัศน์ ภาพสัตว์ หรือไม่ก็ภาพประหลาดๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาแทนค่อยเป็นค่อยไปทีละช้าๆ ทุกคร

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 19.ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ไม่ดูแลเจ้า

    ภารกิจ NPC จากสำนักตึกรังหงส์คือไปพบเหอเหนียนที่พาเจียงอันเหอไปพบเจ้าสำนัก เขามองดูกระดาษที่เขียนภารกิจอยู่เต็มหน้า เลือกอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะได้ภารกิจในช่วงฝึกพลังปราณ“ช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ไม่ดูแลเจ้า ลูกศิษย์ที่มาฝึกพลังปราณมีค่อนข้างมาก ภารกิจก็มีเพียงไม่กี่อย่างนี้ จะให้เจ้ารับภารกิจใหญ่ก็ไม่ได้เสียด้วย มันค่อนข้างอันตรายเกินไป” เหอเหนียนหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง พร้อมกับตราประทับหยกส่งยื่นให้เขา “เอ้า ฉบับนี้แหละง่ายมาก เอาตราประทับหยกนี่ยื่นให้เจ้าสำนักก็พอ"ศิษย์พี่ ข้าชื่นชมท่านเหลือเกินวันนี้เฉินจื่อเยว่เปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมสีดำ และกำลังตั้งอกตั้งใจใช้พู่กันขนแกะวาดภาพดอกเหมยหมึกลงบนกระดาษสาในตอนที่เจียงอันเหอมาถึง เขากำลังตวัดกลีบดอกสุดท้ายพอดี“คารวะเจ้าสำนัก นี่คือตราประทับหยกที่ศิษย์พี่เหอเหนียนให้ข้านำมา” พอเจียงอันเหอคารวะเรียบร้อย จึงยื่นตราประทับหยกให้กับเฉินจื่อเยว่เฉินจื่อเยว่รับตราประทับหยกไปวางลงบนโต๊ะ แล้วทักทายเขาว่า “ได้ยินว่าเจ้าลงเรียนคาบตานชิง เช่นนั้นเจ้ามาดูภาพวาดดอกเหมยหมึกที่ข้าวาดวันนี้”เจียงอันเหอขยับเข้าไปใกล้ การใช้เส้นของภาพวาดนี้เรียบง

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 18.ลองร่ายคาถา

    หลังจากเข้าสู่ช่วงฝึกปราณ ผู้เล่นไม่เพียงแค่รับพลังปราณได้จากการนั่งสมาธิเท่านั้น ยังไปหา NPC ของสำนักเพื่อรับภารกิจได้อีกด้วย พอเสร็จภารกิจก็จะได้รางวัลโบนัสกับค่าพลังปราณที่กำหนดไว้พอเจียงอันเหอรู้ถึงจุดนี้ ก็ตัดสินใจว่าหลังเลิกเรียนวันนี้จะไปดูภารกิจที่สำนักตอนนี้ตารางเรียนที่อยู่ในมือเขาได้อัพเดตเรียบร้อยแล้ว เวลาไม่เปลี่ยน ส่วนสถานที่เรียนเปลี่ยนไปเป็นโถงฝึกพลังลมปราณ ในตอนที่เจียงอันเหอเข้าไป ค้นพบว่าที่นี่คึกคักกว่าตรงประตูทางเข้าเสียอีก ด้านในมีลูกศิษย์นั่งกันอยู่เป็นสิบ มีบางคนที่เคยเห็นศิษย์น้องอย่างเขา ต่างก็ทั้งประหลาดใจและดีใจ ล้วนมาแสดงความยินดีที่เขาเข้าสู่ช่วงฝึกพลังปราณได้เร็วขนาดนี้สำหรับพวกเขาแล้ว การที่เจียงอันเหอหายหน้าหายตาไปเป็นสิบวันคงกำลังไปตั้งใจฝึกฝนอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นจะสำเร็จรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไรหลังจากเสียงฆ้องดังขึ้น อาจารย์ผู้เข้าสอนจึงเดินเข้ามา ส่งสัญญาณให้พวกลูกศิษย์ตั้งใจเรียนอาจารย์ผู้สอนในคาบเรียนนี้ใช้วิธีการสอนแบบร่ายคาถาจู่โจม หัวใจสำคัญคือแปรพลังปราณที่อยู่ภายในร่างกายเป็นธาตุพลังปราณสำหรับใช้ร่ายคาถาแล้วปล่อยพลังออกไป ธาตุหลักทั

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 17.ดูดซึมพลังลมปราณ

    หลังจากผ่านพ้นหนึ่งคืนเต็ม เจียงอันเหอค้นพบประสิทธิภาพในการดูดซึมพลังลมปราณของตนเองสูงขึ้นอีกหน่อย พลังลมปราณที่ค่อยๆ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย กำลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกเส้นชีพจร ตอนนี้เขายังปรับทิศทางการไหลเวียนของพลังปราณตามชีพจรไม่ได้ ความรู้สึกที่โดนพลังปราณครอบคลุมนั้นช่างยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน ดีจนกระทั่งเจียงอันเหอรู้สึกว่าเพียงแค่หลับตา คืนหนึ่งก็ผ่านพ้นไปแล้วโชคไม่ดีคือ แผนภาพชีพจรที่เจียงอันเหอท่องอยู่ครึ่งค่อนวัน หายวับไปจากหัวเขาจนเกือบหมด เขาพยายามนึกอย่างไรก็นึกออกเพียงแค่ไม่กี่ข้อเรื่องแบบนี้ฝืนไม่ได้หรอก เจียงอันเหอจึงวางลงก่อน แล้วไปเข้าเรียนที่ห้องบรรยายคนที่บรรยายให้เขาฟังวันนี้เป็นศิษย์พี่ที่ค่อนข้างเคร่งขรึม เอาแต่จ้องเขาตอนเรียนเขม็ง ทำให้เจียงอันเหอตึงเครียดเหมือนกับนั่งอยู่บนเข็มทั้งคาบ อย่างกับได้ทบทวนความรู้สึกที่โดนอาจารย์ถามตอนเรียนหนังสือในปีเก่าๆ ศิษย์พี่เน้นบรรยายความสำคัญของการขับเคลื่อนพลังลมปราณ พอรู้ว่าเมื่อวานเจียงอันเหอได้ไปฝึกฝนพลังลมปราณจนสำเร็จ ศิษย์พี่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ใช้แววตาเยียบเย็นจ้องมองเจียงอันเหอตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่สองสามรอบ

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 16.แต่พอคิดอีกที 

    เจียงอันเหอกลับมาถึงหอชิงหลวน หลังจากที่อยู่ในห้องตัวเองสักพัก ก็ถึงเวลาไปเข้าเรียนที่ห้องเรียนแล้วห้องบรรยายอยู่ชั้นห้าของหอชิงหลวน มีลักษณะเหมือนห้องหนังสือ เหนือผนังสีขาวมีหลังคากระเบื้องสีดำ ดูแล้วเรียบง่าย ตอนที่เจียงอันเหอมาถึงประตูยังไม่เปิด แต่หน้าประตูก็มีลูกศิษย์มายืนรอถึงสามสี่คนแล้วคนที่รออยู่สามสี่คนนั้นพอเห็นหน้าใหม่ จึงเข้ามาต้อนรับศิษย์น้องคนใหม่อย่างอบอุ่นมีศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งถามถึงความก้าวหน้าทางการศึกษาเขาอย่างห่วงใย พอรู้ว่าเจียงอันเหอมาที่ห้องบรรยายเป็นครั้งแรก หลังจากที่เปิดประตูแล้ว จึงส่งเขาไปเข้าเรียนด้วยตนเองเจียงอันเหอยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียน หลังจากอำลาศิษย์พี่หญิงด้วยรอยยิ้ม จึงนวดหน้าที่ฉีกยิ้มค้างแล้วหามุมสงบในห้องเรียนนั่งลงพวกศิษย์พี่ชายหญิงล้วนมีน้ำใจกันนัก เกรงว่าเขาจะรับไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าศิษย์ร่วมสำนักในตึกรังหงส์จะกลมเกลียวกันปานนี้แต่พอคิดอีกที ภายใต้การนำของเทพชายของตนนั้น ความกลมเกลียวย่อมดีแน่นอน!ในเวลานี้ เสียงฆ้องป่าวประกาศจากด้านนอกดังขึ้นสามที ชายหนุ่มหน้าตาคมสันคนหนึ่งค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาอย่างภาคภูมิเดิมทีเจียงอันเหอคิดว่าเขาเอง

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 15.คิดไม่ถึงว่า

    ทัศนียภาพสวงามยมักอยู่ไม่นาน สองคนเดินอยู่หนึ่งชั่วยามก็ยังไม่ถึงหอตานชิง หลินอิงเหมิงไม่เพียงแต่เพียงพูดจนน้ำลายแห้ง แถมยังสงสัยและแล้วไม่ทันรอให้หลินอิงเหมิงฉีกหน้าเจียงอันเหอ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเบาละมุนมาแต่ไกล “เอ๋ นี่เป็นศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักนี่นา ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดจึงไม่พักผ่อน”คนคนนั้นหัวเราะทีหนึ่ง เจียงอันเหอเหลือบตาขึ้นเห็นเฉินจื่อเยว่กำลังเดินออกมาจากหอหนึ่งพอดี เขาลูบคลำหน้าตัวเอง ดูท่าการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าไม่ได้มีผลต่อ NPC เท่าไหร่ หรือบางทีในสายตาอีกฝ่าย เขาอาจจะเป็นแค่ชุดตัวเลขหนึ่งก็ได้พอเฉินจื่อเยว่เห็นเจียงอันเหอคารวะให้เขาในฐานะศิษย์ และสาวน้อยข้างกายคิดจะทำตาม จึงรีบหลบไปยังทิศทางที่สาวน้อยคารวะ “แม่นางที่มาเองโดยมิได้เชื้อเชิญ มิจำเป็นต้องคารวะด้วยมารยาทใหญ่โต”เจียงอันเหอเห็นเจ้าสำนักรู้สถานภาพสาวน้อยทะลุปรุโปร่ง จึงได้ทีขี่แพะไล่ “ว่าอย่างไรนะ! เจ้ามิใช่คนในสำนักพวกเราหรอกหรือ?!” จากนั้นจึงคิดจะก้าวขาเดินไปทางเจ้าสำนักของตัวเองคิดไม่ถึงว่าพอหลินอิ่งเหมิงเห็นเฉินจื่อเยว่ก็สังหรณ์ไม่ค่อยดีแล้ว จึงเตรียมตัวไว้แต่แรก พอเห็นเจียงอันเหอจะคิดหนี จึงหยิ

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 14.คงไม่มีผีหรอกมั้ง

    เจียงอันเหอตรวจสอบดูตารางเรียนที่เหอเหนียนทิ้งไว้ให้ ด้านบนระบุไว้ว่าเป็นชั้นเรียนระดับต้น ชั้นเรียนวันแรกใช้เวลาสองชั่วยามในการเรียนเรื่องการกำหนดชีพจรและจุดลมปราณ เริ่มตั้งแต่เวลาเฉินไปจนถึงเวลาอู่ ซึ่งก็คือเริ่มชั้นเรียนตอนเจ็ดโมงเช้าวันนี้เขาออนไลน์เกมตอนบ่าย หลังจากที่วุ่นวายเป็นเวลาเนิ่นนาน ด้านนอกก็เริ่มเป็นเวลาวิกาล ห่างจากเวลาเรียนออกไปสองสามชั่วโมง ตอนนี้จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ ดังนั้นเจียงอันเหอจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นข้างนอก ตราบใดที่อยู่ภายในตึกรังหงส์คงจะปลอดภัยเข้าช่วงกลางคืน เดิมทีลูกศิษย์ที่เดินไปมาอยู่บนถนนประปรายก็ไม่เห็นแม้แต่เงา บนหลังคาของแต่ละอาคารมีโคมไฟแขวนประดับเอาไว้ ดูๆ ไปก็มีเสน่ห์เหมือนกัน แต่ไรมาที่นี่ก็เงียบสนิท ตอนนี้มีแสงไฟจากโคมส่องสว่าง ทำให้เจียงอันเหอรู้สึกไม่คุ้นชินอืม ในฐานะสำนักฝ่ายธรรม คงไม่มีผีหรอกมั้งเจียงอันเหอกำกระบี่ชิงถงในมือไว้แน่น ใช่แล้ว เจ้าสำนักดูเหมือนเซียนที่สูงส่งออกขนาดนั้นต้องเป็นสำนักฝ่ายธรรมะแน่ๆ ในตอนที่เขากำลังปลุกขวัญกำลังใจให้ตนเองอยู่นั้น เงาดำมืดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากมุมแล้วปะทะเข้ากับร่างเขาอย่างจั

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่ 13.เจ้าของกระบี่คือใครกัน

    ด้านหน้าสายตาเจียงอันเหอมืดดำไปหมด พอเขาได้สติ ก็เห็นว่าตัวเองถูกส่งไปยังไม้คาน ไกลออกไปเป็นสิ่งปลูกสร้างสลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ ด้านหลังเป็นป่าไม้เงียบสงบร่มรื่น ใต้เท้าเป็นพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปเขากลืนน้ำลาย กำเชือกที่อยู่บนคานแน่น รู้สึกราวกับว่าคานไม้นี้พร้อมจะหักลงมาได้ทุกเมื่อเจียงอันเหอทำใจอยู่ครู่หนึ่งก็เดินขึ้นหน้าช้าๆ พอเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างใกล้เข้ามาทุกที ถึงได้มองเห็นชัดว่ามันเป็นอาคารสูงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ประหนึ่งครีบปลา กระเบื้องสีแดงชาดส่องสะท้อนภายใต้แสงแดดเป็นประกายจางๆ บนหลังคาแกะสลักรูปอสูรไว้ ดูมีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิตหลังจากที่เดินลงสะพาน ตึกที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่เพียงคืบ เจียงอันเหอเพิ่งจะถอนหายใจ เด็กชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ถือกระบี่สำริดเดินเข้ามา “ผู้ ผู้มาช้าก่อน! ขอถามหน่อย ท่าน ท่าน ท่านมีธุระอะไร” เด็กชายอายจนหน้าแดงก่ำ พูดจาตะกุกตะกัก แม้ว่าน้ำเสียงจะค่อนข้างดุ แต่เจียงอันเหอมองเด็กชายที่สูงกว่าตัวเองไม่มากเท่าไหร่คนนี้ ก็รู้สึกอยากหัวเราะเขาหยิบด้ามกระบี่ออกมา รีบพูดตอนที่เด็กชายชักสีหน้า “ข้าถูกผู้รับช่วงส่งมาที่นี่ เขาบอกว่

  • อาจารย์ขอรับ ศิษย์ล่วงเกินแล้ว   ตอนที่12.มุ่งหน้าไปเมืองผิงหนาน

    รอจนหลังเจียงอันเหอเลิกงานแล้วออนไลน์ในวันที่สอง เกมก็ผ่านไปแล้วกว่าเกือบครึ่งเดือนหนิวเอ้อร์กำลังจะขับเกวียนออกจากหมู่บ้านชมจันทร์มุ่งหน้าไปยังเมืองผิงหนานพอดี เห็นเด็กคนที่เขาหาอยู่สองสามวันเมื่อครึ่งเดือนก่อนยืนตะลึงงันอยู่กลางถนน “เฮ้ เด็กคนนั้นน่ะ!” หนิวเอ้อร์คิดอยู่นานจึงรู้สึกว่าดูเหมือนตัวเองจะไม่รู้ชื่อเด็กคนนั้น จึงได้แต่ตะโกนหาสองสามทีพอเจียงอันเหอออนไลน์ก็ได้ยินเสียงท่านพี่หนิวเอ้อร์ จึงอดอุทานออกมาไม่ได้ว่าตัวเองนั้นโชคดีเหลือเกิน ขานเรียกพลางวิ่งไปหาหนิวเอ้อร์พลางทั้งคู่คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จึงนั่งรถม้าออกไปจากหมู่บ้านด้วยกัน มุ่งหน้าไปเมืองผิงหนานเมืองผิงหนานเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ และก็เป็นสถานีแรกที่ผู้เล่นมือใหม่ส่วนมากมาเยือนหลังออกจากหมู่บ้าน ดังนั้นแม้ว่าเมืองจะเล็กไปหน่อย แต่ตลาดและโรงน้ำชามักจะมีคนแน่นเสมอ ครื้นเครงเป็นที่สุดหนิวเอ้อร์พาเจียงอันเหอมาถึงหน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ช่วยเขาสอบถามข้อมูลเล็กน้อยก็กล่าวอำลา ขับเกวียนที่บรรทุกสินค้าไว้เต็มมุ่งหน้าไปยังตลาดเจียงอันเหอโผล่หน้าไปดูที่หน้าประตูโรงน้ำชา ด้านในมีคนจำนวนมากที่กำลังจิบน้ำชาฟังนิทาน ไม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status