ตุบ!!
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ”
ร่างเล็กร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บทั้งจุกเมื่อถูกเขาโยนลงบนเตียงอย่างแรงในห้องที่เขาจับเธอขังไว้ในตอนแรกก่อนที่เขาจะตะโกนสั่งคนของเขาให้ล็อกประตูแล้วไปจากที่นี่ ใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยหนวดเครามองหญิงสาวตรงหน้าที่ขยับกายนั่งโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่จะเปิดไปถึงไหนต่อไหนทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกับความขาวเนียนตรงหน้าพลอยทำให้กายร้อนผ่าวขึ้นมา
“เจ็บสิดี” เขายิ้มเยาะอย่างสะใจแล้วยืนมองเธอ จึงตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคือง
“นี่คุณ ฉันถามจริง ๆ เถอะ คุณจับฉันมาทำไม” จอมขวัญมองชายตรงหน้าพลางคิดว่าเธอควรจะคุยกับเขาดี ๆ จากในตอนแรกเรียกแกก็เปลี่ยนเป็นคุณทันทีเพราะคิดว่าจะลองคุยกับเขาดี ๆ ดูเพราะเรื่องทั้งหมดอาจจะมีอะไรที่ผิดพลาดหรือเข้าใจผิดแน่ ๆ และเขาอาจจะปล่อยเธอกลับ
“นี่ฉันว่าเราควรจะมาคุยกันดี ๆ ดีกว่าไหมคะ” เธอละหมั่นไส้เขาจริงเชียวที่เอาแต่ยิ้มเหยียดส่งมาให้
“ไม่จำเป็น”
“งั้นฉันขอถามคุณเลยแล้วกัน ฉันไปทำอะไรให้คุณ ครอบครัวของฉันทำอะไรให้ คุณถึงได้จั
จอมขวัญไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรเพียงแค่ผู้ชายคนนั้นแตะร่างกายเธอ ก็ทำเอาเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มใช้ความมีประสบการณ์ที่เหนือกว่าทำให้เธอลุ่มหลงและมัวเมาไปกับสัมผัสอันแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้พบ ใบหน้าหล่อที่เต็มไปด้วยหนวดเครายกยิ้มแสนร้ายกาจเลื้อยลงมายังลำคอระหงที่หอมนวลเนียนอีกครั้งไม่นานแล้วฝากร่องรอยสีแดงไปทั่วทุกที่เมื่อริมฝีปากลากผ่านส่วนมือของเขาก็ลูบไล้ไปทั่วกายสาวจนตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายมือบางเลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอของเขาอย่างลืมตัว แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ร่างสูงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เธอเลิกดื้อแล้วยอมโอนอ่อนตามเขาหญิงสาวรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเหมือนร่างกายต้องการอะไรบางอย่างมาเติมเต็มจนร่างกายบิดเร่าด้วยความทรมานทำให้ชายหนุ่มมองอย่างเห็นใจแต่เขาก็ยังอยากทรมานเธอเล่นอีกสักหน่อยเลยหยุดการกระทำทุกอย่างจนร่างบางที่แสนทรมานมองเขาด้วยใบหน้าสงสัย“เธอต้องคิดถึงสัมผัสฉันคนเดียว และลืมผู้ชายทุกคน”“ไม่! อื้อออออ” เสียงครางหวาน ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางบวมเจ่อ ยิ่งได้ยินเสียงของเธอเขายิ่งทนไม่ไหว
เสียงหยดน้ำกระทบกับพื้นเมื่อมีคนใช้ห้องน้ำอยู่ จอมขวัญลืมตาขึ้นมาก็พบกับความเมื่อยขบตามร่างกาย พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนเขาบ้าคลั่งราวกับสัตว์ป่า มือเรียวเช็ดถูร่องรอยสัมผัสต่าง ๆ ตามแขนเรียวของตนออกอย่างรังเกียจสัมผัสพวกนั้น นึกถึงเรื่องราวจนน้ำตานองไม่นานชายหนุ่มที่รังแกเธอเมื่อคืนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในมือของเขาถือผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก หยดน้ำเกาะพราวทั่วแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ ร่างสูงมองหญิงสาวที่ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มสีเทาห่มกายที่กำลังขัดถูร่างกายตนอย่างรุนแรง“หึ… ถูให้ตายยังไงก็ไม่ออกหรอก มันคงฝังรากลึกไปแล้วมั้ง” หญิงสาวหันหน้าไปตามเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ ไม่นานชายหนุ่มก็มายืนตรงหน้าขนานกับบานประตูห้อง“จะต่อให้ฉันแสบขนาดไหนฉันก็จะทำเพราะฉันรังเกียจมัน”“ต่อให้ใส่ตะกร้าล้างน้ำมันก็ไม่สะอาด แต่อย่าลืมฉันเป็นผัวคนแรกของเธอ”หญิงสาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า แต่แล้วเสียงเคาะประตูจากทางหน้าห้องดังขึ้น“คุณทัพพ์ครับ ผมเอาเสื้อผ้าของคุณจอมขวัญมาให้ครับ”“ขอบใจมากเปิดประตูฉันไม
แพรไหมเดินเข้ามาภายในบริษัทที่จอมขวัญทำงานเพราะเธอนั้นติดต่อเพื่อนสนิทของเธอไม่ได้จึงเข้ามาที่เพื่อที่จะถามไถ่ แต่กำลังจะเข้าไปภายในเธอนั้นเดินสวนกับธาวิน เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานของหญิงสาวออกจากที่ทำงานด้วยความร้อนรน“พี่วินจะรีบไหนคะ” แพรไหมร้องถามขึ้น“อ้าวแพร… มาทำอะไรที่นี่”“แพรมาหายัยจอมค่ะ ยัยจอมอยู่ไหมคะ” ชายหนุ่มทำหน้าฉงนปนสงสัย“น้องจอม น้องจอมไม่มาทำงานหลายวันแล้ว”“แพรคิดว่าจอมมาทำงาน แพรเลยมาหาที่ทำงาน” หญิงสาวบอกชายหนุ่มตรงหน้า “เพราะแพรไปหาจอมที่บ้านทั้งพ่อและพี่ชายบอกว่าไปเที่ยวต่างจังหวัด”ธาวินยังคงสงสัยกับสิ่งที่ได้รับรู้เพราะเขานั้นเพิ่งจะได้รับจดหมายลาออกของเธอที่ถูกส่งมาที่บริษัท“พี่ได้จดหมายของจอมส่งมามันเป็นจดหมายลาออก” ธาวินเอ่ยต่อ “พี่เลยจะไปหาน้องจอมที่บ้าน”“แพรไปมาแล้วค่ะแต่จอมไม่อยู่ เขาบอกว่าไปเที่ยวพักผ่อน ก่อนที่จะมาเริ่มงานที่กับที่บ้าน”“แล้วจะเอายังไงดีล่ะพี่วิน”“ถ้าน้องจอมไปพักผ่อน เพื่อที่จะเริ่มงานใหม่เพราะจอมก็เคยเกริ่นกับพี่เหมือนกันว่าเขาจะลาออกไปช่วยท
ทางด้านของพลาธิปที่ขึ้นฝั่งมาจัดการเคลีย์งานและเอกสารที่คั่งค้างมาตลอดอาทิตย์เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้เขาไม่ได้ขึ้นฝั่งมาจัดการแม้แต่น้อย แต่วันนี้เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อได้รับรู้ข่าวว่าจอมพลกลับมาเล่นการพนันที่บ่อนของเขาอีกแล้วแต่ครั้งนี้ทางนั้นเสียมากว่าที่จะเรียกทุกสิ่งที่ลงไปกลับคืน คนโลภมากคนนั้นมาเล่นที่บ่อนของเราแทบจะทุกวัน พลาธิปยิ้มร้ายเมื่อมองไปยังเอกสารสำคัญในมืออย่างสะใจ ถึงเวลาที่เขาจะเอาทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวของเขาคืน แต่มันยังคงเหลือสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เขายังไม่ได้จากครอบครัวนายดิลกอีกไม่นานมันจะต้องกลับมา “นายจะเอายังไงต่อดีครับ” ลูกน้องหนุ่มนามว่าพีระที่คอยดูแลความเรียบร้อยของบริษัทในยามที่เขาไม่อยู่ “เรื่องอะไร” พลาธิปเลิกคิ้วสูง&nbs
เชลยคนสวยจัดการปรุงอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้ทำเมนูง่าย ๆ เพราะเธอไม่อยากทำอะไรยุ่งยาก เธอนั้นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จึงเลือกที่จะทำข้าวผัดปลากระป๋องพริกเผา เธอเห็นวัตถุดิบประกอบอาหารที่พลาธิปนั้น สั่งให้ลูกน้องของเขาซื้อมาไว้ให้จึงเลือกทำ หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อยนั้นกินเวลาไปหลายชั่วโมง ไหนจะล้างถ้วยล้างชามจัดการความเรียบร้อยภายในครัวและห้องข้างเคียงคอยปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย เพราะเธอไม่อยากให้เขามาลงโทษเธออีก หลังจากก็เดินเข้าห้องนอนกำลังอาบน้ำอาบท่าล้างคราบเหงื่อไคลที่เหนื่อยมาทั้งวันออกให้ผ่อนคลายแต่พลันสายตาหวานหมองเศร้ามองไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่โดนมาให้ครั้งก่อนจึงก้มไปหยิบมันมาเปิดออกเหมือนลืมอะไรบางอย่างที่ตัวของเธอนั้นเกือบลืมไปแล้ว กระดาษใบน้อยที่ซุกอยู่ภายในนั้นออกมาอ่าน “คุณจอมขา คุณจอมขอ
พลาธิปช้อนอุ้มจอมขวัญเข้าไปในบ้านและพาไปยังห้องของเขาทันที เมื่อไปถึงเขาก็อุ้มคนป่วยไปวางลงที่เตียงอย่างเบามือที่สุด โดยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอการกระทำที่อ่อนโยนกับคนที่คนที่ตนเห็นว่าเป็นนางบำเรออย่างไม่รู้ตัว เมื่อวางลงแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็ก ๆ ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ ออกมาด้วย เขาจัดการเช็ดตัวให้คนป่วยด้วยตัวเองไม่นานทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จ“ยะ... อย่า ๆ ทำอะไรฉัน”จอมขวัญที่นอนอยู่บนเตียงร้องขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาตรงหางตามีน้ำตาไหลของมาทำให้ร่างสูงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้หล่อนแล้วเอ่ยปลอบโยนคนที่ละเมออย่างช่วยไม่ได้“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอแล้ว พักผ่อนเถอะนะ” เขาเอ่ยกับคนที่นอนละเมอเสียงอ่อนโยน แต่ก็แปลกที่เธอนั้นสงบลงก็เดินออกจากห้องไปค้นตู้ยาสามัญว่าพอจะมียาลดไข้ให้หญิงสาวได้กินหรือไม่ หาอยู่พักหนึ่งจึงต่อสายโทรหาสหัสให้ไปเอายาในบ้านใหญ่“สหัสไปเอากล่องยาที่อยู่ในบ้านใหญ่มาให้ฉันที”“ได้ครับนาย” คนเป็นลูกน้องไม่ได้ถามอะไรมากความแค่พยักหน้าตอบรับเป็นการเข้าใจและไปทำตามคำสั่งทันที “เอ่อนายช่วยบอกให้ป้าสายช่วยทำข้าวต้
หนึ่งเดือนผ่านไป…ดูเหมือนความสัมพันธ์ของจอมขวัญกับพลาธิปจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีตั้งแต่วันที่เขาอุ้มเธอมายังบ้านหลังนี้ คอยดูแลเธอในยามป่วยไม่ห่างพลอยให้ให้ดวงใจดวงน้อยนี้เต้นระส่ำยามอยู่ใกล้ ได้แต่บอกกตัวเองว่าอย่าไปเผลอไผลหลงไหลกับการกระทำของเขา เขามันคนใจร้ายจะมาเปลี่ยนเป็นดีภายในเวลาไม่นานคงเป็นไปไม่ได้วันนี้พลาธิปไม่ได้ออกไปดูงานที่ฟาร์มเหมือนทุกครั้ง แต่เขามีประชุมสำคัญบางอย่างอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าจนเวลานี้ก็จวนจะบ่าย จอมขวัญมุ่งหน้าเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารไว้ให้เขา เพราะเธอก็ไม่รู้ได้ว่าพลาธิปนั้นจะอารมณ์ดีแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อาหารกลางวันสองสามอย่างที่เธอทำส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องครัว“อืม… อร่อยแล้ว”ช้อนกลางสำหรับชิมรสชาติอาหารถูกวางลงหลังจากรับรู้รสของมัน มือเล็กจัดการปิดเตาจอมขวัญถอยหลังเล็กน้อยเพื่อที่จะก้มหยิบบางอย่างที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นก็ต้องตกใจ เมื่อบั้นท้ายของเธอชนกับอะไรบางอย่างจนต้องดีดกายยืนขึ้น แต่แล้วก็ถูกรวบเอวบางเอาไว้“หอมจัง… วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยน พลางสูดกลิ่นหอม ๆ ตรงหน้า
“โอ๊ย! เจ็บ!” จอมขวัญหลุดพูดออกมาเมื่อเขานั้นใช้มือของเขาบีบเคล้นร่างกายสาวที่เผลอทำรุนแรงกับเธอ แต่เหมือนกับว่าเขาจะไม่สนใจยังทำมันต่อไป ทั้งที่สมองสั่งให้หยุดเขาแต่ทำไมร่างกายหล่อนถึงได้ตอบสนองเขาทุกสัมผัสที่เขามอบให้จอมขวัญได้แต่สับสนในความคิดตัวเองแต่สุดท้ายหล่อนก็ปล่อยให้เขานำพาเมื่อร่างกายของหล่อนนั้นก็ต้องการเขาไม่ต่างกันเพราะมันถูกคนช่ำชองอย่างเขาเป็นคนทำให้ความรู้สึกต้องการนี้เกิดมาอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้บทรักที่รุนแรงบ้าง อบอุ่นบ้าง ตามความต้องการของพลาธิปดำเนินไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้คนใต้ร่างจะต่อต้านและถอยห่างในบางครั้ง สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับคนเอาแต่ใจอย่างพลาธิปอยู่ดี ร่างสูงก้มจูบที่ขมับของหญิงสาวเบาราวกับปลอบโยนคนใต้ร่างที่หลับไปด้วยความเพลียที่โดนเขารังแกเกือบทั้งคืนด้วยสายตาอ่อนโยนโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว แล้วใช้มือปัดปอยผมที่ลงมาคลอเคลียใบหน้านวลออกแล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้คนตัวเล็กส่วนตัวเขาก็ซุกตัวลงนอนในผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ใบหน้าหล่อเหล่าค่อย ๆ เลื่อนเข้ามองคนหลับเล็กน้อยก่อนสอดแขนแล้วตลบให้เธอมานอนซุกเข้าอกแกร่งของเ
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”
บทที่ 9สามวันผ่านไปอาการป่วยของสริตาเริ่มจะดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงแม้ในยามค่ำคืนจะมีร่างสูงโปร่งเข้ามานอนข้าง ๆ ก็ตาม ชายหนุ่มไม่ได้ล่วงเกินเธอแต่อย่างใด สงสัยคงเห็นเพราะว่าไม่สบายอยู่คงอยากให้นอนหลับเต็มอิ่มจะได้กลับไปทำงานที่หยุดมาหลายวัน“จะไปไหน” เสียงเข้มของอัทธ์ดังขึ้นมาจากทางประตูห้องน้ำทำให้คนที่กำลังลุกออกจากเตียงถึงกับชะงัก “ไปบ้านท้ายเกาะค่ะ” “หายแล้วเหรอถึงจะไปที่นั่น”สริตาไม่ตอบนอกเสียจากพยักหน้ารับเท่านั้น “รอก่อน” เขาสั่งเสียงแข็ง มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่กำลังทำท่าทำทางไม่พอใจ“กลัวฉันหนีเหรอคะ”“อย่างเธอน่ะจะหนีไปไหนได้”เขาว่าอย่างเย้ยหยันก่อนเดินหายไปแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ทว่ากลับไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเสียอย่างนั้น อัทธตรงมาหยุดที่หน้าของสริตา ทำเอาสาวเจ้างวยงงกับชายหนุ่มไม่น้อย“ทำไมไม่ติดกระดุมล่ะคะ”“ติดกระดุมให้หน่อยสิ”แต่หญิงสาวยังคงยื่นนิ่งไม่ทำตามในสิ่งที่เขาบอก แต่แล้วก็ต้องทำตามเพราะคำขู่ของชายหนุ่ม
บทที่ 8เวลาล่วงเลยผ่านไปจนค่ำ สริตาที่กำลังหลับพริ้มอย่างสบายใจอยู่ภายในห้องนอนและเพิ่งรู้สึกตัวขึ้น ค่อย ๆ ยันกายให้ลุกนั่งพิงพนักหัวเตียงพลังกวาดสายตาหวานมองไปรอบ ๆ ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนที่เธอใช้นอนประจำที่ท้ายเกาะที่อัทธ์กักขังเธอเอาไว้ แล้วนี่มันที่ไหนกันมันไม่คุ้นเอาเสียเลยแต่แล้วทุกสิ่งก็กระจ่างเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกด้วยผีมือของใครบางคน เธอพยายามเพ่งมองว่าคนนั้นเป็นใครและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเดินเข้ามา และไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก อัทธ์คนใจร้าย“ตื่นแล้วเหรอ” อัทธ์ถามเอเสียงเข้มในมือของชายหนุ่มถือถาดอะไรบางอย่างเข้ามาด้วยก่อนจะวางมันลงกับตู้ที่อยู่ข้าง ๆ หัวเตียงสริตามองไปยังของที่เขาเพิ่งวางเมื่อครู่ พบว่ามันคือข้าวต้มร้อน ๆ กับน้ำและยาที่วางอยู่ด้วยกัน ก่อนหันหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่เขาใจว่าเขาจะมาดูแลเธอทำไมไม่ปล่อยให้เธอตายไปเสีย“ฉันถามทำไมไม่ตอบ” เมื่อไร้คำตอบจากหญิงสาวเขาจึงถามขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งหย่อนกายนั่งกับเตียงของตน“คุณก็เห็นนี่คะ ว่าฉันตื่นแล้ว”คนป่วยต่อปากต่อคำถึงแม้ว่าน้ำเสียงข
“ปวดหัวชิบ”แสงสว่างที่สองผ่านมายังหน้าต่างกระทบเข้ากับใบหน้าคมที่เพิ่งจะนอนได้ไม่นานให้ตื่นจากนิทราด้วยความงัวเงีย ก่อนจะยันกายแกร่งขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงด้วยอาการหนักหัวไม่น้อย ไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้างเพราะเขาดื่มไปเยอะพอสมควร ลันสายตาของชายหนุ่มไปสะดุดกับเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นห้องมันมีทั้งเสื้อผ้าของเขาและของ...สริตามันต้องเป็นเสื้อผ้าของหญิงสาวแน่นอนเขาจำได้ และที่นี่คือบ้านที่ใช้ขังเธอเอาไว้ เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดแผ่นหลังขาวเนียน ร่างเปลือยเปล่าที่หลับพริ้มอยู่ข้าง ๆ คือสริตานี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อัทธ์พยายามคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าตนทำอะไรลงไป สิ่งที่จำได้จะมีเพียงว่า ‘เขาไม่อยากซ้ำรอยของใคร’ ในคราแรกเขาไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร แต่ตอนนี้ในเมื่อเธอเป็นของเขาแล้วและจะไม่มีวันได้เป็นของผู้ชายคนไหนอีกคนตัวโตกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนโน้มกายเข้าหาคนที่นอนหันหลังให้เขาพยายามปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวท่ามกลางเสียงพึมพำคล้ายรบกวนการนอนฝันดีของตน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพลิกกายเพื่อป
บทที่ 6ร่างกายเล็กบอบบางที่แสนเหนื่อยล้าจากการถูกใช้งานอย่างหนักของสริตากับคำสั่งของอัทธ์ที่ตอบดูการกระทำเธอแทบจะทุกฝีก้าว แทบจะสลบเมื่อพาตัวเองมายังโซฟาตัวนุ่มสีน้ำตาลที่ใช้นั่งเล่นเป็นประจำ หญิงสาวอยากจะงีบเสียหน่อยแต่ก็กลัวตัวเองจะเผลอหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำคงไม่ดีแน่หลังจากที่ร่างอ่อนล้าพักให้หายเหนื่อยครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าทำงานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อโยนลงตะกร้าผ้าเตรียมซักและคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่มาพันรอบกายสวยแล้วเข้าไปจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนออกไปเตรียมอาหารเย็นเป็นข้าวไข่เจียวหอมเมนูที่สุดแสนจะง่ายดายก่อนจะพาตัวเองเข้านอนด้วยความปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมด“กินข้าวแล้วก็นั่งย่อสักพักแล้วกันค่อยนอน”สริตารวบช้อนเอาไว้กลางจานที่เพิ่งรับประทานเสร็จแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง ๆ แล้วลุกไปจัดการล้างจานที่ทำอาหารเอาไว้ในอ่างให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้เธอรู้สึกง่วงเล็กว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งกินอิ่มหนังท้องตึงหนังตาก็ย่อนเสียแล้วกว่ายี่สิบนาที่ที่สริตาล้างจานพร้อมทั้งทำความสะอาดบ้านให้เส
บทที่ 5เวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์สริตายังคงอยู่ที่บ้านพักบนเกาะของอัทธ์อย่างกระวนกระวนกระวายใจเหมือนทุกครั้ง ถึงแม้วันนี้ชายหนุ่มจะสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูให้เธอออกมาเลิกเล่นรอบ ๆ ตัวบ้านก็ตาม แต่มองไปทางไหนก็ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าทั้งนั้น กวาดสายตาพลางขบคิดเรื่องทางหนีแต่ทว่ามันแทบจะไม่มีที่ไปเลยถ้ามีก็คงต้องว่ายน้ำข้ามทะเลไป แต่ใครจะทำล่ะ“หาทางหนีอยู่หรือไง”เสียงเข้มดั่งขึ้นทำลายความเงียบและสมาธิของคนที่กำลังขบคิดอยู่ในภวังค์ของตนต้องสะดุ้งน้อง ๆ แม้ว่าไม่ได้หันหลังกลับไปมองเธอก็รู้ว่าใครแต่มันไม่ใช่ลูกน้องของอัทธ์หรอกต้องเป็นเขา“อะไรของคุณ ฉันไม่ได้หาทางหนีสักหน่อย” เธอตอบเสียงสูงพยายามกลบเกลื่อนสิ่งที่คิดอยู่ในตอนนี้“แน่ใจนะ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ“ไม่เชื่อใจกันเหรอคะ” เธอถามเขาเสียงเรียบมองดวงตาคู่คมที่จ้องอย่างไม่ลดละราวกับจะฆ่าเธอให้ตายเสียอย่างนั้น“ฉันไม่เชื่อเธอตั้งแต่วันนั้นแล้ว”“จะไม่ฟังนิลอธิบายจริง ๆ เหรอคะ”สริตาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนอ้อนวอนอยากจะอธิบายกับเขา ชายหน
บทที่ 4พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติในต่างจังหวัด หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่กันด้วยความสงบสุขเพื่อนบ้านต่างพึ่งพาอาศัยเอื้อเฟื้อซึ่งกันเละกัน เช่นเดียวกับครอบครัวของสริตากับป้าข้างบ้านที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอสิริกรมารดาของสริตาที่ย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมลูกสาวตามความต้องการเพราะต้องการที่จะปกป้องครอบครัวจากคนใจร้ายพวกนั้น นางเลี้ยงหลานชายหน้าตาน่ารักที่เค้าโครงไม่เหมือนผู้เป็นแม้ จะมีคล้ายเพียงดวงตาเท่านั้น“ตานนท์แม่เราหายไปไหนเนี่ยไม่โทรกลับมาเลย”ผู้เป็นยายคุยกับหลานน้อยวัยน่ารักที่นั่งอยู่บนตักตรงใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านในช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ที่แดดไม่ร้อนและลมที่พัดผ่านกำลังสบายเจ้าหนูส่งยิ้มให้คนตรงหน้าทำเอาคนที่พบเห็นใคร ๆ ก็พากันเอ็นดูหนูน้อยอนล“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าสิรี” ใครคนหนึ่งถามไถอย่างเป็นกันเองและเปิดประตูรั้วเล็กเข้ามาเหมือนคนที่คุ้นเคยมานาน“ไม่มีอะไรหรอกแค่ยัยนิลไม่โทรกลับมาบ้าน”“นิลคงงานยุ่งมั้งครับป้า”“นั่นสิเจตน์ ถ้าจัดการงานเสร็จคงกลับมาแหละ” นางว่าอย่างปลง ๆ เพราะคุ้นชินเสียแล้วว่าห
บทที่ 3เวลาล่วงเลยไปพักใหญ่จากการที่เธอนั่งนิ่งหลับคิดทบทวนและหาทางออกจากที่นี่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกหิวขึ้นมา เพราะเธอยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น จนตอนนี้ก็ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว แต่อยู่ ๆ สายตาเธอเริ่มปรับให้คุ้นชินกับความมืดพอจะเห็นสภาพแววล้อมภานในห้องราง ๆ เท่านั้นทว่าดวงตาหวานที่ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ เมื่อมองไปยังประตูห้องที่อยู่เยื้องกับเตียงที่เธอนั่งอยู่และพยายามแกะเชื่อกที่ผูกข้อมือเอาไว้ สายตาเธอจับจ้องประตูบานนั้นอย่างไม่วางตาเพราะเหมือนคนข้างนอกจะมีการไขกุญแจเพื่อที่จะเข้ามาภายในเสียอย่างนั้น“สวัสดีครับนายหัว”อยู่เสียงหน้าประตูก็เงียบลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงบทสนทนาของใครก็ไม่อาจรู้ได้“จะทำอะไร”“ผมจะเอาข้าวเช้าไปให้คนที่จับมาน่ะครับ”“ไม่ต้องเอามานี่แล้วไปพักซะ แล้วอย่าให้ใครมายุ่งวุ่นวายแถมนี้”หญิงสาวพยายามเอียงหูฟังได้ยินคนที่ลูกน้องเรียกว่านายหัวสั่งการก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งของใครบางคน ทว่
บทที่ 2“เฮ้ย อัทธ์ทำไมวันนี้มึงดูเครียดจังวะ”น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ไม่บอกก็รู้ว่าใครทำเอาคนที่นั่งดื่มเหล้าท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มภายในร้านต้องเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตนโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว“มึงมาช้าชิบหายเลยว่ะ” เทวาเพื่อนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับอัทธ์ตั้งแต่แรกระหว่างรอเจ้าของร้านผู้ที่เข้ามาใหม่“โทษทีลงมาช้าบัญชีที่ร้านมีปัญหานิดหน่อย”ธันว์บอกแล้วหย่อยกายนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งหันไปบอกพนักงานชงเครื่องดื่มได้เลย แล้วหันไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าเขา “ว่าแต่มึงเป็นอะไรกินเอากินเอา กลุ้มใจอะไรหรือเปล่าวะ” ธันว์เพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ถามอีกครั้งเพราะทาท่างของชายหนุ่มดูเคร่งเครียดผิดหูผิดตา มันยิ่งหน้านิ่งอยู่แล้ว พอมาอารมณ์นี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก“มึงอย่าไปถามมันเลย ตั้งแต่มานั่งกูถามจนไม่รู้จะถามยังไงล่ะ” เทวาบอกอย่างปลง ๆเทวากระดกเครื่องดื่มที่พนักงานส่งให้เสื่อครู่ไปเล็กน้อย ใบหน้าคมของเขาขมวดคิ้วราวกับนิดเรื่องอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาก่อนถามขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังก้อง “ได้ข่า