“อะไรนะ! เชคฮ์ อิสราร์ มาที่วังตะวันออกอย่างนั้นรึ? ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลยสักคน!”
“อะไรกันเนญ่า! การข่าวของตระกูลเธอรวดเร็วฉับไวที่สุดในพระราชวังไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้รู้เป็นตระกูลสุดท้ายล่ะ!” แล้วสาวๆ ประมาณสามสิบกว่าคน ที่กำลังเลือกลวดลายและสีสันของเนื้อผ้าอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็หัวเราะออกมาอย่างครึกครื้น
สาวๆ กลุ่มนี้เป็นญาติพี่น้องที่ร่วมสกุลเดียวกันทั้งหมด บางคนพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ บางคนพ่อแม่เดียวกันแต่มีลูกสาวหลายคน ซึ่งก็มีความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตามธรรมดาของผู้หญิง ถึงแม้จะเป็นญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่มีใครอยากให้ใครมีความความดีโดดเด่นเกินหน้าเกินตาไปกว่าใคร ฉะนั้นถ้ามีคนใดสะดุดล้ม หรือทำในสิ่งที่ผิดพลาด แม้เพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็จะช่วยกันซ้ำเติมทันทีอย่างไม่ลังเล
“นี่! ฉันยังได้ข่าวมาว่าไม่ได้เสด็จมาเพียงลำพังอีกด้วยนะ”
“ใช่ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เขาพูดกันว่ามากับผู้หญิงคนหนึ่ง สวยราวกับมิสยูนิเวิร์สเลยนะ!”
“อ๊ะ! แล้วเชคฮ์พาผู้หญิงมาทำไมล่ะ?”
“เขาปิดกันให้แซ่ดว่า พาลูกสะใภ้ในอนาคตมาแนะนำกับพระมารดาไงล่ะ!”
“ตายจริง! คลับคล้ายคลับคลาว่าพระชายาในอนาคตจะอยู่แถวนี้นะ ไหนกลับกลายเป็นหญิงนอกสกุลไปได้เสียล่ะ!” แล้วน้ำเสียงหัวเราะกันอย่างสะใจก็ดังขึ้นมาพร้อมกันอีก
ไลลาที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ได้ยินคำพูดกระทบถึงตนก็เลือดขึ้นหน้า โมโหจนไส้ขุ่นเขียว แต่พยายามสะกดข่มไว้ รีบปรับสีหน้าให้ดูเยือกเย็นเช่นเดิม แล้วลุกเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยมาดของนางพญา เนญ่าเห็นพี่สาวเดินออกไปแล้วจึงรีบวิ่งตามทันที
……………………
“ท่านพ่อ! อย่ายอมนะเพคะ! ท่านพ่อต้องคุยเรื่องนี้ กับท่านป้าสะใภ้รองให้รู้เรื่อง!” เนญ่าออกตัวแทนพี่สาว ในขณะที่คนพี่นั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยม สีหน้าดูเยือกเย็นเช่นเดิม ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“เอาน่า! ใจเย็นๆ ไว้ กฎของราชวงศ์เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนได้หรอก อาจจะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น! หน้าที่ของไลลาคือเตรียมพร้อมที่จะเป็นสตรีอันดับหนึ่งของประเทศหลังแต่งงานก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือพ่อจัดการเอง!”
“ท่านพ่อจะทำอะไรเพคะ?” ไลลาเอ่ยปากถามออกมาอย่างฉงน
“ยึดอำนาจการปกครอง สนับสนุนสวามีของลูกขึ้นครองบัลลังก์แทนไงล่ะ!”
“เขาไม่มีทางยินยอมแน่ๆ! ใครๆ ก็รู้ว่าถึงจะต่างมารดา แต่เขาทั้งสองคน รักใคร่กันดั่งพี่น้องแม่เดียวกัน” ไลลากล่าวเตือนออกมาอย่างสุขุม
“ก็ถ้าประเทศไร้กษัตริย์ ความชอบธรรมก็ตกอยู่กับมกุฏราชกุมารอยู่แล้วโดยปริยายไม่ใช่หรือ?” เขาพูดแล้วยิ้มหยันที่มุมปาก นัยน์ตาแวบประกายชั่วร้ายออกมานิดหนึ่งแล้วหายไป
“ท่านพ่อคงจะไม่..!” ไลลาตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
……………………
“คุณจะให้ฉันพบใครหรือคะ?” หญิงสาวถามหลังจากที่เขาจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง
เขามองแต่ไม่ตอบ เปิดประตูรถลงไปก่อน กำลังเดินอ้อมไปเปิดประตูให้อีกฝั่ง แต่เธอเปิดลงมาเอง เขาเลยยืนรอให้เดินไปพร้อมกัน
อิฟราอิมเคาะประตูติดกันห้าครั้ง แล้วเคาะอีกสามครั้ง นิ่งอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงแกร๊กดังมาจากด้านใน
ประตูถูกเปิดออกโดยบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ที่ด้านหลังยังมียืนคุมอยู่ที่หน้าประตูด้านในอีกสองคน อิฟราอิมผายมือให้พริมโรสเดินนำหน้าไปก่อน จากนั้นจับตรงข้อศอกเบาๆ ให้เดินตรงไปยังห้องรับแขก
หญิงสาวหน้าตาคล้ายกับคนเอเชียนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่โซฟา พอเห็นมีคนเดินเข้ามาจึงหันมามอง แล้วลุกยืนอัตโนมัติ
“มิสพีราวัชร นี่มิสนรากร” อิฟราอิมแนะนำเธอให้กับหญิงสาวคนนั้นก่อน แล้วจึงหันมาทางเธอ “คุณพริม นี่มิสพีราวัชร เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตทีแลนด์ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในข่าว” พริมโรสได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง
“เกิดอะไรขึ้นกับจักรินคะ ทำไมคุณอยู่ที่นี่คนเดียว?” พริมโรสถามด้วยหัวใจที่เต้นระทึก หวั่นกลัวไปกับคำตอบที่จะได้รับ
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จู่ๆ พวกนั้นก็ปล่อยตัวฉันไว้ที่ถนนใหญ่ ห่างสนามบินมาเล็กน้อย ฉันเลยรีบติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก็ถูกพามาอยู่ที่นี่!”
“ผมจำเป็นต้องกักตัวไว้ก่อน เพื่อเป็นการคุ้มครองพยาน รอทางทีมทีแลนด์มาประสานงานการสืบสวน”
“ขอให้ฉันคุยกับมิสพีราวัชรตามลำพังได้ไหมคะ?” อิฟราอิมมองหน้าหญิงสาวนิดหนึ่ง แล้วพยักหน้า เดินออกไปรอข้างนอก
“ฉันชื่อพริมโรสค่ะ เป็นเพื่อนกับจักริน”
“ฉันญาณินค่ะ ญาณิน พีราวัชร” ญาณินยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ แล้วยิ้มน้อยๆ
“คุณได้พูดอะไรกับเขาก่อนที่จะแยกกันไหมคะ?” พริมโรสถามอย่างร้อนใจ
“ค่ะ เขาบอกว่าให้ติดต่อคุณให้ได้ และนี่..” ญาณินรูดแหวนออกมาจากนิ้วแล้วส่งให้ เธอจึงหยิบมาพิจารณาใกล้ๆ “ในนี้มีข้อมูลโครงการลับของรัฐบาลอยู่ครึ่งหนึ่ง เขาบอกว่าเพียงคุณดูซอสโค้ดเทียบอัลกอลิทึ่มในนี้ก็จะรู้เองว่าจะเปิดอีกครึ่งหนึ่งได้ยังไง”
“ฉันได้ยินมาว่า เขาได้นำตัวอย่างอาวุธชีวภาพที่ค้นคว้าสำเร็จแล้วไปด้วย!”
“ค่ะ เขาบอกไว้เหมือนกันว่าที่ซ่อนลับต้องใช้กุญแจสองดอกในการเปิด ความลับที่ซ่อนของดอกแรกอยู่ในแหวนวงนี้ อีกครึ่งอยู่ในแหวนที่เขาสวมอยู่ ซึ่งถ้าไม่ได้รหัสของดอกแรกมา จะเปิดแหวนเพื่อหากุญแจดอกที่สองไม่ได้ นั่นจึงทำให้เขายังปลอดภัยอยู่ พวกมันคงจะปล่อยฉันมาเพื่อส่งข่าว”
“นายนี่ซับซ้อนไม่เคยเปลี่ยน! แต่มันก็ทำให้เขายังรอดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ก็ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของเขาล่ะ!”
“ฉันไปกับคุณด้วยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวที่นี่ อีกอย่างฉันเป็นห่วงเขา อยากไปช่วยเขาด้วยเหมือนกัน”
“ฉันว่าคุณคอยประสานงานที่สถานทูตให้พวกเราดีกว่า จากนี้ไปพวกเราจะเสี่ยงภัยขึ้นเรื่อยๆ ฉันกลัวคุณจะเป็นอันตราย” ญาณินทำสีหน้าเศร้า แต่ก็ไม่พยายามตื๊ออีก
“ก็ได้ค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วย ติดต่อเข้ามาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ แสตนบายรอไว้เลย คุณคงได้ช่วยพวกเราแน่ๆ!” พริมโรสยิ้มให้อย่างอบอุ่น อีกฝ่ายยิ้มเศร้าๆ ดูไม่สดใส คงจะเป็นห่วงคนรักมาก “งั้นฉันไปก่อนนะคะ” พริมโรสบอกลา ญาณินเข้ามากอดหลวมๆ แล้วเดินมาส่งที่หน้าประตู
ขณะที่เธอเปิดประตูรถ เข้าไปนั่งด้านใน ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ของคนที่นั่งข้างๆ ดังขึ้นมาพอดี
“ว่าไง?..อืม..เข้าใจแล้ว” เขากดวางสาย หันมามองหน้าเธอ แล้วเอานิ้วชี้แตะไว้ที่ปาก เธอจึงพยักหน้าว่าเข้าใจ
เขาเอื้อมมือมากดหลังเธอให้ก้มลงเล็กน้อย แล้วโน้มตัวเข้ามามองใกล้ๆ หยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกลุ่มผม เอามาวางที่ในมือให้เธอดู
พอเห็นว่าเป็นอะไร พริมโรสถึงกับเบิกตากว้าง หันไปมองหน้าเขาอย่างตกใจ มันคือสติ๊กเกอร์สอดแนม รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงลายการ์ตูนน่ารักทั่วไป แต่ภายในมันคือเครื่องดักฟังดีๆ นี่เอง ถ้ามันหล่นตรงไหน ก็จะติดแนบสนิทกับพื้นจนแทบสังเกตไม่เห็น เว้นแต่จะเข้าไปจ้องใกล้ๆ
“เอ่อ..ราอิมคะ! ไหนคุณบอกว่าจะพาฉันไปทานของอร่อยไง ฉันชักจะหิวแล้วล่ะ!” เขาเงยหน้าหันมามอง หลังจากหากระดาษมาแปะสติกเกอร์ไว้ แล้ววางที่คอนโซล
“เยส มาดาม แอส ยัวร์ วิช!” เขาพูดว่าได้ตามที่ขอ แล้วก็สตาร์ทรถ “แต่ผมขอแวะหาเพื่อนแถวนี้ก่อนได้ไหม พอดีเขามีธุระด่วน”
“ได้ค่ะ”
เขาขับรถมาประมาณสิบนาที ก็เลี้ยวเข้าไปจอดในคฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง ทำมือให้เธอลงจากรถ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน
พอประตูปิดเขาก็จับให้เธอหันหลัง แล้วไล้มือเบาๆ ไปตามความยาวของเส้นผมจนทั่วอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นก็มองสำรวจที่เสื้อผ้าตั้งแต่คอจรดเท้ารอบตัวแต่ก็ไม่มี จึงถอนใจโล่งอกด้วยกันทั้งคู่ แล้วเขาก็จับข้อศอกพาเดินเข้าไปในห้องรับแขก ที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา
การตกแต่งออกไปทางสถาปัตยกรรม แบบผสมผสาน ลวดลายที่เห็นวิจิตงดงามนั้น เหมือนจะได้รับวัฒนธรรม ของยุโรปมาด้วย
เพดานห้องรับแขก เป็นแบบสกายไลท์โดม กระจกหลากสี ยามเมื่อถูกแสงแดดส่องลงมากระทบ ทำให้ห้องรับแขกดูสดใส เต็มไปด้วยสีสันแห่งจินตนาการที่หลากหลายอย่างน่าอัศจรรย์
“บ้านเพื่อนคุณสวยจังเลยค่ะ มองจากด้านนอกดูไม่ออกเลยว่าซ่อนตำหนักสวรรค์ไว้ภายใน” พริมโรสใบหน้าเงยแหงนมองดูเพดานโดมทรงกลมด้านบน และแชนเดอร์เรียคริสตัลอย่างชื่นชม ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
“บ้านผมเอง! หลังนี้เพิ่งจะปรับปรุงเสร็จ ดีใจที่คุณชอบ”
“ของคุณหรือคะ!” หญิงสาวเบิกตาโตกว้างด้วยความตื่นเต้น มองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ “การตกแต่งแบบนี้เรียกว่าอะไรคะ?”
“บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมของชาวเปเรซส่วนใหญ่ จะเป็นสไตล์บาร็อควินเทจ ผสมกับศิลปะโรโกโก หลายประเทศในแถบตะวันออกกลางเคยเป็นอาณานิคมของยุโรป จึงได้รับอิทธิพลเหล่านี้ไปโดยปริยาย”
ศิลปะโรโกโก ที่เขาพูดถึงก็คือออกแบบที่เป็นเอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในห้องนี้จะเน้นสีขาว เทา และเหลืองทองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนลวดลายของพรมที่พื้นจะค่อนไปทางแถบเปอร์เซีย
เธอแอบรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้หยิบกล้อง หรือโทรศัพท์มือถือติดมือมาด้วย
อิฟราอิมเดินหายไปเข้าในห้องด้านข้างชั่วครู่ ก็กลับออกมาพร้อมกับถ้วยชาสีเงินลวดลายวิจิตรงดงามสองแก้ว กับขนมบาคลาวา หญิงสาวรีบเดินเข้าไปรับถาดมาถือไว้เอง
เธอเคยอ่านในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับขนมชนิดนี้ มันเป็นขนมที่หวานมาก แต่ทั้งๆ ที่หวานขนาดนั้น เมื่อใครได้ลองทานในชิ้นแรกก็อยากที่จะทานชิ้นที่สองอีกทันที เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ลักษณะเฉพาะของตัวแป้ง การขึ้นแป้ง การนวด การทำเลเยอร์ จึงเป็นขนมที่มีต้นทุนที่สูง และนิยมรับประทานเฉพาะชนชั้นสูงในสมัยก่อนเท่านั้น ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะสามารถพบเห็นได้ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว แต่ก็ยังมีราคาแพงอยู่ดี
พริมโรสเดินมานั่งที่โซฟา ถามประเด็นที่กำลังสงสัยก่อนหน้านี้ทันที
“คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่ามันติดอยู่ที่ผมฉัน?”
“คนของผมโทรมาบอก เขาเห็นจากกล้องวงจรปิดว่ามิสพีราวัชร ยื่นมือมาแตะที่ผมคุณด้านหลัง ขณะที่กำลังเดินออกมา”
“ฉันคิดไม่ถึง และไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นสายลับ! อยากรู้จังว่าเขาทำงานให้หน่วยไหน และบอยเฟรนด์ของเขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“คุณคุยอะไรกับเขา?”
“คนของคุณเขาไม่ได้รายงานหรือคะ?” หญิงสาวแกล้งถาม เพราะเขาให้คนจับตาดูแม้กระทั่งในกล้องวงจรปิด เรื่องอื่นคงไม่ต้องเอ่ยถึง
“อย่าโยกโย้น่า! ถ้าเขารู้ภาษาคุณก็คงบอกผมแล้ว!”
พริมโรสตวัดสายตาค้อน แต่ก็เล่าให้ฟังแต่โดยดี รวมถึงต้นเหตุแห่งภารกิจ ซึ่งเขาจำเป็นต้องรับรู้อยู่แล้ว เพราะเกี่ยวพันกับความมั่นคงของประเทศเขาโดยตรง
“สรุปคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็คือแฮกเกอร์คนนั้น?”
“ค่ะ ที่เขายังมีชีวิตรอดอยู่ถึงตอนนี้ เพราะพวกนั้นยังไม่รู้ที่ซ่อนของอาวุธชีวภาพ ฉันเชื่อว่าเบื้องหลังของกบฏกลุ่มนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ยัยแฟนสาวของเขาคนนั้นคือนกต่อของหน่วยไหน ฉันต้องสืบให้ได้โดยด่วน! แต่เครื่องไม้เครื่องมืออยู่ที่บ้านพักหมดเลย ขอยืมโน้ตบุ๊กกับโทรศัพท์ของคุณก่อนได้ไหมคะ?”
เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวรู้ตัวหรือเปล่า เวลาที่เธอลดความระมัดระวังตัว แล้วพูดคุยเป็นกันเองแบบนี้ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากๆ โดยเฉพาะปลายเสียงนุ่มคล้ายจะอ้อนนิดๆ แบบเมื่อสักครู่นั้น ทำให้หัวใจเขาสะดุดไปแล้ว ก่อนสำรวมตัวเองกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จากนั้นก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ส่งให้ แล้วเดินเข้าไปด้านใน
พริมโรสยิ้ม รับเครื่องมาแล้วกล่าวขอบคุณเขา กดเข้าเครื่องของตัวเอง
“ฮัลโหล?”
“นายเต! นี่ฉันเอง”
“เธออยู่ไหน? สรุปจะเอายังไง? พวกเรากำลังจะเสียเวลาไปอีกวันแล้วนะ!”
“ไม่เสียสิ! กำลังได้เรื่องเลยล่ะ นายรู้จักแฟนของจักรินหรือเปล่า?”
“เคยเห็นครั้งหนึ่ง ทำไมหรอ?”
“ญาณิน พีราวัชร ตรวจสอบประวัติให้หน่อย ด่วนเลย! ขอแบบเงียบกริบนะ เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะเล่าแผนให้ฟัง!” เธอพูดเสร็จก็กดตัดสาย
อิฟอาริมเดินกลับมาพร้อมโน้ตบุ๊กในมือ เขาวางลงตรงหน้าหญิงสาว หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปอีก
…………………….
เชคฮ์ / ชีคฮ์ - sheik - ชื่อกิตติมศักดิ์ภาษาอาหรับสำหรับ หัวหน้าเผ่า, หัวหน้าหมู่บ้าน, เจ้าอาหรับ, ผู้นำศาสนา(อิสลาม), กษัตริย์, ผู้นำประเทศ, เจ้าชาย, เจ้าหญิง, บรรดารัฐมนตรี หรือเชื้อพระวงศ์อาหรับ แต่ถ้าหากเป็นผู้หญิง จะเรียกว่า...ชัยค์เคาะฮ์
หลังจากชายหนุ่มโทรศัพท์สั่งงานเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับเข้ามาข้างใน เขาคิดว่าหญิงสาวคงกำลังมัวแต่ทำงานจนลืมหิว เลยว่าจะมาถามเรื่องมื้อเย็น แต่กลับเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่กับพื้น ตัวเอียงฟุบหลับกับโต๊ะ ทั้งๆ ที่อีกมือยังคงจับเมาส์อยู่ เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างเอ็นดู เดินเข้ามานั่งข้างๆ ยื่นมือข้างหนึ่งแตะไปที่ผมดำสลวย ไล้มาจนสุดความยาวแล้วจับปอยหนึ่งยกขึ้นประทับที่ริมฝีปาก จากนั้นก็ช้อนร่างบอบบางเข้ามาในวงแขนช่วงที่เขายกตัวอุ้มขึ้น มือเรียวที่จับเมาส์อยู่จึงปัดไปกระแทกกับโน้ตบุ๊ก แรงกระทบแม้จะไม่รุนแรง แต่ก็สามารถปลุกคนที่กำลังจะดำดิ่งเข้าสู่โหมดนิทราให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่วงซึมและงุนงงชายหนุ่มเองก็ชะงักค้าง เพราะไม่คิดว่าเธอจะตื่น เลยมองนิ่งรอดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับ จนเธอได้สติว่าไม่ได้อยู่ที่พื้น“นี่! คนฉวยโอกาส ปล่อยฉันลงนะ!” แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด จึงได้ปล่อยมือทันทีตามที่เธอร้องขอ“ว้าย!!” หญิงสาวตกใจ เพราะคิดว่าจะร่วงลงพื้นแข็งด้านล่าง แต่กลับหล่นลงบนโซฟาในระยะที่ไม่สูงมาก ทำให้เธอตวัดตามองค้อนเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เมื่อคืนก็นอนเร็ว ทำไมยังไม่หายเพลียอีก?”“เจ็ทแลค!
“คือว่า.. | คือว่า..” ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน จึงทำให้ชะงักไปทั้งคู่“คุณ.. | ผม..” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ติดขัด ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่ รอโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดก่อน“เอ่อ..ฉันจะถามว่า..”“โอ้โห! นี่มันยิ่งกว่าคฤหาสน์ด้วยซ้ำ อย่างกับพระราชวัง!” เสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าประตูด้านนอก พริมโรสได้ยินก็หันไปทางที่มาของเสียง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอิฟราอิมทำมือให้เธอเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน “แหม! มาถึงก็ส่งเสียงดังคับที่เลยนะ!”“ด้วยความเคารพครับคุณผู้หญิง นอกจากจะไม่ขอบคุณที่กระผมช่วยขนย้ายข้าวของแล้ว ยังมาใช้วาจาประชดเสียดสีใส่กันอีก คุณธรรมในใจน่ะมีบ้างหรือเปล่า?”“งั้นฉันจะขอบคุณด้วยการคืนเงินดีไหมนะ?”“โอ๊ะ! เจ๊ประณามผมได้เต็มที่เลย จะย่ำยีไปพร้อมกันเลยก็ได้ แต่ขอคืนเต็มจำนวนเลยนะ!” เขายิ้มอย่างประจบ“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน! ดูเหมือนท่านเจ้าของบ้านมีอะไรจะพูดกับพวกคุณแหน่ะ!”“เจ้าของบ้าน? คุณเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือครับ?” เตวิช เบิกตาโตกว้าง หันไปถามชายหนุ่มร่างสูงเชื้อสายอาหรับ“ครับ! ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผมพันเอกอิฟราอิม อัล อิสมาอิล สังกัดกองทัพบก”“โว๊ะ!” เตวิชตกใจ แต่จอมทัพมีสติดีก
"โอ๊ย!!" แล้วหญิงสาวก็ร้องออกมาอย่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจงใจกัดที่ริมฝีปากล่างอย่างแรง ทำให้เธอได้สติรีบผลักเขาออกห่างผู้ชายจิตใจคับแคบ!! นี่กำลังคิดจะเอาคืนใช่ไหม แต่ฉันไม่ได้กัดนายรุนแรงแบบนี้นี่!!หญิงสาวตวัดสายตาคมกริบมองเขม็งอย่างโมโห สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด เม้มริมฝีปากล่างที่กำลังเจ็บ แล้วไล้ลิ้นเลียด้านในเบาๆ “เจ็บไหม? ถือซะว่า..หายกัน!” เขาถามคล้ายไม่สำนึก เธอเลยกำหมัดทุบไปที่อกและไหล่ของเขาเสียหลายที แต่เขากลับเอาแต่หัวเราะ แล้วจับข้อมือเธอไว้ชายหนุ่มมองใบหน้าหวาน ที่ถึงแม้จะโกรธแต่ก็ยังคงดูน่ารัก กำลังส่งประกายตาคมกริบราวกับมีดมองเขม็งมาที่เขา เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงไปแล้วเป็นร้อยๆ แผล เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาพราวระยับเต็มไปด้วยรอยหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องสนุกไปเสียอย่างนั้นพริมโรสรู้สึกว่า เธอประเมินระดับความชั่วร้ายของเขาต่ำเกินไปเสียแล้วแต่ยังไม่ทันที่เธอจะสบถความในใจออกมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเสียก่อนก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!“คุณพริมโรสคะ! คุณพริม!” หญิงสาวสะดุ้ง หันขวับไปยังทิศทางของเสียงชายหนุ่มมองใบหน้าระเรื
บอดี้การ์ดทั้งสองคนจับต้นแขนพริมโรสไว้คนละข้าง พาเดินไปอย่างเร่งรีบจนตัวเธอแทบจะลอยได้ ก้าวเท้าเร็วคล้ายกำลังจะก้าวกระโดด สักพักก็ฝ่าฝูงชนออกมาถึงริมถนนใหญ่ มีรถลีมูซีนกำลังจอดรออยู่ คนหนึ่งรีบเดินไปขึ้นข้างหน้า อีกคนเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งด้านหลัง ขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไป เธอก็ถูกดึงแขนให้ถอยห่างรถออกมาอย่างแรง จนเซไปปะทะร่างแข็งแรงของใครคนหนึ่ง เธอแหงนมองหน้าร่างนั้นอย่างตระหนก“แก!!” ผู้พันอิฟราอิมเค้นเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด แล้วโถมหมัดเข้าใส่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงนั้นทันที“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” เตวิชกับจอมทัพวิ่งมาขนาบข้างตัว พริมโรสมองอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกเขามาที่นี่กันได้อย่างไรยังไม่ทันที่เธอจะไต่ถาม สองหนุ่มข้างตัวก็ถลาไปหาบอดี้การ์ดอีกสองคนที่กำลังงงงันอยู่ข้างรถทันที หญิงสาวยืนมองพวกเขาตะลุมบอนกันอย่างนัวเนีย ทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่ “โรส! หลีกไป!!” ผู้พันอิฟราอิมตะโกนสั่งเสียงดังลั่น ทำให้เธอได้สติ ถอยไปยืนอยู่มุมหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเข้าไปห้ามยังไง“เดี๋ยวก่อนค่ะ! หยุดก่อน! พวกคุณกำลังเข้าใจผิด!!” เธอพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะฟังสักพ
แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้า ข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายดึงไว้เสียก่อน จนเธอเสียหลัก เซล้มลงไปนั่งบนตักเขา“งอนแฮะ!”“ไม่ได้งอน! ปล่อย!” เขาจับข้อมือเธอไว้ข้างหนึ่งยึดไว้แน่น มืออีกข้างรวบเอวคอดกิ่วเข้ามาชิดลำตัว เนื่องจากเขารัดไว้แน่น เธอจึงต้องโยกตัวไปข้างเพื่อยืมแรงโน้มถ่วง แล้วหมุนข้อศอกเหวี่ยงโค้งไปที่บริเวณขากรรไกร เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเบี่ยงตัวหลบ ในช่วงที่ลำตัวเด้งกลับจึงกระทุ้งศอกไปทางด้านหลังเต็มแรง“โอ๊ยย! ทำไมดุร้ายนัก!” ชายหนุ่มโดนศอกกระแทกที่ชายโครงอย่างจัง รู้สึกจุกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ“ใครใช้ให้คุณมาฉวยโอกาสกับฉันล่ะ!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมจำนน เขาจึงปล่อยมือที่รัดเอวมากำข้อมือเล็กที่วนเวียนแต่จะทำร้ายเขาเอาไว้แน่น จับสองแขนของหญิงสาวไขว้กันที่ด้านหน้า แล้วพันธนาการรัดไว้ด้วยแขนที่แข็งดั่งปลอกเหล็กของเขา ยุติการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง“อยู่นิ่งๆ! เดี๋ยวเครื่องไม้เครื่องมือพังหมด!”“ก็ปล่อยฉันสิ!” พริมโรสตวาดลั่นพยายามขยับตัวแรงๆ เพื่อให้วงแขนคลายออก แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก ตอนนี้เหลือเพียงปากเท่านั้นที่ว่างพอจะใช้เป็นอาวุธได้ “คุณนี่อะไรก็ดี เสียตรงที่
ก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!หญิงสาวพลิกตัวนอนคว่ำ ศอกยันพื้นที่นอนนุ่ม มองไปทางทิศของเสียง“คุณ! นอนหรือยัง?”พอรู้ว่าเป็นเสียงใคร ปากอิ่มสวยก็เม้มเข้าหากัน แก้มพองออกสองข้างในลักษณะไม่สบอารมณ์นิดๆ ลุกขึ้นเดินไปแง้มประตูให้เปิดออกนิดหนึ่งผู้ชายน่าตาย! ช่างยุ่งวุ่นวายเสียจริงๆ!“มีอะไรคะ?”“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ขอเข้าไปได้ไหม?”“ยามวิกาล ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ในที่ลับตา เป็นกฎการใช้ชีวิตแบบเบสิคของสาวโสด หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งคล้ายจะยิ้ม ฟังกฏการใช้ชีวิตแบบลื่นไหลของเธออย่างชอบใจ“แล้วถ้าผมคุยเรื่องลับๆ ระหว่างเราสองคนที่หน้าประตูแบบนี้ ใครผ่านไปผ่านมาแล้วได้ยินเข้า กฏการใช้ชีวิตแบบสาวโสดของคุณจะสั่นคลอนไหม?”“นี่! ฉันกับคุณไปมีเรื่องลับๆ กันตั้งแต่เมื่อไหร่!” เสียงความไม่พอใจดังขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี“ชู่ว! เบาหน่อยสิ! เดี๋ยวก็ได้ตื่นมาฟังกันหน้าสลอน ไม่อายรึ? แต่ก็ไม่แน่นะ..บางทีตอนนี้อาจจะมีใครบางคนเอาหูแนบประตู แอบฟังอยู่ก็ได้”“คุณ!” หญิงสาวหงุดหงิดเขาจนเกือบจะหลุดปากพูดคำแรงๆ ออกไปตามอารมณ์ แต่พอนึกได้ว่าผู้คนคงจะได้ยินกันทั้งบ้าน จึงได้แต่กัดปา
หลังวางสายจากอัลวานี เธอใช้โทรศัพท์หลักของหน่วยโทรสอบถามทันที“ว่าไง? กำลังจะโทรหาพอดีเลย”“หัวหน้าคะ! นอกจากเราสามคน ได้ส่งใครมาอีกหรือเปล่า?”“มี เป็นคนของเอ็นเอสเอที่เพิ่งจะติดต่อมา เขากำลังสงสัยและตามสืบที่มาที่ไปของเงินโอนจำนวนมหาศาลจากสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ เข้าบัญชีบริษัทยาอาร์เอดี ผู้ผลิตและวิจัยยาชีวเภสัชภัณฑ์สาขาย่อยในทีแลนด์ เขาสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จึงได้ส่งคนขอมาร่วมทีมกับเราเพื่อตามสืบเรื่องนี้ด้วย”“แล้วทำไมพ่อไม่แจ้งพวกเราก่อนหน้านี้ล่ะ?”“ฉันเพิ่งจะได้รับเรื่องเมื่อวานนี้เอง กำลังจะติดต่อไปวันนี้ ก็พอดีแกโทรมาเสียก่อน เออ!..ได้ข่าวว่ามีการวางระเบิดแถวพิพิธภัณฑ์ แกอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือเปล่า?”“ใช่ค่ะ หนูว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ของที่พ่อให้ไปรับคืออะไรกันแน่?”“เอ่อ..เอาเป็นว่าฉันยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นความลับระดับท็อปเอส ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จก็พอ”พ่อวางสายไปแล้ว แต่เธอก็ยังนั่งครุ่นคิดอยู่ เธอไม่ชอบใจนักที่จะทำงานแบบถูกปิดหูปิดตา มันลับสุดยอดขนาดไหนกันถึงให้คนที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานนี้โดยไม่ให้รับรู้อะไร หญิงสาวส่ายหน้า
“มิส! เอ่อ..ผมขอทราบชื่อคุณได้ไหม?” พริมโรสมองบุรุษหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ซึ่งเป็นบิดาของเด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บ รูปลักษณ์ของเขาดูสูงส่งสง่างาม บนร่างมีรัศมีแห่งอำนาจผิดแผกไปจากคนธรรมดา อีกทั้งยังดูสุขุมเยือกเย็น ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด บนริมฝีปากประดับรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย กำลังนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวเธอ พอได้เห็นชัดๆ แบบนี้ เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครหรือเคยเห็นที่ไหน บางทีอาจจะคล้ายคนรู้จักที่เป็นเพื่อนของเพื่อน หรืออาจจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการใดวงการหนึ่งก็เป็นได้ ซึ่งเธอก็เคยเห็นแบบนี้หลายครั้งในจอทีวี บางทีอยู่กันคนละประเทศ แต่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงราวกับเป็นญาติพี่น้อง หรือฝาแฝดกันก็มี แต่ในทางวิทยาศาสตร์ ก็มีผลวิจัยทางสถิติที่ระบุว่า ‘มนุษย์ทุกคนจะมีคนที่หน้าเหมือนเราอีกเจ็ดคนอยู่ทั่วโลก’ โดยที่คนเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันด้วยซ้ำ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ดอพเพลแกงเกอร์(doppelgänger)“นรากรค่ะ พริมโรส นรากร”“มิสนรากร พริมโรสคงเป็นชื่อจริงของคุณ.. เอ่อ..ผมขออนุญาตเรียกคุณว่า พริมโรสได้ไหม?”“ได้ค่ะ” หญิงสาวออกปากอนุญาต
ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส
แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ
ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ
บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั
เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน
เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา
ท้องฟ้าเหนือลานพิธี ถูกย้อมด้วยแสงสีทองของอาทิตย์ยามสายัณห์ แต่ภายใต้ความสว่างนั้น กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันหนักอึ้ง เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ของประชาชนเริ่มดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในบริเวณลานพิธีอย่างสง่างาม พระชนนีแห่งเปเรซ ทรงฉลองพระองค์อย่างวิจิตร แต่ละย่างก้าวของพระนางแผ่รัศมีแห่งอำนาจ ทรงเชิดพระพักตร์เล็กน้อย ดวงเนตรเจิดจ้า เต็มไปด้วยความแน่วแน่และภาคภูมิ เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นทีละน้อย จากวงนอก ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป “พระชนนีเสด็จ!” “พระนางมาเพื่อกอบกู้เปเรซ!” “พระมารดาของพวกเรา!” เสียงเรียกขานพระนามดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ มีเสียงโห่ร้องต้อนรับทุกที่ที่พระนางก้าวย่างผ่านไป ราวกับคลื่นมหาชนที่กำลังโหมกระหน่ำ พระชนนีทอดพระเนตรภาพตรงหน้าแล้ว ไม่อาจห้ามรอยแย้มสรวลที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ พระนางประสบความสำเร็จแล้ว ประชาชนกำลังเทิดทูนพระองค์ และนี่คือโอกาส ที่พระองค์จะประกาศตน ในฐานะผู้นำที่จะกอบกู้เอกราชของชาวเปเรซ จากเงื้อมมือแห่งความอยุติธรรม ขององค์สุลต่าน แต่แล้ว... เสียงอื้ออึงของฝูงชนก็เปลี่ยนไป จากเสียงเชียร์เป็น
“ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดงานแล้วล่ะ?” พริมโรสพูดพลางกวาดตามองรอบตัว พวกนักโทษที่ตามมาหยุดเดินทันที มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่าการกระโจนเข้ากลางวงล้อม ของมือสังหารกับตำรวจที่ติดอาวุธครบมือไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา “เอ่อ..พวกเรา… ฉันว่าเราควรจะให้พวกเขาจัดการกันเองไหม?” นักโทษคนหนึ่งกระซิบกับพรรคพวก “ใช่ๆ เรามันแค่คนผ่านทางมา อย่าไปขวางมือขวางเท้าพวกเขาเลย” อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่คนอื่นๆ จะค่อยๆ ถอยออกห่างกลุ่มลูกพี่ ไปรอดูอยู่รอบนอก พริมโรสเดินนำเตวิชกับจักรินข้ามถนนมา แล้วเดินทะลุเข้าไปกลางวงล้อมที่กำลังตึงเครียดอย่างไม่รู้สึกรู้สา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มอยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรินรดา “โอ๊ะ!” พริมโรสยกมือเท้าสะเอว “นี่รุ่นพี่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้วหรอ?” รามิลเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ“แล้วทำไมสภาพเธอ ถึงเหมือนคนหลงทางอย่างนี้ล่ะ?” พริมโรสหัวเราะออกมา “ฉันเดินมาไกลมากเลยนะ จากพระราชวังมาถึงโรงพยาบาลนู่นน่ะ” “นี่!..เอาไว้ค่อยทักทายกันทีหลังได้ไหม พวกเรายังติดอยู่ในวงล้อมอยู่นะ!” เตวิชพูดเสียงเครียด สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนร
“ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องนึงค่ะ หน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่ามีสายลับคนหนึ่ง ต้องการพบบอสเป็นการส่วนตัวด่วน เขาอ้างว่ามีรายงานลับจากองค์สุลต่าน ส่งถึงบอสโดยตรงค่ะ”“องค์สุลต่าน?” รินรดาค่อนข้างแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องมีราวให้ต้องติดต่อกัน แต่ครั้งนี้กลับส่งสารมาถึงเธอโดยตรง “นี่ค่ะ สถานที่นัดพบ” เลขาปัดแท็บเล็ตบนมือนายสาว เพื่อให้ดูพิกัดของจุดนัดพบ รามิลเดินมาหยุดยืนข้างหลัง สายตาเหลือบมองในแท็บเล็ต ก่อนเอ่ยเสียงเครียด“คุณจะไปหรือไง?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“คงต้องไปค่ะ เขาอาจจะติดต่อท่านพี่ไม่ได้ จึงต้องส่งผ่านมาทางฉัน” “แน่ใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรที่ซับซ้อน? รามิลจ้องหญิงสาวเขม็ง จนเธอถอนหายใจเบาๆ “บอกตามตรงว่าไม่แน่ใจเลย เขาเป็นมนุษย์ที่เซ้นส์ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่เคยตรวจจับอะไรได้เลย”“งั้นผมจะไปด้วย ผมเป็นห่วงคุณ”“ฉันก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันนะคะ คุณเป็นชาวต่างชาติ ฉันไม่อยากให้มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคุณ ฉันเติบโตที่นี่ รู้ทางหนีทีไล่ดีกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณรอท่านพี่อิดรีสอยู่ที่นี่เถอะนะคะ”“ไม่กังวลได้ยังไง เครือข่ายในเมืองถูกทำลาย แล้วผมจะติดต่อกับคุณยั