“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ?” อิฟราอิมเดินตามมาทัน จึงรั้งแขนไว้ แล้วจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้า แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวออก
“ฉันดูลักษณะเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก
“ไม่เอาน่า! เราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่หรือไง? โกรธกันข้ามวันมันไม่ดีต่อความสัมพันธ์นะ”
“ผู้พันคะ! ฉันคิดว่าคุณจะอินกับบทบาทมากเกินไปหน่อยแล้ว ฉันจะขอบคุณมาก..ถ้าเราจะทำให้สถานที่นี้ปลอดจากยุงที่เกิดมาจากบทละครน้ำเน่าของคุณ! แค่นี้ฉันก็เบื่อจนถึงรังไข่แล้ว…อึ๊!”
หญิงสาวตกใจไม่ทันป้องกันตัว เมื่อเขาดันตัวเธอติดผนัง จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้น แล้วรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ใช้มืออีกข้างปิดปากที่กำลังพร่ำบ่นไม่หยุด
“ผมจะเลี้ยงอาหารที่แพงที่สุดในเมืองนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษดีไหม?” ชายหนุ่มพยายามต่อรอง
พริมโรสได้ยินดังนั้นก็ชะงักขาที่กำลังจะยกตั้งขึ้นเพื่อทำการใหญ่ เขาปล่อยมือที่ปิดปากออก แต่ยังคงจับข้อมือสองข้างรั้งไว้
“ก็..ก็ยุติธรรมดี แต่ไม่ใช่ว่าคนอย่างฉันจะเห็นแก่กิน หรือติดสินบนอะไรได้ง่ายๆ หรอกนะ อย่าเข้าใจผิด! แค่อยากเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินของคนที่นี่ก็แค่นั้น!” อิฟราอิมเบ้ปากเล็กน้อยอย่างไม่แคร์
“จะแถมรายการช้อปปิ้งให้ด้วยก็ได้ ถ้ามันจะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นไปอีก!” เขาพูดอย่างใจป๋า ไม่สนด้วยซ้ำว่าต้องใช้งบเท่าไหร่
“แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ! รีบปล่อยมือฉันสิ!”
“แต่ผมมีเงื่อนไข..” หญิงสาวชะงัก มองเขาอย่างระแวง
“อะไร?”
ใบหน้าคมสันของเขาเข้ามาประชิดติดผิวนวลเนียน ใกล้เสียจนมองเห็นประกายตาเจ้าชู้ที่กำลังเต้นระริกอยู่ในนั้น เขายกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่งอย่างมีเลศนัย จงใจดันตัวเองเข้าแนบชิด พูดข้างหูบอบบาง ลมหายใจและริมฝีปากอุ่นๆ กระทบพาดผ่านผิวเป็นระยะๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวบริเวณนั้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ซึ่งเป็นไปเองตามธรรมชาติ
“แล้วจะบอกทีหลัง อาจจะเป็นเรื่องเดียวกับที่คุณกำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้ก็ได้!” เขาพูดจบ แล้วจุมพิตเบาๆ ไปที่ใบหูทีหนึ่งก่อนที่จะเอนตัวออก ปล่อยข้อมือเรียวบางเป็นอิสระ เดินตรงไปที่ประตู
“ในหัวฉันไม่ได้มีแต่เรื่องหื่นๆ เหมือนคุณหรอกนะ!” หญิงสาวพูดไปด้วยก็เอามือเช็ดหูไปด้วย ราวกับจะลบความวาบหวิวให้หลุดออกไปได้
“นั่นไง! จำเลยรับสารภาพแล้ว! จุ๊ๆ ลามกเหมือนกันนะคุณเนี่ย” เขาหันมาพูดตรงช่องประตู
“คนบ้า! ก็ทำตาแบบนั้น จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง นี่! กลับมาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ! คุณพูดแบบนี้คิดอะไรอยู่กันแน่?” ชายหนุ่มเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจคนที่เดินแกมวิ่งอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
จากฉากต่อสู้ที่เห็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน จนถึงบทสนทนาที่ฟาดฟันกันไปมาของคนทั้งคู่ กำลังทำให้สองหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางบันไดอึ้งไปเล็กน้อย อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่นายจอม!” เตวิชเรียกคนข้างๆ เสียงคล้ายคนละเมอ
“หือ?”
“นายเคยเห็นยัยนี่เป็นแบบนี้หรือเปล่า?” เขาถามเพื่อหาพยานช่วยยืนยัน
“ไม่เคย! แม้แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นแบบนี้!” จอมทัพตอบ สายตามองนิ่งไปที่ประตู
“นั่นดิ! พฤติกรรมและคำพูดของยัยนี่ อธิบายตรรกะว่าด้วยเรื่องความย้อนแย้งได้ดีจริงๆ!”
…………………….
“อุ๊ย! ฉันลืมหยิบกล้องมาด้วย!” พริมโรสอุทาน เพราะเพิ่งจะนึกออกหลังจากนั่งรถออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว
“ได้โปรด!..อย่าให้ผมต้องกลับรถไปเอา” เขาแกล้งพูดดักคอ
“ฉันก็ไม่ได้จะให้ทำแบบนั้นนี่ แค่คิดดังไปหน่อย เอาล่ะ! ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพังแล้ว มีอะไรจะบอกกับฉันหรือเปล่า?”
“คุณรู้?”
“ฉันรู้แค่ว่าคุณมีแผนจะแยกตัวฉันออกมา แต่ไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังจะทำอะไร”
“ฉลาดแฮะ!”
“ชิ! แผนตื้นๆ ฉันเคยใช้ตั้งแต่เรียนประถมแล้ว!” เขายกยิ้มมุมปากในความยกตนข่มคนอื่นของหญิงสาว
“ก่อนอื่นผมจะพาคุณไปพบกับแม่ของผมก่อน แล้วจะพาไปพบใครอีกคนหนึ่ง”
“เดี๋ยว! ทำไมฉันต้องไปพบคุณแม่คุณด้วยล่ะ?”
“ช่วยแสดงตัวเป็นคู่หมั้นให้ผมหน่อย ไม่อย่างนั้นผมจะถูกจับเข้าพิธีดูตัวในอีกสามวันข้างหน้า!”
“น่าสงสารผู้หญิงในอนาคตของคุณจัง” พริมโรสทำสีหน้าปลงชีวิต
“สงสารตัวเองอยู่หรือไง หวังว่าคงไม่รู้สึกทรมานไปทั้งชีวิตหรอกนะ!”
“การอยู่ใกล้คนกวนประสาทอย่างคุณ เป็นความทรมานอย่างที่สุดแล้วในตอนนี้!” เขาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เมื่อได้ยินคำชมที่ดูเหมือนจะขมขื่นนั้น
“มุมอบอุ่นผมก็มีนะ แต่กลัวคุณจะเลี่ยนจนอ้วกออกมาเสียก่อน!”
“แค่คิดท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนแล้ว!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม
“นะ..ช่วยผมหน่อย จะให้ผมทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทน ผมยอมหมด” พริมโรสได้ยินดังนั้น ก็เกิดประกายไฟสว่างวาบขึ้นมาในหัวอย่างเจ้าเล่ห์
“จริงนะ!”
“จริง! ด้วยเกียรติของทหารเลยเอ้า!”
“ตามนั้น! งั้นฉันต้องทำอะไรบ้างบอกมา!”
“อย่างแรกเลย พูดให้น้อยลงหน่อย..”
“นี่! แค่เริ่มต้นก็ยากเกินไปแล้วไหม!” ชายหนุ่มยังพูดไม่จบหญิงสาวก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียก่อน
เขาปรายตามามอง ทำให้เธอสงบปากสงบคำลงทันที กลัวเขาจะเปลี่ยนใจเรื่องข้อตกลงเมื่อครู่
“เรื่องโปรไฟล์ ก็ตามที่เคยแสดงกันไว้จะได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเปลี่ยนชุดใหม่ก่อน ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปพบผู้ใหญ่แบบนี้คงไม่เหมาะ!” พริมโรสแอบกลอกตามองบน เบะปากเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้
ชิ! เป็นแค่คู่หมั้นปลอมๆ ยังเจ้ากี้เจ้าการขนาดนี้ ถ้าสมมุติเป็นเรื่องจริง จะทำตัวเผด็จการขนาดไหน!!
“อีกอย่างหนึ่ง ผมต้องบอกคุณให้รู้ตัวไว้ก่อน ผมอาจจะถูกเนื้อต้องตัวคุณบ้างบางครั้ง คุณก็ควรจะแสดงออกถึงความสนิทสนมระหว่างเราออกมาให้เห็นด้วยเหมือนกัน”
“หวังว่าคุณคงไม่ใช้สถานการณ์มาตีเนียน เพื่อเอาเปรียบฉันหรอกนะ!”
“หลงตัวเองมากไปแล้ว! คนหน้าตาดีอย่างผม ถ้าต้องการใครขึ้นมาจริงๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธได้ลงคอหรอก!”
เฮอะ! อย่างฉันเรียกว่าหลงตัวเอง! แล้วคุณล่ะเรียกว่าอะไร??
“คุณจะบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง?” พอได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจึงหันมามอง แต่จุดโฟกัสของเขาดันไปอยู่ที่หน้าอก
“อืม..ไม่นะ จากประสบการณ์ คุณเป็นผู้หญิงทั้งเนื้อทั้งตัวเลยล่ะ!”
“นี่คุณ!” หญิงสาวรู้สึกโมโหด้วยความอาย ที่เขาเอาแต่จับจ้องหน้าอก ทำให้นึกถึงตอนที่ประมือกันเมื่อเช้า ที่เขาพลาดมาจับไว้เต็มกำมือ จึงเงื้อมือขึ้นเตรียมจะฟาดคนหน้าไม่อาย แต่เขาจับไว้เสียก่อน
“หยุดเลยนะ! นี่มันในรถ เดี๋ยวก็ได้ตายหมู่หรอก!” หญิงสาวดึงมือกลับอย่างไม่พอใจ ฟันบนขบริมฝีปากล่างไว้พยายามจะสะกดอารมณ์ สะบัดหน้าหันออกไปมองนอกหน้าต่างด้านข้าง ไม่อยากจะใส่ใจเขาอีก
“ฮาบิบที..ที่รัก..โกรธผมเหรอ?” เขาพยายามยั่วอีก หลังจากเห็นหญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง
พริมโรสเริ่มได้คิด สังเกตอารมณ์ของตัวเองตั้งแต่เริ่มรู้จักเขาครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เขามักจะแกล้งพูดแกล้งทำ เพื่อก่อกวนอารมณ์ของเธอให้ไม่ปกติอยู่บ่อยๆ นั่นอาจเป็นเพราะเขาอ่านเธอออก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ความคิดคำพูด และการกระทำ ทั้งยังมองเห็นนิสัยเสียที่เป็นคนไม่ยอมใครของเธอนั่นด้วยอีก
ผู้ชายคนนี้ ถ้าเป็นศัตรู..คงจะน่ากลัวมาก!!
วิธีที่จะแก้เผ็ด หรือเอาคืนที่สมน้ำสมเนื้อที่สุด คือทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตอนนี้ นั่นหมายถึงเธอจะต้องแสดงเป็นสตรีที่อ่อนแอ ต้องการการปกป้องสูง และต้องทำตัวไร้กระดูกสันหลังเอะอะก็ซบ เอะอะก็ดึงเลื้อยลงเตียง คำพูดคำจาต้องหวานจนเลี่ยน อีกทั้งต้องทำตัวให้เซ็กซี่พร้อมยั่วยวนได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เจอแบบนี้ เขาคงรีบโดดหนีเข้ากลีบเมฆไปอย่างว่องไวเลยทีเดียว แต่..
หึย!! แค่คิดก็ชวนขนหัวลุกแล้ว! ฉันจะไม่มีวันทำตัวแบบนั้นอย่างเด็ดขาด!!
ถ้าเธอจะรู้ความคิดของเขา นั่นคือสิ่งที่เขาก็ชอบด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงทั่วไป คนคนนั้นต้องพิเศษสำหรับเขาจริงๆ
…
อิฟราอิมเลี้ยวเข้าไปที่จอดรถ ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังระดับเอเชียแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง เขาไม่ได้ไปจอดรวมกับรถคันอื่นทั่วไป แต่เลี้ยวไปอีกทางสำหรับที่จอดรถเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น พริมโรสแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ทักถามอะไร อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของเขาก็ได้
ชายหนุ่มพาเดินเข้ามาในร้านแบรนด์หรู ระดับไฮเอนด์ร้านหนึ่ง พนักงานรีบวิ่งเข้ามาโค้งคำนับ เขาไม่พูดอะไร เพียงผงกศีรษะให้ แล้วชี้นิ้วมาทางเธอ กระดิกนิ้วจากบนลงล่าง พนักงานพยักหน้ารับ โค้งให้อีกครั้งแล้วรีบเดินห่างไป
คงไม่ใช่ให้เปลี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหรอกนะ!! นี่ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ??
พนักงานอีกคนเชิญเธอและเขาเข้าไปที่ห้องด้านใน แล้วผายมือให้เธอเดินตามไปยังห้องเล็กด้านข้าง
“เชิญมิสทางนี้ค่ะ”
ห้องแต่งตัวมีขนาดใหญ่และสว่างมาก การตกแต่งเต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับ สไตลิสต์สามคนยืนรออยู่ด้านในเพื่อดูแลเธอเพียงคนเดียว คนหนึ่งเป็นช่างแต่งหน้า อีกคนเป็นช่างทำผม ส่วนอีกคนก็ยืนถือชุดรอให้เธอตัดสินใจอยู่ พอเห็นเธอเข้ามาทุกคนก็ยิ้มต้อนรับอย่างเต็มที่
หลังจากแต่งหน้าทำผมแล้ว พวกเขาก็พาเธอไปอีกห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนชุดที่สวม นำรองเท้ามาให้ใส่ แล้วพาเธอออกมาส่องกระจกที่ด้านนอก ตรงที่เขานั่งอยู่
อิฟราอิมเงยหน้ามองหญิงสาว ที่กำลังเดินตรงมาทางเขาอย่างตื่นตะลึง เขารู้ว่าเธอสวย แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้ ใช้แค่คำว่าสวยมาบรรยายดูจะไม่เพียงพอเสียแล้ว
ท่วงท่าการเดินบนรองเท้าส้นสูง ดูงามสง่านุ่มนวลมีชีวิตชีวา รัศมีการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยนั้น กลับแฝงความยั่วยวนอย่างแปลกประหลาดออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้เขารู้สึกว่าสาวงามที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าเปลือยเปล่าเพื่อยั่วยวน แค่สายตากับรอยยิ้ม และท่วงท่าที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ ก็สามารถทำให้จิตใจคนว้าวุ่นจนสุดจะต้านทานได้แล้ว
หญิงสาวสวมเดรสผ้าลูกไม้สีขาว คอทรงสูงแต่งขอบด้วยลูกไม้บอบบาง แขนยาวทรงโคมไฟ เข้ารูปช่วงเอว แล้วขยายออกเป็นทรงเอไลน์ยาวถึงข้อเท้า ซับในเป็นเกาะอกรูปหัวใจความยาวครึ่งขาอ่อนทำให้หัวใจเขาเต้นระทึก โชว์เท้าเรียวสวยด้วยรองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว สไตล์เซ็กซี่ชูส์
ผมดำสลวยยาวสยายราวกับม่านไหม ยิ่งส่งให้ใบหน้าของหญิงสาวดูคมหวานมีเสน่ห์ลึกล้ำ น่าค้นหาไปทั้งเนื้อทั้งตัวมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก
พริมโรสไม่ได้มองเขา แต่กำลังจ้องไปที่กระจก หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจตัวเอง ถึงแม้ชุดนี้จะปิดตั้งแต่คอจนถึงข้อเท้า แต่ก็แอบมีความเป็นซีทรูเล็กน้อยทำให้ดูไม่อึดอัด มิหนำซ้ำยังให้อารมณ์บอบบางน่าทะนุถนอม ผสมความเซ็กซี่ด้วยซับในรูปหัวใจที่ยาวเข้ารูปลงมาเพียงแค่ครึ่งขาอ่อน ทำให้ทรงตรงหน้าอกกลมสวยอย่างน่าดู เธอมองตัวเองในกระจกอย่างพึงพอใจ ไม่เคยเห็นตัวเองดูดีแบบนี้มาก่อน
“ก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ!” หญิงสาวพูดแล้วชะงักนิดหนึ่ง เหลือบสายตาไปทางเขาอย่างขอความเห็น เธอรู้สึกชอบ แต่ก็คงต้องให้เขาพอใจด้วย
พริมโรสเดินไปยืนตรงหน้า ในขณะที่เขาก็กำลังมองเธออยู่อย่างไม่วางตา ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ดูจากภายนอกอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ว่ายังไงคะ? โอเคไหม? จะให้เปลี่ยนหรือเปล่า?” เขาได้สติ
“เอ่อ..ไม่ต้อง! ดีแล้ว ไปกันเถอะ” เขาลุกขึ้นเดินนำออกไปด้านนอกทันที หญิงสาวแปลกใจที่เขาไม่สบตา แถมยังพูดเหมือนคนใจลอยอีก
“ผู้พันคะ!” หญิงสาวทัก เมื่อเห็นเขานั่งชันศอกข้างหนึ่งค้ำประตู ปลายนิ้วเขี่ยริมฝีปากล่างไปมาอย่างใช้ความคิด เธอสังเกตเขามาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่ออกรถมาจนถึงตอนนี้ “หืม?” เขาทำเสียงตอบในลำคอ แต่ไม่ได้หันมา ยังคงมองตรงทางข้างหน้านิ่งเธอมั่นใจว่าไม่ได้ไปขัดใจอะไรเขา จะให้ปลอมเป็นคู่หมั้นก็รับปาก ชุดนี้ก็เป็นเขาเองที่บอกว่าดีแล้ว แต่ก็มานิ่งเงียบแบบนี้ จนทำให้เธอเริ่มวิตก“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “เปล่า! ไม่ได้เป็นอะไร! ผมกำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย คุณถามอะไรแล้วผมไม่ได้ตอบกลับหรือเปล่า?” หญิงสาวถอนใจ บางทีเขาอาจไม่สะดวกใจอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เลยคิดจะเปลี่ยนเรื่องคุย“คุณได้ข้อมูลเรื่องพิกัดหรือยังคะ?”“เราจะไม่คุยเรื่องงานกันตอนนี้ที่รัก” พริมโรสเลิกคิ้ว เริ่มหงุดหงิดนิดๆ โน่นก็ไม่ได้! นี่ก็ไม่ได้! หมอนี่เป็นคนยังไงกันแน่!! เอาใจยากชะมัด!!เธอเริ่มไม่พอใจ จึงหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ยกแขนขึ้นกอดอก ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างเจ้าอารมณ์เต็มที่ ทำให้ขอบซับในร่นลงมามากกว่าเดิม เผยให้เห็นท่อนขาเรียวสวยขาวนวลเนียนอยู่ภายใต้เนื้อผ้ารำไร ชายหนุ่มเห็นการเคลื่อนไหวอยู่ปลายหางตา จึงเหลือบมองอย่า
“อะไรนะ! เชคฮ์ อิสราร์ มาที่วังตะวันออกอย่างนั้นรึ? ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลยสักคน!”“อะไรกันเนญ่า! การข่าวของตระกูลเธอรวดเร็วฉับไวที่สุดในพระราชวังไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้รู้เป็นตระกูลสุดท้ายล่ะ!” แล้วสาวๆ ประมาณสามสิบกว่าคน ที่กำลังเลือกลวดลายและสีสันของเนื้อผ้าอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็หัวเราะออกมาอย่างครึกครื้นสาวๆ กลุ่มนี้เป็นญาติพี่น้องที่ร่วมสกุลเดียวกันทั้งหมด บางคนพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ บางคนพ่อแม่เดียวกันแต่มีลูกสาวหลายคน ซึ่งก็มีความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตามธรรมดาของผู้หญิง ถึงแม้จะเป็นญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่มีใครอยากให้ใครมีความความดีโดดเด่นเกินหน้าเกินตาไปกว่าใคร ฉะนั้นถ้ามีคนใดสะดุดล้ม หรือทำในสิ่งที่ผิดพลาด แม้เพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็จะช่วยกันซ้ำเติมทันทีอย่างไม่ลังเล“นี่! ฉันยังได้ข่าวมาว่าไม่ได้เสด็จมาเพียงลำพังอีกด้วยนะ”“ใช่ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เขาพูดกันว่ามากับผู้หญิงคนหนึ่ง สวยราวกับมิสยูนิเวิร์สเลยนะ!”“อ๊ะ! แล้วเชคฮ์พาผู้หญิงมาทำไมล่ะ?”“เขาปิดกันให้แซ่ดว่า พาลูกสะใภ้ในอนาคตมาแนะนำกับพระมารดาไงล่ะ!”“ตายจริง! คลับคล้ายคลับคลาว่าพระชายาในอนาคตจะอยู่แถวนี้นะ
หลังจากชายหนุ่มโทรศัพท์สั่งงานเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับเข้ามาข้างใน เขาคิดว่าหญิงสาวคงกำลังมัวแต่ทำงานจนลืมหิว เลยว่าจะมาถามเรื่องมื้อเย็น แต่กลับเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่กับพื้น ตัวเอียงฟุบหลับกับโต๊ะ ทั้งๆ ที่อีกมือยังคงจับเมาส์อยู่ เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างเอ็นดู เดินเข้ามานั่งข้างๆ ยื่นมือข้างหนึ่งแตะไปที่ผมดำสลวย ไล้มาจนสุดความยาวแล้วจับปอยหนึ่งยกขึ้นประทับที่ริมฝีปาก จากนั้นก็ช้อนร่างบอบบางเข้ามาในวงแขนช่วงที่เขายกตัวอุ้มขึ้น มือเรียวที่จับเมาส์อยู่จึงปัดไปกระแทกกับโน้ตบุ๊ก แรงกระทบแม้จะไม่รุนแรง แต่ก็สามารถปลุกคนที่กำลังจะดำดิ่งเข้าสู่โหมดนิทราให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่วงซึมและงุนงงชายหนุ่มเองก็ชะงักค้าง เพราะไม่คิดว่าเธอจะตื่น เลยมองนิ่งรอดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับ จนเธอได้สติว่าไม่ได้อยู่ที่พื้น“นี่! คนฉวยโอกาส ปล่อยฉันลงนะ!” แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด จึงได้ปล่อยมือทันทีตามที่เธอร้องขอ“ว้าย!!” หญิงสาวตกใจ เพราะคิดว่าจะร่วงลงพื้นแข็งด้านล่าง แต่กลับหล่นลงบนโซฟาในระยะที่ไม่สูงมาก ทำให้เธอตวัดตามองค้อนเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เมื่อคืนก็นอนเร็ว ทำไมยังไม่หายเพลียอีก?”“เจ็ทแลค!
“คือว่า.. | คือว่า..” ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน จึงทำให้ชะงักไปทั้งคู่“คุณ.. | ผม..” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ติดขัด ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่ รอโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดก่อน“เอ่อ..ฉันจะถามว่า..”“โอ้โห! นี่มันยิ่งกว่าคฤหาสน์ด้วยซ้ำ อย่างกับพระราชวัง!” เสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าประตูด้านนอก พริมโรสได้ยินก็หันไปทางที่มาของเสียง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอิฟราอิมทำมือให้เธอเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน “แหม! มาถึงก็ส่งเสียงดังคับที่เลยนะ!”“ด้วยความเคารพครับคุณผู้หญิง นอกจากจะไม่ขอบคุณที่กระผมช่วยขนย้ายข้าวของแล้ว ยังมาใช้วาจาประชดเสียดสีใส่กันอีก คุณธรรมในใจน่ะมีบ้างหรือเปล่า?”“งั้นฉันจะขอบคุณด้วยการคืนเงินดีไหมนะ?”“โอ๊ะ! เจ๊ประณามผมได้เต็มที่เลย จะย่ำยีไปพร้อมกันเลยก็ได้ แต่ขอคืนเต็มจำนวนเลยนะ!” เขายิ้มอย่างประจบ“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน! ดูเหมือนท่านเจ้าของบ้านมีอะไรจะพูดกับพวกคุณแหน่ะ!”“เจ้าของบ้าน? คุณเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือครับ?” เตวิช เบิกตาโตกว้าง หันไปถามชายหนุ่มร่างสูงเชื้อสายอาหรับ“ครับ! ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผมพันเอกอิฟราอิม อัล อิสมาอิล สังกัดกองทัพบก”“โว๊ะ!” เตวิชตกใจ แต่จอมทัพมีสติดีก
"โอ๊ย!!" แล้วหญิงสาวก็ร้องออกมาอย่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจงใจกัดที่ริมฝีปากล่างอย่างแรง ทำให้เธอได้สติรีบผลักเขาออกห่างผู้ชายจิตใจคับแคบ!! นี่กำลังคิดจะเอาคืนใช่ไหม แต่ฉันไม่ได้กัดนายรุนแรงแบบนี้นี่!!หญิงสาวตวัดสายตาคมกริบมองเขม็งอย่างโมโห สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด เม้มริมฝีปากล่างที่กำลังเจ็บ แล้วไล้ลิ้นเลียด้านในเบาๆ “เจ็บไหม? ถือซะว่า..หายกัน!” เขาถามคล้ายไม่สำนึก เธอเลยกำหมัดทุบไปที่อกและไหล่ของเขาเสียหลายที แต่เขากลับเอาแต่หัวเราะ แล้วจับข้อมือเธอไว้ชายหนุ่มมองใบหน้าหวาน ที่ถึงแม้จะโกรธแต่ก็ยังคงดูน่ารัก กำลังส่งประกายตาคมกริบราวกับมีดมองเขม็งมาที่เขา เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงไปแล้วเป็นร้อยๆ แผล เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาพราวระยับเต็มไปด้วยรอยหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องสนุกไปเสียอย่างนั้นพริมโรสรู้สึกว่า เธอประเมินระดับความชั่วร้ายของเขาต่ำเกินไปเสียแล้วแต่ยังไม่ทันที่เธอจะสบถความในใจออกมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเสียก่อนก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!“คุณพริมโรสคะ! คุณพริม!” หญิงสาวสะดุ้ง หันขวับไปยังทิศทางของเสียงชายหนุ่มมองใบหน้าระเรื
บอดี้การ์ดทั้งสองคนจับต้นแขนพริมโรสไว้คนละข้าง พาเดินไปอย่างเร่งรีบจนตัวเธอแทบจะลอยได้ ก้าวเท้าเร็วคล้ายกำลังจะก้าวกระโดด สักพักก็ฝ่าฝูงชนออกมาถึงริมถนนใหญ่ มีรถลีมูซีนกำลังจอดรออยู่ คนหนึ่งรีบเดินไปขึ้นข้างหน้า อีกคนเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งด้านหลัง ขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไป เธอก็ถูกดึงแขนให้ถอยห่างรถออกมาอย่างแรง จนเซไปปะทะร่างแข็งแรงของใครคนหนึ่ง เธอแหงนมองหน้าร่างนั้นอย่างตระหนก“แก!!” ผู้พันอิฟราอิมเค้นเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด แล้วโถมหมัดเข้าใส่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงนั้นทันที“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” เตวิชกับจอมทัพวิ่งมาขนาบข้างตัว พริมโรสมองอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกเขามาที่นี่กันได้อย่างไรยังไม่ทันที่เธอจะไต่ถาม สองหนุ่มข้างตัวก็ถลาไปหาบอดี้การ์ดอีกสองคนที่กำลังงงงันอยู่ข้างรถทันที หญิงสาวยืนมองพวกเขาตะลุมบอนกันอย่างนัวเนีย ทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่ “โรส! หลีกไป!!” ผู้พันอิฟราอิมตะโกนสั่งเสียงดังลั่น ทำให้เธอได้สติ ถอยไปยืนอยู่มุมหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเข้าไปห้ามยังไง“เดี๋ยวก่อนค่ะ! หยุดก่อน! พวกคุณกำลังเข้าใจผิด!!” เธอพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะฟังสักพ
แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้า ข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายดึงไว้เสียก่อน จนเธอเสียหลัก เซล้มลงไปนั่งบนตักเขา“งอนแฮะ!”“ไม่ได้งอน! ปล่อย!” เขาจับข้อมือเธอไว้ข้างหนึ่งยึดไว้แน่น มืออีกข้างรวบเอวคอดกิ่วเข้ามาชิดลำตัว เนื่องจากเขารัดไว้แน่น เธอจึงต้องโยกตัวไปข้างเพื่อยืมแรงโน้มถ่วง แล้วหมุนข้อศอกเหวี่ยงโค้งไปที่บริเวณขากรรไกร เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเบี่ยงตัวหลบ ในช่วงที่ลำตัวเด้งกลับจึงกระทุ้งศอกไปทางด้านหลังเต็มแรง“โอ๊ยย! ทำไมดุร้ายนัก!” ชายหนุ่มโดนศอกกระแทกที่ชายโครงอย่างจัง รู้สึกจุกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ“ใครใช้ให้คุณมาฉวยโอกาสกับฉันล่ะ!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมจำนน เขาจึงปล่อยมือที่รัดเอวมากำข้อมือเล็กที่วนเวียนแต่จะทำร้ายเขาเอาไว้แน่น จับสองแขนของหญิงสาวไขว้กันที่ด้านหน้า แล้วพันธนาการรัดไว้ด้วยแขนที่แข็งดั่งปลอกเหล็กของเขา ยุติการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง“อยู่นิ่งๆ! เดี๋ยวเครื่องไม้เครื่องมือพังหมด!”“ก็ปล่อยฉันสิ!” พริมโรสตวาดลั่นพยายามขยับตัวแรงๆ เพื่อให้วงแขนคลายออก แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก ตอนนี้เหลือเพียงปากเท่านั้นที่ว่างพอจะใช้เป็นอาวุธได้ “คุณนี่อะไรก็ดี เสียตรงที่
ก๊อกๆ!! ก๊อกๆ!!หญิงสาวพลิกตัวนอนคว่ำ ศอกยันพื้นที่นอนนุ่ม มองไปทางทิศของเสียง“คุณ! นอนหรือยัง?”พอรู้ว่าเป็นเสียงใคร ปากอิ่มสวยก็เม้มเข้าหากัน แก้มพองออกสองข้างในลักษณะไม่สบอารมณ์นิดๆ ลุกขึ้นเดินไปแง้มประตูให้เปิดออกนิดหนึ่งผู้ชายน่าตาย! ช่างยุ่งวุ่นวายเสียจริงๆ!“มีอะไรคะ?”“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ขอเข้าไปได้ไหม?”“ยามวิกาล ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ในที่ลับตา เป็นกฎการใช้ชีวิตแบบเบสิคของสาวโสด หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งคล้ายจะยิ้ม ฟังกฏการใช้ชีวิตแบบลื่นไหลของเธออย่างชอบใจ“แล้วถ้าผมคุยเรื่องลับๆ ระหว่างเราสองคนที่หน้าประตูแบบนี้ ใครผ่านไปผ่านมาแล้วได้ยินเข้า กฏการใช้ชีวิตแบบสาวโสดของคุณจะสั่นคลอนไหม?”“นี่! ฉันกับคุณไปมีเรื่องลับๆ กันตั้งแต่เมื่อไหร่!” เสียงความไม่พอใจดังขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี“ชู่ว! เบาหน่อยสิ! เดี๋ยวก็ได้ตื่นมาฟังกันหน้าสลอน ไม่อายรึ? แต่ก็ไม่แน่นะ..บางทีตอนนี้อาจจะมีใครบางคนเอาหูแนบประตู แอบฟังอยู่ก็ได้”“คุณ!” หญิงสาวหงุดหงิดเขาจนเกือบจะหลุดปากพูดคำแรงๆ ออกไปตามอารมณ์ แต่พอนึกได้ว่าผู้คนคงจะได้ยินกันทั้งบ้าน จึงได้แต่กัดปา
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้