“เหตุระเบิดท่าอากาศยานนานาชาติเอวาเปเรซ สร้างความเสียหายให้แก่บริเวณรับสัมภาระ ของอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จากกล้องวงจรปิดได้จับภาพฝูงโดรนคามิกาเซที่บินร่อนอยู่เหนือท่าอากาศยานอยู่หลายนาที ก่อนที่จะร่อนลงสู่เป้าหมาย และจุดระเบิดขึ้น
เหตุระเบิดดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามสิบห้าราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสายหายไปจากรายชื่อห้าคน และหนึ่งในนั้นคือพระชนนีขององค์สุลต่าน ซึ่งแหล่งที่มาของการโจมตีดังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ อาจเป็นผู้ทำสงครามโมเสลมจากสมาชิกอัลเคดาสาขาเปเรซ ถึงแม้ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย”
เสียงในทีวี รายงานข่าวภาษาอาหรับ เกี่ยวกับสถานการณ์การระเบิดสนามบิน บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า และได้ลักพาตัวประกันไปด้วย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลง ตามมาด้วยข่าวการประท้วงที่หน้าสถานทูต เพื่อกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายผู้ก่อการร้ายยุติสงครามกลางเมืองเสียที
มือเรียวสวยหยิบรีโมท ที่อยู่ปลายเตียง ขึ้นมากดปิดสวิทช์ ไม่สนใจจะฟังต่อ เพราะทุกๆ ช่องรายงานข่าวเหมือนกันหมดไม่มีข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เธอหันไปเปิดไฟแอลอีดีวงแหวนทั้งสองข้างตัว แล้วกดบันทึกวีดีโอที่เตรียมไว้แต่แรก
“สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้พริมอยู่ที่ประเทศเปเรซ เหตุผลที่พริมมาที่นี่ เพราะพริมรู้เกี่ยวกับประเทศนี้น้อยมาก สิ่งที่พอจะทราบเหมือนกับคนทั่วโลกก็คือ นายแบบ หรือนักแสดงผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุด ส่วนใหญ่มักจะมาจากประเทศนี้”
หญิงสาวมองดูข้อมูลในแท็บเล็ต ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงใส
“ระบอบการปกครองของเปเรซ เป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิ-ราชย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดี โอมาร์ บิน ซาเลห์ บิน อับดุลอาซิซ อัลฟูลัน หรือองค์สุลต่านเป็นประมุข ซึ่งราชวงศ์ฟูลันในปัจจุบันได้สืบทอดเชื้อสายมาจากราชวงค์ในประวัติศาสตร์ เมื่อหนึ่งพันสามร้อยปีมาแล้ว”
หญิงสาวเงยหน้ามองกล้องแล้วพูดต่ออย่างฉะฉาน
“ก่อนหน้าที่เปเรซจะพบน้ำมัน ถือว่าเป็นประเทศที่ยากจนมากประเทศหนึ่ง คนส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตเร่ร่อนตามทะเลทราย ไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย รายได้หลักส่วนใหญ่จะมาจากการแสวงบุญ แต่ในอีกหลายปีต่อมาก็ค้นพบน้ำมันแหล่งใหญ่และก๊าชธรรมชาติ ซึ่งทำให้ติดอันดับโลกรองจากประเทศอาระเบีย และพลิกเศรษฐกิจของประเทศจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยเพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงสามปี และจากรายงานเศรษฐกิจของประเทศในปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศเปเรซมีอัตราการว่างงานเกือบจะศูนย์เปอร์เซ็นต์ คนที่มีรายได้ต่ำสามารถซื้อรถยนต์และบ้านได้ด้วยเงินสด นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการฟรีเพื่อประชาชนอีกด้วยอย่างเช่น ด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล ด้านสาธารณูปโภคเช่นไฟฟ้าและน้ำประปา"
นิ้วเรียวปาดเลื่อนแท็บเล็ตตรงหน้า เพื่อดูสคริปต์นิดหนึ่งแล้วพูดกับกล้อง
"แต่สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ของประเทศเปเรซคือมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ชาวเปเรซเชื้อสายอาหรับกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์นับถือศาสนาโมเสลม แต่ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนทางฝั่งตะวันออกกลางทั่วไป รองลงมาคือศาสนาคริสต์, ยูดาห์-ยิว, และฮินดูตามลำดับ บางคนอาจจะเคยคิดไปว่าประเทศแถบอาหรับส่วนใหญ่จะมีกฎที่เข้มงวดมากใช่ไหมคะ แต่ประเทศเปเรซนี้จะให้เกียรติผู้หญิงมาก นอกจากจะอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถขับรถได้แล้ว ยังสามารถทำงานในภาครัฐและเอกชนได้ โดยหนึ่งในสามของสตาร์ทอัพใหม่ๆ ก็มีเจ้าของเป็นผู้หญิงค่ะ และไม่จำเป็นต้องใส่ชุดอาบายะห์ หรือคลุมผมด้วยฮิญาบ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแต่งกายเหมือนกับชาวตะวันตกทั่วไป ที่สำคัญผู้หญิงยังได้รับความเท่าเทียมกันในสังคม พวกเธอสามารถเข้าร่วมงานคอนเสิร์ต งานภาพยนตร์ หรือความบันเทิงต่างๆ เหล่านี้ได้โดยไม่ผิดกฎข้อห้ามแต่อย่างใด”
ยิ้มสาวยิ้มให้กับกล้อง พูดโดยไม่ต้องก้มดูสคริปต์อีก
“ความเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดมาจากปัจจัยหลายๆ อย่างค่ะ อันดับแรกก็คือมกุฎราชกุมารอิสราร์ บิน ซาเลห์ บิน อับดุลอาซิช อัลฟูลัน หรือจะเรียกสั้นๆ ว่าเชคฮ์ อิสราร์ ซาเลห์ อัลฟูลันก็ได้ เขาเป็นพระอนุชาของสุลต่าน โอมาร์ เป็นเจ้าชายที่มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้ามาก อายุเพียงแค่สามสิบปี แต่มีวิชันที่ต้องการจะพัฒนาประเทศให้ไปในวิถีทางที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว จึงพยายามกระจายเศรษฐกิจไปในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี หรือการปรับตัวให้เป็นศูนย์กลางทางการค้า การใช้พลังงานสะอาดอย่างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการผลิตน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการเปเรซเวิลด์แฮริเทจด้วยค่ะ เพราะเหตุนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงความเคร่งครัดของกฎให้ลดน้อยลง เพื่อเตรียมความพร้อม รองรับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล"
“และเพื่อต้องการที่จะศึกษาวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ให้มากขึ้นไปอีก พริมก็เลยจะใช้บริการเคาช์เซิร์ฟฟิ่ง ซึ่งจะแปลตรงๆ ก็คือการไปนอนบ้านคนแปลกหน้านั่นเอง”
หญิงสาวหัวเราะกับกล้องเล็กน้อยอย่างซุกซน ยกสองมือขึ้นไขว้กันในลักษณะกากบาท พูดเน้นเสียงหนัก
“ห้ามคิดลึก!! มันคือการท่องเที่ยวแบบขอไปนอนพักตามบ้านสมาชิกซีเอส หรือเคาช์เซิร์ฟฟิ่งทั่วโลกแบบฟรีๆ!! ซึ่งบ้านโฮสต์ที่พริมเลือกจะเป็นคู่สามีภรรยา ดูจากโปรไฟล์แล้วมีดาวสีเขียวรับรองถึงห้าดาว แสดงว่าปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน ที่สุดยอดกว่านั้นคือบ้านของพวกเขา ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง และอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์อารยธรรมทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของชนเผ่าอารเบียโบราณ ที่พริมอยากจะไปมากที่สุดอีกด้วย เป็นบ้านโฮสต์ที่ผู้คนทั่วโลกนิยมไปพักเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ แค่ฟังก็น่าสนุกแล้วใช่ไหมคะ ถ้างั้นเรามาหาคำตอบจากการเดินทาง และรู้จักเปเรซไปพร้อมๆ กับพริมกันเลยดีกว่า ไปกันเลยค่า"
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกดปิดการบันทึก พลันมีเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอหยิบมามองหน้าจอนิดหนึ่งจึงกดรับ เปิดสปีคเกอร์โฟน แล้วเริ่มเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเดินทางใบเล็กด้วยความรีบเร่ง
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพ่อ”
“พริม! เรียบร้อยดีไหม?”
“เดินทางราบรื่นไม่มีปัญหาอะไรเลย หนูกำลังรอโฮสต์มารับที่โรงแรม”
“พ่อดูข่าวต่างประเทศเมื่อเช้า มีการชุมนุมประท้วงตรงหน้าสถานทูตเปเรซ อยู่ใกล้โรงแรมที่แกพักหรือเปล่า?!”
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงที่เปเรซก็ยังปลอดภัยกว่าทีแลนด์ตอนนี้เสียอีก เมื่อวานหนูดูข่าวเห็นหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมโดนลอบยิงขณะที่กำลังปราศัยอีกแล้ว!”
“อืม ทีแลนด์ถูกครอบงำด้วยระบอบอำนาจนิยมที่อึมครึมมาตั้งแต่รัฐประหารแล้ว มีอำนาจท่วมทับผู้นำแต่ใช้ไม่เป็น ทำได้แค่ใช้กำลังบังคับผู้คัดค้านเท่านั้น! แต่อาจจะเป็นพวกมือที่สามก็ได้ จริงเท็จพิสูจน์ได้ยาก เปเรซเองก็มีปัญหาเรื่องแบ่งแยกดินแดนอยู่เหมือนกัน แกก็ต้องดูแลตัวเองด้วย มีปัญหาอะไรรีบติดต่อมาทันทีเลยนะ!”
“หัวหน้าคะ! ฝึกหนูมาหนักขนาดนี้ ยังต้องห่วงอะไรอีกคะ เชื่อมือหนูเถอะน่า! หนูเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว!”
“อย่ามาซุย! อ้อ! แล้วอย่าลืมไปที่พิพิธภัณฑ์ของชนเผ่าอารเบียด้วยนะ!”
“รับแซ่บ!” เสียงปลายสายเงียบไป คงเพราะอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว
หญิงสาวรีบเก็บของมือเป็นระวิง เนื่องจากโฮสต์โทรมาขอเปลี่ยนเวลาที่จะมารับเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง เพราะญาติที่จะมาพักที่บ้านโฮสต์ด้วยนั้น จะขับรถผ่านมาทางโรงแรมที่เธอพักอยู่พอดี
ขณะที่กำลังรูดซิบกระเป๋า พลันโทรศัพท์ภายในห้องพักก็ดังขึ้น จึงเดินไปรับสาย
“เฮลโล?”
“มิสนรากร มีแขกมารอพบอยู่ที่ล็อบบี้ครับ”
“บอกให้เขารอสักห้านาที จะรีบลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“ครับผม”
นอกจากจะมาท่องเที่ยว เพื่อทำคอนเทนท์ ในฐานะยูทูปเบอร์แล้ว เธอยังมีภารกิจสำคัญในการเดินทางมาเปเรซในครั้งนี้ด้วย
หญิงสาวทำงานอยู่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำแหน่งนักการข่าวปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ภารกิจในครั้งนี้เป็นวาระพิเศษ ต้องทำงานร่วมกับหน่วยอื่นด้วย และที่เบื้องบนระบุว่าต้องเป็นเธอ ก็เพราะทั้งหน่วยมีเธอเพียงคนเดียวที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีของอิสราเอล สามารถพูดอ่านและเขียนภาษาอาหรับได้ดี และยังพูดฮีบรูได้อีกนิดหน่อย ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทุกคน จำเป็นต้องมีทักษะด้านนี้อย่างน้อยห้าภาษา แล้วแต่ว่าใครเลือกจะเรียนภาษาอะไร นอกเหนือไปจากความสามารถด้านอื่นๆ
ถ้าไม่นับรวมเรื่องบู๊ล้างผลาญ ความเป็นสตรีเพศของเธอจะสามารถพรางตาฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแนบเนียน และทำงานคล่องตัวได้ดีกว่าบุรุษเสียอีก
ในภารกิจนี้จะมีผู้ร่วมทีมอีกสองคน ซึ่งจะแยกกันเดินทาง และแยกกันทำงาน เธอมีหน้าที่ตามหาเป้าหมายชี้เป้าระบุตำแหน่ง เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนลงมือปฏิบัติการ
ภารกิจของเธอในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน ที่มีการระเบิดสนามบินเอวาเปเรซ โดยใช้ฝูงโดรนคามิกาเซ และการกราดยิงประชาชนของผู้ก่อการร้าย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าหน้าที่ ในการก่อเหตุกับสายการบินทีแลนด์แอร์ไลน์ที่เพิ่งจะแลนดิ้งได้ไม่นาน
หลังจากนั้นกลุ่มกบฎหัวรุนแรง ก็หลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ไปได้ และได้ลักพาตัวประกันไปด้วยห้าคน สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องต่อมาก็คือ ขอให้รัฐบาลเปเรซปลดปล่อยนักโทษกลุ่มต่อต้านแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มอนุรักษ์ศาสนาต่อต้านแนวคิดใหม่กว่าหนึ่งร้อยชีวิตที่ถูกจับขังคุกอยู่ในเขตต่างๆ และเรียกร้องให้รัฐบาลทีแลนด์ ทำตามข้อตกลง เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตัวประกัน
ทำให้ทางรัฐบาลทีแลนด์ ต้องรีบออกมาแถลงการณ์แก้ตัวกับนานาชาติว่า ข้อตกลงนั่น เป็นเพียงการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมเท่านั้น ทีแลนด์มิได้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ และไม่เคยสนับสนุนการก่อการร้ายไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
ซึ่งตัวประกันห้าคน ที่ได้ถูกจับตัวไปนั้น คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรอง ที่กำลังหนีคดีข้อหาจารกรรมข้อมูลของรัฐบาล อีกคนเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตทีแลนด์ประจำเปเรซ ส่วนอีกสองคนเป็นพระมารดาของสุลต่านโอมาร์กับผู้ติดตาม และนักข่าวไม่ระบุสัญชาติอีกหนึ่งคน
เธอจึงถูกส่งตัวมารับภารกิจนี้ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเปเรซ เพื่อทำการค้นหา และช่วยเหลือตัวประกัน ทั้งห้าคนให้ปลอดภัย
อันนั้นเป็นภารกิจหลัก ที่ได้รับจากผู้อำนวยการ สำนักข่าว-กรองฯ แต่ภารกิจลับที่ได้รับจากหัวหน้าหน่วย คือนำข้อมูลที่อยู่กับเจ้าหน้าที่คนนั้นกลับมาให้ได้ และคุ้มครองเขาให้พ้นจากการถูกฆ่าปิดปากจากฝ่ายตรงข้าม
และเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการก่อเหตุจับตัวประกัน เริ่มจากกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมมือกับบริษัทอาร์เอดีผู้ผลิตและวิจัยยาชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ และมีสาขาย่อยอยู่ในประเทศทีแลนด์ ได้ถูกแฮกเกอร์โจมตีทางไซเบอร์เจาะระบบและเปลี่ยนหัส แล้วแอบติดตั้งมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ทำให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯเข้าไปทำงานในระบบไม่ได้ เป็นผลทำให้หุ้นของบริษัทอาร์เอดีตกฮวบ และต้องปิดไลน์ผลิตและการขนส่งทั้งหมด ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ถูกจารกรรมข้อมูลสำคัญไปกว่าเก้าร้อยกิกะไบต์ ได้แก่รหัสผ่าน ข้อมูลการเงิน ข้อมูลของลูกค้าและรายละเอียดสัญญาต่างๆ และสูญเงินเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาท
เวบไซต์และระบบเครือข่ายของกระทรวงกลาโหมเอง ก็โดนโจมตีเซิร์ฟเวอร์ด้วยวิธีดีดอส โดยที่ผู้โจมตีได้สร้างคำร้องขอใช้บริการที่เป็นข้อมูลขยะขึ้นมา แล้วส่งไปที่ระบบเครือข่ายเป็นจำนวนมหาศาลต่อวินาที ทำให้ระบบทำงานช้าลงและเกิดการติดขัดในการเรียกใช้งานจนระบบล่มไปในที่สุด เมื่อเบี่ยงเบนความสนใจได้แล้ว ก็ฝังมัลแวร์ไว้เพื่อรับคำสั่งการโจมตีระลอกที่สอง
หลังเกิดเหตุการโจมตีทางไซเบอร์เพียงสามชั่วโมง ก็ได้ปรากฎชื่อของบริษัทอาร์เอดี บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก ให้กับโรงพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือประชาชน ในวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั่วประเทศ
ข้อมูลลับของกระทรวงกลาโหม ก็ถูกล็อกด้วยเช่นกัน จากนั้นก็แสดงข้อความเรียกค่าไถ่ ข่มขู่ให้ทำการจ่ายเงิน เพื่อแลกกับข้อมูลภายในเวลาที่กำหนด ทางกระทรวงฯ จำต้องยอมโอนเงินให้ตามเงื่อนไข เพื่อแลกกับข้อมูลสำคัญระดับชาติ แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นว่าข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกลบไป ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อีก
ไม่มีแฮกเกอร์กลุ่มใดออกมาแสดงตัวเพื่ออ้างถึงผลงาน แต่ก็คาดเดากันว่า อาจจะเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรมืดที่เรียกตัวเองว่าแฮกเกอร์หมวกดำ เพราะอาชญากรกลุ่มนี้ มีความเชี่ยวชาญในการปล่อยมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เข้าไปสร้างความหายนะเพื่อแลกกับเงิน เป็นจอมวายร้ายที่เคยเจาะระบบโจมตีธนาคารชาติตะวันตกมาแล้วในหลายๆ ประเทศ
แต่ก็มีชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ออกมาชื่นชม การกระทำของโจรใจบุญในครั้งนี้ เพราะเงินทุกบาท ที่แฮกเกอร์ปล้นมาจากกระทรวงกลาโหมนั้น ได้ถูกบริจาคให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ โดยระบุข้อความว่า เป็นค่าเยียวยาและเพื่อฟื้นฟูจิตใจจากรัฐบาล
ต่อมาหน่วยสืบราชการลับของกระทรวงกลาโหม ก็ตามรอยไอพี-แอดเดรส จนสืบรู้ว่าอาชญากรไซเบอร์ผู้นี้เป็นใคร และได้ทำการไล่ล่าจนเขาต้องหนีออกนอกประเทศ และได้ถูกจับเป็นตัวประกันไปในที่สุด รายข่าวยังบอกอีกว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตทีแลนด์ประจำเปเรซที่ถูกจับตัวไปด้วยกันนั้น ก็เป็นแฟนของเขาด้วยนั่นเอง
………………………….
- เวิลด์แฮริเทจ - World Heritage - มรดกโลก
- เคาช์เซิร์ฟฟิ่ง - Couchsurfing / CS - คือการท่องเที่ยวแบบขอไปนอนพักตามบ้านสมาชิกซีเอสทั่วโลก แบบฟรีๆ
- กิกะไบต์ - (gigabyte / GB ) - หน่วยวัดความจุของหน่วยความจำ หรือข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ (Bit / KB / MB / GB / TB )
- มัลแวร์เรียกค่าไถ่ - Ransomware ถือเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง ทันทีหลังจากเครื่องเป้าหมายติดมัลแวร์ดังกล่าว คอมพิวเตอร์จะถูกเข้ารหัส แล้วยื่นข้อเสนอให้เหยื่อทำการโอนเงินไปยังบัญชีที่ระบุ
- เซิร์ฟเวอร์ - Server - ทำหน้าในการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตและควบคุมการใช้บริการ ซึ่งการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บริการนั้นมีหลากหลายอย่างแยกย่อยออกไปอีก สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://personet.co.th/what-is-server/
- ดีดอส - DDos - (Distributed Denial of Service) - การปฏิเสธการให้บริการ : เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกการโจมตีด้วยวิธี DDos จะไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข หรือป้องกันการถูกระดมยิงด้วย DDoS ได้
- ไอพี แอดเดรส - IP Address - ย่อมาจาก internet protocol address คือ หมายเลขเฉพาะที่กำหนดให้กับอุปกรณ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่าย
ติ๊ง!!ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองทันที เมื่อได้ยินเสียง เขาหายใจเข้าแรงแล้วสะดุดไปในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเอวบางร่างน้อย นัยน์ตากลมโต ใบหน้าคมหวาน ผมดำยาวสลวยสยายเต็มหลัง สวมชุดแม็กซี่เดรสสีขาวปักฉลุลายดอกไม้ตัวยาวจนถึงข้อเท้า แขนยาวสามส่วนเลียนแบบชุดอาบายะห์ แต่จะออกไปในสไตล์ตะวันตกมากกว่า ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรองเท้าผ้าหุ้มส้นพิมพ์ลายดอกไม้วินเทจสีเทา กำลังเดินเข็นกระเป๋าเดินทางออกมาจากลิฟต์ รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวโดดเด่นเสียจนดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งชายและหญิง ที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ให้มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ ดวงตาคมกริบล้ำลึกของชายหนุ่ม กำลังถูกตรึงจนไม่อาจถอนสายตาไปมองที่อื่นได้ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ราวกับวิญญาณของเขาก็กำลังถูกดูดกลืนหายไปด้วยเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะได้สติเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปทักทายด้วยหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง “มิสนรากร?” เขาทักขึ้นก่อน เพื่อยืนยันว่าใช่คนที่กำลังรออยู่หรือเปล่านัยน์ตากลมโตมองชายหนุ่ม ที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราจนดูครึ้มไปหมด แต่กลับรู้สึกสะดุดที่นัยน์ตายาวรีคู่นั้น ถึงแม้จะดูคมกริบดุดันในนาทีแรก
พริมโรสรู้สึกหิวน้ำ จึงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่ โฟกัสไปรอบๆ ห้อง คิดอยู่ในใจว่าน่าจะเป็นบ้านของโฮสต์เลยคลายความระวังตัว ลุกขึ้นเดินจะไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาไปปะทะกับร่างสูงที่นอนหลับสนิทเหยียดยาวอยู่บนโซฟาหญิงสาวระงับความไม่พอใจเอาไว้ หลังจากได้คิดว่าคงเป็นการแสดงบทบาทให้สมจริงของเขาอีกแล้ว เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มแรก เธอมองเขาด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปข้างนอก“มิสนรากร สวัสดีตอนเช้าค่ะ” พริมโรสคิดในใจว่าผู้หญิงหน้าตาเป็นมิตรคนนี้คงจะเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน จึงยิ้มตอบอย่างอบอุ่น“สวัสดีตอนเช้าค่ะ มิสซิสซัลมาใช่ไหมคะ?”“ค่ะ ฉันชื่ออัลวานี ส่วนสามีฉันบาซิม” บาซิมซึ่งอยู่ไม่ไกล หันมายิ้มอย่างสุภาพ พริมโรสยิ้มตอบ แล้วผงกศีรษะนิดหนึ่ง“เรียกฉันว่าพริมก็ได้ค่ะ เอ่อ..พอดีหิวน้ำ อยากจะหาน้ำดื่มสักแก้ว”“อ๋อ ได้สิคะ น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีคะ?” อัลวานีกุลีกุจอหยิบแก้วใสทรงดอกทิวลิปมาวางตรงหน้าพร้อมจานรอง“อะไรก็ได้ค่ะ”“งั้นแนะนำให้เป็นชาดีกว่า ชาวเปเรซชอบดื่มชาค่ะ จะมีติดบ้านไว้เสมอ”“ได้ค่ะ ขอบคุณ” อัลวานีเดินกระฉับกระเฉงไป
พริมโรสนอนหอบหายใจแรงอยู่กับพื้น ในขณะที่มือทั้งสองข้างถูกเขากดไว้ข้างตัว ขาทั้งสองข้างถูกทับไว้ด้วยขาของเขาจนยกแทบไม่ขึ้น“จะยอมได้หรือยัง? พยศเป็นม้าบ้าเลยนี่!”“คุณมันชอบเอาชนะผู้หญิง! หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่มี!” หญิงสาวตะโกนตอบโต้ทั้งๆ ที่ยังหายใจหอบ“แล้วสุภาพสตรีที่ไหน เขาเล่นแรงกันแบบนี้ล่ะ! ถ้าสู้ไม่ได้อาจถึงขั้นพิการได้เลยนะ!”“ใครใช้ให้คุณมาทำรุ่มร่ามกับฉันล่ะ! คุณมันทุเรศ! ไอ้คนบ้า! ไอ้หน้ารังแกผู้หญิง!”“ถ้าไม่เลิกสบถใส่ผม คุณโดนดีแน่!”“กล้าดีก็ลองดู! ฉันจะอัดไอ้หนูคุณให้น่วมจนพิการเลย! ไอ้คน.. อื๊อ!”พริมโรสตกใจเพราะเขากดจุมพิตหนักหน่วงลงมาทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ เป็นจุมพิตที่ต้องการจะลงโทษ มากกว่าจะอยู่ในอารมณ์พิศวาสเธอพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็สู้แรงที่แข็งดังหินของเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงเบี่ยงศีรษะออก เป็นผลให้เขาไถลจุมพิตลงมาที่ข้างแก้ม แล้วไล้เลยมาถึงซอกคอ จู่ๆ แรงจุมพิตของเขาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วนเวียนซุกไซ้ไปมาอย่างหลงไหล เธอดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ ทำได้แค่ดึงขาออกจากการพันธนาการได้เท่านั้นขณะที่เขากำลังไล้จุมพิตมาถึงแอ่งหลังใบหู ประตูห้องก็เปิดออก ทั้งสี่ชีวิตย
“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ?” อิฟราอิมเดินตามมาทัน จึงรั้งแขนไว้ แล้วจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้า แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวออก“ฉันดูลักษณะเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก“ไม่เอาน่า! เราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่หรือไง? โกรธกันข้ามวันมันไม่ดีต่อความสัมพันธ์นะ”“ผู้พันคะ! ฉันคิดว่าคุณจะอินกับบทบาทมากเกินไปหน่อยแล้ว ฉันจะขอบคุณมาก..ถ้าเราจะทำให้สถานที่นี้ปลอดจากยุงที่เกิดมาจากบทละครน้ำเน่าของคุณ! แค่นี้ฉันก็เบื่อจนถึงรังไข่แล้ว…อึ๊!”หญิงสาวตกใจไม่ทันป้องกันตัว เมื่อเขาดันตัวเธอติดผนัง จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้น แล้วรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ใช้มืออีกข้างปิดปากที่กำลังพร่ำบ่นไม่หยุด “ผมจะเลี้ยงอาหารที่แพงที่สุดในเมืองนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษดีไหม?” ชายหนุ่มพยายามต่อรองพริมโรสได้ยินดังนั้นก็ชะงักขาที่กำลังจะยกตั้งขึ้นเพื่อทำการใหญ่ เขาปล่อยมือที่ปิดปากออก แต่ยังคงจับข้อมือสองข้างรั้งไว้“ก็..ก็ยุติธรรมดี แต่ไม่ใช่ว่าคนอย่างฉันจะเห็นแก่กิน หรือติดสินบนอะไรได้ง่ายๆ หรอกนะ อย่าเข้าใจผิด! แค่อยากเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินของคนที่นี่ก็แค่นั้น!” อิฟราอิมเบ้ป
“ผู้พันคะ!” หญิงสาวทัก เมื่อเห็นเขานั่งชันศอกข้างหนึ่งค้ำประตู ปลายนิ้วเขี่ยริมฝีปากล่างไปมาอย่างใช้ความคิด เธอสังเกตเขามาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่ออกรถมาจนถึงตอนนี้ “หืม?” เขาทำเสียงตอบในลำคอ แต่ไม่ได้หันมา ยังคงมองตรงทางข้างหน้านิ่งเธอมั่นใจว่าไม่ได้ไปขัดใจอะไรเขา จะให้ปลอมเป็นคู่หมั้นก็รับปาก ชุดนี้ก็เป็นเขาเองที่บอกว่าดีแล้ว แต่ก็มานิ่งเงียบแบบนี้ จนทำให้เธอเริ่มวิตก“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “เปล่า! ไม่ได้เป็นอะไร! ผมกำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย คุณถามอะไรแล้วผมไม่ได้ตอบกลับหรือเปล่า?” หญิงสาวถอนใจ บางทีเขาอาจไม่สะดวกใจอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เลยคิดจะเปลี่ยนเรื่องคุย“คุณได้ข้อมูลเรื่องพิกัดหรือยังคะ?”“เราจะไม่คุยเรื่องงานกันตอนนี้ที่รัก” พริมโรสเลิกคิ้ว เริ่มหงุดหงิดนิดๆ โน่นก็ไม่ได้! นี่ก็ไม่ได้! หมอนี่เป็นคนยังไงกันแน่!! เอาใจยากชะมัด!!เธอเริ่มไม่พอใจ จึงหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ยกแขนขึ้นกอดอก ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างเจ้าอารมณ์เต็มที่ ทำให้ขอบซับในร่นลงมามากกว่าเดิม เผยให้เห็นท่อนขาเรียวสวยขาวนวลเนียนอยู่ภายใต้เนื้อผ้ารำไร ชายหนุ่มเห็นการเคลื่อนไหวอยู่ปลายหางตา จึงเหลือบมองอย่า
“อะไรนะ! เชคฮ์ อิสราร์ มาที่วังตะวันออกอย่างนั้นรึ? ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลยสักคน!”“อะไรกันเนญ่า! การข่าวของตระกูลเธอรวดเร็วฉับไวที่สุดในพระราชวังไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้รู้เป็นตระกูลสุดท้ายล่ะ!” แล้วสาวๆ ประมาณสามสิบกว่าคน ที่กำลังเลือกลวดลายและสีสันของเนื้อผ้าอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็หัวเราะออกมาอย่างครึกครื้นสาวๆ กลุ่มนี้เป็นญาติพี่น้องที่ร่วมสกุลเดียวกันทั้งหมด บางคนพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ บางคนพ่อแม่เดียวกันแต่มีลูกสาวหลายคน ซึ่งก็มีความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตามธรรมดาของผู้หญิง ถึงแม้จะเป็นญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่มีใครอยากให้ใครมีความความดีโดดเด่นเกินหน้าเกินตาไปกว่าใคร ฉะนั้นถ้ามีคนใดสะดุดล้ม หรือทำในสิ่งที่ผิดพลาด แม้เพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็จะช่วยกันซ้ำเติมทันทีอย่างไม่ลังเล“นี่! ฉันยังได้ข่าวมาว่าไม่ได้เสด็จมาเพียงลำพังอีกด้วยนะ”“ใช่ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เขาพูดกันว่ามากับผู้หญิงคนหนึ่ง สวยราวกับมิสยูนิเวิร์สเลยนะ!”“อ๊ะ! แล้วเชคฮ์พาผู้หญิงมาทำไมล่ะ?”“เขาปิดกันให้แซ่ดว่า พาลูกสะใภ้ในอนาคตมาแนะนำกับพระมารดาไงล่ะ!”“ตายจริง! คลับคล้ายคลับคลาว่าพระชายาในอนาคตจะอยู่แถวนี้นะ
หลังจากชายหนุ่มโทรศัพท์สั่งงานเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับเข้ามาข้างใน เขาคิดว่าหญิงสาวคงกำลังมัวแต่ทำงานจนลืมหิว เลยว่าจะมาถามเรื่องมื้อเย็น แต่กลับเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่กับพื้น ตัวเอียงฟุบหลับกับโต๊ะ ทั้งๆ ที่อีกมือยังคงจับเมาส์อยู่ เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างเอ็นดู เดินเข้ามานั่งข้างๆ ยื่นมือข้างหนึ่งแตะไปที่ผมดำสลวย ไล้มาจนสุดความยาวแล้วจับปอยหนึ่งยกขึ้นประทับที่ริมฝีปาก จากนั้นก็ช้อนร่างบอบบางเข้ามาในวงแขนช่วงที่เขายกตัวอุ้มขึ้น มือเรียวที่จับเมาส์อยู่จึงปัดไปกระแทกกับโน้ตบุ๊ก แรงกระทบแม้จะไม่รุนแรง แต่ก็สามารถปลุกคนที่กำลังจะดำดิ่งเข้าสู่โหมดนิทราให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่วงซึมและงุนงงชายหนุ่มเองก็ชะงักค้าง เพราะไม่คิดว่าเธอจะตื่น เลยมองนิ่งรอดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับ จนเธอได้สติว่าไม่ได้อยู่ที่พื้น“นี่! คนฉวยโอกาส ปล่อยฉันลงนะ!” แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด จึงได้ปล่อยมือทันทีตามที่เธอร้องขอ“ว้าย!!” หญิงสาวตกใจ เพราะคิดว่าจะร่วงลงพื้นแข็งด้านล่าง แต่กลับหล่นลงบนโซฟาในระยะที่ไม่สูงมาก ทำให้เธอตวัดตามองค้อนเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เมื่อคืนก็นอนเร็ว ทำไมยังไม่หายเพลียอีก?”“เจ็ทแลค!
“คือว่า.. | คือว่า..” ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน จึงทำให้ชะงักไปทั้งคู่“คุณ.. | ผม..” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ติดขัด ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่ รอโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดก่อน“เอ่อ..ฉันจะถามว่า..”“โอ้โห! นี่มันยิ่งกว่าคฤหาสน์ด้วยซ้ำ อย่างกับพระราชวัง!” เสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าประตูด้านนอก พริมโรสได้ยินก็หันไปทางที่มาของเสียง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอิฟราอิมทำมือให้เธอเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน “แหม! มาถึงก็ส่งเสียงดังคับที่เลยนะ!”“ด้วยความเคารพครับคุณผู้หญิง นอกจากจะไม่ขอบคุณที่กระผมช่วยขนย้ายข้าวของแล้ว ยังมาใช้วาจาประชดเสียดสีใส่กันอีก คุณธรรมในใจน่ะมีบ้างหรือเปล่า?”“งั้นฉันจะขอบคุณด้วยการคืนเงินดีไหมนะ?”“โอ๊ะ! เจ๊ประณามผมได้เต็มที่เลย จะย่ำยีไปพร้อมกันเลยก็ได้ แต่ขอคืนเต็มจำนวนเลยนะ!” เขายิ้มอย่างประจบ“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน! ดูเหมือนท่านเจ้าของบ้านมีอะไรจะพูดกับพวกคุณแหน่ะ!”“เจ้าของบ้าน? คุณเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือครับ?” เตวิช เบิกตาโตกว้าง หันไปถามชายหนุ่มร่างสูงเชื้อสายอาหรับ“ครับ! ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผมพันเอกอิฟราอิม อัล อิสมาอิล สังกัดกองทัพบก”“โว๊ะ!” เตวิชตกใจ แต่จอมทัพมีสติดีก
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้