บทที่3
“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านให้มาตาม” สาวใช้นางหนึ่งมายืนตะโกนเรียกหน้าเรือนนอน ปากเรียกคุณหนูแต่กริยาไร้ซึ่งความเคารพ “แม่นม ท่านพ่อให้คนมาตามข้า ท่านพ่ออยากพบข้า ไปเร็วเข้า” กวนเสี่ยวถง วิ่งโร่ออกจากเรือนด้วยความดีใจ นางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อนที่จะไปยังเรือนหลักให้ไวที่สุด เกรงว่าหากชักช้าบิดาจะเปลี่ยนใจ นางไม่ได้พบหน้าบิดามาหลายปีแล้ว “คุณรอข้าด้วย ช้าหน่อยปะเดี๋ยวจะหกล้ม” แม่นมหม่าร้องเตือน กวนเสี่ยวถงไม่สนใจว่าบิดาเรียกหาด้วยเหตุอันใด ขอเพียงท่านยังคิดถึงนางบ้าง นางก็ดีใจแล้ว “แม่นมท่านช้าเกินไปแล้ว” กวนเสี่ยวถงหันมาบ่นให้แม่นมที่ชักช้าไม่ทันใจ ยิ่งเห็นเรือนหลังอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนดวงหน้า ยิ่งเดินเข้าใกล้เรือนหลักมากเท่าไร กวนเสี่ยวถงยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น ความสุขเล็กๆขอผู้ที่ถูกละเลย แค่เรียกหานางก็สุขใจได้ถึงเพียงนี้ “เสี่ยงถงคาราวะท่านพ่อ” ดรุณีแรกแย้มทำความเครารพบิดาทันทีที่ก้าวพ้นธรณีประตูเข้าเรือนมา “เจ้านั่งสิ” กวนหยงเหอปรายตามองบุตรสาวเพียงเล็กน้อย แม้ชุดที่นางสวมใส่จะซีดจนจำสีเดิมไม่ได้ รอยเย็บปะชุนจากด้ายเห็นได้ชัดเจน แต่กวนหยงเหอกลับไม่รํเสึกสงสารหรือเวทนานางแม้แต่น้อย นางคิดความด่างพร้อยในชีวิตของเขา เขาไม่ปราถนาให้นางมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ แต่จะสังหารนางทิ้งก็ทำไม่ลงอย่างไรเลือดในตัวอีกครึ่งของนางก็เป็นของสกุลกวน กวนหยงเหอจึงทอดทิ้งนางไว้ท้ายจวน หากนางมีชีวิตรอดได้ก็สุดแท้แต่สวรรค์จะกำหนด อยู่ๆวันนี้นางก็มีประโยชน์กับเขา หาไม่แล้วเขาคงไม่เรียกนางมาพบในวันนี้ กวนหยงเหอพิจารณามองดวงหน้านั้นชัดๆอีกครั้ง นางคล้ายมารดาของนางมากจริงๆ เขาพบเหมยฮวาในหุบเขาลึก นางสวยราวกับนางสวรรค์ลงมาจุติ เขาสู้อุตส่าห์พานางกลับเมืองหลวง ยกย่องแต่งเข้าเปถถึงฮูหยินรอง แต่นางกับร่ำร้องว่าเขาหลอกนาง ทั้งๆที่นางควรจะดีใจที่เขาพาสตรีบ้านป่าขึ้นมาเชิดชู ยอมให้เหล่าบัณฑิตด้วยกันดูแคลน สมควรแล้วที่รีบๆตายไปซะ ตายแล้วก็ยังทิ้งเสี้ยนหนามตอกย้ำความหลงผิดของเขาเอาไว้อีก “เจ้าเอาชุดนี้ไปใส่ พรุ่งนี้ยามเหม่า (05.00 - 06.59 น.) ออกมาขึ้นรถม้าที่หน้าจวน” กวนหยงเหอโยนชุดแต่งงานพระราชทานลงบนพื้น อย่างน้อยๆนางก็ทำประโยชน์ให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย “ชุดแดง” กวนเสี่ยวถงมองตาม แม่นมหม่ามองกองชุดและหีบเครื่องประดับหลายชิ้น ชุดแบบนี้ชุดแต่งงาน “นายท่านจะให้คุณแต่งงายหรือเจ้าค่ะ” แม่นมหม่าละล่ำละลักถาม “เป็นเพียงบ่าวริเสนอหน้าพูดกับเจ้านาย” กวนหยงเหอหันไปตวาดบ่าวรับใช้ชรา บ่าวที่ติดตามเหมยฮวามาจากหุบเขา นางเป็นคนอาสาเลี้ยงเสี่ยวถง “ท่านพ่อจะให้ข้าออกเรือนหรือเจ้าค่ะ” “ใช่พรุ่งนี้เจ้าจะได้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว” “ข้าถามได้หรือไหมว่าต้องแต่งกับผู้ใด” ดรุณีน้อยน้ำตารื้อ พยายามกระพริบตาผลักดันกลุ่มน้ำตาให้กลับเข้าไป กลืนความเสียใจลงคอ นางหลงนึกว่าบิดาคิดถึงนางบทที่4“รัชทายาทแคว้นจ้าว” “ไม่ได้นะเจ้าคะ” แม่นมหม่าตะโกนก้อง แคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยทำศึกสงครามยืดเยื้อมาหลายปี กิตติมศักดิ์ของรัชทายาทแคว้นจ้าว ไม่ว่าอยู่ซอกมุมใดก็ล่วงรู้ “สองคราแล้วนะหม่าย่งเจิน” กวนเหยเหอเกลียดนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถูกนางที่เป็นเพียงบ่าวพูดแทรกถึงสองครั้งโทสะยิ่งทวีคูณ“ลากนางออกไปโบยโทษฐานไม่รู้จักนายบ่าว” สิ้นเสียงประมุขของตระกูล บ่าวรับใช้ผู้ชายก็ลากแม่นมหม่าออกไปกลางลานทันที“ไม่นะ ท่านพ่ออย่าลงโทษแม่นมเลย นางไม่ได้ตั้งใจคิดแข็งข้อท่าน” ไม่มีใครฟังเสียงนาง เสียงของนางไร้ค่า ขนาดนกกายังไม่รับรู้“โบยนางสี่สิบไม้” “ไม่! อย่าทำนาง ได้โปรดท่านพ่อละเว้นแม่นมข้าด้วย ข้ายอมแต่ง ข้ายอมแต่งกับใครก็ได้ที่ท่านต้องการ” กวนเสี่ยวถงวิ่งเข้าไปดึงทึ้งบ่าวรับใช้ที่กำลังถึงไม้ง้างเตรียมลงทัณฑ์“ข้าไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้ากวนเสี่ยวถง ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่เจ้าก็ต้องแต่ง ลากนางออกมา” “ไม่ อย่า อย่า” ร่างบางถูกบ่าวรับใช้ที่เป็นสตรีสองนางตรึงแขนทั้งสองข้างไว้ไม่ให้ขยับเข้าไปตรงที่แม่นมหม่าถูกโบยเสียงไม้กระทบเนื้อดันลั่นผนวกเสียงกรีดร้องของสตรี กวนเสี่ยวถงกำมือแน่น ดวงหน้าอ
บทที่5ตะวันคล้อยต่ำ ร่างดรุณีน้อยตระกองกอดร่างไร้วิญญาณของสตรีชราเอาไว้ เสียงร้องคร่ำครวญของนางเงียบไปได้สักพักแล้วแม่ครัวหนึ่งในบ่าวรับใช้ที่ค่อยแอบแบ่งอาหารเอาให้แม่นมหม่า รู้เรื่องก็รีบรุดมายังลานกลางจวน พาบ่าวรับใช้ชายที่คอยช่วยหาบน้ำในโรงครัวมาอีกหลายคน“คุณหนูข้าช่วยเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะฝังร่างนางเป็นอย่างดี” ไม่ใช่นางไม่สงสารคุณหนูเสี่ยวถง แต่เป็นคำสั่งจากฮูหยินใหญ่ นางที่เป็นเพียงบ่าวฐานะต่ำ ถูกขายเข้ามาก็ต้องก้มหน้ารับใช้ตามคำสั่งเจ้านายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ภายในจวนได้ เมื่อคนจากไปแล้ว ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไป บ่าวต้อยต่ำเช่นพวกนางก็เป็นเช่นนี้กวนเสี่ยวถงพยักหน้ารับ ดวงหน้ายังคงเปอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หากไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ร่างของแม่นมก็จะถูกทิ้งเอาไว้แบบนี้หลุมศพของแม่นมหม่าถูกฝังอยู่ที่สุสานรวม กวนเสี่ยวถงนั่งเฝ้าหลุมศพอยู่แบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนกาย“นางอยู่ที่ไหน” กวนหยงเหอได้รับรายงานว่าแม่นมหม่าตายแล้ว ร่างอวบท้วมยิ้มเยาะ กวนเสี่ยวถงไร้ซึ่งคนที่ไว้ใจคอยดูแล หากต้องเดินทางไปต่างแคว้นก็ไร้ซึ่งที่พึ่ง นางจะต้องพึ่งพาเขาผู้ซึ่งเป็นบิดา“ค
บทที่6“พวกนั้นส่งใครมา” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามองครักษ์คนสนิท“ฮองเต้แคว้นเว่ยส่งองค์หญิงแปดมาพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ซาง ดินเปิดกระโจมเข้ามารายงานข่าว ตามคมก้มหลุบต่มองที่พื้น เมินมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าบนเตียงบรรทม“เจ้าออกไปก่อน” จ้าวหยุ่นหลงหันไปสั่งสตรีที่นอนเปลือยเปล่าอยู่เตียง“เพคะ” นางรีบคลานลงจากเตียงหยิบคว้าเสื้อผ้าบนพื้นสวมใส่ลวกๆ เพียงพอให้ปิดบิดร่างกายเพื่อที่จะได้รีบออกไปจากกระโจมของรัชทายาท“พระองค์น่าจะรับพระสนมหรือทาสอุ่นเตียงสักคน มิใช่หญิงคณิกา” นอกจากบิดาแล้วคงมีผู้เดียวในใต้หล้าที่อาจหาญตำหนิจ้างหยุ่นหลง หากมิใช่สหายที่โตมาด้วยกัน“ข้าจะรบสนมหรือทางอุ่นเตียงทำไมกัน ใช้งานคณิกาของกองทัพใช่พวกเจ้าก็สะดวกดีมิใช่หรือ อีกอย่างเจาสาวข้าเพื่อขึ้นรถ้มามุ่งหน้มาทางนี้แล้ว ว่าแต่ข้าจำได้ว่าฮองเต้แคว้นเว่ยมีองค์หญิงเพียงเจ็ดพระองค์ แล้วองค์แปดคือใคร”จ้าวหยุ่นหลงลงจากเตียงบรรทมหยิบชุดคลุมตัวบางมาสวมใส่ เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ องครักษ์เดินมาทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้าม ริบน้ำชาให้รัชทายาทก่อนรินให้ตนเอง“นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งวันนี้” จ้าวหยุ่นหลงย่นคิ้ว“ฮองเต้รับบุตรีข
บทที่7เจ้าสาวในชุดมงคลเดินเยื้องย่างมาหยุดที่กลางกระโจม ใต้ผ้าคลุมสีแดงสด ตากลมโตจ้องมองบุรุษที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือด้วยท่าทางผ่อนคลาย ใบหน้าคล้ำแดดแต่ไม่อาจบดบังรูปโฉมอันงดงามของเขาบุรุษผู้นี้เลย นี้หรือผู้กำซะตาชีวิตของนางคนต่อไป งานแต่งไร้ซึ่งพิธีการใดๆ มีเพียงเจ้าสาวในชุดมงคลสีแดงเท่านั้นกวนเสี่ยวถงกำมือแน่น ตอนนี้นางเป็นถึงองค์หญิง แต่เจ้าบ่าวของนางกลับดูแคลนนางเสียเหลือเกิน ให้นางสวมชุดเจ้าสาวมาเต็มยศ แต่เขากลับไม่มีแม้แต่แม่สื่อจูงนางลงจากรถม้าด้วยซ้ำ นางต้องเดินตามทหารในชุดเกราะเข้ามา แล้วดูสิ เขานั่งรอนางด้วยท่าที่สบายๆ สวมเพียงเสื้อคลุมบางตัวในเพียงตัวเดียวราวกับเพิ่งตื่นนอน “เจ้าจะยืนตรงนั้นไปถึงเมื่อไร” ฟันซี่เล็กขบริมฝีปากแน่น เพื่อไม่ให้ริมฝีปากของตนสั่ง นางหาได้สั่นกลัวเขาไม่ แต่กวนเสี่ยวถงเจ็บแค้นในใจ ไม่ว่าผู้ใดก็ทำราวกับนางไร้ทางสู้ “หม่อมฉันไม่มีแม่สื่อนำทาง อีกทั้งเพิ่งเคยแต่งงานหนแรกไม่รู้จักต้องทำเยี่ยงไร ขอฝ่าบาทโปรดอภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ” เสียงเล็กๆของหญิงสาวใต้ผ้าคลุมสีแดงเอ่ยออกมาแผ่วเบาเสียงนั้นแหบเล็กน้อยแต่กลับเจือไปด้วยความกระด้าง แม้นางจะเอ่ยเส
บทที่8กวนเสี่ยวถงก้มดวงหน้าชิดแนบอก ไอสังหารจากบุรุษที่ยืนอยู่เหนือหัวทำเอานางเริ่มหวาดกลัว“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันคือ บุตรของเสนาบดี กวนเสี่ยวถง” กวนเสี่ยวถงยังคงยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้าหลบซ่อนสายตาคมอยู่ นางมิได้โกหกอันใด ไม่เข้าใจเหุตใดรัชทายาทแคว้นจ้าวถึงถามนางซ้ำๆ แบบนี้เสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ไม่ไกล กวนเสี่ยวถงเงี่ยหูฟัง เสียงลมนั้นดังเข้ามาเรื่อยๆ จนนางจำต้องเหล่สายตาหลอบมอง ลมหมุนวงเล็กๆ ค่อยๆ ก่อนตัวช้าๆ อยู่ไม่ไก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กระโจมถูกปิดสนิททุกด้านทำไมถึงมีลมหมุนเกิดขึ้นในกระโจมได้อย่างไรลมหมุนค่อยๆ ก่อนตัวใหญ่ขึ้นๆ เรื่อยจนกลายเป็นวงพายุขนาดใหญ่ ลมกลุ่มนั้นพัดเข้ามาหานาง กวนเสี่ยวถงรีบคลานเข่าหนี แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ร่างบางถูกลมพายุหอบปลิวลอยขึ้นกลางอากาศ“กรี้สสสสสสสสสส” บุรุษผู้นี้มีพลังปราณวิเศษ กวนสี่ยวถงหวาดกลัวอย่างที่ไม่เห็นเป็นมาก่อน ใจดวงน้อยเต้นระส่ำความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ราวกับยมทูตกำลังหายใจรดต้นคออยู่ยมทูตผู้นั้นยืนดูเหตุการ์ณทั้งหมดเบื้องหน้าด้วยสีหน้าพึ่งพอใจ ในที่สุดเขาก็ทำให้นางหวาดลัวเขาได้ร่างบางลอย
บทที่9นิ้วมือหยาบกร้านเขี่ยแก้มใสแดงสุกปลั่ง ร่างบางที่นอนหลับไหลอยู่นั้นพยายามเบี่ยงดวงหน้าหลบหนีการก่อกวนเวลานอนของตน“อื่อ แม่นมข้าขออีกนิด” เสียงงัวเงียบอกเจ้าของนิ้ว นางยังอยากนอน ยังรู้สึกง่วงอยู่เลย ไม่อยากลืมตาเลยสักนิด จ้าวหยุ่นหลงนั่งอยู่ปลายเตียงยกยิ้มเอ็นดูเด็กน้อยที่ไม่ยอมลืมตาตื่นนอน เมื่อคืนเพียงแค่จุมพิตนางเท่านั้นนางก็สลบคาอ้อมกอดเขาเสียแล้ว นางยังเด็กเกินไปอย่างที่ชางเจี้ยพร่ำบอก แม้จะอยากปล่อยให้นางนอนต่อ แต่ตะวันตรงศีระษแล้ว นางควรลุกมากินอะไรบ้าง แล้วจะนอนต่อเขาก็ไม่ว่ายิ่งนางซุกหน้ามุดลงไปใบผ้าห่ม ร่างหนายิ่งรู้สึกเอ็นดูจนอดใจไม่ไหว โน้มตัวลงมาใกล้แก้มใส ยิ่งพิจมองยิ่งน่าเอ็นดูยิ่งนัก ริมฝีปากหยักกดลงบนแก้มนวลอย่างอดใจไม่ไหว“ฟอด ตื่นแล้วได้ถงเออร์”กวนเสี่ยวถงลืมตาโพลง ใบหน้าหยกอยู่ห่างเพียง 1 ชุ่น (1นิ้ว) นางตกใจจนกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ ดวงตากลมโตมองอย่างสับสน เมื่อรวบรวบสติได้ร่างบางรีบดีดตัวออกห่าง ไม่ลืมดึงผ้าห่มติดกายไปด้วย เมื่อครู่นางนึกว่าแม่นมมาปลุกเช่นทุกเช้า แต่ตอนนี้นางสำนึกได้แล้วว่าแม่นมนั้นได้จากนางไปแล้วนางถูกส่งมาสังเวยรัชทายาทแคว้นจ้าว จ้าว
บทที่10กวนเสี่ยวถงก้าวขาขึ้นจากอ่างไม้ขนาดใหญ่ สายตากลมมองชุดใหม่ที่สตรีสูงวัยถือไว้ไม่วางตา“ชุดข้าหรือเจ้าค่ะ”“องค์หญิงพระองค์พูดอะไรน่ะเจ้าค่ะ” หวัหน้าแม่ครัวทำหน้าเซ่อ เมื่อครู่นี้นางหูฟาดหรือหัวกระแทรกอะไรมาหรือเปล่าเหตุใดถึงได้ยินอะไรแปลกๆ“อ่อ ข้าถามว่าชุดที่อยู่ในมือของเจ้าใช่ชุดใหม่ของข้าหรือไม่” กวนเสี่ยวถงรีบแก้ หากไม่อยากถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ไปชั่วชีวิต นางควรวางตัวให้เหมาะสมกับฐานะของตนในเวลานี้“เจ้าคะ รัชทายาทให้หม่อมฉันเข้าเมืองหลวงไปซื้อมาเมื่อเช้าระหว่างที่รอองค์หญิงบรรทม” แม่ครัวเดินถือชุดมาสวมใส่ให้ นึกแปลกใจคนแคว้นเว่ย ให้องค์หญิงแต่งออกมากลับไม่มีสินเดิมมาเลยมีแค่ชุดเจ้าสาวที่สวมใส่มาหรืออย่างไรกันกวนเสี่ยงถงยกยิ้มแก้มนวลลออขึ้นสี มือบางลูบไล้ชุดใหม่ที่นางสวม เนื้อผ้านุ่มลื่นมือ ไร้รอยปะชุน ในชีวิตนี้นี่คือชุดใหม่ชุดแรกที่นางได้ใส่ หากไม่นับที่เขาลงมือทำร้ายนางเมื่อคืน ที่นางได้แต่งออกมากับรัชทายาทแคว้นเว่ยก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป นางจะอาศัยฐานะที่มีอยู่เกาะเขาเอาไว้ให้แน่น เรียนรู้การใช้พลังจากเขา อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากันอีกทีเมื่อก้าวผ่านม่านกั้นออกมาก็พบว่าจ
บทที่11ทัพของทหารแคว้นจ้าวหลายแสนเดินทัพเคลื่อนตัวห่างออกจากเมืองหลวงแคว้นเว่ย เหลือไว้เพียงฝุ่นที่ล่อลอยในอากาศทหารที่ยืนประจำบนกำแพงยืนดูภาพเล่านั้นเงียบด้วยความรู้สึกโล่งใจ มีราชทูตเข้าประตูเมืองมาเจรจาน่าจะเป็นเรื่องของบรรณการที่ต้องส่งไปยังแคว้นจ้าวนอกเหนือจากการส่งมอบองค์หญิง แต่แบบนั้นทุกชีวีวิตก็รู้สึกเบาใจ ไม่มีผู้ใดอย่างสูญเสียสมาชิกในครอบครัวจ้าวหยุ่นหลงนั่งอยู่บนหลังอาชาสีดำขลับเขานำทหารกว่าหนึ่งหมื่นรุดหน้าไปก่อน หลังจากทานอาหารเสร็จก็สั่งเคลื่อนทัพกลัับแคว้น เรื่องอื่นๆ ปล่อยให้คณะทูตจัดการ ร่างสู.ใหญ่ในชุดเกาะสีทองเอี้ยวตัวมองรถม้าคันใหญที่รังอยู่ท้ายขบวน กวนเสี่ยวถง เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่านางคือทายาทตระกูลมู่หรง หากไม่อยากให้มีเรื่องราวผิดพลาดเช่นมารดาของนาง เขาคงไม่อาจร่วมหอกับนางได้ จนกว่าปราณของนางจะตื่น ไม่เช่นนั้นทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมาทั้งหมดต้องพังเมื่อนานมาแล้ว แม้คนในยุทธภพจะใช้พลังภายในได้ แต่ก็ยังมีผู้ที่สามารถใช้พลังปราณได้ พลังนั้นเกิดจากแก่นที่อยู่ภายในกาย สามารถความคุมธาตุทั้งสี่ได้ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่เหนือจากพลังปราณเหล่านั้นแล้วยังมีปราณวิเศษที่อยู่
พิเศษสุดๆหนึ่งบุรุษผู้ครอบครองพลังปราณแห่งปฐพี ควบคุมพื้นดินทั้งใต้หล้าเอาไว้ในฝ่ามือ แต่ไม่ว่าจะมีพลังมากเท่าใดกลับยิ่งกลายเป็นดาบสองคมมากเท่านั้น เขาต้องหลบซ่อนตัวตนจากคนของพรรคมาร มีชีวิตรอดด้วยนามของผู้อื่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่จำความได้ แต่แล้ววันหนึ่งหัวใจของเขานั้นกลับกลับสยบลงแทบเท้าสตรีอ่อนแอนางหนึ่งเท่านั้น เขาและนางฐานะแตกต่างกัน แต่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างนางสตรีนางหนึ่งนางเติบโตมาด้วยไฟแค้น จิตใจของนางหล่อหลอมและเติมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ภายใจของนางนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ นางคือผู้ครอบครองพลังปราณแห่งไฟกัลป์ แต่ไม่ว่าเปลวไฟนั้นจะร้อนเพียงใดหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางกลับถูกความเย็นฉ่ำจากสายน้ำของบุรุษผู้หนึ่งชโลมล่อเลี้ยงจิตใจบุรุษอีกคน ผู้ที่ครอบครองพลังปราณวายุและปราณวารี บุรุษผู้เดียวในรอบหลายพันปีที่สามารถใช้พลังปราณได้ถึงสองสาย ผู้ที่คนทั้งใต้หล้าหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าเขาย่างกายไปที่ใด แคว้นนั้นมักจะมีสงครามเสมอ เขาก่อสงครามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพื่อรวบรวมหมายจะครอบครองทุกดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียว เขามีปณิธานแรงกล้าที่จะรวม
บทที่29 ตอนพิเศษ“แอ๊ะ”“แอ๊ะ”สองทารกน้อยหมุนควงติ้วลอยอยู่บนอากาศ มีร่างสูงใหญ่ชูสองมือรอรับอยู่ไม่ห่าง“แอ๊ะ” ทารกหญิงนิ้ว บอกให้ตามมา“แอ๊ะ” ทารกชายตอบ กำลังตามไปทารกน้อยสองคนลอยไปทางซ้ายที ขวาที วนเวียนอยู่ในวังรัชทายาท ร่างสูงใหญ่ถลาตัวตาม เป็นอยู่แบบทั้งวัน จนเขาเหนื่อยหอบ“เด็กๆลงมาได้แล้ว พ่อวิ่งตามไม่ไหวแล้ว” ร่างสูงใหญ่พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบปานจะขาดใจ“คิกๆ” ได้ยินเสียงหวานหัวเราะจ้าวหยุ่นหลงหันมาค้อนขวับ“น้องหญิงเจ้าไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเลยเหรอ”“ไม่ล่ะ” กวนเสี่ยวถงหยักไหล่ นั่งเปิดหนังสือดนตรีอ่านเนื้อเพลงต่อ นางกำลังฝึกเล่นบทเพลงใหม่ จ้าวหยุ่นหลงภาวนาให้นางตั้งครรภ์ทันทีหลังพิธีเสกสมรสระหว่างเขากับนาง พิธีถูกจัดขึ้นทันทีที่นางและจ้าวหยุ่นหลงกลับมาถึงแคว้นจ้าว เขาคะยั้นคะยอให้นางร่วมหอกับเขาทุกคืน ไม่มีเว้นว่างแม้แต่วันเดียว ในเมื่ออยากมีทายาท นางก็อุ้มท้องให้แล้ว “มีทายาททีเดียวพร้อมกันสองคน พระธิดามีพลังปราณลมและน้ำ พระโอรสได้พลังปราณลมและไฟ สมใจท่านพี่แล้วไม่ใช่หรือ ข้าอุ้มท้องให้แล้ว ท่านอยากมีก็เลี้ยงเอง บ่าวรับใช้มีใครเลี้ยงลูกท่านได้บ้างล่ะ ไม่ถูกจับลอยขึ้นฟ้าก
บทที่28เปลวไฟถอดยาว ร่างบางเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดนางมิอาจรู้ได้ รู้แต่ว่าเปลวไฟช่วยให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่น ไม่ว่านางจะเคยถูกผู้ใดกระทำ ไม่ว่านางจะไม่เคยอยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่นางยังมีเปลวไฟอยู่เคียงข้างเสมอกวนเสี่ยวถงเดินตามเปลวไฟไป มองเห็นสุดปลายทาง นางใกล้ถึงจุดหมายแล้ว“คุณหนูช้าก่อน”ร่างบางหยุดชะงัก เสียงนี้นางจำได้ไม่เคยลืม น้ำตาเรื้อนเต็มดวงจากลม กวนเสี่ยวถงมองสตรีที่ปรากฏกายที่สุดปลายของเปลวไฟ“แม่นม” เสียงของรางสั่นเครือ“คุณหนูเดินกลับไปเจ้าค่ะ อย่าเดินมาทางนี้”“ไม่ข้าจะไปหาท่าน” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้า ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า“คุณหนูรับปากกับข้าเอาไว้อย่างไร คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าค่ะ”ร่างบางหยุดเดิน “มีชีวิตอยู่ต่อไป” นางตอบเสียงแผ่วเบา“เจ้าคะ มีชีวิตอยู่ต่อไป”“แต่ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าเผาทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางจะอยู่คนเดียวไปเพื่ออะไร“มีคนที่รอคุณหนูอยู่”“เขาคนนั้นหวังแค่พลังของข้า”“คุณหนูเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเชื่อสิ่งที่จ้าวหยุ่นหลงพูด เพียงแต่ท่านกลัวว่าเขาจะหักหลังท่าน ทำท่าน
บทที่27จ้าวหยุ่นหลงอุ้มร่างบางแนบอก กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหาว่าที่ใดพอที่จะสามารถวางนางลงและรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ตัวนางร้อนเป็นไฟจนเขากลัว อกแกร่งบีบรัดจนน้ำตาแทบจะร่วงลงมา เรียกให้องครักษ์ชางตามหมอเป็นการด่วน“เสี่ยวถง เจ้าต้องไม่เป็นไร” เมื่อพบบริเวณที่ไม่ติดไฟก็รีบวางนางลง มือหนาคลำหาชีพจรของนาง คว้าหาจุดที่นางบาดเจ็บแต่ก็ ‘ไม่พบ’ มือยังคงกุมนางไม่ไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยมือนี้ หากปล่อยเขาอาจต้องเสียใจไปจนวันตาย มุมปากของนางมีเลือดไหลอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลมหายใจของนางแผ่วเบามากลงเรื่อยๆ ร่างบางนั้นนอนแน่นิ่ง แทบไม่เหมือนคนที่ยังหายใจอยู่เลยด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบๆตรึงเครียด แทบไม่มีเสียงใดๆแม้กระทั้งเสียงลมพัดผ่านไม่นานหมอหลวงที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ลงเขาอู่ไถก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมองครักษ์ชาง“รัชทายาท ขอหม่อมฉันตรวจดูอาการพระชายา ขอพระองค์หลบออกมาก่อน”ชางเจี้ยเห็นจ้าวหยุ่นหลงยังคงนิ่งเฉย กระชากแขนแกร่งให้ลุกออกมา“นาง…ชีพจรของนางไม่มี” จ้าวหยุ่นหลงครางเสียงแผ่ว “พระองค์ได้โปรดใจเย็นก่อน พระชายาถึงมือหมอแล้ว พระนางต้องปลอดภัย” ชางเจี้ยตบบ่าแกร่งไปหลาย
บทที่26“เด็กน้อย เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากด้านหลังไป๋เมิ่งเหยียนนางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแม้ว่าเบื้องหน้าจะมีแค่ ปราณสามสาย แต่ก็ยังดีกว่าไร้ค่า พอรู้เรื่องกวนเสี่ยวถง นางให้คนคว้านหาทั้งหุบเขาอู่ไถในที่สุดก็เจอคนตระกูลมู่หรง แต่ไม่เจอทายาทที่สามารถกำเนิดบุตรสายต่อไปได้ ในเมื่อไม่มีประโยนช์และไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นสาวกของนาง จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมกัน ไม่นึกว่าการปักหลักรอที่แคว้นเว่ย กวนเสี่ยวถงจะกลับมาให้จับเองถึงมือ“ท่านป้า ไม่เจอกันนาน” จ้าวหยุ่นหลงรีบเอาตัวมาบังสตรีของตนไว้“ไม่เจอกันานเลยนะจ้าวหยุ่นหลง เมื่อไรเจ้าจะยอมมีทายาทให้ข้า”“ต่อให้ข้ามีทายาทก็ไม่เคยคิดจะมอบให้ท่าน”“ไป๋ลู่หลานข้าเจ้าไม่สนใจนางสักหน่อยหรือ นางชอบเจ้ามาตั้งแต่เล็ก” ไป๋เมิ่งเหยียนเดินเข้าไปใกล้จ้าวหยุนหลง เบื้องหลังของนางมีคนที่ใช้ปราณได้เกือบห้าสิบชีวิต ต่อให้เขาเก่งเพียงใดก็ไม่มีทางสู้นางได้“ข้าไม่เคยมองหลานสาวท่านแบบนั้น” หากนางไม่ใช้น้องสาวไป๋อี้ผิง เขาหรือจะเสวนากับคุณหนูเอาแต่ใจตน เสียเวลา อย่าไปคิดถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยไม่มีวัน“เจ้าคือกวนเสี่ยวถงสินะ” น
บทที่25“ที่ข้ามาไม่ได้มาเยี่ยมธรรมดา ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับท่านพ่อ” เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว กวนเสี่ยวถงคิดว่าคงถึงเวลาเข้าเรื่อง นางปั้นสีหน้าไม่เก่ง“ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับราชการ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าตอนนี้คงเป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท” “พระชายาของข้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวหยุ่นหลงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ดวงหน้าหยกมองกวนเสี่ยวหยงตลอดเวลา ไม่ได้สนใจผู้ใดที่อยู่ในห้องรับรอง“เสี่ยวถง พ่อเจ้าก็แก่แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ เจ้าได้ดิบได้ดีเพราะบิดายกเจ้าให้ฮองเต้ ถ้าอย่างไรเจ้าพอจะจุนเจือบิดาของเจ้าได้หรือไม่” กวนฮูหยินเห็นช่องก็รีบเสนอ คลังสมบัติจวนเหลือใช้ได้อีกไม่กี่ปี“แน่นอนเจ้าคะ ข้ากลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของตระกูลกวน” รอยยิ้มเผยออกมา แต่แววตาของนางวาววับราวเปลวไฟ“ถ้าอย่างไง เจ้าขอตำแหน่งในราชสำนักให้ข้าด้วยได้หรือไม่” พอนางพูดแบบนนั้นมีเหรอคนอย่างกวนหยงเหอจะพลาด“ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านพ่อต้องการ ต่อให้ท่านอยากได้ตำแหน่งเดิมข้าก็จะขอจ้าวหยุ่นหลงให้ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อน”“ได้สิ เจ้าถามมาเลย” ชายชราดีใจที่จะได้กลับคืนตำแหน่
บทที่24รถม้าคันใหญ่ใช้ม้าเทียมลากถึงสิบตัวเคลื่อนผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา ชาวเมืองแคว้นเว่ยต่างพากันมายืนเบียดเสียดสองข้างทางเพื่อดูว่าเป็นรถม้าของผู้ใด ด้านหลังรถม้ายังมีกองทหารติดตามอีกสามพันนาย“โอ้โห” ชาวเมืองบางคนถึงกับห่อปากอุทานในความใหญ่โตของรถม้า ไม่ช้าผ้าม่านพื้นใหญ่ก็เปิดออก เผยดวงหน้าสตรีและบุรุษนั่งอยู่ภายในนั้น“นั่นมันรัชทายาทแคว้นจ้าว” ชาวเมืองผู้หนึ่งจำบุรุษหนุ่มในรถม้าได้ถ้านั้นคิดรัชทายาทแคว้นจ้าว แล้วสตรีนั้นคือผู้ใด“องค์หญิงแปด!” กวนเสี่ยวถงปรายตาตามเสียงที่ขานยศตำแหน่งเดิมของนาง สายตาผู้คนพอได้ยินชื่อนี้ก็หันมามองสตรีในรถม้ากันเป็นตาเดียว พวกเขาแทบจะจำนางไม่ได้แล้ว หลังจากวันนั้นฮองเต้และราชวงศ์ก็ถูกถอดยศ วังหลังถูกปิดตาย แคว้นจ้าวส่งขุนนางมาบริหารบ้านเมืองแทนร่างบางโปรยยิ้มให้ชาวเมือง นางแต่งตัวหรูหรา สวมเครื่องประดับล่ำค่ามากมาย ผิดจากวันที่ขึ้นกี้ยวแดงหน้าประตูเมืองวันนั้นจ้าวหยุ่นหลงนั่งเท้าคางมองรอยยิ้มพิมพ์ใจของนาง พอนางบอกอยากกลับบ้าน เขาก็สั่งให้คนประกอบรถม้าคันนี้ขึ้นมาให้ สั่งให้ร้านเครื่องประดับส่งของล้ำค่าที่สุดมาให้นางสวมใส่ ภาพเดิมของกวนเสี่ย
บทที่23จ้าวหยุ่นหลงพรูลมหายใจออกมาหนักๆ เรื่องในอดีตที่ผ่านมานานแล้วตัวเขาเองก็อยากลืมมัน แต่เมื่อรับปากนางแล้วว่าจากจะไม่มีความลับกับนาง“ไป๋เมิ่งเหยียนคือท่านป้าของไป๋อี้ผิง”“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้ามาจากตระกูลที่สืบทอดปราณคนล่ะสาย มันเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นอีก”“ไม่ว่าจะมีวรยุทธเก่งกาจ ไม่ว่าจากการฝึก พรสวรรค์ พรแสวง แต่สุดท้ายก็แพ้คนที่มีพลังปราณอยู่ดี มีนักพรตทำนายเอาไว้ว่าเมื่อปราณทั้งสี่หลอมรวมกันจะเกิดสันติสุข ท่านตาของไป๋อี้ ประมุขยุทธภพไป๋ในตอนนี้นั้นอาสาเป็นคนกลาง ทั้งสี่ตระกูลจึงให้ทายาทไปอาศัยอยู่ที่สำนักไป๋ เป็นที่ที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่พบรักกัน เสด็จแม่ตั้งครรภ์ข้า เสด็จพ่อจึงต้องพากลับมาแคว้นจ้าว แต่ไป๋เมิ่งเหยียนไม่พอใจจึงลงมือวางยาพิษเสด็จแม่ เรื่องราวปานปลายเกิดการต่อสู้กัน จนท้ายที่สุดนางก็เกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นนางมาร นางจับบุรุษที่มีพลังปราณ ให้เสพสังวาสกับนางเพื่อที่จะมีบุตรแบบเสด็จแม่ของข้า ตอนนั้นยุทธภพระส่ำผู้ที่มีวรยุทธและปราณถูกนางไม่จับไปทดลองว่าจะสามารถถ่ายทอดพลังได้เช่นสี่ตระกูลหรือไม่ ประมุขยุทธภพจึงสั่งตามล่านางตัดขาดพ่อลูก ไป
บทที่22“ถงเออร์!”“องค์หญิงอยู่ห้องข้างๆ จางลี่ดูแลอยู่”จ้าวหยุ่นหลงดีตัวออกจากเตียงวิ่งไปห้องข้างๆทันที จางลี่รีบถอยกรูดออกจากข้างเตียงร่างหนานั่งลงบนเตียงยกมือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้“นางเป็นอย่างไรบ้าง”“อ่อ คุณหนู องค์หญิงเหมือนกำลังหลับอยู่เท่านั้น”“พระองค์ควรเป็นห่วงตัวเองก่อน” ชางเจี้ยกลอกตา กวักมือให้หมอหลวงเข้ามาพันแผลที่แขนของรัชทายาทใหม่อีกครั้ง เมื่อครู่จ้าวหยุ่นหลงรีบลุกมาจนผ้าหลุดรุ่ย กว่าเขาจะพาทั้งคู่ในสภาพที่หมดสติลงจากเขามาได้ โชคดีที่พาองครักษ์เงามาหลายคน หากลงเขามาช้ากว่านี้ได้ตัดแขนข้างนั้นทิ้งแน่“กี่วัน”“เกือบสามวันแล้ว”“อืม! วันที่ปราณข้าตื่นข้าหลับไปเจ็ดวัน” นิ้วมือหยาบเกี่ยวปรอยผมออกจากดวงหน้ามาทัดใบหูเล็กจางลี่ก้มหน้างุด เหล่มองด้วยหางตา รัชทายาทมองคุณหนูของนางด้วยแววตาอบอุ่นถึงเพียงนี้เหตุใดถึงมีสตรีอื่นกันเล่า จะว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ไม่น่าจะใช่ รัชทายาททำอะไรตามใจตนมาหลายสิบปีแล้ว“มีใครรู้หรือไม่ว่าข้าบาดเจ็บ”“ข้าส่งคนที่ไว้ใจไปแจ้งไป๋อี้ผิงแล้ว ส่วนเรื่องอาวุธที่สังหารคนในหุบเขาเป็นของไป๋เมิ่งเหยียน”หมับจ้าวหยุ่นหลงสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคว้าแขน