Share

บทที่ 658

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลิวผู่มิสนใจจ้าวควง แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซู กล่าวว่า “องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ข้าน้อยยินดีสวามิภักดิ์ ขอพระองค์โปรดละเว้นชีวิตราษฎรหนานเยวี่ยของข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันคุกเข่าลงตาม “พวกข้าน้อยเองก็ยินดีสวามิภักดิ์ ขอพระองค์โปรดละเว้นชีวิตราษฎรหนานเยวี่ยของข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินซูโบกมือใหญ่แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขุนนางทั้งหลาย ตราบใดที่พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ต้าเหยียนของข้า ถึงกาลนั้น ราษฎรหนานเยวี่ยและราชวงศ์ต้าเหยียนของข้าก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าย่อมดูแลพวกเจ้าอย่างดี อีกทั้งยังสามารถยกเว้นการเกณฑ์แรงงานและภาษีให้แก่ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินได้เป็นเวลาสามปี!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิวผู่และคนอื่น ๆ ก็ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพราก!

การยกเว้นภาษีเป็นเวลาสามปี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ราษฎรหนานเยวี่ยหันมาภักดีจนสุดขั้วหัวใจแล้ว

เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนานเยวี่ยต้องเลี้ยงดูกองทัพทหารมหาศาลเช่นนี้ ภาษีจึงสูงขึ้นทุกปี ราษฎรภายในแคว้นต่างแบกรับภาระมิไหวมานานแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ว่าหลิวผู่และพวกจะมิยอมสวามิภักดิ์ เกรงว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 659

    “ท่านแม่ทัพ เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว พวกเรากำลังจะลงใต้ไปสมทบกับเจียวโจวพอดีขอรับ”“เช่นนั้นรึ? แล้วพวกเจ้ามาหลบอยู่ในป่านี้เพื่อการใด? อย่าคิดว่าข้ามิรู้ ในป่านี้มีแต่ทหารที่อ๋องฉู่แอบซ่องสุมไว้ทั้งสิ้น หากมิอยากตายก็ส่งตราพยัคฆ์[footnoteRef:0]มา!” [0: ตราพยัคฆ์ คือ สัญลักษณ์ที่ใช้ยื่นยันสิทธิในการสั่งเคลือนทัพของจีน หรือก็คือตราอาญาสิทธิ์ทางทหารนั่นเอง] หวังซู่กล่าวลอดไรฟัน “อย่าได้หวัง หากจะฆ่าก็ฆ่าเสีย ข้ายอมตายเสียดีกว่ายอมศิโรราบ!”“ดี เช่นนั้นข้าจะสนองเจ้าเอง!”ฉงชูโม่ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก แล้วเหวี่ยงฟันไปอย่างไร้ความลังเล!'ฉับ!'หูข้างหนึ่งของหวังซู่ก็ถูกตัดออกอย่างเรียบร้อยความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้หวังซู่ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาฉงชูโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าจะตัดแขนขาของเจ้าก่อน แล้วจะปล่อยให้เจ้าตายไปเอง!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังซู่ก็หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ รีบกล่าวว่า “อย่า อย่า ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว!”พูดจบเขาก็ส่งตราพยัคฆ์ให้ฉงชูโม่ฉงชูโม่โยนตราพยัคฆ์ให้ตงฟางไป๋ กล่าวว่า “สั่งให้พวกเขาทิ้งอาวุธ แล้วพากลับไปรอรับพระราชโองการองค์จักรพรรดิที่ชานเมือง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 660

    ฉินซูยืนไพล่หลัง ทอดสายตามองคนเหล่านั้นจากเบื้องสูงโดยมิได้พูดกระไรแม่ทัพหลายนายรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองฉินซูเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของฉินซู เขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งในทันทีเห็นเขายื่นมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบยันต์คุ้มภัยครึ่งแผ่นออกมาชูขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมกล่าวด้วยความเคารพ “นี่คือยันต์คุ้มภัยที่ข้าน้อยดูแลอยู่ ขอองค์รัชทายาทโปรดทรงรับไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็ตระหนักได้ในทันที และต่างก็หยิบตราพยัคฆ์ออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็เผยรอยยิ้มพึงใจประดับใบหน้า!ครั้นเห็นเขากวักมือไปกลางอากาศ ตราพยัคฆ์ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเหล่านั้นก็ราวกับมีชีวิต จู่ ๆ ก็ลอยเข้าไปในมือของเขา“พลังจิตเคลื่นย้าย!”เมื่อเห็นวิธีการอันน่าทึ่งของฉินซู ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นรวมถึงแม่ทัพเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงจนพูดมิออก!ฉินซูเก็บตราพยัคฆ์ไว้แล้วสั่งแม่ทัพเหล่านั้นว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน มิต้องกลับไปยังที่ตั้งกองกำลังแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลายคนก็มืดครึ้มลงทันใดแต่พวกเขาก็เข้าใจความหมายของฉินซูดี คิดว่าใน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 661

    “สำนักไท่เสวียนตั้งอยู่ที่ใด?”“ทางใต้ของเมืองลู่โจว บนเกาะกลางทะเลห่างออกไปแปดสิบลี้!”เมื่อชิวก่วนได้ยินดังนั้นก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็วในมิช้าเขาก็พบฉินซู และเล่าเรื่ององค์หญิงอวี้เสวียนให้ฟังทั้งหมดหลังจากเล่าจบ เขาก็กล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ข้าน้อยทำงานมิสำเร็จ ขอองค์รัชทายาทโปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้โทษเจ้ามิได้ พูดได้แค่ว่าองค์หญิงอวี้เสวียนโชคดีเกินไป จึงรอดพ้นไปได้”ชิวก่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “องค์รัชทายาท จะให้ส่งคนไปกวาดล้างพวกราชวงศ์จ้าวที่เหลือในสำนักไท่เสวียนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“มิต้อง อย่าว่าแต่พวกเรามิรู้กระไรเกี่ยวกับกำลังของสำนักไท่เสวียน ยามนี้ราชสำนักหนานเยวี่ยเพิ่งจะยอมจำนน อีกอย่างทหารของข้ามิชำนาญการรบทางน้ำ หากสำนักไท่เสวียนดักโจมตีจากทะเล พวกเราคงเสียเปรียบมิน้อย”“องค์รัชทายาททรงรอบคอบยิ่งนัก แต่คิดว่าองค์หญิงอวี้เสวียนคงจะหาโอกาสเคลื่อนไหว ขอพระองค์โปรดระมัดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูยิ้มน้อย ๆ “แค่ระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์ หากนางกล้ามา ก็ถือว่าประหยัดแรงและเวลาให้ข้าไปได้มากทีเดียว”ชิวก่วนเตือน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 662

    “ท่านอาจารย์ องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ฉินซู นำทัพบุกยึดถัวเฉิง เสด็จและเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขา ทหารรักษาการณ์ในแคว้นก็ยอมจำนนหมดแล้ว บัดนี้ศิษย์เหลือตัวคนเดียว ไร้ซึ่งกำลังและพวกพ้อง ขอท่านอาจารย์โปรดออกหน้าช่วยศิษย์ล้างแค้นให้วงศ์ตระกูลด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”จ้าวอวี้เสวียนคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวจบก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าโศกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซู่เสวียนก็ขมวดคิ้วพลางมองจ้าวอวี้เสวียนด้วยความมิพอใจเล็กน้อย“อวี้เสวียน ในเมื่อเจ้าได้เข้าสู่วิถีแห่งสำนักแล้วก็ควรตัดขาดจากตัณหา มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว เจ้าลืมคำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนหน้านี้สิ้นแล้วหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนกล่าวทั้งน้ำตา “ท่านอาจารย์ คำพูดของท่าน ศิษย์จดจำไว้ในใจเสมอ เพียงแต่ญาติสนิททั้งตระกูลถูกสังหารอย่างอนาถ ความแค้นใหญ่หลวงเช่นนี้หากมิได้ชำระ เกรงว่าภายหน้าต่อไปจะกินมิได้นอนมิหลับ ไหนเลยจะมีจิตตั้งมั่นบำเพ็ญเพียรบรรลุเซียนได้”“เจ้า… เฮ้อ!”ซู่เสวียนถอนหายใจยาว และหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวอวี้เสวียนก็อ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยศิษย์ด้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 663

    ในเวลานี้ ฉินซูกำลังยืนไพล่หลังอยู่บนกำแพงเมืองพระราชวัง มองไปยังแสงไฟนับหมื่นดวงภายในเมืองถัวเฉิง!บัดนี้เขายึดครองแคว้นหนานเยวี่ยได้สำเร็จอย่างราบรื่น ทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นราชันแห่งใต้หล้าในขณะนั้นเอง เขาสังเกตเห็นที่ประตูเมืองเบื้องล่าง กลุ่มทหารกำลังคุมตัวชายหลายคนเดินกลับมาเขาถามด้วยความสงสัย “ชิวก่วน พวกนั้นเป็นใคร?”ชิวก่วนตอบด้วยความหนักใจเล็กน้อย “ทูลองค์รัชทายาท ว่ากันว่าพวกนั้นเป็นชาวยุทธภพหนานเยวี่ย พวกเขาได้ยินว่าจ้าวควงตายด้วยน้ำมือของพระองค์ จึงมาที่ยังถัวเฉิงเพื่อลอบปลงพระชนม์แก้แค้นให้แก่ราชวงศ์จ้าวพ่ะย่ะค่ะยามนี้มิทราบแน่ชัดว่าในถัวเฉิงมีผู้ที่มีเจตนาร้ายซุ่มซ่อนตัวรอโอกาสลงมือมากน้อยเพียงใดฉะนั้นขอองค์รัชทายาทโปรดอย่าได้เสด็จออกไปข้างนอกในยามวิกาลเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ พระราชวังมีกำแพงสูงคูเมืองลึก อีกทั้งยังมีทหารรักษาการณ์แน่นหนา พวกชาวยุทธภพเหล่านั้นไม่มีทางบุกเข้ามาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็หัวเราะอย่างสนใจ “ในเมื่อชาวยุทธภพหนานเยวี่ยอยากจะสังหารข้า เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกเขาสักครา!”ชิวก่วนชะงักไป แล้วรีบห้ามปราม “เช่นนั้นมิคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 664

    ฉินซูสะบัดแขน ภาพเหตุการณ์พลันหยุดนิ่ง!เห็นเพียงปลายกระบี่ของมือกระบี่ชุดดำถูกสกัดไว้ด้วยนิ้วชี้ของฉินซู!ปราณแห่งกระบี่รุนแรงที่แผ่ซ่านไปทั่วเมื่อครู่นั้นได้พลันอันตรธานหายไปในบัดดลมือกระบี่ชุดดำเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาในฐานะมือกระบี่ระดับปฐพีขั้นต้น เขาไร้คู่ต่อสู้ในหนานเยวี่ย ทว่าการโจมตีเต็มกำลังในครั้งนี้ กลับถูกอีกฝ่ายปัดป้องได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวสกัดกระบี่ที่ทำจากเหล็กกล้าได้หากมิได้เห็นกับตา ใครเล่าจะเชื่อว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องจริง?“เจ้า อ่อนแอเกินไป!”น้ำเสียงเหยียดหยามของฉินซูดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียง 'กร๊อบ กร๊อบ' ดังขึ้นสองครา กระบี่ยาวในมือมือกระบี่ชุดดำพลันหักเป็นท่อน ๆมือกระบี่ชุดดำได้สติกลับมาในทันทีพร้อมหมายจะถอยหนี ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทะลวงออกมาจากกระบี่ที่หักนั้น“แย่แล้ว!”รูม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันใด ในใจร้องเตือนลางร้ายแต่เขายังมิทันได้ตอบสนองอะไร ร่างทั้งร่างก็ถูกพละกำลังมหาศาลอัดกระแทกจนกระเด็นออกไปส่วนแขนข้างที่เขากำกระบี่ไว้ก็กลายเป็นหมอกโลหิตไปแล้ว'โค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 665

    แต่ในวินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างในทันที ร่างกายสั่นสะท้านก่อนจะหงายหลังล้มตึง!แม้แต่ถานซินหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็มิรอด พลันล้มลงจมกองเลือดด้วยสีหน้าคับแค้นใจร่างของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองเต็มไปด้วยรอยเข็มเล็ก ๆ นับมิถ้วนเลือดสีดำสนิทราวกับหมึกค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็กจิ๋วเหล่านั้นทั้งสองสงสัยจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายว่า ฉินซูมิได้ขยับนิ้วแม้แต่น้อย เหตุใดเข็มพิษเหล่านั้นถึงพุ่งกลับมาเองโดยไร้สาเหตุเมื่อเดินออกจากตรอก เสียงฝีเท้าอึกทึกก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงกีบม้าบาดหู“ใครมาทะเลาะวิวาทกันแถวนี่?”กลุ่มทหารก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉินซูพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่นคนที่อยู่บนหลังม้าสวมชุดเกราะพร้อมถือหอกยาว ชิวก่วนนั่นเอง!เมื่อเขาเห็นฉินซูก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลงจากม้าเพื่อทำความเคารพ“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูโบกมือ กล่าว “พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”“ข้าน้อยลาดตระเวนยามวิกาลอยู่ทางฝั่งใต้ของเมือง และได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้จึงนำคนมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้างนอกอันตราย พระองค์เสด็จกลับเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“คนอื่น ๆ อุตส่าห์เดินทางมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 666

    เมื่อเห็นการโจมตีที่ทรงพลัง เหล่าชาวยุทธภพหนานเยวี่ยก็อุทานด้วยความทึ่ง“สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนักดาบพิฆาต วิชาดาบช่างทรงพลังยิ่งนัก!”“นึกมิถึงเลยว่า เพียงขั้นกลางระดับปฐพี กลับสามารถระเบิดพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมาได้ วิชาดาบพิฆาตสมชื่อจริง ๆ”“กระบวนท่าของเขา แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงมิกล้ารับดาบโดยตรงกระมัง?”“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่ต้องตายแน่ พวกเราคงมาเสียเที่ยวแล้ว”“...”ท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชน ฉินซูกลับเดินทอดน่องสบายอารมณ์ และตบฝ่ามือออกไปช้า ๆเมื่อเห็นภาพนั้น บางคนก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่คิดจะรับดาบด้วยมือเปล่ารึ? ช่างมิรู้ประสีประสาจริง ๆ!”“รนหาที่ตายก็ดีแล้ว อย่างน้อยความแค้นของแคว้นหนานเยวี่ยของพวกเราจะได้ถูกชำระล้าง”คนอื่น ๆ กำลังจะเอ่ยปากถมถุยตาม ทว่าบัดนั้นเอง...'ปุ้ง!'หลังจากสิ้นเสียงแผ่วเบา ร่างกำยำของเจ้าสำนักดาบพิฆาตก็ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด!ทุกคนตกตะลึงกับภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ ต่างยืนงงงันอยู่กับที่ราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหินรวมถึงชิวก่วนและพรรคพวกด้วยเช่นกัน!ตบฝ่ามือเดียวทำให้จอมยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางกลา

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status