Share

บทที่ 645

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
"ท่านผู้อาวุโสคาดการณ์แม่นยำราวเทพพยากรณ์ อ๋องฉู่ทรงตอบรับคำเชิญ ตกลงที่จะพบปะหารือกับพวกเราที่หุบเขาเหล่าเถียวแล้ว!"

"เมื่อใด?"

"คืนนี้ขอรับ ข้าเดินทางมาครานี้ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้อาวุโสเตรียมตัวเล็กน้อย จากนั้นเราจะออกเดินทางไปพร้อมกัน!"

ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้ามิได้มีสิ่งใดต้องเตรียมพร้อม สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา"

เติ้งหม่างแค่นเสียงหัวเราะ "ยอดเยี่ยม เช่นนั้นพวกเราก็รีบออกเดินทางกันเสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า มิฉะนั้นตกกลางคืนแล้วจะเดินทางไปมิถึงหุบเขาเหล่าเถียว"

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะติดตามเติ้งหม่างออกจากโรงพักม้าไป

การเดินทางครั้งนี้ เขาตัดสินใจมิพาพี่น้องตงฟางไป๋ไปด้วย เนื่องจากอ๋องฉู่เคยพบเห็นหน้าค่าตาคนทั้งสองแล้ว

ฉินอวี่มิได้หูเบาเชื่อคนง่ายเหมือนหูก่วงเซิง หากถึงเวลาเกิดความสงสัยขึ้นมา เช่นนั้นจะเป็นการอธิบายยาก

หลังจากออกจากโรงพักม้าหูก่วงเซิงก็เดินทางมาถึงเช่นเดียวกัน

จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ควบม้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหล่าเถียว

เมื่อพวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองไปได้มินาน ตงฟางไป๋ก็เดินทางออกจากเมืองถัวเฉิงอย่างเงียบเชียบ!

ราตรีกาลมาเยือน ลมหนาวโชยมา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 646

    บุรุษร่างกำยำกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง "ท่านแม่ทัพเติ้ง นี่เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ หากปล่อยให้หลุดลอยไป หนานเยวี่ยของพวกท่านจะหาโอกาสที่ดีถึงเพียงนี้มิได้อีกแล้ว"อีกคนกล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว อีกอย่างยังมีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องเข้าใจ ท่านอ๋องฉู่ของพวกเรามิได้ทรงคาดหวังให้พวกท่านยกทัพไปฝ่ายเดียวจึงจะประสบความสำเร็จ แต่ให้คอยเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก็เท่านั้น ท่านจะร่วมมือหรือไม่ จงตอบมาตามตรง เราจะได้นำความกลับไปทูลรายงาน!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็เหลือบมองฉินซูอย่างลังเล "ท่านผู้อาวุโส ท่านมีความเห็นเช่นไร?"เมื่อเห็นว่าเติ้งหม่างผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย ในยามนี้กลับหันมาไต่ถามความคิดเห็นจากบุรุษหน้าตาธรรมดามิสะดุดตาผู้หนึ่ง คนสนิททั้งสองของฉินอวี่อดมิได้ที่จะพินิจพิจารณาบุรุษซึ่งเป็นฉินซูปลอมตัวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกหลายคราฉินซูลูบเคราบนคางพลางแสร้งทำทีครุ่นคิดผ่านไปอึดใจหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย "สิ่งที่เขากล่าวมาเมื่อครู่ถูกต้องแล้ว ครานี้เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ มิอาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้งโปรดยินยอมให้ความร่วมมือกับพวกเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 647

    ”ได้ รีบเข้ามาเถอะ”หลังจากที่ฉงชูโม่เชื้อเชิญให้ตงฟางไป๋เข้าไปในกระโจมแล้ว นางก็สอดส่ายสายตามองข้างนอกอีกสองสามคราเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนภายนอกล่วงรู้ นางจึงปิดม่านประตูลงนางเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย "ตอนนี้องค์รัชทายาททรงเป็นเช่นไรบ้าง? ทรงตกอยู่ในอันตรายใด ๆ หรือไม่?""องค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี อีกทั้งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ดังนั้นท่านแม่ทัพชูโม่โปรดวางใจ"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ความกังวลในใจพลันคลายลงไปมิน้อยนางซักถามต่อไป "ไยองค์รัชทายาทต้องเสี่ยงภัยถึงเพียงนั้น พระองค์มิรู้หรือไรว่าดินแดนหนานเยวี่ยนั้นเป็นแดนอันตราย หากมีคนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของพระองค์ ผลลัพธ์ย่อมมิอาจคาดเดาได้!""ครานั้นข้าน้อยเองก็เคยทัดทานแล้ว หากแต่ทัดทานมิอยู่ องค์รัชทายาทตรัสว่า มิเข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร โชคดีที่ในยามนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความคาดหมาย!""เช่นนั้นเจ้าเดินทางกลับมาในยามวิกาลเช่นนี้ เพราะพระองค์มีรับสั่งมาถึงข้าหรือ?"ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ยื่นสาส์นฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ "นี่คือสาส์นที่องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 648

    หลังจากฉินอวี่เห็นฉงชูโม่ เขาก็เดินตรงเข้าไปหานางเมื่อเห็นดังนั้น ฉงชูโม่ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ "ท่านอ๋องฉู่ เมื่อคืนลำบากท่านอ๋องแล้วเพคะ!"นางกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉินอวี่โบกมือเล็กน้อย "เป็นหน้าที่ มิบังอาจกล่าวว่าเหน็ดเหนื่อย"ฉงชูโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ "เมื่อคืนท่านอ๋องทรงตรวจตราจนดึกดื่น ทรงค้นพบสิ่งใดบ้างหรือไม่เพคะ?"ฉินอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "จากรายงานของทหารม้าลาดตระเวนของข้า ทางฝั่งหนานเยวี่ยกำลังเตรียมเสบียงอาหารและยุทโธปกรณ์ คาดว่าพวกมันจะยกทัพมารุกรานชายแดนต้าเหยียนของพวกเราอีกครา!"ฉงชูโม่เอ่ยถามโดยมิเปลี่ยนสีหน้า "เช่นนั้นท่านอ๋องฉู่มีข้อเสนอแนะดี ๆ บ้างหรือไม่เพคะ?"ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "ดูท่าข้าคงต้องพำนักอยู่ที่เจียวโจวอีกหลายวัน หากหนานเยวี่ยยกทัพมารุกรานอีกครา ข้าจะนำทัพสังหารพวกมันให้สิ้นซาก!""กองทัพหนานเยวี่ยล้วนแต่กล้าหาญและเชี่ยวชาญในการพุ่งรบ หากหวังที่จะสังหารพวกมันให้สิ้นซาก ย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย""ชูโม่ เจ้ากล่าวเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกต้อง ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเพิ่งจะตีพวกมันจนแตกกระเจิงมิใช่หรือ?""ความสำเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 649

    คนสนิทข้างกายฉินอวี่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็ถึงกับบันดาลโทสะ!เขาชี้หน้าชิวก่วน ตวาดเสียงดัง "บังอาจ ท่านอ๋องฉู่ทรงเป็นถึงจวิ้นอ๋อง เจ้ายังอวดดีกล้าขวางรึ!"ชิวก่วนจ้องหน้าตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม กล่าวด้วยเสียงเย็นชา "เจ้าต่างหากที่อวดดี กล่าวอ้างยศถาบรรดาศักดิ์ ข้าเป็นถึงรองแม่ทัพแห่งกองทัพแม่ทัพฉง ตำแหน่งขั้นสาม ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือแนวหน้าของสมรภูมิรบ ต่อให้จะเป็นท่านอ๋องฉู่ก็ต้องฟังคำสั่งทางทหาร เจ้าเป็นผู้ใดบังอาจมาแผดเสียงใส่หน้าข้า?""เจ้า..."ชายฉกรรจ์ผู้นั้นถึงกับพูดมิออก เถียงมิออกแม้แต่คำเดียวชิวก่วนประสานมือคารวะฉินอวี่ พร้อมกล่าวว่า "ทูลท่านอ๋องฉู่ ข้าน้อยเพียงแต่ทำตามบัญชา ขอท่านอ๋องอย่าทรงทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเชิญเสด็จกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทอดสายตาลึกล้ำไปยังคลังเก็บของผาดหนึ่ง จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา"มิเป็นไร ข้าเพียงแต่เกิดนึกสงสัยเท่านั้น ในเมื่อชูโม่มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปด้านใน เช่นนั้นข้าก็จะมิดึงดันเข้าไป"กล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินออกไประหว่างทาง บุรุษร่างกำยำกล่าวเสียงเบา "ท่านอ๋องฉู่ ในคลังเก็บของนั่นต้องเก็บระเบิดสายฟ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 650

    ต่อมา ฉินอวี่จึงใช้ทหารม้าหุ้มเกราะชั้นยอดของตนเข้ามาแทนที่ทหารม้าลาดตระเวนที่ฉงชูโม่เคยส่งออกไปก่อนหน้านี้มิว่าทางหนานเยวี่ยจะมีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ก็ตามทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขารายงานเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฉินอวี่ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาอยู่ในค่ายทหาร รินสุราดื่มเองไปสองสามจอก.......นอกเมืองถัวเฉิงแคว้นหนานเยวี่ย เติ้งหม่างและฉินซูกำลังนำทัพใหญ่ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าไปยังเมืองเจียวโจวอีกหนึ่งวันต่อมากองทัพใหญ่หหนานเยวี่ยเดินทัพถึงยามค่ำคืน เร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็เดินทางมาถึงนอกเมืองเจียวโจวจนได้ จากนั้นจึงอาศัยความมืดซ่อนตัว"โจวฉาง ยามนี้ยามใดแล้ว" เติ้งหม่างจ้องมองกำแพงเมืองที่อยู่ไกลออกไป ถามโดยมิหันศีรษะกลับมาโจวฉางตอบด้วยความเคารพ "เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ยามนี้เป็นยามไฮ่[footnoteRef:0]แล้วขอรับ!" [0: ยามไฮ่ เริ่มนับตั้งแต่เวลา 21.00 – 23.00 น.] "เหลือเวลาอีกสองชั่วยาม ทุกคนจงเตรียมพร้อม พร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ!""น้อมรับบัญชา!"ในเวลาเดียวกันฉินอวี่ก็นำคนสนิทขึ้นไปบนเชิงเทินทหารป้อมปราการบนกำแพงเมืองก็ถูกเปลี่ยนเป็นค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 651

    “ข้าน้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ช่ายเฟิงพยักหน้าหนักแน่น แล้วหันหลังกลับไปเตรียมคบเพลิงทางฝั่งที่ตั้งกองทัพใหญ่หนานเยวี่ย เติ้งหม่างมองไปที่กำแพงเมืองแวบหนึ่ง ในใจก็อดมิได้ที่จะกระวนกระวายใจเล็กน้อยเขากระซิบถามฉินซู “ท่านผู้อาวุโส ยามนี้ก็ยามโฉ่ว[footnoteRef:0]แล้ว แต่บนกำแพงเมืองหาได้มีความเคลื่อนไหวไม่ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่อ๋องฉู่จะเปลี่ยนใจกะทันหัน?” [0: ยามโฉ่ว เริ่มนับตั้งแต่เวลา 01.00 – 03.00 น.] “อย่าเพิ่งใจร้อน รออีกเดี๋ยว อีกอย่าง ต่อให้อ๋องฉู่จุดคบเพลิงเป็นสัญญาณจริง พวกเราก็ต้องระวังตัวไว้บ้าง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านผู้อาวุโสสงสัยว่าอ๋องฉู่จะหักหลังพวกเราหรือ?”“กันไว้ดีกว่าแก้ เมื่อมิกี่วันก่อนข้าเข้าไปสำรวจข้างในเจียวโจวมาบ้าง รู้สภาพข้างในคร่าว ๆ เดี๋ยวเข้าไปในเมืองแล้วเจ้าอย่าปล่อยให้ทัพใหญ่วิ่งพล่านโดยพลการ จะเป็นอันตรายเอาได้”“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสคุ้นเคยกับผังเมืองภายใน เมื่อเข้าไปในเมืองแล้วขอฝากท่านผู้อาวุโสบัญชาการทัพต่อด้วย ตอนนี้ท่านคือกุนซือของเราแล้ว!”“ดี!”ในใจของฉินซูแทบจะระเบิดหัวเราะออกมาในเวลานี้เองบนกำแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 652

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู เติ้งหม่างก็พยักหน้าหนักแน่น “ดี แม่ทัพนายกองทั้งหลายจงฟัง ตามข้าบุกโจมตีค่ายใหญ่ใจกลางกองทัพต้าเหยียน บุก!”เติ้งหม่างนำทัพเป็นคนแรก บุกตะลุยเข้าไปข้างในพวกเขาบุกตะลุยราวกับพายุตลอดทาง มิใช่สิ ต้องบอกว่าบุกเข้าไปถึงหน้าค่ายทหารใหญ่อย่างไร้อุปสรรคขัดขวางเติ้งหม่างเพิ่งจะสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาโบกมือสั่งการ สั่งให้คนบุกเข้าไปทันทีแต่ผลปรากฏว่า ในค่ายทหารใหญ่ใจกลางกองทัพ กลับไม่มีแม้แต่เงาคน!“แย่แล้ว พวกเราติดกับแล้ว!”ถึงเติ้งหม่างจะมีปฏิกิริยาช้าไปบ้างแต่ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วเขาคำรามเสียงดังโดยมิลังเล “ทุกคนถอยทัพกลับ พวกเราติดกับแล้ว!”แต่ฉินซูโบกมือ “ถอยทัพเวลานี้ เท่ากับปล่อยให้ความสำเร็จกลายเป็นศูนย์ รีบแบ่งทหารไปประจำการยึดประตูเมืองทิศต่าง ๆ เมื่อสำเร็จ หากทำสำเร็จก็เท่ากับต้าเหยียนยกเมืองให้เราเปล่า ๆ เมืองหนึ่ง!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเติ้งหม่างก็เปล่งประกายวูบวาบขึ้นมา กล่าวชม “ท่านผู้อาวุโสพูดมีเหตุผล แม่ทัพนายกองทั้งหลายจงฟัง แบ่งทหารออกไปสี่ทิศ รีบบุกยึดประตูเมืองเจียวโจวทุกทิศโดยเร็วที่สุด!”"ขอรับ!"ทหารนับแสนนายรีบแบ่งอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 653

    เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทุกคนก็ตกตะลึงจนตาแทบถลนออกมา!กุนซือจะชิงตำแหน่งแม่ทัพหรือ?!เติ้งหม่างยืนงงไปครู่หนึ่ง ถามเสียงต่ำ “ท่านผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ฉินซูยิ้มอย่างใจเย็น “แม่ทัพเติ้ง เจ้ารู้จักคำกล่าวที่ว่า ทหารจะมิชิงชังกลอุบายหรือไม่?”ขณะพูด อีกมือหนึ่งก็กระชากบางอย่างออกจากใบหน้า!หน้ากากผิวหนังที่บางราวปีกแมลงทับบนใบหน้าถูกกระชากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเมื่อเห็นภาพนั้น เติ้งหม่างก็อุทานออกมา “ฉินซู! เป็นเจ้าเองรึ!!”ในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนานเยวี่ย ภาพเหมือนของรัชทายาทแห่งแคว้นเพื่อนบ้าน มีหรือเขาจะจำมิได้ ดังนั้นเขาจึงจำฉินซูได้ในทันทีฉินซูหัวเราะในลำคอ “ตกใจหรือไม่เล่า? คาดมิถึงเลยใช่หรือไม่?”เติ้งหม่างโกรธจัดจนกระอักเลือดออกมาเป็นกระบุง!ตนพารัชทายาทของแคว้นศัตรูมาพบจักรพรรดิแห่งหนานเยวี่ย ซ้ำยังปล่อยให้อีกฝ่ายมาเป็นกุนซือของกองทัพตนอีก!บัดนี้ทหารนับแสนนายถูกล้อมอยู่ในเมืองเจียวโจว ถูกขังไร้ซึ่งทางหนี ชะตากรรมความเป็นความตายอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายในใจของเติ้งหม่างเต็มไปด้วยไฟแค้น โกรธจนตัวสั่นเขาคำรามใส่ลูกน้อง “ยังยืนโง่อยู่อีก ทำกระไ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 701

    ในเวลานี้ แสงสีเลือดใต้รอยแตกของผนึกได้หายไปหมดจนแล้ว เหลือเพียงความมืดมิดจีอันลูบก้นพลางเดินเข้ามาเขาหยิบกระดาษยันต์สีเหลืองสองแผ่นออกมาจากอกเสื้อแล้วแปะลงบนรอยแตกของผนึกนั้นลงไปจากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ ยกก้อนหินขนาดใหญ่กว่าวัวทั้งตัวขึ้นมาวางทับกระดาษยันต์ทั้งสองแผ่นนั้นไว้ฉินซูได้แต่มองตาค้าง ก้อนหินนั้นอย่างน้อยก็หนักสักตันสองตันกระมัง แต่จีอันกลับยกมันขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่าเขามองด้วยความสงสัยเต็มใบหน้าแล้วถามว่า “จีอัน ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับใด?”“ข้าน้อยมิรู้ อาจารย์มิได้บอกข้าน้อย”“มิจริงน่า? ระดับของตัวเจ้าเอง เจ้าจะมิรู้ได้อย่างไร?”จีอันพยักหน้าอย่างซื่อ ๆ แล้วถามกลับว่า “ปราณบริสุทธิ์ภายในของท่านเข้มข้นและประหลาดถึงเพียงนี้ พระองค์เล่าอยู่ระดับใด?”ฉินซูยักไหล่ “ข้าก็มิแน่ใจ”“หึ มิพูดก็ช่าง ท่านแข็งแกร่งเพียงนี้ อาจารย์คงแก่จนเลอะเลือนแล้ว ถึงให้ข้าน้อยลงใต้มาคุ้มครองท่าน”จีอันบ่นพึมพำแล้วย่อเข่าลง จากนั้นร่างก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจกระสุนปืนใหญ่ ชั่วพริบตาก็กระโจนขึ้นไปข้างบนฉินซูอดสงสัยมิได้ว่า เจ้านี่น่าจะเลือกเส้นทางสายฝึกกาย มิฉะนั้นจะหนังหนาถึงเพียงนี้ได้อย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 700

    ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉินซู ร่างของจีอันก็พุ่งลงไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้ากับพื้นหุบเหวลึกเบื้องล่าง'ปัง' เสียงดังสนั่น พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่แต่จีอันกลับมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!พลันเห็นเขาปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วตบ ๆ ปัดฝุ่นออกจากตัวอย่างมิยี่หระราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเห็นภาพนั้น ฉินซูยกย่องเขาอย่างสุดซึ้ง ถามด้วยความสงสัยว่า “ชูโม่ จีอันผู้นี้หนังหนาไปหน่อยกระมัง? เขาอยู่ระดับใดหรือ?”“หม่อมฉันก็มิแน่ใจ แต่ในบรรดาศิษย์ทั้งเจ็ดคนของหัวหน้าโหรหลวงเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้วเพคะ”“เช่นนี้นี่เอง เจ้าอยู่ดูแลตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่นี่ไปนะ ข้าจะลงไปช่วยเขา”ฉินซูพูดจบก็กระโดดลงไปเช่นกันต่างจากจีอัน ฉินซูในยามนี้ราวกับขนนกเบาหวิวที่ลอยลงไปอย่างแผ่วเบาเมื่อมาถึงก้นหุบเหว เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าพื้นของแท่นบูชานี้เต็มไปด้วยอักขระเวทสีแดงในยามนี้อักขระเวทเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีแดงเลือด ทั้งมีเสน่ห์แบบลึกลับและทั้งแปลกประหลาดจีอันมองฉินซูผาดหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านคอยอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา”พูดจบเขาก็สาวเท้าเข้าไปหาแสงโลหิตนั้นอย่างรวดเร็ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 699

    แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่ในนั้น แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์ประหลาด เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มิควรอยู่ที่นี่แล้ว รีบไปกันก่อนเถิด”“มิได้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยังอยู่ที่เขาหัวสิงห์ ที่นั่นต้องเกิดเรื่องกระไรขึ้นแน่ รีบไปดูกันเถิดเพคะ”ฉงชูโม่ยังมิทันจะพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปยังทิศทางของเขาหัวสิงห์แล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็จำต้องตามไปด้วยเมื่อสังเกตว่าความเร็วของฉงชูโม่เร็วกว่าเดิมมาก ฉินซูก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ มิได้เจอกันนาน พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“หม่อมฉันกินโอสถลับของสำนักหอดูดาวหลวง โอสถลูกกลอนนั้นสามารถเพิ่มความคล่องแคล่วของกระบวนท่าได้เพคะ”“เช่นนี้นี่เอง!”ฉินซูจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจเงียบ ๆทั้งสองใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับภูตผี เพียงแค่ชั่วครู่ก็มาถึงตีนเขาหัวสิงห์เมื่อเงยหน้ามอง แสงสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายังคงแรงกล้ามิได้เจือจางลงแม้แต่น้อย ในความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยเมฆดำและเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าพิศวงนี้ ฉินซูก็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 698

    ฉินซูกล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “เฮ้อ เจ้าอย่าได้หึงหวงนักเลย เจ้าเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาทของข้านะ”“ถุย ใครเขาตอบตกลงเป็นพระชายาองค์รัชทายาทของท่านกัน อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”“ชูโม่อย่าล้อเล่นสิ ข้าพูดจริงนะ เจ้ายังมิเข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกหรือ?”ฉงชูโม่หยุดเดิน พลันหันขวับกลับไปกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉินซู หากท่านมิอยากให้ฝ่าบาททรงระแวง ท่านก็ควรกลืนคำพูดเมื่อครู่นี้กลับลงท้องไปเสีย”ฉินซูขมวดคิ้ว “ข้าชอบเจ้า แล้วมันผิดด้วยหรือ?”เมื่อเห็นฉินซูแสดงความในใจ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่ก็ยังคงส่ายหน้าพลางอธิบายอย่างอดทน“ผิดสิเพคะ ท่านลองไตร่ตรองดู ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท กลับคิดจะรับแม่ทัพขั้นหนึ่งมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาท หากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์จะทรงรู้สึกอย่างไร? อย่าลืมว่าเรื่องวันชุนเฟินปีหน้ายังมิจบสิ้น ดังนั้นมิว่าจะมองอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพคะ”“แต่… แต่ข้าได้ยึดครองหนานเยวี่ยทั้งหมดมาเป็นของต้าเหยียน ด้วยความดีความชอบเช่นนี้ การรับเจ้ามาเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็มิ...”ยังมิทันที่ฉินซูจะพูดจบ เขาก็เข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 697

    เมื่อเห็นว่าศพแห้งทำกระไรฉินซูมิได้ เสียงขลุ่ยของเฉินซีก็เปลี่ยนทำนองกะทันหัน ศพแห้งเหล่านั้นหันหลังวิ่งหนีป่าราบทันที“ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้ากับศพแห้งเหล่านี้ ข้าจะเอาไปทั้งหมด!”เมื่อฉินซูพูดจบ ก็ตบฝ่ามือใส่เฉินซีรูม่านตาของเฉินซีหดเล็กลง ยังมิทันได้ลงมือก็ 'ฟู่' ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันใดเมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชุดดำก็ใจหายวาบ รีบวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมิลังเลฉินซูหัวเราะเย็นชา จากนั้นก็โบกมือชายชุดดำวิ่งออกไปได้มิไกลนัก ร่างก็ชะงักกึก จากนั้นก็ถูกแรงดึงดูดลากให้ลอยกลับไปยังมิทันเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น คอของเขาก็ถูกฉินซูบีบเอาไว้เสียแล้ว“บัดนี้เพิ่งคิดจะหนี มิคิดว่าสายเกินไปหน่อยรึ?” ฉินซูมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยชายชุดดำตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยความยากลำบากว่า “อย่า อย่าฆ่าข้าเลย....”“ใครส่งเจ้ามา?”“ประ… ประมุขแห่งยุทธภพหนานเยวี่ย”ฉินซูหัวเราะเย็นชา “สำเนียงหลงเฉิงของเจ้าชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้ ใกล้ตายแล้วยังคิดจะหลอกข้าอีกรึ? ในเมื่อเจ้ามิรู้สำนึก ข้าก็จะให้เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”เมื่อเขาพูดจบ ก็จิ้มไปที่จุดตันจงบนหน้าอกของชายชุดดำอย่างแรงเสี้ยวขณะต่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 696

    ชายชุดดำพยักหน้าขึงขัง “ข้าเห็นกับตาตัวเอง จะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร”เฉินซีกลับหัวเราะแล้วส่ายหน้า กล่าวอย่างมิเห็นด้วยว่า “ตบยอดฝีมือระดับสวรรค์ให้กลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว เป็นไปได้อย่างไร ข้าว่านี่เป็นเพียงกลอุบายพวกภาพมายาเท่านั้น”ชายชุดดำคิดดูแล้วก็เห็นด้วยเฉินซีมองฉินซูอย่างดูถูก “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด ยามนี้ข้างกายข้ามียอดฝีมือระดับสวรรค์เพิ่มมาอีกคน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมิรีบยอมจำนนแต่โดยดีอีก รอกระไรอยู่เล่า?”“ใช่แล้ว ฉินซู เจ้าฆ่าตัวตายไปเสียยังดีเสียกว่า เช่นนั้นจะได้มิต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเจ้าสองคนพูดมากเกินไปแล้ว!”พูดจบ เขาก็หันกลับไปถามฉงชูโม่ว่า “จะเก็บไว้สอบปากคำหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ชะงักไปแต่แล้วก็ส่ายหน้าส่วนเฉินซีโกรธขึ้งจนแค่นหัวเราะออกมาแทน “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้านี่ช่างปากกล้าเหลือเกิน สงสัยจะอวดอ้างเกินจริงเสียแล้วกระมัง ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวของสำนักจันทราโรหิตของข้า!”จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยกระดูกออกมาจากอกเสื้อก่อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status