Share

บทที่ 429

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ใบหน้าของเฉินหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสับสน ทว่านางลังเลที่จะพูด

เฉินจางตำหนิ “เหตุใดเจ้าถึงมีท่าทีลังเล จากนี้ไปเจ้าเป็นคนขององค์รัชทายาทแล้ว มีความมั่นใจหน่อยสิ”

“ท่านพ่อ เมื่อคืนองค์รัชทายาทมิได้แตะต้องข้าเลย เมื่อครู่ที่ตื่นขึ้นมาข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น อีกทั้งเสื้อผ้าก็มิเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเลยเจ้าค่ะ”

“เป็นไปได้อย่างไร? ก็เมื่อคืนพ่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้องของลูกนี่”

“แต่เมื่อคืนข้ามิได้ส่งเสียงดังเลยนะเจ้าคะ ข้าจำได้แค่ว่าองค์รัชทายาททรงอุ้มข้าไปที่เตียง จากนั้นข้าก็เป็นลมไป”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินจางก็อดมิได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัย

หากเป็นจริงอย่างที่เฉินหว่านเอ๋อร์พูด แล้วเสียงความเคลื่อนไหวเมื่อคืนคืออะไรกัน?

เขาสงสัยว่าบุตรีของตัวเองอาจโกหก เพราะถึงอย่างไรมันก็สมเหตุสมผลที่ฝ่ายหญิงจะรู้สึกเขินอายและมิยอมรับเรื่องเช่นนี้

แต่ดูเหมือนว่าเฉินหว่านเอ๋อร์จะมิได้โกหก

ดังนั้นเขาจึงถามอย่างจริงจัง “หว่านเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าเมื่อคืนเจ้ากับองค์รัชทายาทมิได้มีสัมพันธ์กันจริง ๆ ”

เฉินหว่านเอ๋อร์ส่ายหัวเบา ๆ “ข้าก็มิแน่ใจ แต่เหมือนจะ… ไม่เจ้าค่ะ”

“เด็กน้อยเช่น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 430

    เฉินจางยิ้มแห้ง ๆ “ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยเพียงพูดจ้อไปเรื่อยพ่ะย่ะค่ะ”“มิต้องห่วง ข้าเป็นคนที่กล้าทำกล้ารับ หากเกิดอะไรขึ้นกับบุตรีของเจ้า ข้าย่อมมิพูดปด ใต้เท้าเฉินจะหาคนมาตรวจร่างกายของนางก็ได้”“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หามิได้ ข้าน้อยจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร องค์รัชทายาททรงกังวลมากเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเย็น “ใต้เท้าเฉินหาคนมาตรวจสอบจะดีกว่านะ เพราะจะให้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเป็นที่กังขามิได้เด็ดขาด!”หัวใจของเฉินจางเต้นรัว เขารีบอธิบายว่า “มิจำเป็นจริง ๆ ขอรับ เมื่อเช้านี้บุตรีของข้าน้อยก็พูดเองด้วยว่าเมื่อคืนหาได้มีอะไรเกิดขึ้นไม่ ข้าน้อยรับรองว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ไปซุบซิบนินทาที่ไหนแน่นอนขอรับ”กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเย็นอีกครั้ง “หึ ก็มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แน่นอนว่าย่อมไม่มีเรื่องให้ซุบซิบนินทา!”เฉินจางตกใจและรู้สึกว่าปฏิกิริยาของกู้เสวี่ยเจี้ยนดูเหมือนจะมากเกินไปด้วยแต่เขาก็มิกล้าถามอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ของทางการผู้หนึ่งก็มารายงานว่า “ท่านใต้เท้าเฉิน ผู้ว่าการอำเภอหลายคนเมื่อวานพากันมาอีกแล้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 431

    ผู้ว่าการอำเภอซุนเยวี่ยแห่งอำเภอฉงซานเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท อำเภอฉงซานของเรานอกจากขาดแคลนเสบียงข้าวแล้ว ยังขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ข้าน้อยตั้งใจที่จะซ่อมแซมการชลประทาน แต่คลังของที่ว่าการอำเภอนั้นไม่มีเงินเหลือนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจึงบังอาจขอความช่วยเหลือจากพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!” “ที่ว่าการอำเภอขาดเงินแล้วเจ้ามิไปขอจากที่ว่าการมณฑลงั้นหรือ?” “ข้าน้อยเดินทางไปที่ว่าการมณฑลรวมทั้งสิ้นแปดครั้ง ทว่าทุกครั้งนายทะเบียนจางล้วนบอกว่าที่ว่าการมณฑลเองก็ไม่มีเงินเช่นกัน ทำให้ข้าน้อยต้องกลับมามือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ” ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเฉินจางและจางก็เฟิงรู้สึกเย็นวาบแล้วแอบร้องในใจว่า แย่แล้ว! ฉินซูแค่นเสียงเย็นชาและตวาดว่า “นายทะเบียนจางอยู่ที่ใด?” “องค์รัชทายาท ข้าน้อยอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” จางเฟิงพรวดออกมาอย่างล้มลุกคลุกคลานจากด้านหลังของเฉินจางก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าฉินซู ฉินซูมองเขาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ผู้ว่าการอำเภอเหล่านี้ต่างเคยมาขอเสบียงจากพวกเจ้า พวกเจ้าก็บอกว่าไม่มี พอมาขอเงินไปซ่อมบำรุงการชลประทาน ที่ว่าการมณฑลของพวกเจ้าก็บอกไม่มีอีกงั้นรึ?” จางเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าโศก “อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 432

    เฉินจางมีสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ส่งคนไปแจ้งกลุ่มยักษ์รากษสและคนอื่น ๆ ให้รีบไปแอบซุ่มอยู่ที่จวนของข้าให้ดีแล้วรอฟังคำสั่งข้า” “ขอรับ!” โจวเซินตอบรับทันทีก่อนส่งสัญญาณทางสายตาให้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ชายคนนั้นจึงลอบถอนตัวออกจากกลุ่มและไปแจ้งข่าว เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนผู้ว่าการมณฑล เฉินจางก็แสร้งยิ้มและต้อนรับฉินซูกับคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน เขากำลังคิดจะพาทุกคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แต่กลับพบว่าฉินซูนำคนเดินตรงไปยังลานหลังจวนทันที เมื่อเห็นภาพนี้ หัวใจของเฉินจางก็แทบล่วงลงตาตุ่ม! หรือว่า ความลับของตนจะถูกเปิดเผยแล้ว?! เขาถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “องค์รัชทายาท เส้นทางนี้นำไปยังสวนหลังบ้าน ท่านจะไปทำอะไรที่นั่นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฉินซูหรี่ตาลงแล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” “เอ่อ… ความคิดขององค์รัชทายาท ข้าน้อยจะมิอาจล่วงรู้พ่ะย่ะค่ะ”เฉินจางแสร้งทำเป็นจิตใจสงบ แต่ในใจกลับร้อนรนอย่างยิ่ง เขารู้ว่าการที่ฉินซูพาคนไปยังสวนหลังบ้านเวลานี้ ย่อมมิใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่ ครั้นแล้วก็เห็นฉินซูยิ้มบาง ๆ “มิต้องร้อนใจไป อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ขณะที่พูด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 433

    เฉินจางรู้ตัวดีว่ามิอาจแก้ตัวได้จึงหลับตาลงทั้งสองข้าง ถานเหวยกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์รัชทายาท เฉินจางยักยอกเงินจำนวนมากเช่นนี้ โจวเซินในฐานะผู้ช่วยมณฑลเหลียงโจวต้องยักยอกส่วนตัวไปมิน้อยด้วยเป็นแน่ ข้าน้อยขอวิงวอนองค์รัชทายาทโปรดทำการสอบสวนโจวเซินและเหล่าขุนนางของที่ว่าการมณฑลอย่างละเอียดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ข้าน้อยเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ข้าน้อยเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” จี้ซิงเสียนและคนอื่น ๆ ต่างพากันสนับสนุน ฉินซูแค่นเสียงเบา “วางใจเถอะ จะไม่มีใครรอดไปได้สักคนเดียว!” “องค์รัชทายาท เมื่อครู่โจวเซินเพิ่งเข้ามาด้วย แต่ว่าตอนนี้เขากลับชิงออกไปก่อน คาดว่าคิดหลบหนีพ่ะย่ะค่ะ” “พวกเรารีบออกไปกันเถอะ จับตัวได้แล้วค่อยว่ากัน!” หลังจากนั้น พวกเขาก็ออกจากห้องลับ ส่วนเฉินจาง เขาถูกสวีเซี่ยงเฉียนจับมัดมือไพล่หลังไว้นานแล้ว หลังจากกลับมาถึงสวนหลังบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายก็ดังขึ้นที่ด้านนอกกำแพง ทันใดนั้น คนกลุ่มใหญ่ก็พุ่งมาจากทุกทิศทางล้อมรอบฉินซูและคนอื่น ๆ เอาไว้อย่างแน่นหนา ดูจากขนาดแล้ว อย่างน้อยต้องมีสี่ถึงห้าร้อยคน! คนเหล่านี้สวมชุดผ้าสีดำ บนหน้าอกปักด้วยด้าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 434

    “เสวี่ยเจี้ยน คุ้มกันองค์รัชทายาทให้ดี!” หนึ่งในนั้นส่งเสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะพุ่งลงไปยังกลุ่มคนของกลุ่มยักษ์รากษสครั้นแล้วก็เห็นเขาสะบัดกระบี่เจ็ดดาวในมือแล้วคนหลายคนก็ล้มลงในทันที คนอื่น ๆ ก็ลงมือแล้วเช่นกัน เพียงชั่วพริบตาก็ถูกฟันล้มลงเป็นกลุ่มใหญ่! “ศิษย์… ศิษย์พี่รองงั้นหรือ?!” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองไปที่สวีหลายท่ามกลางฝูงชนอย่างมิอยากเชื่อ!ภายใต้การนำของสวีหลายและเฉิงอิง คนของสำนักกระบี่สักการะพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดพวกเขาฟันคนของกลุ่มยักษ์รากษสล้มลงบนพื้นราวกับฟันแตงและผัก กลุ่มยักษ์รากษสเหล่านั้นมิอาจต้านทานได้เลย และต่างวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปอย่างรวดเร็ว เห็นดังนั้น โจวเซินรีบร้องตะโกนไปยังห้องโถงด้านหลังว่า “ผู้อาวุโสหวาง พวกท่านมิลงมือตอนนี้แล้วจะลงมือตอนไหน!” “ฮึ่ม กลุ่มยักษ์รากษสนี้ช่างไร้ค่า!” พร้อมกับเสียงดูถูก ร่างสี่ร่างก็กระโดดออกมาจากทิศทางของห้องโถงด้านหลัง!พวกเขาทั้งสี่เป็นชายวัยสี่สิบถึงห้าสิบ ดวงตาประกายเฉียบคม ร่างกายเต็มไปด้วยมวลพลังงาน ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง! สองคนในนั้นมองหน้ากัน ต่างพุ่งไปทางฉินซูโดยมิต้องเอ่ยวา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 435

    “ไยต้องถาม สับคอมันเสีย!” กู้เสวี่ยเจี้ยนยกกระบี่ขึ้น หมายจะลงมือ ฉินซูรีบดึงนางกลับ “อย่าได้รีบร้อน ซักถามพวกเขาก่อนว่า พวกเขากระทำความผิดมากน้อยเพียงใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากนั้นค่อยตัดหัวพวกเขาก็มิสาย นอกจากนี้เจ้ายังเป็นสตรี เรื่องตัดหัวสุนัขของพวกเขามิจำเป็นต้องให้เจ้าลงมือ มองดูอย่างอุ่นใจก็พอ” “เช่นนั้นก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะไปคุยกับศิษย์พี่รอง” กู้เสวี่ยเจี้ยนเก็บกระบี่แล้วเดินเข้าไปทักทายสวีหลายที่อยู่อีกด้าน ภายใต้คำสั่งของฉินซู เฉินจางและโจวเซินพร้อมด้วยคนอื่น ๆ ถูกนำตัวไปยังศาลาว่าการมณฑลเหลียงโจว โดยมีถานเหวยและขุนนางอีกหลายคนจากหลงเฉิงร่วมดำเนินการสอบสวน ภายในเวลามิถึงครึ่งวัน เหล่าขุนนางกังฉินก็ล้วนสารภาพจนหมดสิ้น หลังจากทราบจำนวนเงินที่พวกเขายักยอก ถานเหวยและคนอื่นถึงกับตกตะลึงอย่างยิ่ง จากนั้นถานเหวยจึงทำการรายงานต่อฉินซู “องค์รัชทายาท พวกเขาสารภาพแล้วว่า หลายปีมานี้เฉินจางได้ทำการยักยอกเงินทั้งหมดเป็นจำนวนมากกว่าสามล้านตำลึง หนึ่งในนั้นเป็นการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหนึ่งล้านตำลึง เงินที่ถูกขโมยไปไว้ในห้องลับของเขามีจำนวนสองล้านหนึ่งแสนสามหมื่นตำลึงและเครื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 436

    เหล่าพ่อค้าข้าวคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นสะท้าน ตัวสั่นไปทั้งตัวราวกับถูกเขย่า เมื่อเห็นเช่นนั้น ตงฟางไป๋ก็เตะพวกเขาล้มลงบนพื้นอีกครั้ง! “เจ้าพวกสารเลว องค์องค์รัชทายาทกำลังตรัสถามพวกเจ้าอยู่ เป็นใบ้กันหมดแล้วหรือไร?” ถูกตงฟางไป๋ตะคอกเช่นนี้ ความกล้าหาญของพวกเขาก็เกือบพังทลายด้วยความกลัว ชายแซ่เฝิงผู้นั้นถามด้วยเสียงสั่นเทาว่า “องค์องค์รัชทายาท พวกเราก็ขายข้าวสามตำลึงหนึ่งต้านแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ขอบังอาจทูลถามว่า พวกเรามีความผิดอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “ใช่แล้วองค์รัชทายาท พวกเราทุกคนล้วนเป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเมื่อคืนนี้ที่จวนใต้เท้าเฉิน ท่านยังทรงชมเชยว่าพวกเราเป็นผู้จิตใจดีงามอยู่เลย” “องค์รัชทายาท เหล่าผู้น้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์โปรดทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” คนอื่น ๆ ที่เหลือพากันแก้ตัว ฉินซูพ่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “หึ ๆ ยังมิยอมรับอีกสินะ? ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้า เรื่องชั่วร้ายที่พวกเจ้าสมคบคิดทำกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าขุนนางชั่วเฉินจางสารภาพจนหมดแล้ว ข้าไต่สวนพวกเจ้าในวันนี้ ก็เพียงเพื่อให้โอกาสพวกเจ้าสารภาพผิดและลดโทษให้เท่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 437

    จากนั้นตงฟางไป๋ก็ให้คนนำตัวพ่อค้าข้าวเหล่านั้นออกไป สองชั่วยามต่อมา ภายใต้การนำของสวีหลาย กลุ่มของสำนักสักการะระบี่ก็ขนข้าวแปดพันต้านรวมถึงเงินหกแสนตำลึงขึ้นเรือล่องแม่น้ำไปทางใต้ เมื่อมองเรือสินค้าที่เต็มไปด้วยเสบียงข้าวและเงินบรรเทาภัยพิบัติแล่นจากไป ถานเหวยก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “หวังว่าพวกเขาจะไปถึงหลิงหนานโดยเร็วที่สุด ผู้คนจะได้อดตายน้อยลง” ฉินซูเหลือบมองถานเหวยอย่างลึกซึ้งพร้อมกับพยักหน้าในใจ ถานเหวยเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและมิเข้าร่วมความขัดแย้งทางการเมืองใด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายในราชสำนักตอนนี้ นับว่าเป็นแหล่งน้ำอันบริสุทธิ์ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ถามอย่างใจเย็นว่า “ใต้เท้าถาน เจ้าในฐานะรองเสนาบดีกรมพระคลัง เจ้าน่าจะรู้เรื่องงานในกรมพระคลังเป็นอย่างดีใช่หรือไม่?” “ถือว่าใช่พ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้ท่านเสนาบดีหลินมิค่อยได้ดูแลกิจการงานกรมพระคลัง ภาระทั้งหมดนี้จึงตกมาที่ตัวข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ” “หลินซีครองตำแหน่งแต่กลับมิทำงาน เจ้ามิเคยพร่ำบ่นเลยหรือ?” ถานเหวยส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวอย่างรู้สึกปลงว่า “ใต้เท้าหลินเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าน้อย การช่วยแบ่งเบาภาร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status